ตึก
หัวใจเต้นผิดจังหวะกับคำชมแสนสั้นแต่น้ำเสียงหนักแน่น หลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงพูดคุยระหว่างคนทั้งสอง มีเพียงเสียงย่ำเท้ากับเสียงหายใจที่ดังชัดเจนในยามค่ำคืน “คุณ…นั่งหลบตรงนี้ก่อน เดี๋ยวฉันขอไปดูลาดเลาตรงทางเข้าก่อน” เสียงกระซิบแผ่วเบาไม่ทันจะพูดจบก็มีเสียงตะโกนแทรกขึ้นมาเสียก่อน “ใครอยู่ตรงนั้น? ออกมาเดี๋ยวนี้!” เฮ้ย!! จู่ ๆ หลี่เหม่ยถิงก็ยื่นหน้าถลำออกไปจากหลังต้นไม้ ทำเอาเจ้าของเสียงขึงขังตกใจจนแทบจะหงายหลัง หน้าขาวซีดในป่าตอนกลางคืน มันสยองน้อยเสียเมื่อไหร่ “ประธานนักเรียนหลี่นี่เอง ลุงตกใจหมด” ‘ถงกวงต๋า’ พนักงานรักษาความปลอดภัยกะดึกของโรงเรียนคุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับประธานนักเรียน เพราะเด็กสาวมักจะออกตรวจตรารอบบริเวณทางออกด้านหลังเป็นประจำทุกสัปดาห์ ตั้งแต่ขึ้นแท่นเป็นประธานนักเรียนเมื่อ 2 ปีก่อน “ฉันเองค่ะลุงถง ขออภัยที่ทำให้ตกใจนะคะ พอดีทำของตกกำลังมองหาน่ะค่ะ“ หลี่เหม่ยถิงแก้ตัวออกไปด้วยมาดนิ่งขรึมทรงภูมิ ดูน่าเชื่อถือเหมือนที่เคยเป็นมาตลอด เธอเป็นนักเรียนที่ได้ชื่อเป็นสารานุกรมกฎระเบียบเคลื่อนที่ ไม่เคยแหกกฎ เที่ยงตรง ทรงธรรมมากที่สุด สำหรับทำให้คนภายนอกดูน่ะนะ “โอ้! อะไรหายหรือครับให้ลุงช่วยหาไหม อ้อ…ใช่ …ขอบคุณสำหรับคำแนะนำคราวก่อนมากเลยครับ ต้ายาร์หลานสาวลุงเรียนดีขึ้นจริง ๆ” ลุงถงทำท่าเดินมาคิดอยากจะช่วยหาของอย่างกระตือรือร้น จนหลี่เหม่ยถิงต้องยกมือห้ามแทบไม่ทัน “หาเจอแล้วค่ะ ว่าแต่ทางฝั่งตะวันตกวันนี้ฉันได้ข่าววงในมาว่าจะมีนักเรียนลักลอบออกไปเที่ยวกลางคืนกัน ลุงถงกำชับลุงเหมาตรวจตราให้รอบคอบหน่อยนะคะ” “จริงหรือครับไม่ได้การ ลุงไปช่วยเหล่าเหมาดูเสียหน่อยดีกว่า ขอบคุณมากนะครับประธานหลี่” ลุงถงแทบจะรีบวิ่งออกไปจากจุดนั้นแล้วเร่งขึ้นรถกอล์ฟ เพื่อไปตรวจพื้นที่อีกฟากหนึ่งของโรงเรียน หลี่เหม่ยถิงยืนดูจนแน่ใจว่าไม่มีใครรอบบริเวณ ก็หมุนตัวกลับไปหาคนที่ซ่อนหลังต้นไม้ “หน้าไม่แดง” คำพูดไม่มีที่มาที่ไป พูดออกมาด้วยสายตาเปล่งประกายแปลกประหลาด มันดูมีประกายพราวล้อเลียนชอบกล “คะ?” “พูดเหลวไหลได้ลื่นไหล หน้าไม่แดง” แปร๊ดดด เท่านั้นล่ะ หลังรู้ความหมายหน้าขาวขึ้นสีชมพูระเรื่อจากความอับอายทันที หึหึหึ เสียงหัวเราะในลำคอดังมาให้ได้ยินพาเอาคนอับอายกลายเป็นโมโหขึ้นมาแทน ปากน้อยนั่นยื่นขมุบขมิบเหมือนกำลังก่นด่าแบบไม่ออกเสียง “ไม่ใช่เพราะคุณหรือไง ถึงต้องโกหกน่ะ” ไร้เสียงตอบกลับจากร่างสูง มีเพียงปรายตามองมา พร้อมเลิกคิ้วขึ้น หน้าตาท่าทางแสดงว่าไม่เชื่อถือสักนิด หลี่เหม่ยถิงแม้ออกท่าทางฮึดฮัดขัดใจ แต่ไม่ได้ขยับตัวรุนแรงเพราะเกรงจะไปสะเทือนแผลตรงสีข้างของคนที่กำลังประคองตัวเดิน คนตัวโตก็คงจะสังเกตเห็น รอยยิ้มบางเบาหาได้ยากบนหน้าหล่อคมถึงผุดขึ้นบนเรียวปาก “คุณก็พักที่นี่ก่อนละกัน คืนนี้คงไม่มีใครกล้าทำประเจิดประเจ้อบุกรุกเข้ามาในโรงเรียนยามวิกาลหรอก รอนี่นะคะ เดี๋ยวฉันกลับไปหยิบผ้าพันแผลกับพวกยาแก้ปวดแก้อักเสบมาให้กินประทังไปก่อน” คล้อยหลังสาวน้อยที่รีบพูดรีบเดินแกมวิ่งออกไป สายตาดุจัดไร้อารมณ์ก็กวาดตามองรอบห้องเก็บของมืดมิดรอบหนึ่ง สำรวจทางเข้าออก จุดซ่อนตัวคร่าว ๆ ป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ใช่ว่าที่ตามเด็กสาวมาเพราะไว้ใจเธอ แต่การมาที่โรงเรียนนี้นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะพวกที่ลอบกัดเขาคงไม่บ้าบุกเข้ามาในพื้นที่ที่จะก่อให้เกิดปัญหากระทบกระทั่งหลายขั้วอำนาจ นักเรียนในโรงเรียนนี้ ส่วนใหญ่มีเบื้องหลังที่มาไม่ธรรมดาทั้งนั้น ‘ต้องหาวิธีส่งข่าวถึงพวกหยุนชิง’ ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าด้านนอกฟังดูแล้วกำลังมุ่งตรงมาทางห้องเก็บของแห่งนี้ ชายหนุ่มเคลื่อนตัวไปหลบด้านหลังกองของที่วางสุมกันอย่างไร้ระเบียบมีทั้งม้าขวางสำหรับกระโดด บันไดโลหะที่บิดเบี้ยว เบาะรองออกกำลังกายเก่า ๆ มีช่องว่างให้มองลอดไปเห็นประตูทางเข้าในระดับสายตาพอดี ครืดดดด สายตาคมปราบดุจนักล่าจดจ้องมองเห็นร่างของสาวน้อยที่พาเขามาเดินหันรีหันขวางเข้ามา ในมือหอบข้าวของพะรุงพะรังดูท่าจะหนักเกินตัว “คุณ…คุณ ฉันเอาของมาให้” เสียงเล็กหวานกระซิบฝ่าความมืด ชายตัวใหญ่จึงเคลื่อนตัวจากที่ซ่อนออกมาโดยไร้เสียงขยับไหว เขากลับมานั่งตรงบริเวณที่นั่งพักก่อนหน้า “นี่แซนด์วิช คุณกินประทังความหิวแล้วกินยาพวกนี้ ฉันมีแต่พวกยาแก้ปวดลดไข้ ยาแก้อักเสบกล้ามเนื้อไม่รู้ช่วยได้ไหมนะคะ นี่น้ำเกลือเอามาล้างแผล นี่ผ้าห่ม ถึงจะเป็นหน้าร้อนแต่ตกดึกห้องนี้ก็ยังหนาวมากอยู่ดี ยาทากันยุงกันแมลงคุณไม่แพ้สารอะไรใช่ไหม…” หัวกลม ๆ ก้มบ้างเงยบ้างเดี๋ยวเอียงไปทางซ้ายขยับไปทางขวา เหมือนสัตว์ตัวเล็กกระโดดไปมา อืม…ใช่แล้วตาโตหวานเชื่อมหลังแว่นหนาที่ใส่ปิดบังหน้านั่นเหมือนกระต่ายตัวน้อย ชายหนุ่มขยับยกขาไขว่ห้างด้วยความเคยชิน ทำให้กระทบกับแผลจนเผลอสูดปาก “คุณ! ขยับทำไมน่ะเดี๋ยวแผลก็แย่ลงหรอก มาเดี๋ยวฉันช่วยล้างแผลให้ดีกว่า” พรึ่บ ก้านนิ้วเรียวผอมแตะลงบนแผงอกหนาออกแรงผลักเล็กน้อย เขาไม่ได้ขืนแรงต้านลำตัวส่วนบนจึงเอนพิงเบาะที่กองสุมด้านหลัง แป๊ะ แป๊ะ เสียงปลดกระดุมไล่จากบนลงล่างทีละเม็ดตัดผ่านความเงียบ ปล่อยให้เด็กน้อยทำตามใจตัวแบบนี้ต่อไปท่าจะไม่ดีเสียแล้ว “เด็กน้อย หยุดก่อน” มือใหญ่แตะบางเบาบนหลังมือนุ่ม “หือ?” แว่นสายตาเลื่อนต่ำตกลงบนปลายจมูกโด่งเล็ก ทำให้มองเห็นสายตาที่ช้อนขึ้นมองมาด้วยใบหน้าฉงน เธอเอียงคอเล็กน้อยถามไถ่ “เธอ...ไม่ได้กำลังยั่วยวนฉันอยู่ใช่หรือเปล่า” ท่าทางล่อแหลมของเราสองคนคงไม่ทำให้เธอรู้ตัว แต่เขาที่เป็นผู้ใหญ่กว่าเธอความคิดมันก็ไปได้อีกทาง ดูจากสภาพภายนอกของเราตอนนี้เขาเหมือนกำลังถูกเธอกระทำอนาจารอยู่ชัด ๆ ลำตัวส่วนบนกึ่งเอนนอน เสื้อเชิ้ตด้านหน้าแบะออกเผยออ้าจนเกือบถึงขอบกางเกง ชายเสื้อหลุดรุ่ย ทางด้านบนมีสาวน้อยหน้าตามุ่งมั่นจะปลดชุดเขาออกค้อมตัวลงเข้าหา ลำตัวแทบจะคร่อมทับเขาอยู่รอมร่อ “จะบ้าเหรอ!!! คิดอะไรของคุณ” กระต่ายตัวน้อยถูกหยอกเย้าคงตื่นตระหนกตกใจ กระโจนแผล่วไปด้านหลังแทบจะวิ่งหนีเตลิดออกนอกห้อง แต่ความที่เป็นเด็กมีน้ำใจถึงหยุดชะงักแล้วเอียงตัวหันข้างขยับปลายเท้าเข้ามาทางนี้ทีละนิด เฮ้อ...เด็กใสซื่อขนาดนี้ ชักจะน่าเป็นห่วงอนาคต ‘ปวดหัวแทนพ่อแม่เลยจริง ๆ’ “แค่ถลกชายเสื้อขึ้นก็พอครับ ไม่ต้องถอดออกหมด แผลผมอยู่ทางสีข้างค่อนไปทางหลังถ้าให้ทำเองคงไม่ถนัด คงต้องรบกวนขอแรงเธอสักหน่อย” หยุดแกล้งเธอแล้วพูดเป็นงานเป็นการขึ้นมา ทำให้เด็กสาวตรงหน้าดูจะหายใจหายคอได้คล่องขึ้น ขาเล็กในชุดกางเกงวอร์มสีเข้มเดินมาหยุดลงตรงหน้า แต่ไม่ได้ขยับเข้ามาแบบบุ่มบ่าม เอาเถอะเด็กสาวก็คงหน้าบางเพราะโดนเขาหยอก ชายหนุ่มจึงขยับเบี่ยงตัวให้ด้านที่มีแผลหันไปทางเธอ อำนวยความสะดวกโดยการยกเสื้อขึ้นให้เองเสร็จสรรพ ค้างอยู่ท่านั้นจนเธอทำแผลและเก็บอุปกรณ์เรียบร้อย “คุณพักผ่อนไปนะคะ ฉันขอตัวไปทำธุระก่อน เอ่อ...อันนี้คือซิมการ์ดใหม่ยังไม่ได้เปิดใช้งานค่ะ ฉันลงทะเบียนไว้นานแล้วถ้าคุณไม่สะดวกใช้เบอร์ตัวเองติดต่อคนของคุณ ลองใช้เบอร์นี้ส่งข้อความไปก็ได้ค่ะ ในซิมมีเงินเติมไว้ 20 หยวน” คราวนี้สาวน้อยทำเขาอึ้งจริง ๆ ในความคิดรอบคอบ รอบด้านและฉลาดเฉลียว โทรศัพท์เครื่องหนึ่งของเขาแบตหมดจริงเสียด้วย แต่จะให้เขาขอยืมของเธอ แล้วเสี่ยงเปิดเผยตัวคนที่ช่วยเหลือ มันจะนำภัยมาให้ เขาก็ไม่คิดจะทำเช่นกัน ซิมใหม่อันนี้นับได้ว่าเป็นการส่งถ่านหินกลางหิมะโดยแท้” “ขอบคุณครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ จริง ๆ คือมันมีอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าพูดไปคุณอาจจะคิดว่ามันฟังดูแปลก ๆ ไปสักหน่อย แต่ฉันคิดว่าคุณลองไปตรวจร่างกาย แถวช่วงท้องดูหน่อยนะคะ อาจจะพบความผิดปกติบางอย่างที่ร้ายแรงซ่อนอยู่” หลี่เหม่ยถิงเลียปากด้านในด้วยความประหม่า นับว่าเป็นการเปิดเผยความสามารถพิเศษส่วนตัวที่ไม่เคยบอกใครออกไปแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม เพียงแค่คิดว่าอีกไม่นานคนคนนี้อาจจะตายไปทั้งแบบนี้หากไม่ได้เตือนเขา มันทำให้เธอไม่สบายใจจนปล่อยผ่านไม่ได้ ชายคนนี้มองหน้าฉันอย่างแปลกใจจริง ๆ แล้วคราวนี้ แต่เขาไม่ได้พูดว่าไม่เชื่อหรือปฏิเสธ เพียงแค่ส่งยิ้มบางเบามาให้ “ฉันไปก่อนนะคะ ขอให้คุณโชคดี เดินทางกลับไปได้อย่างปลอดภัยค่ะ” “ขอบคุณมากครับ หากมีโอกาสไว้ผมจะตอบแทนคุณ” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะเรื่องเล็กน้อยเพียงแค่ยกฝ่ามือเท่านั้น” มือเล็กโบกปัดไปมาปฏิเสธความดีความชอบ หันหลังก้าวเดินออกไปจากห้องเก็บของ “เด็กน้อย...ผมอยากเตือนอะไรสักหน่อย คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกหากคนที่คุณช่วยมาเป็นคนไม่ดี ตัวคุณจะเดือดร้อนเอาได้” ‘ไม่ใช่เด็กสักหน่อย อายุห่างกันแค่ 8 ปี’ เสียงบ่นอุบอิบได้ยินชัดภายในห้องเงียบสงัดนี้ “เข้าใจแล้วค่ะ... คุณน้า”ตอนนี้ความกระสันต์สูงเสียดฟ้าจนอยากจะพุ่งตัวตนเข้าฝากฝังในช่องทางรักหวานฉ่ำแล้วปลดปล่อยตัวตนไปกับความปรารถนาอันลิงโลดนี้“ภรรยา…ช้าหน่อยครับ เดี๋ยวสามีทนไม่ไหวน้องจะเจ็บ” เสียงกระซิบแหบพร้าทุ้มก้องอยู่ริมหูเล็ก คนฟังรู้สึกว่ามันเซ็กซี่ทั้งยังอ้อยอิ่งราวกับตั้งใจออดอ่อยใส่กันแทนที่จะช้าลง ดวงตาดอกท้อของคนตัวเล็กกลับร้อนผ่าว ฝ่ามือขาวกดลงกลางหน้าอกกว้างให้ชายหนุ่มเอนตัวลงเท้าแขนกับโต๊ะกรุกระจก สะโพกอวบตั้งใจบดขยี้ให้ส่วนอวบนูนของวัยสาวถูไถกับส่วนหัวมังกรแดงก่ำที่โผล่พ้นขอบกางเกงในผ้าไหมขึ้นมา“ซี๊ด...อาห์”ได้ยินเสียงสูดปากพร้อมครางกระเส่าของคนตัวโตยิ่งทำให้หญิงสาวฮึกเหิมลำตัวเล็กเอนลงต่ำใช้ใบหน้าซุกลงดอมดมผิวเนื้อเรียบตึง จูบบ้างเลียบ้าง มือก็ลูบวนกดไปทั่วผิวเนื้อท่อนบนมือหนึ่ง อีกมือกลัวจะว่างจึงใช้ท้องนิ้วสะกิดยอดอกสีน้ำตาลอ่อนจนมันหดเกร็งฝ่ามือหยาบกร้านของคนด้านล่างยกขึ้นนวดคลึงภูเขาหิมะที่มียอดอิงเถาปัดผ่านกล้ามท้อง หญิงชายทั้งสองต่างนวดคลึงฟอนเฟ้นเรือนร่างเกือบเปลือยของกันและกันน้ำหนักมือเคล้นแรงขึ้นตามแรงอารมณ์ที่เดือดพล่าน ผิวเนื้อสะโพกปลิ้นออกมาตามง่ามนิ้วเรียวยา
หลังบอกกล่าวกราบไหว้บรรพบุรุษของเจ้าสาว ยกน้ำชาให้กับผู้ใหญ่เริ่มจากพ่อ ปู่และอาจารย์ ฉินเฟยหลงก็อุ้มเจ้าสาวขึ้นรถท่ามกลางความเงียบ... พรืด... และเสียงสูดน้ำมูกของเกาอี้ “ฮึก...คุณหนูออกเรือนแล้ว” ไป๋จื้อหยางที่น้ำตาคลอมองขบวนรถขับออกไปจากบ้านตระกูลไป๋เก็บอารมณ์กลับแทบไม่ทัน มองสภาพบอดี้การ์ดร่างใหญ่ยักษ์กำลังยกผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาหัวไหล่สั่น ผ้าเช็ดหน้ามีคราบปริศนาเกาะหนึบ วงล้อมจึงแตกกระเจิงไปคนละทาง ทั้งผู้เฒ่าไป๋ ผู้เฒ่าติง ไป๋จื้อหยาง แม้แต่จ้าวลี่จูยังถอยเท้าเงียบ ๆ ส่วนเพื่อนอย่างหยางฝูเหว่ยเดินหนีไปนานแล้วตั้งแต่บอดี้การ์ดหนุ่มน้ำตาคลอ “เอ่อ...แต่อีกไม่กี่วันประธานก็กลับมาแล้วนะคะ” จ้าวลี่จูพูดความจริงที่ทุกคนลืมนึกไป ใช่... แต่งงานแล้วอย่างไร... อีกไม่กี่วันก็กลับมาอยู่ด้วยกัน เพียงแค่มีคนตามมาอยู่ด้วยอีกคน มีตะเกียบกับถ้วยข้าวเพิ่มมาอีกชุด เกาอี้เองที่ถูกอารมณ์อ่อนไหวพาไปก็หยุดร้องอ้าปากค้าง ฟืดดดดด... “นั่นสิ! เราก็ยังทำหน้าที่เดิม” คิดได้แล้วสั่งน้ำมูกที่เหลือเดินจากไปอย่างร่าเริง ไป๋จื้อหยางกับคนงานในบ้านถูกเบรกอารมณ์ก็แยกย้ายกันไป ทางด้านขบวนรั
3 วันต่อมา ลู่เจียจิ่วเป็นย่านเศรษฐกิจการเงินของเซี่ยงไฮ้ ทุกพื้นที่มีค่ายิ่งกว่าทองคำ บริษัทข้ามชาติ ตึกสูงเสียดฟ้า บ่งบอกเม็ดเงินลงทุนมหาศาลที่หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดโดยปกติเวลาของผู้คนที่ทำงานในย่านนี้เป็นเงินเป็นทอง มีแต่ความเร่งรีบ วันนี้กลับต่างออกไปเพราะมีสิ่งที่น่าสนใจกว่าการทำเงินเกิดขึ้นที่ตึกเฮยอวิ๋นทีมมหรสพ กลองและปี่พาทย์ในชุดถังจวงสีแดงตั้งขบวนหน้าตึก ดนตรีถูกบรรเลงอย่างคึกคักตลอดระยะที่เริ่มมีการยกหีบสิ่งของออกมาจากประตูใหญ่ของตึก ขึ้นไปยังรถบรรทุกสีขาวปิดทึบที่ผูกซิ่วฉิวหน้ารถ พนักงานออฟิศของบริษัทต่าง ๆ ยินยอมเข้างานสายแต่ไม่กล้าเดินเบียดแทรกแถวเข้าไปในตัวอาคาร ได้แต่ยืนรักษาระยะอยู่ด้านนอก“นายครับได้เวลาแล้ว” ฉินเฟยหลงเดินออกมาจากลิฟต์ส่วนตัวด้วยชุดพิธีการสีแดง ใบหน้ามีรอยยิ้มน้อย ๆ ประดับตลอดเวลาเจ้าบ่าวเดินนำขบวนไปขึ้นรถด้านนอก“เตรียมเคลื่อนขบวนไปรับเจ้าสาวได้!” ผู้นำพิธีการตะโกนเตือนเมื่อได้เวลาสมควร รถดนตรีที่มีเสาไม้ติดป้าย ‘ซวงสี่’ จึงกระหึ่มอีกระลอกขบวนรถหรูที่ถูกเปลี่ยนเป็นสีแดง 9 คัน เริ่มเคลื่อนตามออกไปติด ๆ คันนำหน้าเป็นรถสปอร์ตเปิดประทุนผูกซิ่วฉิวผ
รถของตระกูลไป๋ต้องเบรกกะทันหันเมื่อเลี้ยวเข้ามายังลานจอดรถ จู่ ๆ รถที่จอดอยู่หลายคันก็พร้อมใจกันถอยหลังจนมาล้อมกรอบรอบตัวรถของพวกเขาเป็นวงกลมปัง ปัง ปัง!สถานการณ์ยิ่งไม่ปกติเมื่อมีชายในชุดสูทนับรวมได้ 8 คน ลงมาจากที่นั่งข้างคนขับของรถที่ล้อมรถตระกูลไป๋อยู่กรี๊ด...“หลบเร็ว ตีกันแล้ว แจ้งตำรวจ!”“หนีเร็วเข้า อย่าไปยุ่ง”ไป๋จื้อหยางกอดลูกสาวแน่น“สืออิงติดต่อบอดี้การ์ดมาที่นี่ด่วน!”บอดี้การ์ดตระกูลไป๋ รวมถึงหยางฝูเหว่ยและเกาอี้ไม่ได้ตามมาเพราะเป็นเวลากลางวันและสถานที่อยู่ใจกลางเมือง ไป๋จื้อหยางจึงคิดว่าไม่น่าจะมีใครกล้าเล่นสกปรกไป๋เหม่ยถิงมองออร่าสีเขียวจากบุรุษบางคนที่ลงจากรถ ลองพิจารณาใบหน้าหลังแว่นกันแดดดี ๆ เหมือนจะเคยผ่านตามาบ้าง จึงนั่งนิ่งอยู่กับที่ใบหน้าเฉยเมย‘เฮียหลงกำลังจะทำอะไร?’“ถิงเออร์ลูกนั่งรอในรถ พอจะออกไปเจรจาดูสักหน่อยว่าผู้มาต้องการอะไร”ไม่ทันที่เธอจะห้ามคุณพ่อก็จับประตูรถเตรียมก้าวออกไป ประจวบเหมาะกับคนด้านนอกเริ่มเคลื่อนไหวพร้อมกันพรึ่บ! ปุ้ง ปุ้ง ปุ้ง!ท้ายรถที่ล้อมกรอบทั้งหมดเปิดออก มีเสียงพลุขนาดเล็กแตกกระจายพร้อมสายรุ้งและกระดาษสีปลิวว่อน กุหลาบหลากสีถู
3 วันต่อมาตึกเซี่ยอวิ๋น 8 โมงเช้า“ฮ้าว...เหล่าจงนายมาสักที ข้าจะได้กลับไปนอนยาว ๆ” พนักงานรักษาความปลอดภัยของตึกกะกลางคืนทักเพื่อนที่มาเปลี่ยนกะแล้วเตรียมจะกลับเข้าไปตึกเซี่ยอวิ๋น“!!!”ตอนเปิดตาที่ปิดปากหาวยาว เขาตกใจจนขวัญเกือบกระเจิงเพราะบอดี้การ์ดในชุดฝึกสีดำราว 20 กว่าคนมายืนออกันเงียบ ๆ ตรงลานกว้าง แถมไฟของตึกก็ยังไม่เปิดจึงเห็นเป็นเงาตะคุ่ม“ตกใจหมดนึกว่าโจรปล้นตึก! พวกพี่ลงมาทำอะไรกันครับ” บอดี้การ์ดก็เป็นรุ่นพี่ที่ร่วมฝึกซ้อมกันทุกวัน ผลัดกันเปลี่ยนมาเฝ้าตึกกับออกไปทำภารกิจด้านนอกถ้าสังเกตดีต ๆ จะเห็นว่าเหล่าบอดี้การ์ดมีถุงใส่ของติดมือมาด้วย พอคนออกจากลิฟต์เที่ยวสุดท้ายครบก็กระจายกำลังกันเดินออกไปด้านนอกตึก‘ชุนเหลียน’ กลอนคู่มงคลแผ่นยาวสีแดง ที่เขียนด้วยมือจากปรมาจารย์ด้านการคัดอักษร ถูกติดตรงประตูทางเข้าตึกก่อนเป็นที่แรก ตามด้วยตัวอักษร ‘ฝู’ ที่แปลว่าความสุขติดกลับหัวตรงประตูกระจกสองด้านด้านนอกผ้าแดงและโคมกระดาษถูกนำไปห้อยประดับตามต้นไม้ตรงสวนหย่อมก่อนเข้าตัวตึกจนดูสดใสมีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้นซิ่วฉิวฮวามีชายยาวถูกนำไปแขวนอยู่เหนือประตูทางเข้าตึกด้านหน้า ด้านในมีทีมบอดี้การ
บ้านตระกูลไป๋ วันต่อมาอีก 1 อาทิตย์ ก็จะเป็นวันยกน้ำชาของทายาทตระกูลไป๋ ห้องนอนของไป๋เหม่ยถิงจะถูกปรับปรุงใหม่ สร้างตู้เก็บเสื้อผ้าเพิ่มเติมสำหรับฉินเฟยหลงห้องก็เปลี่ยนสีการตกแต่งใหม่ เป็นสีไม้กับครีม พรมเป็นสีน้ำตาลอ่อน เฟอร์นิเจอร์ใหม่ถูกสั่งเข้ามา วันนี้จะมีช่างกับทีมตกแต่งภายในเข้ามาทำในส่วนของบิวท์อิน“ประธานคะ มานั่งทำอะไรตรงนี้คะ แล้วดูแบบห้องที่ตกแต่งใหม่หรือยังคะ” จ้าวลี่จูเดินเข้าบ้านมาเห็นประธานสาวนั่งเท้าคางไร้ชีวิตชีวาอยู่ตรงโซฟารับแขก“ไม่ต้องดูหรอก ทำตามแบบไปนั่นล่ะ ฉันนั่งสะสมพลังอยู่น่ะไม่ต้องให้ใครมารบกวนนะ”ไป๋เหม่ยถิงโบกมือเอื่อย ๆ ตาปรือทำท่าจะปิด ไหนเลยสะสมพลังงานอะไร ทำท่าจะหลับอยู่เดี๋ยวนี้ที่เธอบอกว่าสะสมพลังนั้นพูดจริงแม้ลี่จูจะมองอย่างไม่เชื่อถือแล้วถอนหายใจ เลขาสาวไม่อยากต่อบทสนทนารีบไปดูช่างตกแต่งภายในต่อว่าที่เจ้าสาวปิดตาเอนหลังเข้ามุมพิงตัวกับแขนโซฟา รับรู้ถึงกระแสลมอุ่นจากหยกจักรพรรดิที่ค่อย ๆ ไหลผ่านจากต้นคอลงสู่ท้องน้อย เข้าสู่แสงสีขาวนวลขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียวใบหน้าเรียบเฉยเปิดรอยยิ้มอ่อนโยน เมื่อรับรู้ความรู้สึกทั้งหมดนี้“คุณหนูครับ เจ้านายส่งช