“ซอนญ่า...” อลินทิราหน้างอ เธอไม่ชอบท่าทางวางอำนาจของเขาเลย ให้ตายเถอะ
“ไม่ทราบว่าคุณเป็นเจ้าชีวิตฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงได้ตั้งชื่อฉันตามอำเภอใจแบบนี้”
“ตอนนี้ชีวิตคุณเป็นของผม ซอนญ่า! ถ้าขืนยังคิดจะหนีผมจะส่งคนของผมไปที่บ้านของดาเลีย เฮอเกรล ทันที!”
”คุณว่ายังไงนะคะ แดเนียล!” สายลับสาวถึงกับสะเทือนไปถึงขั้วหัวใจเมื่อคนอยู่หลังพวงมาลัยเอ่ยชื่อนั้นขึ้นมา แดเนียลเหยียดมุมปาก ดูเขาจะพึงพอใจกับอาการตกตื่นของหญิงสาว
“ดาเลีย เฮอเกรล...เธออยู่ที่โมอับ และ ใช่...เธอเป็นแม่บุญธรรมของคุณ”
“คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ไม่เคยมีใครรู้จักแม่ของฉัน”
“มันง่ายจะตายไป ซอนญ่า เรื่องการสืบค้นข้อมูลประชากรในอเมริกาน่ะ เว้นเสียแต่ว่าคุณจะไม่เคยทำบัตรอะไรเลยตั้งแต่เกิด หรือเป็นพวกอพยพข้ามพรมแดนมาจากต่างประเทศ เพราะนอกเหนือจากนี้ผมก็มีข้อมูลทุกอย่างที่ต้องการ อยากรู้ไหมว่าผมรู้อะไรเกี่ยวกับเธอบ้าง อย่างเช่น ดาเลียไม่ได้เป็นชาวเมืองโมอับมาแต่กำเนิด เธอย้ายมาจากนิวเจอร์ซี สามีของเธอเป็นทหารผ่านศึกและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด ดาเลียเป็นหม้ายกระทั่งเธอขอเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจากสถานเด็กกำพร้าในซอลเลกซิตี้มาเลี้ยงดู เด็กผู้หญิงคนนั้นชื่อ...”
“คุณรู้เรื่องของฉันทุกอย่าง!”
อลินทิราแทรกขึ้นมาอย่างเหลืออด หญิงสาวกดเกร็งในช่องท้องแต่แทบไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดของมือทั้งสองที่เสียดสีอยู่กับกุญแจเหล็กซึ่งพันธนาการเธอไว้
“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่...แดเนียล ฆ่าฉันเสีย แต่อย่าทำอะไรแม่ของฉัน”
“นี่คือเกมต่างหาก ซอนญ่า...คุณคงไม่รู้ว่าผมไม่ได้รู้สึกกดดันสักนิดเรื่องที่คุณไม่ยอมคืนชิปให้ ผมคิดว่ามันออกจะท้าทายด้วยซ้ำกับเกมยื้อเวลาแบบนี้ เราต่างก็มีข้อต่อรอง คุณมีชิปของผมไว้แลกกับอิสรภาพที่ผมก็ไม่แน่ใจว่าถึงคุณได้มันไปแล้วแต่จะหนีจากพวกไซออนเนตได้หรือเปล่า ส่วนผมก็มีสิ่งต่อรอง เพียงแต่มันเป็นชีวิตของคนที่คุณรักเอาไว้แลกของของผมคืน!”
ถึงเขาจะไม่หันมองเธอตรง ๆ ทว่าอลินทิราก็เห็นแววอำมหิตฉาดฉายอยู่ในดวงตาบนเสี้ยวหน้าหล่อเหลา แดเนียลเป็นผู้ชายที่หล่ออย่างร้ายกาจทั้งหลักแหลมและเฉียบคมอย่างคาดไม่ถึง หญิงสาวรู้สึกตัวราวกับพลัดหลงเข้าไปในกับดักซึ่งหาทางออกไม่เจอ ร่างบางสูดลมหายใจลึก เธอกำลังพยายามผนึกความรุ่มร้อนเก็บไว้และลั่นประตูตายด้วยความเยือกเย็น แม้รู้ดีว่านี่เป็นเกมอันตรายแต่เธอก็เคยเข้มแข็งมาตลอดไม่ว่าสถานการณ์นั้นจะน่าไหวหวั่นมากแค่ไหนไม่ใช่หรือ
“คุณจะพาฉันไปไหน?” หญิงสาวถามออกไปขณะควบคุมสติไม่ให้แตกซ่าน
“ผมคิดว่าจะหาที่พักสำหรับคืนนี้ จีพีเอสในรถของผมบอกว่าแถวนี้มีโรงแรมอยู่สองสามแห่ง”
ชายหนุ่มกล่าวเสียงเย็นไม่ต่างจากอากาศยามค่ำคืนในหุบเขาขณะเหลือบมองหน้าจอมอนิเตอร์บนคอนโซลด้านหน้าซึ่งแสดงแผนที่บอกเส้นทางในพื้นที่แถบนี้ หยุดพักเช่นนั้นหรือ?...แน่ล่ะ ในเมื่อแดเนียลขับรถตามเธอมาตั้งแต่ซอลเลคซิตี้กระทั่งถึงตอนนี้ที่พระอาทิตย์ตกดินไปนานแล้วเขาก็ย่อมต้องเหนื่อยล้าเป็นธรรมดา อลินทิรานึกอะไรบางอย่างไว้ในใจทว่าก็ทำเหมือนไม่รับรู้คำบอกกล่าวของเขากระนั้น
“โรงแรมนี้ไม่อยู่ในระบบจีพีเอสบอกแผนที่...แต่ผมคิดว่าเราควรพักที่นี่”
แดเนียลตัดสินใจโดยไม่รอฟังความเห็นจากคนข้าง ๆ ก่อนเลี้ยวรถเข้าไปหยุดบริเวณลานกว้างหน้าโรงแรมเล็ก ๆ ขนาดสามชั้นซึ่งมีป้ายบอกชื่อ แคนยอนแลนด์ โฮสต์
“คืนนี้เราจะพักที่นี่ พักในโรงแรมเล็ก ๆ แบบนี้จะได้ไม่เป็นที่สังเกตของใคร พรุ่งนี้ผมจะพาคุณกลับแคลิฟอเนีย...อย่าได้คิดทำอะไรโง่ ๆ อย่างเช่นการหนี เพราะผมจะตามหาคุณจนพบในทุกที่ที่คุณไป”
ร่างสูงใหญ่กล่าวขณะไขกุญแจมือปล่อยให้หญิงสาวเป็นอิสระ อลินทิราเบือนหน้าไปทางอื่นทำให้เธอไม่ทันสังเกตเห็นว่าในชั่วขณะนั้นเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำเผลอพินิจใบหน้าหวานด้วยความรู้สึกบางอย่างที่พุ่งขึ้นมาชั่วแวบ ชายหนุ่มยังแปลกใจตัวเองว่าทำไมถึงต้องมองสายลับสาวทุกครั้งที่มีโอกาส ใช่แค่ความงามดึงดูดสายตาทว่าอลินทิราแตกต่างไปจากผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยพบ แต่แล้วแดเนียลก็ต้องสะกดความคิดตัวเองลง เขาไม่อยากให้ความพึงใจบางอย่างเข้ามามีอำนาจเหนือเป้าหมายอันสำคัญ
“ลงมา” แดเนียลออกคำสั่งห้วน ๆ เมื่อลงจากรถมาเปิดประตูฝั่งสายลับสาวที่มองเขาด้วยแววตากร้าวแข็ง ร่างสูงใหญ่จ้องลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาลแกมเขียวราวกับหินสีสวยที่ทำให้เขาต้องสะกดความหวั่นไหวยามได้มองทุกครั้ง
“ตอนนี้คุณคือ ซอนญ่า ไพรซ์...เราคือคู่สามีภรรยาที่เดินทางมาจากนิวยอร์ค”
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต