“บอกหน่อยสิคะ ว่าคุณจะพาฉันไปไหน และจะลงโทษฉันยังไงถ้าคุณยังไม่ได้ชิปนั่น”
หญิงสาวหรี่นัยน์ตาสีน้ำตาลแกมเขียวขณะช้อนมองราวกับมีบางอย่างคุกรุ่นอยู่ข้างใน ใบหน้าสวยหวานเอียงเข้าหาเขาและเผยอเรียวปากออกอย่างเชื้อเชิญในที แต่แล้วรอยยิ้มเหยียดกลับจุดขึ้นบนใบหน้าคมคาย เขาก้มหน้าลงไปราวจะตอบรับอาการยั่วยวนก่อนกระซิบ
”จะลงโทษคุณแบบไหนน่ะหรือ...มันยังไม่จำเป็นที่ผมต้องบอกคุณตอนนี้ แต่...ผมมีอะไรอยากบอกไว้อย่างว่าคุณควรจะเรียนรู้วิธีการยั่วยวนผู้ชายเสียใหม่ เพราะจูบเมื่อกี๊มันช่างไม่น่าดึงดูดใจเอาเสียเลย!”
“แดเนียล...อ๊ะ!”
อลินทิราไม่ทันได้ตอบโต้ก็ถูกเขากระชากตามไปยังรถเอสยูวีสีดำสนิทซึ่งจอดอยู่ห่างไปไม่ไกล ชายหนุ่มเปิดประตูด้านข้างคนขับก่อนหันมาทำให้สายลับสาวเบิกตาโพลงด้วยการใส่กุญแจมือมือเรียวบางทั้งสองไว้
“แดเนียล...นี่มันอะไรกัน! คุณไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะมาจับฉันใส่กุญแจมืออย่างนี้”
“ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเขาคงไม่ปล่อยให้คุณมายืนเถียงอยู่แบบนี้แน่...ขึ้นรถ!”
บุรุษร่างใหญ่กำยำออกคำสั่งเสียงกร้าวก่อนดันร่างบางที่ยังมีท่าทีฮึดฮัดขึ้นรถและปิดประตูลงดังปัง
อลินทิรามองตามเจ้าของใบหน้าทรงเสน่ห์แต่อันตรายมากกว่าที่เธอคิดพาตัวเองกลับขึ้นมานั่งฝั่งคนขับก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์และพามันพุ่งทะยานออกไปทิ้งรถคาดิลแล็คคันเก่าไว้ในทุ่งทะเลทรายสีแดงท่ามกลางแสงสุดท้ายก่อนโคมทองจะลาลับขอบฟ้า
“บอกผมหน่อยได้ไหม ออโซลย่า...ว่าคุณเข้าไปในห้องปฏิบัติการทดลองไซโคลตรอนได้ยังไง?”
คำถามนั้นดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันยินเพียงเสียงเครื่องยนต์ของรถเอสยูวีที่แล่นไปบนถนนลาดยางในยามค่ำที่สองด้านเห็นทุ่งทรายและเงาของขาหินรูปทรงแปลกประหลาด เขากำลังพาเธอพ้นจากแคนยอนแลนด์และมุ่งไปยังอีกฟากฝั่งของยูทาห์ห่างจากโมอับ อลินทิราหลับตาลงด้วยใจระย่อ...อีกเพียงนิดเดียว แค่เอื้อมเท่านั้นเธอก็จะได้กลับบ้านไปอยู่กับแม่บุญธรรมอย่างที่คิดหวังไว้ แต่เขากลับทำมันพังทลายหมด
แดเนียล ไพรซ์
“ฉันมีวิธีของฉันที่ก็ไม่จำเป็นต้องบอกคุณเหมือนกันค่ะ แดเนียล”
“ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอถามอีกทีว่ามันสนุกมากนักรึไง ทำไมพวกคุณถึงได้ยอมตายกับเรื่องอันตรายพวกนี้”
“พวกเรามีจุดมุ่งหมายต่างหากล่ะคะ!” หญิงสาวตอกกลับเสียงแข็งขณะนั่งคอตั้งและกำหมัดที่ถูกใส่กุญแจบนตักแน่น
“มันเป็นจุดมุ่งหมายที่เราต้องรับผิดชอบ เพราะแม้แต่คุณเองก็ยังต้องมีบรรทัดฐานในการทำงานของคุณ”
“แต่บรรทัดฐานในการทำงานของผมคือการรับผิดชอบต่อชีวิตของคนอื่น เราค้นหาแต่ไม่ได้ล่วงละเมิดสิทธิของใครอย่างที่คุณกำลังทำ”
“ฉันทำตามหน้าที่”
“ซึ่งก็ไม่เคยรู้ว่ามันมีข้อดีหรือจะทำลายใครบ้าง!”
“แต่คุณไม่มีสิทธิ์มาตัดสิน!”
“ผมมีสิทธิ์เต็มที่ในฐานะที่ผมเป็นเจ้าของข้อมูล!”
เอี๊ยด!...เสียงเบรกรถกะทันหันดังขึ้นหลังจากการโต้เถียงสิ้นสุด แดเนียลระงับโทสะไว้ไม่อยู่ หากก็เกิดความตระหนกเล็ก ๆ เมื่อหันไปเห็นศีรษะของคนที่นั่งข้าง ๆ กระแทกเข้ากับคานประตูด้านหน้าจนได้เลือด
“ออโซลย่า” ชายหนุ่มครางออกมาขณะสองมือกำพวงมาลัยไว้แน่น เขาทำเธอได้แผลแต่สายลับสาวกลับไม่ร้องออกมาสักแอะ
“คุณ...”
“ชื่อของฉันคือ อลินทิรา คาฮาน่า!”
หญิงสาวหันขวับกลับมาดวงตาแดงก่ำ ไรผมบนขมับชื้นด้วยรอยโลหิตจากแผลแตก เธอมองเขาด้วยความเจ็บแค้น ตลอดชีวิตของการเป็นสายลับนอกจากนักฆ่าอย่างเฟลรอฟแล้วเธอก็ไม่ปรารถนาจะทำร้ายใครทั้งสิ้น ร่างบอบบางเม้มริมฝีปากก่อนเค้นเสียงพูด
“ฉันชื่อ อลินทิรา เป็นลูกครึ่งไทย เวเนซูเอล่า...ฉันไม่มีครอบครัว และฉันก็เป็นสายลับให้กับไซออนเนต ฉันจารกรรมข้อมูลมานับครั้งไม่ถ้วน ถ้าคุณรู้จักตัวตนของฉันแล้วก็ไม่ควรจะเก็บฉันไว้อีกต่อไป ถ้าจะต้องตายฉันก็จะขอตายในหน้าที่ของฉัน!”
“คุณยังตายไม่ได้หรอก ออโซลย่า” แดเนียลขบกรามนูนเป็นสันก่อนนั่งหลังตรงเพื่อปรับเกียร์รถบนพวงมาลัย นัยน์ตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องไปยังถนนที่ทอดยาวหายไปในความมืดเบื้องหน้า
“ผมจะให้คุณได้ลิ้มรสชาติของการเอาคืน ถ้าคุณหนีไปที่ไหนผมก็จะตามล่าคุณเหมือนเสือที่จะไม่ยอมปล่อยเหยื่อของมัน และนับแต่นี้ไปผมจะเรียกคุณว่า...ซอนญ่า”
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต