ชายหนุ่มค่อย ๆ ดันสองแม่ลูกให้ถอยหลังไปตามทางเดินของบ้านโดยมีโจรตามเข้ามาทีละนิด พวกมันดูสนุกสนานกับการต้อนเหยื่อให้จนมุม แค่เห็นหนึ่งในนั้นเลียริมฝีปากมองพวกเขาเหมือนอาหารอันโอชะก็กระตุ้นความโกรธที่อยากจะตั๊นหน้ามันสักครั้ง
ในจังหวะที่ถอยผ่านตู้เย็นหลังใหญ่ ดวงตาสีทับทิมก็สว่างวาบ
นี่ไงล่ะ... โอกาส!
มือเรียวรีบคว้าขอบบนตู้เย็นไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มีแล้วกระชากมันล้มลง จากนั้นก็คว้าเอาตู้กับข้าวอีกฝั่งหนึ่งให้ล้มทับปิดทางด้วย สบโอกาสก็รีบจูงมือสองแม่ลูกเข้าไปในห้องเก็บของ ใช้ขาที่มีพละกำลังมากขึ้นถีบประตูบานเก่าสนิมเขรอะจนมันกระเด็นหลุดออกไป
โครม!!
ตึก ตึก!
“จับมัน! อย่าให้มันหนีไปได้!!” ชายที่เป็นหัวหน้าตะโกนกร้าว สั่งให้ลูกน้องที่มีความแข็งแรงด้านพละกำลังยกตู้เย็นขึ้น ในนี้มีเสบียงอาหารอยู่ จะปล่อยให้เสียหายไม่ได้ จากนั้นตะโกนสั่งคนที่อยู่นอกบ้านอย่างเดือดดาล
ชายที่มีใบหูคล้ายหนูตามมาได้ทันแต่ก็ช้าไป เฉินเฟิงอุ้มดาริณีและเด็กชายดลไว้ด้วยมือทั้งสองข้างก่อนกระโดดข้ามรั้วบ้านที่มีความสูง 2 เมตรวิ่งหนีเข้าป่าไป
โจรปล้นบ้านมองไปทางป่าที่ไม่คุ้นเคยอย่างชั่งใจ มันไม่ใช่คนในพื้นที่ การตามเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าอาจทำให้หลงป่า แย่สุดก็คือการโดนซอมบี้รุมทึ้งกลายเป็นศพโดยไม่มีใครรู้ เพื่อนที่ตามมาสมทบมองหน้ากันเล็กน้อย ตันสินใจหันหลังกลับไปไม่คิดตามต่อ
กลับไปโดนลูกพี่ตบดีกว่าหลงป่า อย่างน้อยคืนนี้พวกเขาก็มีบ้านนอน มีผ้าห่มอุ่นและมีอาหารดี ๆ กินแล้ว
…
“แฮ่ก ๆ” วิ่งไปได้เกือบชั่วโมงเฉินเฟิงก็ทรุดลงกับพื้น ปล่อยสองแม่ลูกที่หิ้วกระเตงมาด้วย ไม่รู้ว่ายังมีอันตรายอีกไหม
แต่ขาเขาไม่ไหวแล้ว... วิ่งมากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว
อากาศ
ปอดเขาต้องการอากาศ
ดาริณีไม่กล้าเป็นตัวถ่วง เธอรีบมองซ้ายมองขวาเพื่อสอดส่องหาอันตราย ฟากเด็กชายดลก็ช่วยแม่มองหาอย่างเต็มที่ ไม่มีใครกล้าปล่อยวางหรือผ่อนคลายเลยสักคนแม้ว่าจะวิ่งมาไกลมากแล้วก็ตาม แต่คนพวกนั้นก็ดูไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน เพราะฉะนั้นจะประมาทไม่ได้
“พี่ลากผมไปที แฮ่ก ๆ อีกสองกิโลจะมีบ้านของผมอยู่” เฉินเฟิงไม่ได้พาทั้งคู่หนีมาอย่างไม่มีการเตรียมตัว เขาคิดจะไปยังภูเขาหลังหมู่บ้านที่ตนเคยสร้างบ้านต้นไม้เอาไว้ใช้พักผ่อนยามว่าง
“น้องดลคอยดูด้านหลังไว้นะลูก แม่จะลากอาเฟิงไป” พวกเขาชักช้าไม่ได้ จะมัวแต่รอให้คนที่พึ่งพาได้อย่างเฉินเฟิงฟื้นตัวก็ไม่ไหว ไปได้ทีละนิดก็ยังดีกว่าหยุดอยู่กับที่
ดาริณีถอดฮู้ดของชายหนุ่มออกแล้วใช้ส่วนของแขนเสื้อมัดตรงช่วงอกเพื่อให้มีที่ยืดจึบ หากให้เธอแบกฝ่ายชายขึ้นหลังคงเดินได้ไม่กี่ก้าว ลากไปเร็วกว่า
“แฮ่ก ๆ ขอโทษนะครับพี่ดา” อีกแค่นิดเดียวก็ถึงแล้วแท้ ๆ
“ไม่ค่ะ พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ” ถ้าไม่มีพวกเธอ ชายหนุ่มคงหนีออกไปได้ตั้งนานแล้ว
เพราะเธออ่อนแอ พละกำลังก็เล็กน้อย เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาเดินดิน ไม่ได้กลายพันธุ์อย่างพวกที่บุกเข้ามา หากเธอมีพลังสักนิดคงช่วยสู้หรือไม่ก็คงหนีได้เร็วกว่านี้
กรรร
เฮือก!
ดาริณีหันขวับไปทางด้านซ้ายทันทีที่ได้ยินเสียงคำรามในลำคอ
เสียงนี้!
ซอมบี้!!
เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งในหมู่บ้าน เธอเองก็เคยเห็นเขาแต่ไม่ได้ทักทายกันบ่อยนัก และคงจะดีกว่านี้ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้ตาขาวโพลนเหมือนคุณแม่ของเธอ
หญิงสาวใช้แรงที่มีเหวี่ยงเฉินเฟิงให้เข้าไปอยู่ในพุ่มไม้และผลักลูกชายให้ไปอยู่ด้วยกัน มือก็คว้าเอาท่อนไม้แถวนั้นอุดปากเจ้าซอมบี้ไว้
ขอแค่ให้มันกัดเธอไม่ได้เท่านั้นก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว…
ฟึ่บ
“อึก! ใช้เล็บข่วนงั้นเหรอ” เพราะความยาวของไม้ไม่ได้ยาวมากนัก ยามเจ้าปิศาจตรงหน้าใช้มือซีดไขว่คว้ามาทางเธอจึงทำให้โดนข่วนไปเล็กน้อย แต่แล้วยังไงล่ะ ไม่โดนกัดก็ไม่ตายแล้ว “แรงเยอะชะมัด” เธอดันมากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว
“อย่ามายุ่งกับแม่เรานะ” เด็กชายดลที่ได้สติรีบคว้าไม้อีกท่อนวิ่งไปตีมือของซอมบี้ตรงหน้า พอเห็นเจ้าซอมบี้ย้ายมาจดจ้องที่ตนก็รีบตะโกน “ตอนนี้แหละแม่ ผลักมันออกแล้วตีหัวมันเลย”
“ตะ ตีหัว” จะให้เธอตีหัวคนงั้นเหรอ
“แม่! ทำเลย!” เด็กชายดลร้อนใจเมื่อเห็นผู้ให้กำเนิดลังเล ทันใดนั้นเจ้าปิศาจก็หันเหความสนใจไปที่เด็กชายเต็มที่ มันเอื้อมมือมาหมายจะคว้าร่างเล็กไปแทน คนเป็นแม่เห็นดังนั้นก็ไม่รอช้าดันไม้ออกไปสุดแรงจนปากของมันหลุดออก
จากนั้นหญิงสาวก็ไม่ออมแรง ฟาดไปที่กะโหลกศีรษะอย่างไม่ยั้งมือ ฟาดจนขาดสติ แม้จะรับรู้ว่าร่างตรงหน้านั้นล้มไปกับพื้นแล้วแต่เธอก็ยังตามไปฟาดจนเละเทะไม่มีชิ้นดี
พลั่ก!
“แม่ครับ พวกเราปลอดภัยแล้ว” เด็กชายเห็นแม่ไม่หยุดมือทั้งที่ซอมบี้ก็ไร้การตอบสนองไปนานแล้ว รีบตรงเข้าไปกอดแม่จากทางด้านหลัง “แม่ครับ พอเถอะ ดลกับพี่เฟิงปลอดภัยแล้ว”
“ปละ ปลอดภัยแล้ว” ดาริณีทรุดลงกับพื้น มือบอบบางปล่อยท่อนไม้หลุดร่วงอย่างไร้เรี่ยวแรง แต่เมื่อมองไปยังซากศพตรงหน้าน้ำตาก็ไหลออกมา
เธอฆ่าคน
เธอฆ่าคนไปแล้ว
ฆ่าคนไปแล้ว!!
“...” คนคนนี้เธอเคยเจอเขาเป็นครั้งคราวตอนมีประชุมหมู่บ้าน เขามีอาชีพรับจ้างทั่วไป ใครในหมู่บ้านจ้างอะไร ขอแค่ให้เงินเขาก็ไปทำทั้งนั้น แต่มาตอนนี้…“แม่!” เห็นแม่นิ่งเงียบไปก็ใจไม่ดี ไหนจะการร้องไห้แบบไม่มีเสียงสะอื้นนี่อีก“ผมว่าพวกเราไปต่อเถอะ” เฉินเฟิงที่พอมีแรงขึ้นมาบ้างเล็กน้อยรีบกล่าวทำลายบรรยากาศ พวกเขาเสียเวลาอยู่ตรงนี้มากไปแล้ว ดวงตาสีแดงเลือกที่จะไม่มองสภาพศพเละเทะตรงนั้นป้องกันไม่ให้สำรอกเอาเศษอาหารออกมา ปลอบใจตัวเองว่าพอถึงคราวจวนตัวมนุษย์ก็ต้องสู้แม้ว่าคนที่สู้ด้วยจะเคยเป็นคนรู้จักก็ตาม…“แม่ครับ ไปเถอะ” เด็กชายเองก็อยากอาเจียนกับภาพตรงหน้า แต่แม่กำลังไม่ได้สติ เด็กน้อยจึงยื่นมือไปดึงมือแม่ให้ลุกขึ้นเดินตามตน“น้องดล!” ดาริณีราวกับหลุดจากภวังค์ฝัน หญิงสาวคว้าร่างลูกชายหมุนซ้ายขวามองหาร่องรอยบาดเจ็บตอนที่เธอเห็นซอมบี้เบนเป้าหมายไปที่ลูกชาย เธอก็เหมือนสติขาดผึง กระหน่ำฟาดอะไรก็ตามที่กำลังจะทำอันตรายเด็กชาย“ผมไม่เป็นอะไรครับ เรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ” มือเล็กจับมือแม่แล้วดึงให้ไปทางพี่ชายเฉินเฟิงที่ยืนรออยู่“อะ อืม” ดาริณีเองก็เหมือนจะได้สติขึ้นมาบ้าง กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามแร
เมื่อเข้ามาในห้องก็เห็นร่างของหญิงสาวกำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียงโดยมี เอ่อ... เสาเตียงที่ถูกหักออกมาอยู่ในมืออีกฝ่าย แถมยังอยู่ในสภาพที่ถูกบีบจนเนื้อไม้ผิดรูปไปมาก ซึ่งเขาจำได้ดีว่ามันไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งแบบนี้“แม่ครับ” เด็กชายดลเห็นผู้ให้กำเนิดไร้สติแบบนี้ก็เป็นห่วงนัก เขากำลังเช็ดตัวอยู่ดี ๆ แม่ก็คว้าเอาเสาไม้ที่อยู่ใกล้มือไปจับแล้วบีบจนเป็นอย่างที่เห็น เขาตกใจทำอะไรไม่ถูกจนต้องไปตามพี่ชายมาช่วย“พี่เฟิง แม่ผมเป็นอะไร” ดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา หรือว่าแม่เขาจะเป็นเหมือนคุณยายไปแล้ว“เราปล่อยคุณแม่ไว้อย่างนี้ก่อนเถอะ” ปล่อยในความหมายของชายหนุ่มคือให้หญิงสาวอยู่ภายในห้องคนเดียว หากเป็นซอมบี้ขึ้นมาจะได้ไม่ออกไปกัดคนอื่นที่ด้านนอก ฝ่ามือใหญ่กว่าคว้าแขนของเด็กน้อยพาออกไปนอกประตู“แต่แม่...”“รอดูกันก่อนเถอะ” เฉินเฟิงปลอบ เขากลัวว่าถ้าหากดาริณีกลายเป็นซอมบี้ขึ้นมา เด็กชายดลจะถูกลูกหลงไปด้วย“ครับ” สุดท้ายเด็กชายก็ยอมเดินตามพี่ชายออกมาจากบ้านแต่โดยดี เขาขอสัญญาว่าถ้าหากแม่กลับมาเป็นปกติจะเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซนอีกต่อไปเฉินเฟิงพาเด็กน้อยมายังห้องที่เขาทำขึ้นเพื่อใช้สำหรับเก็บของ ยังด
“งั้นพี่รอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมขอไปเอาอาหารที่ห้องเก็บของก่อน” หญิงสาวกล่าวขอบคุณอีกเล็กน้อย เฉินเฟิงพยักหน้ารับแล้วจึงออกไปทำตามที่พูดหลังอิ่มหนำพวกเขาทั้งสามคนจึงมานั่งปรึกษากันอีกครั้ง เวลานี้ไม่มีบ้านหลังใหญ่ให้นอนอุ่นเหมือนก่อนอีกแล้ว ทั้งอาหารที่มีก็เพียงพอให้คนคนเดียวอยู่ได้ประมาณ 10 วันเท่านั้น แต่พวกเขามีถึง 3 คน...ดาริณีเสนอว่าตัวเธอจะออกไปหาผักป่าในละแวกนี้มาปลูก ด้วยความที่เธอเติบโตมาในหมู่บ้านชนบทและเคยตามบิดาขึ้นเขาลูกนี้อยู่บ่อยครั้ง จึงพอคุ้นชินว่าผักชนิดไหนกินได้และมีหน้าตาเป็นอย่างไร“แล้วบ้านของอาเฟิงล่ะ” จะปล่อยให้คนเลวพวกนั้นได้อยู่อย่างสุขสบายหรือ“ผม…” เขาอยากแก้แค้น แต่ตอนนี้คงยังไม่สามารถทำได้“เอ่อ... เราอยู่กันแบบนี้ก็ได้เนอะ พี่เองก็มีพละกำลังเพิ่มขึ้นมาก เดี๋ยวจะเป็นคนจัดการเรื่องปลูกผักปลูกหญ้าเอง” หญิงสาวอยากจะตีปากตัวเองที่ถามเรื่องนี้ออกไป บ้านหลังนั้นเป็นบ้านของเฉินเฟิงกับครอบครัว คราวที่ได้รู้ว่าชายหนุ่มสูญเสียบิดามารดาไปเพราะโรคร้าย คนในหมู่บ้านยังขนข้าวของมาเลี้ยงดูปูเสื่อเพื่อปลอบขวัญชายหนุ่มอยู่หลายวัน“สักวันผมจะไปจัดการกับคนพวกนั้นให้ได้ครับ
เสียงผ่าไม้ดังสนั่นลั่นเขาเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าหญิงสาวได้เริ่มงานของตนเองแล้ว ชายหนุ่มจึงพาเด็กน้อยไปยังด้านหลังที่เป็นแปลงปลูกผัก กลายเป็นว่าพวกเขาสลับบทบาทหน้าที่ในบ้านได้ทันทีหลังเห็นพละกำลังของกันและกัน“ดีที่บนเขายังพอมีผักป่าให้เราเก็บ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้แล้วล่ะ ว่าจะกินอยู่กันยังไง” เฉินเฟิงลากพืชผักที่ไปหามากองไว้ตรงลานโล่งที่ถางจนเตียน“เดี๋ยวน้องดลช่วยพี่โกยดินมากองรวมกันตรงนี้นะครับ” เริ่มจากปลูกหัวมันสำปะหลังให้รอดก่อน จากนั้นก็เป็นเผือกและต้นหอม อย่างหลังนี่เขาน่าจะเป็นคนนำขึ้นมา จำได้ว่าเคยหยิบเมล็ดผักโปรยไว้หวังให้มันขึ้นเองตามธรรมชาติ ดูเหมือนจะเหลือผู้ชนะแค่เพียงชนิดเดียวนั่นก็คือต้นหอมอย่างนี้จะเรียกผักป่าได้อีกเหรอ?“ผมไม่ชอบต้นหอมเลยอะ” น้องดลเบะปากเมื่อเห็นพี่ชายกำลังขุดหลุมปลูกต้นอะไรบางอย่างอีกมุมหนึ่ง พอเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็คือต้นหอมที่เด็กชายชอบเขี่ยไว้ข้างจาน“เวลานี้เลือกกินไม่ได้หรอก อีกหน่อยอาหารกระป๋องในบ้านก็จะหมดลง” ชายหนุ่มพูดสอนทั้งมือยังคงขุดปลูกไปเรื่อยจนเสร็จ“จะไม่มีรถขายกับข้าวผ่านหน้าบ้านแล้วเหรอครับ”“ถ้ามีก็ดีสิ”“แล้วผักพวกนี้จะกินได้เมื่อไหร
หนึ่งวันเต็มชายหนุ่มสลบไสลไม่ได้สติ พอฟื้นขึ้นมาก็ยังคงรู้สึกไร้เรี่ยวแรง คงเป็นผลจากการที่เขาใช้พลังจนเกินลิมิตตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขานึกถึงเลยก็คือคนที่มีพลังเหมือนกันอย่างดาริณี ก่อนที่เขาจะไปปลูกผัก เขาเห็นเธอทั้งแบกต้นไม้ ผ่าฟืน ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง“ฟื้นแล้วหรือ” นึกถึงก็มาพอดี“พี่รู้สึกยังไงบ้างครับ” เฉินเฟิงเอ่ยถามเสียงพร่า“??” ดาริณีงุนงงกับคำถาม ควรเป็นเธอไม่ใช่หรือที่ถามเขา “พี่ไม่เป็นอะไร เรานั่นแหละอยู่ ๆ ก็เป็นลม แถมยังมีพลังพฤกษาเพิ่มขึ้นมาอีก”“น้องดลเล่าให้ฟังเหรอครับ”“อืม” หญิงสาวพยักหน้า “วิ่งไปตามพี่มา บอกว่าเราเป็นลม แต่ตอนที่พี่ไปถึง สวนผักกลับมีอะไรก็ไม่รู้ขึ้นเต็มไปหมด พอถามน้องดลก็บอกว่าเป็นพลังของพี่ชาย” พร้อมกับเอาหัวเผือกขนาดยักษ์อวดเธอ“นั่นเป็นพลังของผมเองครับ ผมคิดว่าผมน่าจะใช้พลังมากเกินไป แล้วพี่ล่ะครับ รู้สึกอะไรบ้างหรือเปล่า”“อย่างนี้นี่เอง” เพราะงั้นเขาถึงได้ถามเธอสินะ “ไม่เลยจ้ะ ตอนพี่รู้สึกเหนื่อยก็นั่งพัก พอดีกับที่น้องดลมาตามนั่นแหละ ลืมเรื่องเหนื่อยไปเลย” แสดงว่าเขาต้องมีสัญญาณเตือนก่อนแล้วแต่ไม่ทันสังเกตเลยวูบไปแบบไม่รู้ตัว ห
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเราจะได้เป็นทีมที่ไปเคลียร์โรงงานพวกนั้น” ชายหนุ่มผู้มีใบหูสุนัขบ่นออกมาเสียงดัง พวกเขาเดินทางออกจากฐานมาไกลมากแล้ว พูดบ่นไปก็มีแต่คนในทีมที่ได้ยิน สองมือถือปืนไม่ปล่อยปืนใหม่กระบอกนี้เขาเพิ่งใช้แต้มแลกมาแต้มที่ต้องเก็บหอมรอมริบจากการทำภารกิจถึง 3 ภารกิจโคตรแพง!“เก็บปืนไว้ด้านหลังเลย เกิดลั่นโป้งป้างขึ้นมาเดี๋ยวซวยกันหมด” หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มเขยิบถอยห่างออกมา บนศีรษะของเธอมีหูใบเล็กดูน่ารักรับกับเขาขนาดเล็ก“เหอะ เธอจะมาเข้าใจธรรมชาติของผู้ชายได้ยังไง”“นิค นายคิดว่าไง ตุ่นกอดปืนไม่ปล่อยเลย” เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ฟัง เธอจึงรีบหาพรรคพวกสนับสนุน“อย่ามายุ่งกับฉันน่า” หมอประจำกลุ่มหันสายตาไปมองคู่รักที่ทะเลาะกันได้ทุกวันแต่ก็ไม่เลิกกันเสียทีด้วยสายตาเอือมระอา นัยน์ตาคมเหม่อมองออกไปนอกรถบรรทุก“ถ้าจะจีบกันก็ช่วยเบาเสียงหน่อย” ชายที่ทำหน้าที่ขับรถควบตำแหน่งหัวหน้าทีมเบี่ยงหน้ามาบ่นตรงช่องหน้าต่าง เจ้าพวกนี้หวานกันไม่เกรงใจคนไร้คู่บ้างเลยนอกจากเพื่อนร่วมทีมที่มีสารพัดหูสัตว์ก็คงมีแต่โจเซฟคนเดียวที่เป็นมนุษย์ธรรมดา ก่อนเกิดวันสิ้นโลกเขาเป็นพลทหารที่ได้รับการฝึก
‘จับมัน! อย่าให้มันหนีไปได้!!’ ภาพกลุ่มชายฉกรรจ์ที่บุกเข้ามาในบ้านแวบเข้ามาในหัว เป็นผลให้ศีรษะเล็กส่ายหนีเพื่อลบภาพความทรงจำอันเลวร้ายออกไปจนเส้นผมสีขาวปลิวไสวต้องระวังอีกเป็นเท่าตัว ซอมบี้ยังพอทำใจให้ฆ่าได้เพราะเคยเป็นคน แต่คนที่เห็นว่าเป็นคนอาจไม่ใช่คนอีกต่อไปเฮ้อ… ทั้งที่ไม่ชอบใช้ชีวิตซับซ้อนแท้ ๆ ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะในขณะที่ครุ่นคิด ขาก็พากระต่ายหนุ่มมาถึงชายป่าและทุ่งมันสำปะหลังสูงชะลูดได้ในที่สุด“มาถึงแล้ว” ด้วยเวลาแค่ 4 ชั่วโมงกว่า “ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้” อย่าดูถูกระยะทางสิบกิโลบนภูเขาเด็ดขาด ทางต่างระดับและส่วนที่ต้องระมัดระวังนั่นแหละที่ทำให้การเดินทางล่าช้า ถ้าเป็นคนทั่วไปคงใช้เวลามากกว่านี้อีกสองเท่า แต่พอกลายเป็นกระต่ายก็เหมือนจะง่ายดายขึ้นมาอันดับแรกคงต้องออกจากป่ามันสำปะหลังไปให้ได้ก่อน ถ้าเป็นก่อนได้รับพลังมาเขาคงไม่รีรอที่จะถอนมันออกไปจนเต็มกระเป๋า ก็นี่มันแหล่งอาหารชั้นดีเลยนี่นา รู้สึกว่าถัดไปอีกสองกิโลจะเป็นไร่อ้อยของโรงงานน้ำตาลน้ำตาล!จริงสิ ที่บ้านพักไม่มีน้ำตาลเลย ต้องแวะไปที่นั่นด้วย แล้วก็พวกเครื่องปรุง มีของที่ต้องการเต็มไปหมด แสดงว่าต้องมี
เจ้ากระต่ายต้องออกจากที่ซ่อนอย่างกะทันหันเพื่อหลบหลีกซอมบี้ที่มีความเร็วมากกว่าซอมบี้ที่เคยเห็นในหมู่บ้านลักษณะซอมบี้ตรงหน้าคงเป็นพนักงานคนหนึ่งในโรงงาน ที่คอของอีกฝ่ายมีแผลเหวอะหวะ คาดว่าน่าจะเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิต เนื้อบริเวณนั้นส่งกลิ่นเหม็นชวนคลื่นเหียน ไม่รอให้ตั้งตัวได้ศพตรงหน้าก็ปรี่เข้ามา มันพยายามยืดแขนออกมาจนสุดหมายจะคว้าอาหารให้ได้ในครั้งเดียวกร๊าซซ!!มือนุ่มที่ผ่านการวิวัฒนาการกระชับจับด้ามขวานแน่น เบี่ยงตัวหลบแขนยาวคู่นั้นออกไปด้านข้าง จากนั้นเหวี่ยงขวานไปที่คอด้านข้างของมันสุดแรงตุบทันทีที่ศีรษะของซอมบี้ตกลงพื้น ตัวของมันก็คล้ายกับตุ๊กตาที่ขาดเชือก ล้มแน่นิ่งไปกับพื้นพร้อมกับเลือดสีดำที่สาดกระจาย“แฮ่ก ๆ”ดวงตากลมสั่นระริกจ้องมองสิ่งที่เคยเรียกว่าคนตรงหน้า สัมผัสของขวานกระทบเนื้อยังตราตรึงราวกับเทปวิดีโอที่ถูกกรอซ้ำไปมา เลือดในกายเย็นเฉียบ ใบหูอื้ออึงไม่ได้ยินเสียงสรรพสิ่งรอบกาย“แฮ่ก ๆ”ลมหายใจถี่กระชั้นเมื่อเห็นว่าร่างตรงหน้ามีเลือดสีดำข้นคลั่กไหลนองพื้นจากปากแผลที่เขาเป็นผู้กระทำหลายวันก่อนหน้านี้เขายังคงเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่รู้จักศิลปะป้องกันตัว ไม่รู้จักการ
หนึ่งชั่วโมงต่อมาทุกคนก็ไปรวมกันที่มินิมาร์ตอีกครั้ง หงส์กลับมาพร้อมกับคริสตัลซอมบี้สีใสจำนวน 12 เม็ด พวกมันถูกล้างทำความสะอาดมาเป็นอย่างดีแล้ว“แถวนี้ไม่ค่อยมีคนผ่านมาเลยเหรอเนี่ย” การที่มีคริสตัลเกิดขึ้นในสมองของซอมบี้ได้นั้น หมายความว่าเจ้าพวกนี้ไม่ใช่ซอมบี้ที่เพิ่งเกิดในเร็ว ๆ นี้“คนน่าจะไปกระจุกตัวอยู่ในเมืองกันหมดแล้วล่ะค่ะ” หงส์ให้ความเห็นอาหารเย็นวันนี้เป็นปลากระป๋องกับแครกเกอร์ที่เฉินเฟิงใช้มันฝรั่งบดผสมรวมกับแป้งแล้วนำไปอบ ใช้เป็นอาหารฉุกเฉินยามออกเดินทางเพราะมีน้ำหนักน้อยและไม่ต้องยุ่งยากกับการประกอบอาหารนอกบ้านสำหรับทหารที่ผ่านความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน พวกเขากินกันไปเรื่อย ๆ อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ มีเพียงดาริณีและพิมพาที่ต้องพยายามกินให้มากหน่อย แม้รสชาติจะแปลกแปร่งเพราะไม่เคยกินแครกเกอร์กับปลากระป๋องมาก่อน ก็ต้องฝืนกินเข้าไปอีกหลายคำ วันนี้ใช้พลังไปเยอะต้องชดเชยสภาพความเป็นอยู่หลังออกจากเซฟโซนนั้นต้องรัดกุมทุกด้าน พวกเธอขอติดตามมาด้วยจะต้องอดทนและเรียนรู้ที่จะยอมรับและผ่านมันไปให้ได้ในสักวันหนึ่ง“กินน้ำให้พอดีนะคะ” หงส์แนะนำ “เกิดปวดห้องน้ำตอนกลางคืนจะลำบาก”“ถ้
“ใจร้อนอะไรครับเนี่ย” เฉินเฟิงตำหนิ“ใครใช้ให้เลียเจ้านี่ล่ะ” เขาไม่ของขึ้นจนลากคนรักไปทำกิจกรรมบนเตียงให้ถึงที่สุดก็นับว่าอดทนมากแล้ว มีอย่างที่ไหนยกมือข้างที่เลอะน้ำกามของเขาขึ้นดม หรี่ตาสีแดงลงคล้ายครุ่นคิดแล้วใช้ลิ้นสีแดงสดเลียเบา ๆ เป็นใครจะไปทนไหวเล่นเอาสติขาดผึงเลยทีเดียวซึ่งเจ้ากระต่ายน่าตีก้นก็ไม่ได้สำนึก ยกมือข้างที่ว่าขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตา เพราะเมื่อกี้เผลอใช้มือข้างนี้ผลักอกคนรัก จึงมีบางส่วนที่ถูกเช็ดออกไปแล้ว“ก็ผมสงสัยนี่…” เฉินเฟิงคิดถึงการกระทำของตนเองเมื่อครู่ก็หน้าร้อนผ่าว แค่จินตนาการก็รู้สึกว่ามันต้องอีโรติกมากแน่ แต่จะให้ถอยก็ดูไม่เป็นตัวเขาสักเท่าไร “เลยอยากลองชิมว่ารสชาติเป็นยังไง” ช้อนดวงตากลมโตสีทับทิมเป็นประกายออดอ้อนคุณหมอหมีตัวโตที่ยังคงคร่อมอยู่ด้านบน“...” นี่กำลังพยายามแก้ตัวหรือยั่วเขาอยู่กันแน่ หือ “ที่รักทำแบบนี้พี่ของขึ้นอีกแล้วเห็นไหม” นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนก้มมองกลางกายของตนที่กลับมาแข็งตัวอีกครั้ง“ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ เป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติอยู่แล้ว” เฉินเฟิงยิ้มตอบพร้อมกับกระถดตัวลงไปอยู่ในระดับเดียวกับอาวุธของคุณหมอ“...”“เดี๋ยวผมปลอบให้มั
เฉินเฟิงนอนโรงพยาบาลเป็นคืนที่ห้าแล้วหลังจากฟื้นขึ้นมา เขายังคงกินนอนอยู่ที่นี่เพราะต้องทำกายภาพบำบัดให้ร่างกายกลับมาใช้งานได้ดังเดิมเมื่อเห็นว่าเจ้ากระต่ายปลอดภัยหายห่วง คนอื่น ๆ จึงเริ่มออกไปทำภารกิจกันถี่ขึ้น แม้แต่ทีโอเองก็ไม่ได้มานอนเฝ้าที่ห้องอีกแล้ว ภายในห้องจึงเหลือแค่ชายหนุ่มผมขาวและคนรักผู้มีใบหูหมีสีน้ำตาล กับคุณสิงหาที่จะแวะเวียนมาตรวจอาการทุกเช้าวันนี้ก็เช่นกัน หลังจากทำกายภาพในตอนเช้าเสร็จ แพทย์เจ้าของคนไข้ดันบอกว่าตอนนี้สภาพร่างกายของเขาดีขึ้นมาแล้ว หากจะทำกิจกรรมเข้าจังหวะกับคนรักก็ไม่มีปัญหามีสิครับหมอ!!เพราะเขากับนิโคลัสไม่เคยเกินเลยถึงขั้นนั้น ที่ผ่านมาก็มีแค่กอดกับจูบ ส่วนเรื่องเมคเลิฟอะไรนั่นตัดไปได้เลย ถ้าไม่ใช่นิโคลัสนอนเป็นผัก ก็มีภารกิจโหดหินรออยู่ พอรอดตายมาได้ก็กลายเป็นเขาที่นอนติดเตียงต่อ จะเอาเวลาไหนไปจู๋จี๋กันถามหน่อยไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิด แต่สถานการณ์มันไม่เอื้ออำนวยให้คิดต่างหาก แม้จะไม่รู้ว่าระหว่างเขากับคนรักจะดำเนินขั้นสุดท้ายของการเมคเลิฟแล้วจะเป็นยังไง แต่ถ้าค่อยเป็นค่อยไปโดยเริ่มจากบทรักสุดเบสิกได้ละก็… บอกเลยเขาสู้ตาย‘พี่นิค’ เจ้ากระต่ายมองค
ขนาดที่ค่ายพันธมิตรยังมีคนที่มีหูสัตว์เกลื่อนกลาด เรียกได้ว่ามีประชากรที่เป็นทั้งมนุษย์ธรรมดาและมนุษย์กลายพันธุ์อย่างละครึ่งเลยล่ะ ส่วนผู้มีพลังพิเศษไม่ว่าที่ไหนก็ยังมีจำนวนน้อยนิดเหมือนกันหมด“งั้นผมขอไปกักตัวที่บ้านก่อนนะ” การกักตัวกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดไปแล้ว เมื่อไหร่ที่ออกไปด้านนอกจะต้องกักตัวเป็นเวลา 3 วัน ป้องกันไม่ให้นำเชื้อที่ติดตัวมาไปแพร่ใส่คนอื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม“ครับผม” กลุ่มหน้าประตูสองคนเดินไปส่งเฉินเฟิงและนิโคลัสที่บ้าน ถ้าเกิดชายหนุ่มกลายเป็นซอมบี้ระหว่างทางก่อนถึงบ้านขึ้นมาคงเป็นเรื่องใหญ่ปังหลังประตูรั้วบ้านและประตูหน้าบ้านถูกปิด เฉินเฟิงก็มองสภาพบ้านที่ยังคงสะอาดสะอ้านไม่มีร่องรอยของคราบฝุ่นเป็นไปได้ยังไง?หรือว่าในตอนที่พวกเขาไม่อยู่มีคนเข้ามาอาศัย?“อ้อ พวกผมลืมบอกไป กลุ่มแม่บ้านเขาช่วยกันผลัดเปลี่ยนมาทำความสะอาดบ้านให้นะครับ พวกป้า ๆ เขาอยากตอบแทนเรื่องเสบียงสำรองที่ให้มา” เป็นกรที่ตะโกนมาจากนอกบ้านช่วยไขข้อข้องใจให้เจ้ากระต่ายพอดิบพอดี เกือบได้ระเบิดโทสะแล้วไหมล่ะ“ฝากขอบคุณด้วยนะ” เฉินเฟิงตะโกนกลับไป“ครับผม!” และได้รับการตะโกน
ลงมาถึงตีนเขาเฉินเฟิงก็แยกกับกลุ่มของโจเซฟ ชายหนุ่มยืนมองแก๊งจักรยานพากันปั่นเรียงแถวออกไปยังถนนเส้นใหญ่ที่เชื่อมติดกับทางเข้าหมู่บ้าน ยังดีที่บริเวณนี้ไม่มีซอมบี้เพ่นพ่านเพราะถูกกำจัดไปเยอะ อีกทั้งยังอยู่ห่างจากตัวเมืองที่มีประชากรมากก็ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะปลอดภัยกลับมาอย่างสวัสดิภาพไม่สิต้องกลับมาปลอดภัยอย่างแน่นอน!“เอาไปกี่กล่องดี” นิโคลัสยกกล่องยาสมุนไพรออกมาจากหลังรถ“เอาไปสัก 3 กล่องก่อนก็แล้วกันครับ” ถือไปเยอะเดี๋ยวจะเด่นสะดุดตาเกินไป“โอเค” คุณหมอหมีพยักหน้าเข้าใจ ถือติดมือไปน้อยก็ดูไม่สมกับค่าครู แต่ถ้าเอาไปไปเยอะก็อาจทำให้บางคนเกิดความคิดไม่ดีขึ้นมาได้สมุนไพรแห้งเหล่านี้พวกเขาขนกลับมารวมแล้วมีมากกว่า 10 กล่อง นำขึ้นไปเก็บไว้บนภูเขาแล้ว 10 กล่อง ที่อยู่ตรงนี้จึงเป็นส่วนที่กันเอาไว้แบ่งปันให้คนในหมู่บ้านด้านล่างตั้งแต่ต้น แต่จะทยอยให้ทีละไม่มากไม่ให้ผิดสังเกต“ไม่รู้กลับหมู่บ้านครั้งนี้จะได้เจอกับป้ากิ่งแก้วอีกหรือเปล่านะครับ” เฉินเฟิงเอ่ยกลั้วหัวเราะ พวกเขาเจอกันทีไรมีแต่เรื่องชวนปวดหัวทุกทีถ้าให้เขาพูดแบบเห็นแก่ตัวหน่อยเขาอยากจะบอกเหลือเกินว่าถ้าหมู่บ้านนี้ขาดกิ่งแก้ว
“จักรยานมีทั้งหมด 5 คัน คนที่จะออกไปสำรวจก็คือ พี่ดา พี่พิม ตุ่น หงส์ และหัวหน้า ถูกต้องไหมคะ” หงส์ทวน พอดาริณียกมือขอไปด้วย โจเซฟก็ไม่รีรอรีบออกตัวว่าจะไปด้วยเช่นกันทันทีแหม… ไม่ค่อยออกนอกหน้าเลยนะหัวหน้า“อะไร… ก็แค่เห็นว่ายังมีจักรยานอยู่อีกหลายคัน” คนร้อนตัวรีบพูด“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ” หงส์หันไปหัวเราะคิกคัก ล้อเลียนคู่คนคุยที่หน้าแดงซ่านไปหมดแล้ว“แม่หน้าแดงมากเลย” ขนาดเด็กชายดลยังอดแซวแม่ตัวเองไม่ได้ตกลงเรื่องจำนวนคนกันเสร็จสรรพ ก็ออกไปจัดเตรียมแพ็กกระเป๋าบ้านใครบ้านมัน เฉินเฟิงเองก็เตรียมเก็บของเช่นกัน เพราะเขากับคนรักมีแพลนจะลงไปนอนที่บ้านของตนในหมู่บ้าน และถือโอกาสสอบถามหมอยาสมุนไพรว่าจะสามารถสอนความรู้ให้ตนได้หรือไม่หรือถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้นิโคลัสได้เรียนด้วย“เดี๋ยวนะครับ จะไปกันหมดวันนี้เลยเหรอ” ทีโอคิดว่าจะออกเดินทางในอีกวันหรือสองวันข้างหน้า ใครจะไปคิดว่าพอตัดสินใจเสร็จปุ๊บก็เก็บของปั๊บ“จะช้าอยู่ทำไมล่ะ ขืนมัวแต่โอ้เอ้คงมีคนอื่นตัดหน้าไปก่อน” หงส์“ตามใจ” ทีโอถอนหายใจ ดูท่าเย็นนี้คงต้องให้เด็ก ๆ กินปลากระป๋องแล้วล่ะ “ระวังตัวกันด้วยนะครับ”“คราวนี้ไม่ประมาทอีกแน่”
“ก็ดีนะ” นิโคลัสพยักหน้าเห็นด้วย“แต่น้ำมันรถที่มีจะไม่พอให้เราตะลอนหาของได้ตามใจชอบน่ะสิ” โจเซฟส่ายหน้าเห็นต่าง พวกเขาไม่มีถังน้ำมันสำรองกักตุนไว้ในปริมาณมาก ดังนั้นจึงค่อนข้างเป็นกังวลหากต้องนำรถออกไปตระเวนหาของอย่างไม่รู้ทิศทาง“ขี่จักรยานไปไง” หงส์เสนอ“ไหวหรือ?” โจเซฟไม่ได้มีเจตนาดูถูก แต่ขี่จักรยานไปในสถานการณ์ที่ไม่ปกติแบบนี้ค่อนข้างเสี่ยงเอาการ ไหนจะอากาศประเทศ T ที่ไม่ค่อยปกตินัก บางวันก็ร้อนจนอยากจะนั่งแช่น้ำทั้งวัน บางวันก็ฝนตกหวิดจะเกิดโรคระบาดจากน้ำอีกรอบ“ถ้ารู้เส้นทางเข้าเมืองก็ไม่น่าจะยากไม่ใช่เหรอคะ” อีกอย่างจักรยานที่เอามาก็เป็นจักรยานเสือภูเขา มีไว้สำหรับเร่งความเร็วอยู่แล้วถ้าเจอซอมบี้ก็แค่ใช้พลังสู้กับมัน“ถ้าไม่ออกไปหาของตอนนี้ อีกหน่อยก็ไม่เหลืออะไรให้หาแล้วล่ะค่ะ” พอมนุษย์ที่เคยเอาแต่หวาดกลัวเริ่มปรับตัวได้ พวกเขาจะสามารถเรียกความกล้าและออกไปผจญอันตรายเหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเธอเชื่อว่าอย่างนั้นไม่มีใครเอาแต่สั่นกลัวอยู่แต่ในบ้านได้หรอก“ถ้าอย่างนั้นพิมขอไปด้วยได้ไหมคะ” หญิงสาวยกมือ“แม่!” พลอยใสตกใจตาโต “ถ้าแม่ไปพลอยก็จะไปด้วย” เด็กสาวรีบยกมือตาม ก่อนจะ
“อร่อย! อร่อยมาก!!” เขาไม่เคยกินอาหารรสชาติแบบนี้มาก่อนเลย“อร่อยก็ดีแล้วครับ ปะ พวกเรายกไปที่โต๊ะเลยดีกว่า” เห็นคนรักไม่บาดเจ็บในปากก็โล่งอก ยิ้มกว้างให้กับเมนูอาหารในวันนี้ ดีที่ตอนนั้นหลังจากได้ชิมต้มหมูชะมวงของเชฟในครัวเขาก็ไปค้นหาสูตรอาหารชนิดนี้ในอินเทอร์เน็ตต่อ ทำพลาดอยู่ 4-5 จานก็ได้รสชาติคล้ายคลึงที่สุดเท่าที่จะทำได้อืม… เขาก็เก่งเหมือนกันนะเนี่ย //ยืดหลังอาหารทยอยเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ ภาพบรรยากาศแสนสุขก็กลับมาอีกครั้ง เด็ก ๆ ตักแกงกินกับข้าวคำโต ผู้ใหญ่พูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระ นั่งปรึกษากันว่าพรุ่งนี้จะทำอะไร มีตรงไหนต้องปรับปรุง พอของคาวหมดก็ต่อด้วยเมนูผลไม้ล้างปาก เป็นส้มโอที่ถูกบิเนื้อออกเป็นเส้น ๆ แล้วนำไปคลุกเคล้ากับน้ำตาลและน้ำปลา ได้รสชาติหวานเค็มตัดกับความเปรี้ยวอมหวานของส้มโอเมื่อไม่เหลืออาหารให้จัดการอีก ตุ่น หงส์ และทีโอก็อาสานำภาชนะทุกชิ้นไปล้างโดยมีเด็กซน 3 คนออกตัวว่าอยากไปช่วยล้างด้วย ไม่รู้ว่าไปช่วยหรือไปป่วนกันแน่ฟากมังคุดก็นั่งเลียปากเลียมือ นอนตีพุงอย่างสุขใจ มันเพิ่งเคยกินอาหารที่ชายหนุ่มทำแบบเต็มที่ เครื่องแน่น ๆ เน้น ๆ แบบนี้เป็นครั้งแรกอร่อยมาก… อร่อยจนไ
อีกสาเหตุหนึ่งที่เฉินเฟิงเลือกเมนูนี้ขึ้นมาก็เพราะตอนอยู่ในค่ายเขาได้ไปแลกบางสิ่งบางอย่างมาจากตลาดนัดในค่ายพันธมิตร ราคาของมันเรียกได้ว่าแพงหูฉี่ กระปุกหนึ่งราคา 8 แต้ม กว่าจะต่อรองมาได้ก็เปลืองน้ำลายไปเยอะ แต่พอแม่ค้าเห็นว่าโจเซฟยืนอยู่ด้านหลังกลุ่มก็ลดราคาให้อย่างเร็วเหลือเพียง 6 แต้ม สมกับเป็นเทพเดินดินของคนในค่ายพันธมิตรจริง ๆซึ่งเจ้าสิ่งนั้นก็คือ… กะปิและน้ำมันพืชนั่นเอง!ผู้คนส่วนมากในค่ายไม่นิยมทำอาหารกินเองเพราะใช้แต้มคะแนนไปแลกอาหารที่โรงอาหารได้หลากหลายกว่าเฉินเฟิงแทบจะใช้แต้มคะแนนที่มีทั้งหมดแลกมันมาให้ได้มากที่สุด มีน้ำปลากับซีอิ๊วหวานอีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลย พอเห็นว่าตรงไหนมีวางขายก็อยากจะซื้อมาให้หมดเชฟใหญ่ประจำบ้านตระเตรียมวัตถุดิบประกอบอาหาร มองข้าวของบนโต๊ะที่มีครบอย่างที่อาหารจานหนึ่งควรจะเป็นด้วยสีหน้าอิ่มเอิบอา… มีเครื่องปรุงพร้อมนี่มันสวรรค์ชัด ๆอิ่มเอมกับบรรยากาศเครื่องปรุงและวัตถุดิบรอบตัวเรียบร้อยแล้วก็เริ่มจากทำเครื่องแกงก่อนเป็นอันดับแรก โดยคนที่รับหน้าที่นี้คือเฉินเฟิง ส่วนสองสาวจะนั่งฉีกใบชะมวงและหั่นเนื้อตะโขงแดดเดียว ก่อนจะนำไปล้างน้ำเพื่อล้างความเค็ม