บทที่ 2 อิจฉา
หยางมี่ส่งยิ้มบางให้กับเจียงซีเว่ย หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าถูกสามีประคองไว้อย่างทะนุถนอม แม้ว่าหน้าท้องของนางจะยื่นออกมาเพียงเล็กน้อย แต่บุรุษข้างกายกลับดูแลนางราวกับเป็นสิ่งล้ำค่า
“ไม่เห็นจำเป็นต้องเดินออกมารับเลย” หยางมี่เอ่ยขึ้นพลางก้าวเข้าไปใกล้คนทั้งสอง
เว่ยเว่ยหัวเราะเบา ๆ “ข้าอยากออกมาพบเจ้าเอง อีกอย่าง ข้าไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดเดินออกมาทักทายสหายไม่ได้เสียหน่อย” นางเอ่ยติดตลก แต่สามีของนางกลับมองด้วยสายตาเป็นห่วง
“เจ้าต้องระวังตัวให้มากกว่านี้ เว่ยเอ๋อร์” ชายหนุ่มข้างกายกล่าวเตือนเสียงอ่อน ก่อนจะค่อย ๆ พานางเดินเข้าไปในเรือนด้วยกัน
หยางมี่มองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่บีบรัดเล็กน้อย นางเคยคิดว่าวันหนึ่งสามีของนางจะประคองนางเช่นนี้ ปกป้องและดูแลนางด้วยความรักมั่นคง แต่นั่นเป็นเพียงภาพฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง
“เจ้าเดินทางมาเหนื่อย ๆ เข้ามานั่งพักก่อนเถิด” เว่ยเว่ยเอ่ยพลางเชื้อเชิญ
หยางมี่พยักหน้า ก่อนจะก้าวเข้าไปด้านใน
บรรยากาศในเรือนของเจียงซีเว่ยอบอุ่น นางมองไปรอบ ๆ พลางอดเปรียบเทียบกับเรือนของตนเองไม่ได้ เรือนของนางช่างเงียบเหงา ไร้ซึ่งเสียงหัวเราะของสามีภรรยาเหมือนที่นี่
“สบายดีหรือไม่ อาการแพ้ท้องทุเลาลงไหม” หยางมี่กล่าวเสียงนุ่ม หลังจากนั่งลงและจิบชาอุ่น ๆ ที่สาวใช้ยกมา ช่วยคลายความหนาวได้ดี แม้จะเป็นฤดูใบไม้ผลิ แต่ก็เป็นท้ายฤดูแล้ว วันนี้นางไม่ได้ใช้รถม้าแต่เดินเท้ามาเพราะอยากมีเวลาคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
เจียงซีเว่ยพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ค่อยเท่าไร ข้าสบายดีออกจะอึดอัดเสียมากกว่า มีคนเดินประกบข้าแทบจะตลอดเวลา แล้วเจ้าล่ะเป็นเช่นไร หากมีเรื่องใดที่ต้องการให้ข้าช่วย บอกข้าได้เสมอ”
หยางมี่มองสหายสนิทของตน นางรู้ดีว่าเจียงซีเว่ยปรารถนาดีต่อนางเพียงใด แต่บางเรื่องก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ
“ข้าเพียงมาทักทายเจ้าเท่านั้น ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น” นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม เว่ยเว่ยยิ้มตอบแต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย ตั้งแต่หยางมี่แต่งงานกับจางกุนเหยา นางก็สบายใจที่ไม่ได้ทำให้นางเอกของนิยายต้นฉบับไม่มีความสุข ในช่วงแรก ๆ แววตาหยางมี่มีแต่ความสุข แต่ในวันนี้กลับเศร้าหมองอย่างน่าประหลาด
“ข้าทำไก่ตุ๋นที่เจ้าบ่นว่าอยากกินมาฝาก”
หยางมี่กล่าวพร้อมกับส่งผ้าห่อหม้อตุ๋นให้เจียงซีเว่ย นางพยายามยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเช่นทุกครั้ง แม้ว่าหัวใจของนางจะรู้สึกหนักอึ้งก็ตาม
อี้หยางเฉิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันไปสั่งสาวใช้ทันที
“รีบตั้งสำรับ ฮูหยินจะได้ทานข้าวมื้อนี้อย่างอิ่มหนำ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดเย้าเล็กน้อย เว่ยเอ๋อร์ของเขาแพ้ท้องหนักมาก แม้จะไม่อาเจียนอาหารที่ทานเข้าไป แต่ก็ทานได้น้อย วันนี้นางคงเจริญอาหาร
ไม่นาน อาหารถูกจัดขึ้นบนโต๊ะอย่างเรียบร้อย หยางมี่นั่งลงร่วมโต๊ะกับทั้งสอง นางจ้องมองเจียงซีเว่ยที่กำลังตั้งครรภ์อย่างสุขสม ขณะที่สามีของนางดูแลภรรยาของตนด้วยความรัก
แม่ทัพหนุ่มไม่แม้แต่จะปล่อยให้ถ้วยของภรรยาตัวเองว่างเปล่า เมื่อเห็นว่าน้ำแกงพร่องลง เขาก็ตักไก่ตุ๋นเติมให้ไม่ขาดสาย
หยางมี่เผลอจ้องมองภาพนั้นด้วยสายตาหม่นหมอง ก่อนจะรู้ตัวและรีบก้มหน้าจัดการกับอาหารตรงหน้าของตนเอง ทว่าความรู้สึกอ้างว้างกลับตีตื้นขึ้นมาในอก
ครั้งหนึ่ง นางก็เคยหวังว่าจะได้รับการดูแลเช่นนี้ แต่ความหวังนั้นกลับกลายเป็นเพียงภาพเลือนรางที่ไม่มีวันเป็นจริง ไม่ปิดบังว่านางอิจฉาเจียงซีเว่ยเหลือเกินที่หลังแต่งงานแล้วก็ตั้งครรภ์ สามีดูแลเอาอกเอาใจเป็นอย่างดีต่างจากนาง
แม้ว่าหยางมี่จะพยายามซ่อนความรู้สึก เจียงซีเว่ยก็ยังคงรับรู้ได้ ทว่าหญิงสาวไม่พูดอะไร เพียงแค่ส่งยิ้มอ่อนโยนให้ ราวกับอยากให้มื้อนี้ผ่านไปอย่างสงบ
อี้หยางเฉิงเองก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับความเงียบของหยางมี่ เขาตั้งใจรอจนภรรยาของเขาทานอาหารอิ่มเสียก่อน ค่อยปล่อยให้หญิงสาวทั้งสองคุยกันตามลำพัง เพราะหากเขายังอยู่หยางมี่คงมิเปิดปากระบายสิ่งที่อยู่ในใจ
เขารู้ดีว่าหยางมี่ต้องการพูดอะไรบางอย่าง และเขาเองก็เข้าใจความรู้สึกของนางดี แต่สำหรับเขาแล้ว ในเวลานี้ คนที่สำคัญที่สุดคือเว่ยเอ๋อร์ของเขา
เมื่อแน่ใจว่าภรรยาอิ่มแล้วจึงกล่าวเสียงเรียบ
“ข้าจะออกไปตรวจตรารอบ ๆ จวน เจ้าสองคนคุยกันเถอะ”
เมื่อบุรุษออกไปแล้ว ความเงียบก็เข้าปกคลุมระหว่างสองสตรี หยางมี่ไล้นิ้วไปตามขอบถ้วยชาอย่างใจลอย เว่ยเว่ยมองเพื่อนสนิทของตนแล้วจึงเอ่ยขึ้นเบา ๆ
“มี่เอ๋อร์… เจ้าสบายดีจริง ๆ หรือไม่”
หยางมี่ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบาง “ข้าสบายดี”
แต่เจียงซีเว่ยรู้ดีว่ามันไม่ใช่ความจริง นางถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือของหยางมี่ไว้
บทที่ 31 วสันต์อบอุ่นอย่างที่เป็นเสียงกลองและฆ้องดังแว่วมาแต่ไกล บรรยากาศในจวนตระกูลจางวันนี้คึกคักกว่าปกติไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเพราะวันนี้เป็นวันที่ ฮูหยินใหญ่ตระกูลจาง หรือ มารดาของจางกุนเหยา จะเดินทางมาเยี่ยมหลานคนแรกของตระกูลหยางมี่มองบรรยากาศครึกครื้นแล้วก็อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้…ตั้งแต่นางกับสามีกลับมาอยู่ด้วยกันในจวนหลังใหม่ นี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้พบหน้ามารดาของสามีขบวนรถม้าจอดลงหน้าจวน หญิงสูงวัยในชุดแพรพรรณสีม่วงอ่อนก้าวลงจากรถด้วยความสง่างาม ใบหน้ายิ้มเบิกบานบ่าวไพร่ออกมาต้อนรับหยางมี่ยืนอยู่หน้าประตูเรือนพร้อมจางกุนเหยา เมื่อเห็นบุคคลตรงหน้า นางรีบค้อมกายทำความเคารพทันที“คารวะท่านแม่”“ท่านแม่” จางกุนเหยาเอ่ยเรียกเสียงนุ่มจางหลันกวาดตามองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างบุตรชาย ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย“ลุกขึ้นเถิด” นางกล่าวเสียงเรียบ “ข้าอยากไปพบหลานก่อน” กว่าจะได้มาก็วันที่หลานคลอดแล้ว ระหว่างนั้นบุตรชายของนางห้ามไม่ให้นางมายุ่งวุ่นวายเกรงจะกระทบใจคนท้อง เพื่อหลานจางหลันยอมเมื่อมาถึงห้องนอนของหยางมี่ บ่าวไพร่นำทารกน้อยออกมาให้ฮูหยินใหญ่ได้เห็นนางมองใบหน้าของเด็กทารกที่หลับป
บทที่ 30 ครอบครัวของเรา หลังจากการตั้งครรภ์ดำเนินไปอย่างราบรื่น ช่วงเวลาที่หยางมี่และจางกุนเหยารอคอยก็มาถึง วันหนึ่งหยางมี่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ร่างกายนางไม่คุ้นเคย หัวใจของนางเต้นแรง เมื่อรู้ว่าเวลาที่จะได้พบกับทารกน้อยมาถึงแล้วตลอดช่วงเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ จางกุนเหยาทุ่มเทดูแลนางอย่างดีที่สุด แม้ว่าจะต้องรับผิดชอบภาระหน้าที่มากมาย แต่เขาก็จัดเตรียมทุกสิ่งให้นางด้วยมือของตนเอง คอยหาหมอที่ดีที่สุด คอยดูแลไม่ให้ขาดตกบกพร่อง นางคือหัวใจของเขา และลูกในครรภ์ก็คือสมบัติล้ำค่าที่พวกเขาสร้างขึ้นมาด้วยกันในเช้าวันหนึ่ง อากาศเย็นสบาย ท้องฟ้าแจ่มใส หยางมี่รู้สึกถึงอาการเจ็บท้องที่ค่อย ๆ ทวีขึ้น นางกัดริมฝีปากแน่น มือกำผ้าห่มแน่นเพื่อบรรเทาความเจ็บ ขณะเดียวกัน จางกุนเหยาสั่งให้สาวใช้เร่งไปตามหมอ“ท่านอยู่กับข้าใช่หรือไม่” นางถามเสียงแผ่ว ดวงตาฉายแววหวาดหวั่นจางกุนเหยาจับมือนางไว้แน่น ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “ข้าอยู่ที่นี่กับเจ้า… ตลอดเวลา”เสียงร้องของทารกดังก้องไปทั่วห้องคลอด ในที่สุด ชีวิตน้อย ๆ ที่พวกเขารอคอยก็ลืมตาขึ้นมาดูโลก หยางมี่รู้สึกถึงความสุขที่เอ่อล้นจนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู
บทที่ 29 ให้โอกาสหัวใจ วันเวลาผ่านไป ชีวิตในจวนใหม่เริ่มเข้าสู่ความสงบอย่างที่หยางมี่ไม่เคยคาดคิด แม้จะยังคงมีบางช่วงเวลาที่ความรู้สึกสับสนกลับมาเยือน แต่นางก็เลือกที่จะเดินหน้าและไม่ย่ำอยู่กับที่ ทุกอย่างในชีวิตเริ่มดีขึ้นทีละนิด และการเปลี่ยนแปลงของนางเริ่มเห็นผลจางกุนเหยาพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ทำให้นางผิดหวัง เขาทำงานหนักเพื่อปกป้องความสัมพันธ์ของพวกเขา และคอยให้ความสำคัญกับความรู้สึกของหยางมี่มากขึ้น แม้ว่านางจะยังคงยืนหยัดในท่าทีที่มั่นคงและเต็มไปด้วยความระมัดระวังขณะที่หยางมี่กำลังอ่านหนังสืออยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง จางกุนเหยาก็เข้ามานั่งข้าง ๆ เขายิ้มให้กับนางอย่างอบอุ่น“มี่เอ๋อร์ ข้าคิดว่า… เราควรจะไปเที่ยวด้วยกันบ้าง” เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่หวานขึ้นหยางมี่มองเขาเงียบ ๆ สักพัก ก่อนจะตอบด้วยเสียงเรียบ “ท่านคิดว่าเราจะได้อะไรจากการไปเที่ยว”จางกุนเหยามองนางด้วยแววตาที่จริงจัง “ข้าคิดว่ามันจะทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น และข้าก็อยากให้เรามีเวลาร่วมกันที่ไม่มีสิ่งใดมาขวาง”หยางมี่ครุ่นคิดเงียบ ๆ นาน ก่อนจะตอบกลับอย่างใจเย็น “หากมันจะทำให้ท่านมีความสุข ข้าก็ยินดี”นางไม่พูดอะ
บทที่ 28 อารมณ์แปรปรวนหยางมี่นั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ของจวนใหม่ สายตาของนางจ้องมองไปที่งานบางอย่างที่กำลังดำเนินไปในบ้าน แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความสงสัยและความไม่แน่ใจ แม้จะรู้สึกว่าเขาทุ่มเทมากมายเพื่อพิสูจน์ตัวเอง แต่ยังคงมีบางสิ่งในใจที่ไม่สามารถปล่อยวางได้จางกุนเหยาเดินเข้ามาในห้อง ท่าทางเคร่งขรึมและเต็มไปด้วยความกังวล เขาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ หยางมี่ มองดูนางที่ยืนนิ่งอย่างคิดอะไรบางอย่าง“มี่เอ๋อร์…” เขาเรียกชื่อนางด้วยเสียงอ่อนโยน แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามีความวิตกกังวลในน้ำเสียงหยางมี่หันกลับไปมองเขา ดวงตาของนางปรากฏความเย็นชาเล็กน้อย แต่กลับแฝงไปด้วยความมั่นคงที่ไม่เคยมีมาก่อน “ท่านยังจำสิ่งที่ข้าพูดได้หรือไม่”จางกุนเหยาเลิกคิ้ว แต่ก็เข้าใจในคำถามของนาง “เจ้าหมายถึงอะไร”“ข้าเคยบอกกับท่านแล้วว่า หากท่านทำผิดอีกครั้ง ข้าจะจากท่านไปตลอดกาล ข้าไม่ต้องการพึ่งพาท่านอีก” เสียงของหยางมี่หนักแน่นและมั่นคง นางมองเขาด้วยแววตาที่ไม่หวั่นไหวจางกุนเหยาสะท้านไปกับคำพูดนั้น ถึงแม้จะรู้ดีว่าเขาได้ทุ่มเททุกสิ่งเพื่อนาง แต่สิ่งที่นางพูดออกมาในวันนี้กลับทำให้เขาเห็นว่า นางไม่ยอมรับการทำผิดพลาดใดๆ อี
บทที่ 27 บ้านของเราหลังจากที่หยางมี่ตัดสินใจให้โอกาสกับความสัมพันธ์ของตนและจางกุนเหยาอีกครั้ง ทุกอย่างดูเหมือนจะเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่แตกต่างไปคือความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในตัวทั้งคู่จางกุนเหยาพยายามพิสูจน์ตัวเองด้วยการทุ่มเทเต็มที่ในการสร้างจวนใหม่ให้กับหยางมี่ เขาให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนของการก่อสร้าง และเลือกแต่สิ่งที่ดีที่สุดเพื่อภรรยา แม้จะมีความยากลำบากจากการต่อต้านของครอบครัวและความเครียดจากหน้าที่ แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดหยางมี่เองก็คอยสนับสนุนการตัดสินใจของเขา แม้จะมีคำถามในใจ แต่การที่เขากล้าที่จะทิ้งทุกอย่างเพื่อนาง ทำให้นางเริ่มมองเห็นความพยายามที่เขาทำทุกคืนหลังจากการทำงาน นางจะไปเยี่ยมเขาที่จวนใหม่ บางครั้งก็ช่วยดูงานบางส่วน บางครั้งก็แค่ไปนั่งข้าง ๆ และให้กำลังใจ“ทำไมถึงต้องเหนื่อยขนาดนี้” หยางมี่ถามในวันหนึ่ง ขณะที่เห็นเขาก้มหน้าก้มตาทำงานหนักจางกุนเหยาหยุดมือจากการทำงานและมองไปที่นาง “ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกปลอดภัย ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้เราเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน”หยางมี่มองเขา น้ำตาคลอเบ้าอย่างไม่รู้ตัว นางไม่คิดว่าจะได้รับคำพูดนี้จากเขาในวันที่เขาพูดจะไปแต่งอนุ แต่
บทที่ 26 สร้างจวนใหม่ ทางด้านจางกุนเหยา หลังจากประกาศเรื่องแยกจวนออกไป เขาก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลจากมารดาของตน“เจ้าคิดจะทำให้ข้าอับอายไปถึงไหน!” จางฮูหยินตวาดเสียงดัง “เจ้าย้ายออกไปก็เท่ากับประกาศให้คนทั้งเมืองรู้ว่าเจ้าเลือกนางแทนที่จะเลือกครอบครัว!”“ท่านแม่ ข้าตัดสินใจแล้ว” จางกุนเหยากล่าวเสียงหนักแน่น “ข้าไม่ได้ทอดทิ้งครอบครัว แต่ข้าเลือกที่จะใช้ชีวิตของข้าตามที่ควรจะเป็น”“แล้วชีวิตของข้าเล่า! ข้าอุตส่าห์อบรมเจ้าให้เติบโต แต่เจ้ากลับมาสละทุกอย่างเพื่อนาง”“ข้าไม่ได้สละทุกอย่าง” เขาตอบ “แต่ข้าจะไม่ยอมให้ท่านมายุ่งกับชีวิตคู่ของข้าอีกต่อไป”จางฮูหยินโกรธจัด นางมองบุตรชายที่เคยเชื่อฟังมาตลอดอย่างผิดหวัง แต่ครั้งนี้จางกุนเหยาไม่คิดจะถอยอีกแล้วไม่กี่วันต่อมา หยางมี่ได้รับข่าวว่าเขาได้ซื้อที่ดินสำหรับสร้างจวนใหม่แล้วจริง ๆนางมองแผ่นกระดาษในมือที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับที่ดินและการก่อสร้าง หัวใจพลันสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก“เขากำลังทำจริง ๆ หรือ…” นางกระซิบกับตัวเองเบา ๆจางกุนเหยากำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาพร้อมจะทิ้งทุกอย่างเพื่อนางจริงหรือหากเป็นเช่นนั้น นางจะยังมีเหตุผลอะไรให้ลั