“แดน...ฉะ...ฉัน...ไม่...”
เสียงหวานครางหอบขาดเป็นห้วง ๆ จากความหวั่นหวามรัญจวนเกินจะต้านไหว หญิงสาวสอดปลายนิ้วเรียวเข้าไปในเรือนผมสีน้ำตาลเข้มประกายทองและขยุ้มเบา ๆ ราวส่งสัญญาณเรียกร้องว่าเธอมิอาจปฏิเสธได้อีกต่อไปแล้ว
“อา...อืม...แดนคะ...ฉันต้องการ...ต้องการคุณค่ะ”
อลินทิราละทิ้งความอายและก้มลงมองใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้สาละวนอยู่ใกล้ใจกลางของความเป็นสาว แดเนียลเลื่อนริมฝีปากผ่านหน้าท้องแบนราบลงไปบรรจบกับปลายนิ้วแกร่งซึ่งไล้อยู่บนรอยแยกที่เห็นกลีบบางสีชมพูรำไร
“อ๊ะ...แดน...โอ...พระเจ้า!”
ร่างอรชรนั่งแทบไม่ติดเมื่อชายหนุ่มเริ่มไล้เลียดปลายลิ้นหนาผ่านเส้นใยไหมและแทรกลึกลงไปถึงนิ่มเนื้อสีแดงเข้ม แดเนียลดูดซับทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่หยาดน้ำหวานที่เริ่มหลั่งรินออกมา ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมราวดอกไม้ป่าที่ล่อหมู่ภมรเพื่อดูดชิมความหวานจากหมู่ไม้ที่กำลังสยายกลีบ
ดูเหมือนนักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มไม่อาจหยุดยั้งตัวเองได้เมื่อแทรกปลายลิ้นลึกเข้าไปสลับกับการลิ้มลองเกสรแสนอ่อนไหวจนร่างแน่งน้อยสั่นเทิ้มคล้ายเทียนหลอมละลายด้วยเปลวไฟระอุร้อน เขาล่อหลอกหญิงสาวให้จนมุมและต้องยอมจำนนต่อรสพิศวาสหวานล้ำในที่สุด ร่างสูงเลื่อนริมฝีปากฉ่ำกลับขึ้นมาบนหน้าท้องแบนราบ ดูดดุนสะดือบุ๋มบนแอ่งผิวที่หญิงสาวปั่นป่วนแทบขาดใจ
“ซอนญ่า”
แดเนียลทำให้อลินทิราตื่นเต้นและเลือดสูบฉีดแรงจนแก้มแดงซ่านด้วยการยืดลำตัวในท่าคุกเข่าต่อหน้าหญิงสาวเพื่ออวดความเป็นเขาที่ช่างแข็งแกร่งและน่าปรารถนา
“แดน”
ร่างอรชรครางออกมาแม้รู้สึกขวยเขินทว่าก็ไม่ยอมละสายตาไปจากสิ่งตรงหน้าราวกับจะท้าทาย
“ผมอยากให้คุณสัมผัสผม อย่างเมื่อคืน...ซอนญ่า”
ร่างสูงใหญ่ที่เปล่าเปลือยอวดทุกสัดส่วนอยู่ตรงหน้าเป็นฝ่ายร้องขอด้วยแววตาอาบความปรารถนาเต็มเปี่ยม เขาดูแตกต่างไปจากแดเนียล ไพรซ์ ผู้เยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็ง แก่นกายแกร่งนั้นดึงดูดหญิงสาวให้ขยับเข้าไปค้นหา อลินทิรารวบรวมความกล้าก่อนไล้ปลายนิ้วเพื่อสัมผัสชายหนุ่มเบา ๆ ความไร้เดียงสานั่นเร่งเร้าให้เจ้าของความใหญ่โตรู้สึกร้อนรุ่มไม่ต่างจากอยู่ในกองเพลิง
อลินทิราแทบไม่รู้เลยว่าเมื่อคืนก่อนเธอสัมผัสเขาเช่นนี้ไหม ทว่าตอนนี้หญิงสาวก็ตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ จากปลายนิ้วที่ลูบไล้ไปมาบนความเครียดเกร็งเบา ๆ ก็เปลี่ยนเป็นกอบกุมความยืดหยุ่นที่ห่อหุ้มความแข็งแกร่งราวเหล็กกล้า ร่างสูงใหญ่สีแทนเข้มจัดแขม่วหน้าท้องเป็นลอนแน่นเมื่อสายลับสาวเริ่มสำรวจความเป็นเขาราวกับเธอไม่เคยพบเคยเห็น
“อา...ซอนญ่า...สัมผัสผมอย่างตอนนั้น”
“แดนคะ...ฉันคงทำได้ไม่ดีเท่าไหร่”
“แค่นี้ผมก็แทบคลั่งตายเพราะคุณอยู่แล้ว”
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาไล้นิ้วไปบนปอยผมสีน้ำตาลหม่นทว่าเงางามที่ล้อมกรอบใบหน้าสวยหวาน หญิงสาวช้อนตามองเมื่อร่างสูงเริ่มแอ่นสะโพกให้เธอสัมผัสความแข็งขันนั้นได้ถนัดมือ อลินทิรากอบกุมเขาไว้หลวม ๆ และเลื่อนมือไปมาอย่างระมัดระวัง เธอรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นส่งผ่านออกมาจากทุกอณูบนที่ตรงนั้นด้วยการตอดตุบ ๆ และความเครียดเขม็งที่เพิ่มมากขึ้นทุกที แดเนียลแทบควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นกันเมื่อความชุ่มฉ่ำหลั่งไหลออกมาเปรอะเปื้อนมือหญิงสาว
“แดน”
ร่างอรชรครางเบา ๆ แต่ไม่ยอมปล่อยให้เขาเป็นอิสระ ตรงข้ามกลับเกิดความรู้สึกบางอย่างนั่นคือกระหายได้ครอบครองเทพบุตรผู้หล่อเหลาอย่างลึกล้ำ
“ซอนญ่า...โอ...พระเจ้า...วิเศษเหลือเกิน”
ร่างสูงใหญ่แหงนหงายใบหน้าคร้ามคมพร้อมทั้งหลับตารับสัมผัสรัดรึงจากกลีบปากนุ่มที่ครอบงำความเครียดเกร็งอย่างเต็มใจ หญิงสาวทั้งกอบกุมและไล้เลียราวกับหิวกระหายบนส่วนปลายอ่อนไหวและฉ่ำชื่น เธอปรารถนากลืนกินเขาแม้ไม่ได้ทั้งหมดแต่ก็รับรู้ถึงเพศรสของความเป็นบุรุษในอุ้งปากอย่างเต็มที่ แดเนียลครางครวญ ใบหน้าบิดเบี้ยวราวเจ็บปวดก่อนวางมือหนาไว้บนไหล่บางเพื่อส่งสัญญาณให้หญิงสาวหยุด
“แดน...ทำไมล่ะคะ...ฉันต้องการคุณ”
สายลับสาวมองตามคนตัวใหญ่ที่รีบถอดถอนตัวเองออกจากเรียวปากอิ่ม ดวงตาคู่สวยบอกความเสียดายทว่าเขาก็ไม่ยอมให้เธอทรมานด้วยการทาบทับลงไปอยู่เหนือร่างอ้อนแอ้น
“มันจะเร็วเกินไปถ้าผม...ยังอยู่ในปากของคุณ”
แดเนียลอธิบายเสียงปร่าพร้อมกับแทรกแก่นกายเข้าไปในร่างสาวเพื่อทดแทนความผิดหวัง อลินทิราตวัดแขนเรียวกอดเขาไว้แน่นเฉกเดียวกัน ทั้งก็ไม่เคยเกิดความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน นั่นคือหวงแหนในตัวเขา ผู้ชายที่พยายามบีบเค้นความลับจากเรือนร่างของเธอ
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต