ชายหนุ่มค่อย ๆ ดันสองแม่ลูกให้ถอยหลังไปตามทางเดินของบ้านโดยมีโจรตามเข้ามาทีละนิด พวกมันดูสนุกสนานกับการต้อนเหยื่อให้จนมุม แค่เห็นหนึ่งในนั้นเลียริมฝีปากมองพวกเขาเหมือนอาหารอันโอชะก็กระตุ้นความโกรธที่อยากจะตั๊นหน้ามันสักครั้ง
ในจังหวะที่ถอยผ่านตู้เย็นหลังใหญ่ ดวงตาสีทับทิมก็สว่างวาบ
นี่ไงล่ะ... โอกาส!
มือเรียวรีบคว้าขอบบนตู้เย็นไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มีแล้วกระชากมันล้มลง จากนั้นก็คว้าเอาตู้กับข้าวอีกฝั่งหนึ่งให้ล้มทับปิดทางด้วย สบโอกาสก็รีบจูงมือสองแม่ลูกเข้าไปในห้องเก็บของ ใช้ขาที่มีพละกำลังมากขึ้นถีบประตูบานเก่าสนิมเขรอะจนมันกระเด็นหลุดออกไป
โครม!!
ตึก ตึก!
“จับมัน! อย่าให้มันหนีไปได้!!” ชายที่เป็นหัวหน้าตะโกนกร้าว สั่งให้ลูกน้องที่มีความแข็งแรงด้านพละกำลังยกตู้เย็นขึ้น ในนี้มีเสบียงอาหารอยู่ จะปล่อยให้เสียหายไม่ได้ จากนั้นตะโกนสั่งคนที่อยู่นอกบ้านอย่างเดือดดาล
ชายที่มีใบหูคล้ายหนูตามมาได้ทันแต่ก็ช้าไป เฉินเฟิงอุ้มดาริณีและเด็กชายดลไว้ด้วยมือทั้งสองข้างก่อนกระโดดข้ามรั้วบ้านที่มีความสูง 2 เมตรวิ่งหนีเข้าป่าไป
โจรปล้นบ้านมองไปทางป่าที่ไม่คุ้นเคยอย่างชั่งใจ มันไม่ใช่คนในพื้นที่ การตามเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าอาจทำให้หลงป่า แย่สุดก็คือการโดนซอมบี้รุมทึ้งกลายเป็นศพโดยไม่มีใครรู้ เพื่อนที่ตามมาสมทบมองหน้ากันเล็กน้อย ตันสินใจหันหลังกลับไปไม่คิดตามต่อ
กลับไปโดนลูกพี่ตบดีกว่าหลงป่า อย่างน้อยคืนนี้พวกเขาก็มีบ้านนอน มีผ้าห่มอุ่นและมีอาหารดี ๆ กินแล้ว
…
“แฮ่ก ๆ” วิ่งไปได้เกือบชั่วโมงเฉินเฟิงก็ทรุดลงกับพื้น ปล่อยสองแม่ลูกที่หิ้วกระเตงมาด้วย ไม่รู้ว่ายังมีอันตรายอีกไหม
แต่ขาเขาไม่ไหวแล้ว... วิ่งมากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว
อากาศ
ปอดเขาต้องการอากาศ
ดาริณีไม่กล้าเป็นตัวถ่วง เธอรีบมองซ้ายมองขวาเพื่อสอดส่องหาอันตราย ฟากเด็กชายดลก็ช่วยแม่มองหาอย่างเต็มที่ ไม่มีใครกล้าปล่อยวางหรือผ่อนคลายเลยสักคนแม้ว่าจะวิ่งมาไกลมากแล้วก็ตาม แต่คนพวกนั้นก็ดูไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน เพราะฉะนั้นจะประมาทไม่ได้
“พี่ลากผมไปที แฮ่ก ๆ อีกสองกิโลจะมีบ้านของผมอยู่” เฉินเฟิงไม่ได้พาทั้งคู่หนีมาอย่างไม่มีการเตรียมตัว เขาคิดจะไปยังภูเขาหลังหมู่บ้านที่ตนเคยสร้างบ้านต้นไม้เอาไว้ใช้พักผ่อนยามว่าง
“น้องดลคอยดูด้านหลังไว้นะลูก แม่จะลากอาเฟิงไป” พวกเขาชักช้าไม่ได้ จะมัวแต่รอให้คนที่พึ่งพาได้อย่างเฉินเฟิงฟื้นตัวก็ไม่ไหว ไปได้ทีละนิดก็ยังดีกว่าหยุดอยู่กับที่
ดาริณีถอดฮู้ดของชายหนุ่มออกแล้วใช้ส่วนของแขนเสื้อมัดตรงช่วงอกเพื่อให้มีที่ยืดจึบ หากให้เธอแบกฝ่ายชายขึ้นหลังคงเดินได้ไม่กี่ก้าว ลากไปเร็วกว่า
“แฮ่ก ๆ ขอโทษนะครับพี่ดา” อีกแค่นิดเดียวก็ถึงแล้วแท้ ๆ
“ไม่ค่ะ พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ” ถ้าไม่มีพวกเธอ ชายหนุ่มคงหนีออกไปได้ตั้งนานแล้ว
เพราะเธออ่อนแอ พละกำลังก็เล็กน้อย เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาเดินดิน ไม่ได้กลายพันธุ์อย่างพวกที่บุกเข้ามา หากเธอมีพลังสักนิดคงช่วยสู้หรือไม่ก็คงหนีได้เร็วกว่านี้
กรรร
เฮือก!
ดาริณีหันขวับไปทางด้านซ้ายทันทีที่ได้ยินเสียงคำรามในลำคอ
เสียงนี้!
ซอมบี้!!
เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งในหมู่บ้าน เธอเองก็เคยเห็นเขาแต่ไม่ได้ทักทายกันบ่อยนัก และคงจะดีกว่านี้ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้ตาขาวโพลนเหมือนคุณแม่ของเธอ
หญิงสาวใช้แรงที่มีเหวี่ยงเฉินเฟิงให้เข้าไปอยู่ในพุ่มไม้และผลักลูกชายให้ไปอยู่ด้วยกัน มือก็คว้าเอาท่อนไม้แถวนั้นอุดปากเจ้าซอมบี้ไว้
ขอแค่ให้มันกัดเธอไม่ได้เท่านั้นก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว…
ฟึ่บ
“อึก! ใช้เล็บข่วนงั้นเหรอ” เพราะความยาวของไม้ไม่ได้ยาวมากนัก ยามเจ้าปิศาจตรงหน้าใช้มือซีดไขว่คว้ามาทางเธอจึงทำให้โดนข่วนไปเล็กน้อย แต่แล้วยังไงล่ะ ไม่โดนกัดก็ไม่ตายแล้ว “แรงเยอะชะมัด” เธอดันมากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว
“อย่ามายุ่งกับแม่เรานะ” เด็กชายดลที่ได้สติรีบคว้าไม้อีกท่อนวิ่งไปตีมือของซอมบี้ตรงหน้า พอเห็นเจ้าซอมบี้ย้ายมาจดจ้องที่ตนก็รีบตะโกน “ตอนนี้แหละแม่ ผลักมันออกแล้วตีหัวมันเลย”
“ตะ ตีหัว” จะให้เธอตีหัวคนงั้นเหรอ
“แม่! ทำเลย!” เด็กชายดลร้อนใจเมื่อเห็นผู้ให้กำเนิดลังเล ทันใดนั้นเจ้าปิศาจก็หันเหความสนใจไปที่เด็กชายเต็มที่ มันเอื้อมมือมาหมายจะคว้าร่างเล็กไปแทน คนเป็นแม่เห็นดังนั้นก็ไม่รอช้าดันไม้ออกไปสุดแรงจนปากของมันหลุดออก
จากนั้นหญิงสาวก็ไม่ออมแรง ฟาดไปที่กะโหลกศีรษะอย่างไม่ยั้งมือ ฟาดจนขาดสติ แม้จะรับรู้ว่าร่างตรงหน้านั้นล้มไปกับพื้นแล้วแต่เธอก็ยังตามไปฟาดจนเละเทะไม่มีชิ้นดี
พลั่ก!
“แม่ครับ พวกเราปลอดภัยแล้ว” เด็กชายเห็นแม่ไม่หยุดมือทั้งที่ซอมบี้ก็ไร้การตอบสนองไปนานแล้ว รีบตรงเข้าไปกอดแม่จากทางด้านหลัง “แม่ครับ พอเถอะ ดลกับพี่เฟิงปลอดภัยแล้ว”
“ปละ ปลอดภัยแล้ว” ดาริณีทรุดลงกับพื้น มือบอบบางปล่อยท่อนไม้หลุดร่วงอย่างไร้เรี่ยวแรง แต่เมื่อมองไปยังซากศพตรงหน้าน้ำตาก็ไหลออกมา
เธอฆ่าคน
เธอฆ่าคนไปแล้ว
ฆ่าคนไปแล้ว!!
ปัง!ประตูห้องประชุมถูกเปิดออกกว้างด้วยฝีมือของทหารในค่าย บนใบหน้ามีเหงื่อเกาะเต็มหน้าผาก พร้อมกับสีหน้าวิตกกังวลไปถึงขั้นหวาดกลัว“มีรายงานการเคลื่อนไหวจากหมู่บ้านชาวประมงครับ!”…เฉินเฟิงใช้นัยน์ตาสีแดงมองความรกร้างว่างเปล่าของพื้นที่ชายฝั่งจังหวัด C ด้วยความประหลาดใจ คราวก่อนพวกเขามาในฤดูหนาว ทัศนียภาพถูกหิมะขาวโพลนปกคลุม ทำให้ไม่รู้เลยว่าความเสียหายจากเหล่าสัตว์กลายพันธุ์ต่ออาคารบ้านเรือนและถนนหนทางนั้นเลวร้ายเป็นอย่างมาก“หัวโยกเป็นตุ๊กตาหน้ารถเลย” หลุมบ่อเยอะเกินไปแล้ว!สุดท้ายจากที่ตั้งใจว่าจะให้ทหารอีกหลายนายมาลาดตระเวนเป็นเพื่อนก็ต้องพับเก็บไป สำหรับคู่รักหมีกระต่าย หากเป็นสถานการณ์เสี่ยงอันตราย ถ้าไม่ใช่สมาชิกในทีมที่รู้ใจกันดีแล้วละก็ การพาคนนอกมาด้วยจะมีแต่ทำให้การทำงานลำบากยิ่งขึ้นดังนั้นบนรถกระบะปรับแต่งสมรรถนะสูงในครั้งนี้จึงมีเพียงเฉินเฟิง นิโคลัส และเอ ลูกชายท่านนายพลอธิเพียงสามคน“เอ่อ เป็นเพราะบริเวณนี้ไม่ค่อยมีประชาชนมาตั้งรกรากก็เลยไม่มีการซ่อมแซมเลยน่ะครับ” เออธิบายสีหน้าจืดเจื่อน“ไม่ใช่ความผิดของคุณนี่ครับ อีกอย่างผมก็บ่นไปเรื่อย” เฉินเฟิงปัดมือไปมาในอากาศ เรื
“พวกนายนี่นะ” เอส่ายหน้าให้กับลูกน้อง เรื่องพวกนี้เป็นพื้นฐานที่มีสอนในโรงเรียนทหารอยู่แล้ว ดีเท่าไรที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด ไม่อย่างนั้นแล้วโจเซฟได้เปิดอบรมชุดใหญ่แน่โจเซฟในฐานะรุ่นพี่ทหารผู้ผ่านสนามรบมาอย่างโชกโชน การที่เห็นรุ่นน้องหย่อนยานกับการวิเคราะห์สถานการณ์ง่ายๆ แบบนี้มีบทลงโทษอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ด้วยเหตุฉุกเฉินในปัจจุบันทำให้ทหารหนุ่มสาวเหล่านี้รอดพ้นคอร์สพิเศษของโจเซฟไปได้หวุดหวิดโดยไม่รู้ตัว...การโจมตีระลอกที่สองยังคงเป็นปลาบินเช่นเดิม ที่เพิ่มเติมขึ้นมามีเพียงจำนวนที่มากกว่ารอบก่อนสามเท่า“หมอนั่นกลัวเราอดตายเหรอ” หงส์ส่งกล้องส่องทางไกลให้ตุ่น ปลาบินจำนวนมากน่ากลัวก็จริง ยิ่งพวกมันอัปเกรดสติปัญญามาก็ไม่ต่างจากตัวปัญหาดีๆ นี่เอง“หรือกำลังจะด่าว่าเราโง่” ปลามากขนาดนี้ กินเข้าไปไอคิวน่าจะทะลุห้าร้อย“ก็เป็นไปได้นะพี่” ทีโอพยักหน้าสนับสนุน ตั้งแต่สู้กับสัตว์กลายพันธุ์มา มีพวกปลาทะเลนี่แหละสู้ยากที่สุด หากตัดหมาป่าขั้วโลกเหนือที่ได้ฟังจากนิโคลัสออกไป สิ่งที่เจอตามชายฝั่งคือมีแต่ตัวจี๊ดๆ ทั้งนั้นอ้อ หนูยักษ์ที่โรงงานอุตสาหกรรมก็เป็นหนึ่งในนั้น ดีแค่ไหนที่พวกเขาแข็งแ
“มาถึงตอนนี้แล้วปิดไปก็ไม่เป็นประโยชน์” ในเมื่ออีกฝ่ายเริ่มลงมือแล้ว กับลูกน้องที่ลงเรือลำเดียวกันแล้วก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องปิดบังอีก ต่อให้คนตรงหน้าเป็นสายสืบของเกรย์สันก็ใช่ว่าจะทำอะไรได้ เพราะคนที่มีอำนาจออกคำสั่งในเวลานี้คือโจเซฟต่างหาก ไม่ใช่ตน“พวกนายรู้ใช่ไหมว่าวันสิ้นโลกที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้มีที่มาที่ไปยังไง”“ครับ” นายทหารหลายนายพยักหน้า นัยน์ตาฉายประกายเคียดแค้นชิงชังอย่างเห็นได้ชัด“สงครามครั้งสุดท้ายระหว่างมนุษย์กับองค์กร SW กำลังจะเปิดฉากแล้ว” และเตรียมโต้กลับเมื่อหัวหน้าโจเซฟส่งสัญญาณ“!!!!”…การโจมตีชายฝั่งทะเลไม่ได้มีเพียงประเทศ T ที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังมีอีกหลายประเทศที่ต้องรับมือกับสัตว์กลายพันธุ์ที่แข็งแกร่งขึ้นทั้งร่างกายและสติปัญญา แต่เพราะเตรียมการมาตั้งแต่เนิ่นๆ จึงทำให้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้น้อยมาก ทั้งยังสามารถนำสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นมาเก็บตุนเป็นเสบียงในยามฉุกเฉินได้เพล้ง!“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!” เกรย์สันมองรายงานการโจมตีของสัตว์ร้ายชุดใหม่ที่เขาใช้เวลาหลายเดือนในการปรับปรุงอย่างดี แต่กลับถูกมนุษย์ชั้นต่ำฆ่าตายอย่างกับว่าเป็นเพียงปลาธรรมดา หาใช่ส
มือหนึ่งก็จับอาวุธไว้แน่น ส่วนอีกมือก็หาที่ยึดจับไว้อย่างสุดชีวิต ไม่อย่างนั้นรู้ตัวอีกทีอาจถูกสะบัดตกจากหลังรถไปนอนนับดาวอยู่บนถนนก็เป็นได้คึ่กๆๆตุ่นหมุนพวงมาลัยกลับมาที่เดิม แต่ด้วยถนนหนทางขรุขระไร้การบูรณะมาเป็นเวลานาน ทำให้ทั้งคนทั้งรถสะเทือนกระเด้งกระดอนนั่งไม่ติดเบาะสักคน“ที่รัก ถ้ามีลูกกันนี่ลูกหลุดไปแล้วนะ” หงส์ว่าติดตลก หลุมบ่อระดับนี้ยิ่งกว่าดวงจันทร์ด้านมืดเสียอีก“ผมว่าลูกพี่น่าจะเกาะมดลูกไม่ปล่อยเพราะไม่อยากออกมาเจอโลกแบบนี้มากกว่า” ทีโอปรายสายตามองบ้านเรือนร้างผู้คน เป็นเขาก็ไม่อยากออกมา อยู่ในท้องต่อไปน่าจะสบายกว่า“ฮ่าๆ ก็จริง” หญิงสาวหนึ่งเดียวพยักหน้าเห็นด้วยตูม!!ปลาบินอีกตัวร่อนลงด้านข้างหมายจะกระแทกรถให้เสียหลักลงข้างทาง ทว่าตุ่นก็ดึงเบรกมือแล้วปล่อยในเสี้ยววินาทีพร้อมกับหมุนดริฟต์หลบไปได้อย่างสวยงาม“มากันไม่พักเลยน้าาา~” ทีโอทอดถอนใจ เป็นทีมเก็บข้อมูลนี่มันเหนื่อยจริงๆ“พวกมันตามมาหมดทุกตัวเลย แสดงว่าหลุมหลบภัยที่เหลืออาจมีกลุ่มใหม่ไปเสริม” นึกว่าจะแบ่งกำลังกันตามมาแค่บางส่วนแล้วให้ส่วนที่เหลือตามล่ามนุษย์ในหลุมหลบภัยต่อไปเสียอีกสมาชิกทีมทหารรับจ้างวิเคราะห
ตูม!!สองวันต่อมาไม่ขาดไม่เกิน สัญญาณที่โจเซฟว่าไว้ก็เกิดขึ้นในตอนเช้ามืด ทหารลาดตระเวนกะดึกยังไม่ทันผลัดเปลี่ยนเวรยามก็ต้องรีบกระชับอาวุธประจำกาย วิ่งกลับไปยังจุดประจำการของตนเองและสอดส่องหาต้นตอของเสียงดังสนั่นนั่น“เกิดอะไรขึ้น” เอเดินออกมาจากตึกอย่างรีบร้อน ด้านหลังมีกลุ่มของโจเซฟตามมาติดๆ ใบหน้าสมาชิกในทีมมีร่องรอยตื่นเต้นราวกับรอเวลานี้อยู่ตลอด“มีฝูงปลาบินโจมตีตึกร้างนอกเมืองครับ” ทหารที่ถือกล้องส่องทางไกลรายงาน“บริเวณนั้นมีอะไรหรือเปล่า” โจเซฟเดินเข้ามาสอบถามเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักของเอ“พื้นที่ตรงนั้นเป็นหลุมหลบภัยฉุกเฉิน แต่โชคดีที่ครั้งนี้เราอพยพคนไปไกลกว่าเดิม หลุมนั้นจึงไม่ได้ถูกใช้งาน” ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากมีคนอาศัยอยู่จะเป็นอย่างไร“พวกมันรู้ว่าคนอาศัยอยู่ที่ไหนงั้นเหรอ?” หงส์อุทานเสียงสูง นี่มันเกินกว่าที่คิดไว้มากเลยนะ!“อาจใช่และไม่ใช่ พวกมันมีจำนวนเท่าไร” เอหันไปมองลูกน้องเพื่อขอคำตอบ“บนพื้นดินมีราว ๆ 10 ตัวครับ และมีที่บินวนอยู่บนฟ้าอีกเกือบ 20 ตัว” ทหารรายงานไปขนหลังคอก็ลุกเกรียวขึ้นมา แม้จะเทียบกับจำนวนร้อยตัวที่อยู่นอกชายฝั่งไม่ได้ แต่จำนวนเท่านี้ก็จัดกา
“ทำไมถึงเป็นคุณโจเซฟได้ล่ะ” คนในห้องพึมพำเสียงเบา ถึงฝูงปลาบินนอกชายฝั่งจะน่ากลัว แต่ถึงกับส่งทีมมหาเทพมาก็ออกจะเกินไปหน่อยหรือเปล่าในขณะที่ทหารหลายนายต่างงุนงง มีเพียงเอที่เบิกตากว้างเพราะทราบดีว่าเมื่อใดโจเซฟและทีมมาเยือน นั่นหมายความว่าถึงเวลาโต้กลับแล้ว“รีบไปเปิดประตูเร็ว” มนุษย์หมาป่ากลายพันธุ์หันไปสั่งการลูกน้อง นัยน์ตาสีเทาไหวระริกในที่สุดวันนี้ก็มาถึง!“ผมจะไปเปิดประตูต้อนรับเดี๋ยวนี้ครับ” นายทหารชั้นผู้น้อยเอ่ยขออนุญาตคนเป็นหัวหน้า พอได้รับการพยักหน้าตอบกลับมาก็วิ่งผลุนผลันออกจากห้องไป“พวกเราเองก็ออกไปรอต้อนรับกันเถอะ” เอหันไปพูดกับลูกน้องมือซ้ายและขวา ส่วนทหารในห้องคนอื่นยังมีภาระหน้าที่ของตนเองอยู่ ต่อให้อยากออกไปพบท่านเทพมากแค่ไหนก็ได้แต่อดทนอดกลั้นจนกว่าเวรยามของตนเองจะหมดลงแต่เมื่อเอลงมาถึง กลับไม่ได้เห็นรถบรรทุกทางทหารของค่ายเพียงคันเดียว ยังพบรถดัดแปลงของกลุ่มโจรที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ด้วย พาให้ทหารหลายนายที่อยู่รอบๆ กระชับอาวุธในมือของตนเองแน่น“คุณโจเซฟ… นี่มันอะไรกันครับ” หมาป่าหนุ่มขมวดคิ้ว คนที่ลงมาจากรถบรรทุกนั้นเป็นโจเซฟไม่ผิดแน่ ดังนั้นจะเป็นไปได้อย่างไรท