เขาพูดก่อนดึงแขนเรียวให้ร่างบอบบางก้าวลงมาจากรถ หญิงสาวยังคงนิ่งเงียบและปล่อยให้ร่างสูงตวัดแขนหนาใหญ่โอบรอบเอวเธอไว้เพื่อแสดงบทบาทอย่างที่เขาว่า
“คุณควรจะกอดผมตอบ ในเมื่อเราเป็นผัวเมียกัน”
“มันก็แค่ละคร ฉันไม่จำเป็นต้องแสดงให้สมบทบาทมากขนาดนั้นหรอกนะคะ”
“ผมสั่งคุณต้องทำ! อย่าลืมสิว่าเราต่างมีสิ่งต่อรองกันทั้งสองฝ่าย”
“คุณไม่ต้องมาขู่ฉันหรอกค่ะ และอย่าคิดว่าฉันจะยอมทำตามคำสั่งของคุณทุกอย่าง”
“คุณเป็นคนของผมแล้ว” เสียงนั้นแน่นหนักพร้อมกับรัดวงแขนจนร่างแน่งน้อยเบียดชิดตัวเขามากกว่าเก่า
“แดเนียล”
“เรียกสามีของคุณว่า แดน...นับแต่นี้จะไม่มีออโซลย่า มีแต่คุณ...ซอนญ่า คุณเป็นคนของผมและต้องทำตามที่ผมสั่งทุกอย่าง!”
ชายหนุ่มสำแดงความต้องการผ่านใบหน้าดุ อากัปกิริยาของเขาทำให้หญิงสาวหน้าแดงไปถึงใบหู เรียวปากอิ่มสั่นระริกด้วยความโกรธ เธอได้แต่กำหมัดแน่นและก้าวตามเขาไปทั้งที่เอวบางยังถูกลำแขนหนาแกร่งรัดไว้จนหายใจแทบไม่ออก
เธอต้องเอาคืนให้ได้ถ้ามีโอกาส...จารชนสาวคิดอยู่ในใจกระทั่งไปถึงล็อบบี้ มันเป็นโรงแรมขนาดเล็กซึ่งภายในตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยโทนสีน้ำตาลอย่างทุ่งทรายด้านนอก ภายในนั้นเงียบเหงามีเพียงพนักงานโรงแรมเป็นผู้หญิงผิวขาวในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์กำลังนั่งจ้องหน้าจอโทรทัศน์เครื่องเล็กด้านข้างอย่างตั้งใจ
“ขอโทษครับ...ไม่ทราบว่ามีห้องว่างให้ผมกับภรรยาพักคืนนี้หรือเปล่าครับ?”
แดเนียลเป็นฝ่ายถามขึ้นซึ่งก็ทำให้พนักสาวที่กำลังเคี้ยวหมากฝรั่งเหลือบมองแขกทั้งสองก่อนหยิบกระดาษและปากกาขึ้นมาอย่างไม่ค่อยตั้งใจ
“ที่นี่ไม่รับบัตรเครดิตนะคะ ไม่ทราบว่าพวกคุณชื่ออะไร?”
“แดเนียล กับ ซอนญ่า ไพรซ์ ครับ”
“ต้องการห้องแบบไหนคะ?”
“แบบเตียงเดี่ยว...และเป็นห้องที่ดีที่สุด” พอเขาบอกพนักงานสาวก็ยักไหล่พร้อมพูดทั้งที่ยังเคี้ยวหมากฝรั่งหมุบ ๆ
“ที่นี่ก็มีห้องที่ดีที่สุดค่ะ แต่อาจเทียบไม่ได้กับโรงแรมฮิลตัน”
“ห้องที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคนคือห้องที่นอนสบายครับ”
ร่างสูงใหญ่กล่าวแล้วหันไปส่งสายตาให้หญิงสาวในอ้อมแขนหวานฉ่ำ พนักงานโรงแรมกลอกตาไปมาเหมือนรู้ทันก่อนหยิบกุญแจยื่นให้
“ห้องอยู่ชั้นบนสุด ตามหมายเลขนั่นล่ะค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“อ้อ!” พนักงานคนเดิมเรียกหนุ่มสาวทั้งสองที่กำลังจะเดินออกไปอีกครั้ง
“ที่นี่ไม่มีลิฟท์หรอกนะคะ...แต่เรามีอ่างจากุชชี่ที่ใหญ่พอสำหรับสองคน”
ไม่มีคำตอบนอกจากรอยยิ้มน่าหลงใหลบนใบหน้าคร้ามเข้ม แดเนียลโอบร่างบอบบางไปจนกระทั่งถึงห้องพัก
“แดน...ปล่อยฉันได้แล้วนะคะ พนักงานโรงแรมคงเชื่อแล้วล่ะค่ะว่าเราเป็นคู่สามีภรรยากันจริง ๆ !”
บทที่ 3
หลุมพรางเสน่หา
พออลินทิราท้วงขึ้นแดเนียลก็ยอมคลายวงแขนที่โอบรอบเอวบางแต่โดยดีทว่าชายหนุ่มกลับทำให้หญิงสาวแทบหยุดหายใจเมื่อเขาถอดเสื้อยืดโยนไว้บนเก้าอี้บุหนังตัวใหญ่ภายในห้องที่ไม่กว้างนักและมองเห็นทิวทัศน์ของแนวเขารูปร่างแปลกตามืดทะมึนอยู่เบื้องนอก
“แดน...คุณจะทำอะไร” เธอถามเขาแต่กลับได้รับคำตอบเป็นกุญแจซึ่งถูกคล้องไว้บนข้อมือข้างหนึ่งก่อนที่อีกข้างจะถูกคล้องบนข้อมือของเขา
“แดน...คุณมันบ้า!” สายลับสาวก่นว่าชายหนุ่มหน้าแดงก่ำในขณะที่อีกฝ่ายซึ่งท่อนบนเปลือยหน้าอกเต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแกร่งและลอนหน้าท้องตึงแน่นยักไหล่เบา ๆ ราวกับไม่ยี่หระ
“ขอโทษที คุณผู้หญิง...ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ก็ไม่แน่ว่าคุณจะยังคิดหนีอีกไหม บอกตามตรงว่าผมไม่ไว้ใจพวกสายลับอย่างคุณ”
”ฉันไม่ใช่ทาสของคุณนะแดน ถึงได้ต้องล่ามฉันไว้แบบนี้”
“คุณไม่ใช่ทาสของผมหรอก ซอนญ่า แต่ก็คงคิดตลอดเวลาว่าจะหนียังไง”
“คุณคงบ้าไปแล้ว! ถ้าใส่กุญแจมือติดกับตัวคุณอย่างนี้ฉันจะอาบน้ำได้ยังไง?”
“เราก็ไปอาบพร้อมกัน ตอนนี้”
“ไปอาบคนเดียวเถอะ...อุ๊ย!” อลินทิราร้องออกมาเพราะถูกร่างสูงใหญ่ยึดข้อมือให้เธอเดินตามเข้าไปในห้องน้ำ ที่นี่ไม่หรูหราซึ่งก็สมราคาของโรงแรมเล็ก ๆ ห้องน้ำนั้นมีอ่างจากุชชี่อย่างที่พนักงานสาวที่ล็อบบี้บอกไว้ อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีม่านพลาสติกซึ่งแดเนียลไม่คิดจะดึงมันออกแต่เขากลับตั้งหน้าปลดกางเกงยีนส์ออกจากตัวก่อนก่อนพาดมันไว้บนราวเหล็ก สายลับสาวอยากจะกรีดร้องดัง ๆ กับความดิบห่ามและไม่เคยสนใจอะไรเลยแม้แต่กับเธอที่เพิ่งพบกันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า ร่างแน่งน้อยไม่ยอมหันไปมองนอกจากฟังเสียงเขาเปิดก๊อกน้ำซึ่งก็ใช้เวลาพักใหญ่ก่อนร่างสูงจะหย่อนตัวลงไปแช่ในอ่างจากุชชี่ที่มีน้ำปริ่มเต็ม อลินทิราจำต้องนั่งหันหลังให้บนขอบอ่างแม้รู้สึกถึงความชื้นที่บั้นท้ายเพราะน้ำกระฉอกมาโดนกระโปรงจนเปียกเป็นวงกว้าง ดวงตาคู่สวยเหลือบดูกางเกงยีนส์และบอกเซอร์ของแดเนียล บ้าจริง! นี่เขากำลังเปลือยกายอยู่ในอ่างและคงนอนแช่อย่างสบายใจในเวลาที่เธอผะอืดผะอมเหลือที่
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต