บทที่ 3 เพื่อนที่หวังดี
“เจ้าไม่ต้องฝืนหรอก ถ้ามีเรื่องอัดอั้นอยู่ในใจ ก็บอกข้าเถอะ”
หยางมี่มองมือที่อบอุ่นของเพื่อนสนิท ก่อนที่ความรู้สึกทั้งหมดจะทะลักออกมาพร้อมกับเสียงกระซิบแผ่วเบา
“ข้าเหนื่อยเหลือเกิน เว่ยเว่ย” น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่นบนหลังมือของหยางมี่ นางรีบยกมือขึ้นเช็ดออกอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่าใครจะเห็นความอ่อนแอของตน
เจียงซีเว่ยไม่พูดอะไร เพียงแค่กุมมือนางไว้แน่นขึ้น รอให้นางได้ระบายความรู้สึกที่เก็บไว้ออกมา
“ข้าคิดว่าหากข้าทำดีมากพอ หากข้าอดทนพอ เขาจะมองเห็นข้า… จะรักข้า… แต่สุดท้ายแล้ว ข้าก็ยังเป็นแค่เงาในชีวิตของเขา เป็นเพียงภรรยาที่ถูกทอดทิ้ง”
เสียงของหยางมี่สั่นเครือ นางเงยหน้าขึ้นสบตาเจียงซีเว่ย แววตาของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“ข้าเหนื่อยกับการพยายาม… เหนื่อยกับการต้องทนรับสายตาเย็นชาของเขาทุกวัน เหนื่อยที่ต้องพยายามทำให้แม่สามียอมรับ ทั้งที่ข้าไม่เคยดีพอในสายตาของนาง ข้าอยากปล่อยมือเสียที ข้าไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว…”
สิ้นคำพูดนั้น เจียงซีเว่ยก็ลุกขึ้นมาโอบกอดนางไว้ หยางมี่ที่พยายามเข้มแข็งมาตลอด ในที่สุดก็ปล่อยโฮออกมา นางปล่อยให้น้ำตาไหลอย่างไม่ต้องเก็บกลั้นอีกต่อไป
“มี่เอ๋อร์ เจ้าไม่จำเป็นต้องทนกับสิ่งที่ทำให้เจ้าต้องเจ็บปวด หากเจ้าคิดจะเดินออกมา ข้าจะอยู่ข้างเจ้าเสมอ”
เจียงซีเว่ยหลับตาลงครู่หนึ่ง มือที่ลูบหลังหยางมี่เบา ๆ นั้นสั่นไหว นางไม่อาจบรรยายความรู้สึกในใจออกมาเป็นคำพูดได้ เพราะลึกลงไป นางรู้ดีว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะการมีอยู่ของนางเอง
‘ถ้าเป็นหยางมี่ที่แต่งกับอี้หยางเฉิงตามนิยายต้นฉบับ นางคงไม่ต้องทุกข์ใจเช่นนี้’
ในนิยายที่นางเคยอ่าน จางกุนเหยาเป็นบุรุษที่รักหยางมี่สุดหัวใจ ยอมทำทุกอย่างเพียงเพื่อให้นางมีความสุข แม้กระทั่งทนมองนางแต่งงานกับบุรุษอื่น แต่ตอนนี้… เว่ยเว่ยเป็นผู้ที่ได้รับความรักจากอี้หยางเฉิงแทน ส่วนจางกุนเหยาที่ควรจะรักหยางมี่จนหมดหัวใจ กลับกลายเป็นบุรุษที่ทอดทิ้งนาง
‘ทำไมถึงเป็นเช่นนี้’
เจียงซีเว่ยเม้มริมฝีปากแน่น หากเรื่องราวผิดเพี้ยนเพราะการมีอยู่ของนาง เช่นนั้นนางควรจะทำสิ่งใดเพื่อหยางมี่
“มี่เอ๋อร์…”
นางเรียกชื่อหยางมี่เบา ๆ หญิงสาวในอ้อมกอดยังสะอื้น แม้เสียงร้องไห้จะเบาลงแล้ว แต่ไหล่ของนางยังคงสั่นไหว
เจียงซีเว่ยตัดสินใจแน่วแน่ ไม่ว่าสิ่งที่นางทำลงไปจะผิดแผกจากเส้นทางเดิมเพียงใด นางจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือหยางมี่ หยางมี่เป็นเพื่อนของนาง เป็นผู้ที่ควรได้รับความสุข ไม่ใช่ความเจ็บปวดเช่นนี้
“มี่เอ๋อร์ เจ้าฟังข้านะ…”
หยางมี่เงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางยังคงแดงก่ำ เจียงซีเว่ยยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้นาง พลางพูด
“เจ้ามีสิทธิ์เลือก…”
ใช่หรือ นางมีสิทธิ์เลือกจริง ๆ หรือ
ตั้งแต่แต่งเข้าจวนมา นางพยายามอย่างที่สุดเพื่อเป็นภรรยาที่ดี พยายามเอาใจใส่สามี ดูแลครอบครัวของเขา แม้กระทั่งอดทนต่อสายตาดูถูกของแม่สามี เพียงเพราะยังไม่ตั้งครรภ์ นางพยายามมาตลอด… แล้วสิ่งที่ได้รับกลับมาคืออะไร
สามีที่เริ่มห่างเหิน… แม่สามีที่บีบคั้น…
เพียงแค่หนึ่งปี พวกเขากลับปฏิบัติกับนางเช่นนี้ ราวกับนางเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในตระกูล มีเพียงหน้าที่ตั้งครรภ์มีทายาทสืบสกุล
“พวกเขาช่างไม่มีความเมตตาเสียเลย” เจียงซีเว่ยขมวดคิ้ว ปีเดียวก็มาตัดสินกันแล้วหรือ ใจแคบ
คำพูดของเจียงซีเว่ยแทงเข้าไปกลางใจ ใช่… นางอดทนมามากพอแล้ว มิใช่ว่านางไม่พยายาม นางพยายามจนแทบหมดสิ้นทุกอย่างในตัวเอง แต่ความพยายามนั้นกลับไม่เคยมีค่าพอในสายตาผู้คนเหล่านั้น
“ไม่ท้องก็ไม่ท้องสิ! ทำไมต้องเป็นความผิดของเจ้าฝ่ายเดียว” เรื่องท้อง ไม่ท้อง มันกำหนดได้เสียที่ไหน ปัจจัยร้อยแปดพันเก้าทั้งฝ่ายหญิงฝ่ายชาย แล้วยิ่งกดดันให้มี เผลอ ๆ เครียดมาก ๆ ก็เลยพาลมีไม่ได้เสียอย่างนั้น
หยางมี่ขบริมฝีปาก
“หากมีปัญหาก็ไปโทษลูกชายตัวเองสิ! เหตุใดต้องมาลงที่ฝ่ายหญิง” เจียงซีเว่ยว่าต่อ นางมาจากยุคปัจจุบัน ต่างจากหยางมี่ที่ถูกอบรบมาในยุคโบราณ หน้าที่จารีตสตรีที่ต้องปฎิบัติถูกฝังเข้าหัวตั้งแต่จำความได้
“ใช่!” โทษนางฝ่ายเดียวได้เช่นไร นางไม่เคยพูดอะไรเช่นนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่หยางมี่ปล่อยให้ความรู้สึกภายในทะลักออกมา นางเหลือบมองเจียงซีเว่ยที่มองกลับมาด้วยแววตาอ่อนโยนและเข้าใจ
“เว่ยเว่ย ข้าควรทำเช่นไรดี” หยางมี่ถามออกไปราวกับเด็กน้อยหลงทาง
“เจ้าต้องถามตัวเองว่าต้องการอะไร เริ่มจากรักตัวเองให้เป็น” เจียงซีเว่ยยิ้มด้วยสายตาอ่อนโยน “หากเจ้าจะทนต่อไป ข้าจะอยู่ข้างเจ้า แต่หากเจ้าเลือกจะไป ข้าก็จะช่วยเจ้าเช่นกัน ไม่ว่าทางใดเจ้าจะมีข้าเสมอ”
“สตรีที่หย่าร้างก็เหมือนคนที่ตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง นอกจากจะกลับบ้านเดิมก็ไม่ได้ ยังถูกคนดูแคลน อีกทั้งสินเดิมของข้าเจ้าก็รู้”
บิดานางแทบไม่ให้อะไรนางติดตัวมาเลย ส่งขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวแล้วสาดน้ำหน้าจวนต่อหน้าผู้คนในวันแต่งของนางด้วยซ้ำ
“เจ้าจะหย่าหรือ” นี่หยางมี่คิดไปถึงเรื่องหย่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ อีกฝ่ายส่ายหน้า
“ข้าแค่คิดถึงจุดที่เลวร้ายที่สุดต่างหาก อย่างไรข้าก็ต้องทำหน้าที่ภรรยาที่ดี เชื่อฟังสามีและพ่อแม่สามี”
“ทั้ง ๆ ที่คนเหล่านั้นไม่ดีกับเจ้า มี่เอ๋อร์ฟังข้านะ บุรุษคือคนหนึ่งคน สตรีก็เป็นคนเช่นเดียวกัน อะไรที่จางกุนเหยาทำได้ เจ้าก็ทำได้”
ดวงตากลมไหวระริก แม้จะไม่เข้าใจคำของเว่ยเว่ยมากนัก แต่มันหมายความว่านางไม่ต้องทนก็ได้งั้นหรือ
“ข้ากลัว”
“ไม่มีอะไรต้องกลัวเลย ข้าอยู่ตรงนี้เสมอถ้าเจ้าต้องการ”
หยางมี่ซบหน้ากับบ่าของเว่ยเว่ย สะอื้นไห้ราวกับเด็กที่อัดอั้นมานาน นางเคยคิดว่าตนเองต้องแบกรับทุกอย่างไว้เพียงลำพัง แต่ในเวลานี้ นางรู้แล้วว่าอย่างน้อย… นางยังมีเพื่อนที่คอยอยู่ข้าง ๆ
บทที่ 31 วสันต์อบอุ่นอย่างที่เป็นเสียงกลองและฆ้องดังแว่วมาแต่ไกล บรรยากาศในจวนตระกูลจางวันนี้คึกคักกว่าปกติไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเพราะวันนี้เป็นวันที่ ฮูหยินใหญ่ตระกูลจาง หรือ มารดาของจางกุนเหยา จะเดินทางมาเยี่ยมหลานคนแรกของตระกูลหยางมี่มองบรรยากาศครึกครื้นแล้วก็อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้…ตั้งแต่นางกับสามีกลับมาอยู่ด้วยกันในจวนหลังใหม่ นี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้พบหน้ามารดาของสามีขบวนรถม้าจอดลงหน้าจวน หญิงสูงวัยในชุดแพรพรรณสีม่วงอ่อนก้าวลงจากรถด้วยความสง่างาม ใบหน้ายิ้มเบิกบานบ่าวไพร่ออกมาต้อนรับหยางมี่ยืนอยู่หน้าประตูเรือนพร้อมจางกุนเหยา เมื่อเห็นบุคคลตรงหน้า นางรีบค้อมกายทำความเคารพทันที“คารวะท่านแม่”“ท่านแม่” จางกุนเหยาเอ่ยเรียกเสียงนุ่มจางหลันกวาดตามองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างบุตรชาย ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย“ลุกขึ้นเถิด” นางกล่าวเสียงเรียบ “ข้าอยากไปพบหลานก่อน” กว่าจะได้มาก็วันที่หลานคลอดแล้ว ระหว่างนั้นบุตรชายของนางห้ามไม่ให้นางมายุ่งวุ่นวายเกรงจะกระทบใจคนท้อง เพื่อหลานจางหลันยอมเมื่อมาถึงห้องนอนของหยางมี่ บ่าวไพร่นำทารกน้อยออกมาให้ฮูหยินใหญ่ได้เห็นนางมองใบหน้าของเด็กทารกที่หลับป
บทที่ 30 ครอบครัวของเรา หลังจากการตั้งครรภ์ดำเนินไปอย่างราบรื่น ช่วงเวลาที่หยางมี่และจางกุนเหยารอคอยก็มาถึง วันหนึ่งหยางมี่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ร่างกายนางไม่คุ้นเคย หัวใจของนางเต้นแรง เมื่อรู้ว่าเวลาที่จะได้พบกับทารกน้อยมาถึงแล้วตลอดช่วงเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ จางกุนเหยาทุ่มเทดูแลนางอย่างดีที่สุด แม้ว่าจะต้องรับผิดชอบภาระหน้าที่มากมาย แต่เขาก็จัดเตรียมทุกสิ่งให้นางด้วยมือของตนเอง คอยหาหมอที่ดีที่สุด คอยดูแลไม่ให้ขาดตกบกพร่อง นางคือหัวใจของเขา และลูกในครรภ์ก็คือสมบัติล้ำค่าที่พวกเขาสร้างขึ้นมาด้วยกันในเช้าวันหนึ่ง อากาศเย็นสบาย ท้องฟ้าแจ่มใส หยางมี่รู้สึกถึงอาการเจ็บท้องที่ค่อย ๆ ทวีขึ้น นางกัดริมฝีปากแน่น มือกำผ้าห่มแน่นเพื่อบรรเทาความเจ็บ ขณะเดียวกัน จางกุนเหยาสั่งให้สาวใช้เร่งไปตามหมอ“ท่านอยู่กับข้าใช่หรือไม่” นางถามเสียงแผ่ว ดวงตาฉายแววหวาดหวั่นจางกุนเหยาจับมือนางไว้แน่น ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “ข้าอยู่ที่นี่กับเจ้า… ตลอดเวลา”เสียงร้องของทารกดังก้องไปทั่วห้องคลอด ในที่สุด ชีวิตน้อย ๆ ที่พวกเขารอคอยก็ลืมตาขึ้นมาดูโลก หยางมี่รู้สึกถึงความสุขที่เอ่อล้นจนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู
บทที่ 29 ให้โอกาสหัวใจ วันเวลาผ่านไป ชีวิตในจวนใหม่เริ่มเข้าสู่ความสงบอย่างที่หยางมี่ไม่เคยคาดคิด แม้จะยังคงมีบางช่วงเวลาที่ความรู้สึกสับสนกลับมาเยือน แต่นางก็เลือกที่จะเดินหน้าและไม่ย่ำอยู่กับที่ ทุกอย่างในชีวิตเริ่มดีขึ้นทีละนิด และการเปลี่ยนแปลงของนางเริ่มเห็นผลจางกุนเหยาพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ทำให้นางผิดหวัง เขาทำงานหนักเพื่อปกป้องความสัมพันธ์ของพวกเขา และคอยให้ความสำคัญกับความรู้สึกของหยางมี่มากขึ้น แม้ว่านางจะยังคงยืนหยัดในท่าทีที่มั่นคงและเต็มไปด้วยความระมัดระวังขณะที่หยางมี่กำลังอ่านหนังสืออยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง จางกุนเหยาก็เข้ามานั่งข้าง ๆ เขายิ้มให้กับนางอย่างอบอุ่น“มี่เอ๋อร์ ข้าคิดว่า… เราควรจะไปเที่ยวด้วยกันบ้าง” เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่หวานขึ้นหยางมี่มองเขาเงียบ ๆ สักพัก ก่อนจะตอบด้วยเสียงเรียบ “ท่านคิดว่าเราจะได้อะไรจากการไปเที่ยว”จางกุนเหยามองนางด้วยแววตาที่จริงจัง “ข้าคิดว่ามันจะทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น และข้าก็อยากให้เรามีเวลาร่วมกันที่ไม่มีสิ่งใดมาขวาง”หยางมี่ครุ่นคิดเงียบ ๆ นาน ก่อนจะตอบกลับอย่างใจเย็น “หากมันจะทำให้ท่านมีความสุข ข้าก็ยินดี”นางไม่พูดอะ
บทที่ 28 อารมณ์แปรปรวนหยางมี่นั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ของจวนใหม่ สายตาของนางจ้องมองไปที่งานบางอย่างที่กำลังดำเนินไปในบ้าน แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความสงสัยและความไม่แน่ใจ แม้จะรู้สึกว่าเขาทุ่มเทมากมายเพื่อพิสูจน์ตัวเอง แต่ยังคงมีบางสิ่งในใจที่ไม่สามารถปล่อยวางได้จางกุนเหยาเดินเข้ามาในห้อง ท่าทางเคร่งขรึมและเต็มไปด้วยความกังวล เขาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ หยางมี่ มองดูนางที่ยืนนิ่งอย่างคิดอะไรบางอย่าง“มี่เอ๋อร์…” เขาเรียกชื่อนางด้วยเสียงอ่อนโยน แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามีความวิตกกังวลในน้ำเสียงหยางมี่หันกลับไปมองเขา ดวงตาของนางปรากฏความเย็นชาเล็กน้อย แต่กลับแฝงไปด้วยความมั่นคงที่ไม่เคยมีมาก่อน “ท่านยังจำสิ่งที่ข้าพูดได้หรือไม่”จางกุนเหยาเลิกคิ้ว แต่ก็เข้าใจในคำถามของนาง “เจ้าหมายถึงอะไร”“ข้าเคยบอกกับท่านแล้วว่า หากท่านทำผิดอีกครั้ง ข้าจะจากท่านไปตลอดกาล ข้าไม่ต้องการพึ่งพาท่านอีก” เสียงของหยางมี่หนักแน่นและมั่นคง นางมองเขาด้วยแววตาที่ไม่หวั่นไหวจางกุนเหยาสะท้านไปกับคำพูดนั้น ถึงแม้จะรู้ดีว่าเขาได้ทุ่มเททุกสิ่งเพื่อนาง แต่สิ่งที่นางพูดออกมาในวันนี้กลับทำให้เขาเห็นว่า นางไม่ยอมรับการทำผิดพลาดใดๆ อี
บทที่ 27 บ้านของเราหลังจากที่หยางมี่ตัดสินใจให้โอกาสกับความสัมพันธ์ของตนและจางกุนเหยาอีกครั้ง ทุกอย่างดูเหมือนจะเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่แตกต่างไปคือความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในตัวทั้งคู่จางกุนเหยาพยายามพิสูจน์ตัวเองด้วยการทุ่มเทเต็มที่ในการสร้างจวนใหม่ให้กับหยางมี่ เขาให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนของการก่อสร้าง และเลือกแต่สิ่งที่ดีที่สุดเพื่อภรรยา แม้จะมีความยากลำบากจากการต่อต้านของครอบครัวและความเครียดจากหน้าที่ แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดหยางมี่เองก็คอยสนับสนุนการตัดสินใจของเขา แม้จะมีคำถามในใจ แต่การที่เขากล้าที่จะทิ้งทุกอย่างเพื่อนาง ทำให้นางเริ่มมองเห็นความพยายามที่เขาทำทุกคืนหลังจากการทำงาน นางจะไปเยี่ยมเขาที่จวนใหม่ บางครั้งก็ช่วยดูงานบางส่วน บางครั้งก็แค่ไปนั่งข้าง ๆ และให้กำลังใจ“ทำไมถึงต้องเหนื่อยขนาดนี้” หยางมี่ถามในวันหนึ่ง ขณะที่เห็นเขาก้มหน้าก้มตาทำงานหนักจางกุนเหยาหยุดมือจากการทำงานและมองไปที่นาง “ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกปลอดภัย ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้เราเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน”หยางมี่มองเขา น้ำตาคลอเบ้าอย่างไม่รู้ตัว นางไม่คิดว่าจะได้รับคำพูดนี้จากเขาในวันที่เขาพูดจะไปแต่งอนุ แต่
บทที่ 26 สร้างจวนใหม่ ทางด้านจางกุนเหยา หลังจากประกาศเรื่องแยกจวนออกไป เขาก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลจากมารดาของตน“เจ้าคิดจะทำให้ข้าอับอายไปถึงไหน!” จางฮูหยินตวาดเสียงดัง “เจ้าย้ายออกไปก็เท่ากับประกาศให้คนทั้งเมืองรู้ว่าเจ้าเลือกนางแทนที่จะเลือกครอบครัว!”“ท่านแม่ ข้าตัดสินใจแล้ว” จางกุนเหยากล่าวเสียงหนักแน่น “ข้าไม่ได้ทอดทิ้งครอบครัว แต่ข้าเลือกที่จะใช้ชีวิตของข้าตามที่ควรจะเป็น”“แล้วชีวิตของข้าเล่า! ข้าอุตส่าห์อบรมเจ้าให้เติบโต แต่เจ้ากลับมาสละทุกอย่างเพื่อนาง”“ข้าไม่ได้สละทุกอย่าง” เขาตอบ “แต่ข้าจะไม่ยอมให้ท่านมายุ่งกับชีวิตคู่ของข้าอีกต่อไป”จางฮูหยินโกรธจัด นางมองบุตรชายที่เคยเชื่อฟังมาตลอดอย่างผิดหวัง แต่ครั้งนี้จางกุนเหยาไม่คิดจะถอยอีกแล้วไม่กี่วันต่อมา หยางมี่ได้รับข่าวว่าเขาได้ซื้อที่ดินสำหรับสร้างจวนใหม่แล้วจริง ๆนางมองแผ่นกระดาษในมือที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับที่ดินและการก่อสร้าง หัวใจพลันสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก“เขากำลังทำจริง ๆ หรือ…” นางกระซิบกับตัวเองเบา ๆจางกุนเหยากำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาพร้อมจะทิ้งทุกอย่างเพื่อนางจริงหรือหากเป็นเช่นนั้น นางจะยังมีเหตุผลอะไรให้ลั