Share

บทที่ 4

Author: ปลาทองหางเดียว
โจวเฉาหลี่ได้ฟัง ก็ไม่ได้ขมวดคิ้วแม้แต่น้อย “รู้แล้ว”

ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ใส่ใจอารมณ์และความโกรธของชิงอี้เลย

ป้าจางก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เมื่อก่อนก็เคยมีเรื่องอาละวาดแบบนี้ แต่สุดท้ายคุณนายก็เป็นฝ่ายกลับมาเอาใจคุณผู้ชายเสมอ

ส่วนหนานหนานที่ไม่ได้แช่น้ำนมอุ่นที่พอใจ ในที่สุดก็เป็นเพราะหร่วนหนิงถังมาคอยปลอบ บอกว่าวันมะรืนซึ่งเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์จะพาเขาไปดูงานนิทรรศการวิทยาการป้องกันประเทศด้านการบินและอวกาศ เขาถึงได้สงบลง

เมื่อก่อนคุณแม่ไม่เคยอนุญาตให้เขาไปในที่สูง ๆ เลย แม้แต่สวนสนุกก็ไม่เคยพาไป

เขารู้สึกว่าคุณแม่ก็แค่คนจน ไม่มีเงินเท่าน้าหนิงถัง

ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้ปากการาคาถูกเป็นของขวัญวันเกิด เค้กก็เป็นเค้กหน้าตาขี้เหร่ที่ทำเอง

แต่พอน้าหนิงถังลงมือ ก็พาเขาไปดูเครื่องบินและเครื่องบินรบของจริงเลย!

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น

หนานหนานตื่นนอนแล้วกระโดดโลดเต้นไปกินอาหารเช้า

อาหารเช้าวันนี้คือโจ๊กทะเล เมื่อคืนเขาตั้งใจบอกให้ป้าจางทำให้เป็นพิเศษ ตอนที่คุณแม่อยู่ ไม่เคยให้เขากินอาหารทะเลเลย มีแต่จะคอยควบคุมเขา

ตอนนี้เขาอยากกินอะไรก็ได้กิน!

ชิงอี้ตื่นแต่เช้า เตรียมอาหารที่มีประโยชน์ให้จือจือ แล้วส่งเธอไปโรงเรียน

ทันทีที่เธอก้าวเท้าจากไป หนานหนานก็กระโดดลงมาจากรถมายบัค

“สุดสัปดาห์นี้น้าหนิงถังจะพาฉันไปดูเครื่องบินรบของจริง! แล้วยังซื้อดินน้ำมันของเล่นให้ฉันเยอะแยะเลย เอาไปแบ่งให้เพื่อน ๆ ทุกคนเล่นด้วย”

หนานหนานอวดอย่างภาคภูมิใจ “นี่มันดีกว่าตัวต่อห่วย ๆ ที่เธอให้ฉันตั้งเยอะ! ถ้าเธออยากเล่นด้วย ก็มาอ้อนวอนฉันสิ อ้อนวอนให้น้าหนิงถังพาเธอไปด้วย”

“เป็นไงล่ะ? ไม่มีน้าหนิงถังกับพ่อ แม่ของเธอทั้งชาติก็ไม่มีทางพาเธอไปเห็นเครื่องบินรบของจริงได้หรอก!”

ดวงตาทั้งสองข้างของจือจือแดงก่ำ ปลายจมูกแสบขึ้นมา ของเล่นเหล่านั้นเธอทำเองกับมือทั้งหมด คุณอาชอบพี่ชาย ขอแค่เธอทำให้พี่ชายชอบได้ บางทีคุณอาอาจจะยอมให้เธอเรียกว่าพ่อสักครั้งก็ได้

จือจือจ้องมองเขา “พี่ พี่ไม่ชอบของเล่นที่ฉันให้ก็ช่างเถอะ แต่พี่จะพูดถึงแม่แบบนั้นได้ยังไง?”

“แม่ก็เป็นแค่ยัยบ้านนอก มีแต่เธอเท่านั้นแหละที่ชอบ! ต่อไปนี้เธอกับแม่ไม่ต้องกลับบ้านแล้วนะ บ้านตระกูลโจวไม่ต้อนรับพวกเธอ! แล้วฉันก็กำลังจะมีแม่ใหม่แล้วด้วย! เมื่อวานน้าหนิงถังเป็นคนกล่อมฉันนอน!”

หลังจากที่ชิงอี้ส่งจือจือเสร็จแล้ว ท้องฟ้าก็มืดครึ้ม ดูท่าว่าฝนกำลังจะตก

เธอเงยหน้าขึ้นเห็นตัวอักษรขนาดใหญ่ที่โดดเด่นบนป้ายโฆษณาที่ป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้าม [งานนิทรรศการบินแห่งประเทศหวา ยินดีต้อนรับ…]

ชิงอี้ชะงักไปครู่หนึ่ง นึกขึ้นได้ว่าในชาติที่แล้วช่วงเวลานี้ งานนิทรรศการวิทยาการป้องกันประเทศด้านการบินและอวกาศของเมืองเป่ยกำลังจะเริ่มขึ้น

งานนิทรรศการบินเมืองเป่ยเป็นหนึ่งในห้างานนิทรรศการบินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก จัดขึ้นทุก ๆ สองปี และในสุดสัปดาห์นี้เป็นครั้งที่สิบห้าพอดี เนื้อหาการจัดแสดงมีความหลากหลายครอบคลุมทุกมิติทั้งทางบก ทะเล อากาศ อวกาศ ไฟฟ้า และเครือข่าย รวมถึงผลิตภัณฑ์ด้านการบินและอวกาศต่าง ๆ เช่น เครื่องบิน ขีปนาวุธ โดรน และดาวเทียม

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการแสดงขนาดใหญ่ของเครื่องบินรบขนาดใหญ่หลากหลายประเภทอีกด้วย

ชิงอี้จ้องมองโปสเตอร์นั้นอย่างเหม่อลอย...

ถ้าหากตอนนั้นเธอไม่ยอมแพ้ ไม่เลือกที่จะกลับบ้านไปเป็นแม่บ้าน ในงานนิทรรศการครั้งนี้ ก็อาจจะมีเครื่องบินที่เธอออกแบบอยู่ด้วยก็ได้

บางทีเธออาจจะได้เป็นเจ้าหน้าที่ทางการคอยบรรยายเกี่ยวกับขั้นตอนการออกแบบและเรื่องราวเบื้องหลังก็เป็นได้

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสร้างชาติ นี่คือเกียรติยศอันสูงสุด

ชิงอี้ละสายตาออกมา แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาตรวจสอบข้อมูลการจองตั๋วงานนิทรรศการบินบนเว็บไซต์ทางการ ตั๋วทั้งหมดขายหมดเกลี้ยงแล้ว

ทันทีที่เธอเก็บโทรศัพท์มือถือ พายุฝนก็โหมกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรง

ตอนเช้าเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนที่ผู้คนส่งลูกไปโรงเรียนและไปทำงาน หน้าโรงเรียนยิ่งรถติดจนขยับไปไหนไม่ได้ จะเรียกแท็กซี่ก็เรียกไม่ได้เลย

ชิงอี้ฝ่าสายฝนที่ตกหนักเข้าไปในร้านกาแฟที่ไม่ไกลนัก

ในจังหวะที่ผลักประตูกระจกเข้าไป ก็ชนเข้ากับชายคนหนึ่งที่กำลังจะออกมาพอดี กาแฟร้อน ๆ หกราดตัวเขาเต็ม ๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวเปรอะเปื้อนคราบอย่างเห็นได้ชัด

“ขอโทษค่ะ ฉันจะชดใช้ให้คุณนะคะ” ชิงอี้รีบเงยหน้าขึ้นขอโทษ

ลู่จินอันเห็นว่าเป็นชิงอี้ ก็ชะงักไปเล็กน้อย วินาทีต่อมา บนใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้ม “รุ่นน้องชิง ตอนทดสอบห้องจำลองการบินที่สำนักงานการบินและอวกาศ เธอก็สาดสารเคมีใส่ฉันเต็มตัว ตอนนี้มาสาดกาแฟ ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ”

ชิงอี้งงไปครู่หนึ่ง ไม่คิดว่าจะมาเจอลู่จินอันที่นี่

ลู่จินอันเป็นรุ่นพี่ของเธอ และยังเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ที่ปรึกษาระดับปริญญาเอกคนเดียวกัน

ตอนนี้อาจารย์เฮ่อเป็นผู้อำนวยการของสถาบันห้าหนึ่งหนึ่ง เป็นขาใหญ่ในวงการการบินและอวกาศของประเทศหวา มีคนมากมายที่อยากจะให้ท่านเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา

ชิงอี้มองดูเสื้อผ้าของเขา “รุ่นพี่ก็ไม่เปลี่ยนไปเลย ยังปากหวานเหมือนเดิม”

“เสื้อของรุ่นพี่ คงจะซักไม่ออกแล้วล่ะ ฉันชดใช้ให้แล้วกัน”

เขายิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก หลังจากเธอแต่งงานไป เราก็ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ อุตส่าห์ได้เจอกันโดยบังเอิญ คุยกันหน่อยไหม?”

“เดิมทีฉันก็ตั้งใจจะโทรหารุ่นพี่อยู่แล้ว”

ลู่จินอันเลิกคิ้ว “งั้นไปคุยกันที่สถาบันแล้วกัน ฉันจะได้เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย”

ชิงอี้นั่งอยู่ในห้องรับรองสำหรับแขกภายนอกของสถาบันวิจัย

เธอไม่ได้มาที่นี่นานมากแล้ว

มองดูทิวทัศน์ที่คุ้นเคยในทุกหนทุกแห่ง ในหัวก็เต็มไปด้วยความทรงจำในตอนนั้น ทุกฉากทุกตอนยังคงแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำ

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมานั่งในห้องรับรองนี้ในฐานะแขก ในใจรู้สึกสับสนปนเปไปหมด

ลู่จินอันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วกลับมา นั่งลงตรงข้ามกับเธอโดยตรง มองเธอแล้วยิ้ม “เป็นไงบ้าง? รู้สึกว่าที่นี่เปลี่ยนไปเยอะไหม?”

“วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว สถาบันวิจัยก็เปลี่ยนไปเยอะจริง ๆ”

“อยากจะคุยอะไรกับฉันเหรอ? คนที่เคยบอกว่าจะขอเป็นวีรสตรีแห่งวงการอวกาศ อยู่ ๆ ก็ทิ้งการเรียนกับการวิจัยกลับไปแต่งงานเลี้ยงลูก แล้วก็ไม่ติดต่อพวกเราอีกเลย...”

ชิงอี้ก้มหน้าลง ในใจรู้สึกผิด ไม่กล้าสู้หน้าพวกเขา และติดค้างคำขอโทษพวกเขามาโดยตลอด

“ฉันได้ยินมาว่าเครื่องฟื้นฟูระบบนิเวศชิงหลวนเอกซ์เซเว่นประสบความสำเร็จแล้ว และจะปรากฏในงานนิทรรศการบินสุดสัปดาห์นี้” ชิงอี้เม้มริมฝีปากเบา ๆ “ฉันควรจะขอโทษพวกพี่ ตอนนั้นฉันจากไปอย่างกะทันหัน”

“ข่าวของเธอก็ไวดีเหมือนกันนะ” ลู่จินอันมองเธอแล้วยิ้ม “ตอนนั้นที่เธอถอนตัวออกไป โครงการของพวกเราทุกคนก็หยุดชะงักไปพักใหญ่เลย ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้”

“ฉัน...” ในใจของชิงอี้รู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก “ขอโทษค่ะ”

นอกจากการขอโทษแล้ว เธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก

เพราะความเอาแต่ใจและการถอนตัวของเธอ ทำให้ทุกคนต้องเสียเวลาไปนานขนาดนั้นเลยเหรอ...

ตอนนี้ความเร็วในการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนั้นเร็วเกินไป ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่บ้านเป็นแม่บ้าน แต่เรื่องที่เกี่ยวกับวิชาชีพ เธอก็ยังคงศึกษาอย่างลึกซึ้งมาโดยตลอด เธอเชื่อมั่นว่าหากได้กลับเข้ามาในวงการอีกครั้ง เธอจะไม่ล้าหลังอย่างแน่นอน

“จริง ๆ แล้วทุกคนไม่ได้อยากได้ยินคำขอโทษของเธอหรอก เธอควรจะแสดงออกด้วยการกระทำมากกว่า”

ลู่จินอันคาดหวังว่าชิงอี้จะสามารถกลับมาได้ ที่นี่ต่างหากคือที่ที่เธอจะเฉิดฉายได้อย่างเต็มที่

“ฉันขอดูที่งานนิทรรศการบินด้วยตาตัวเองได้ไหมคะ?”

“จริง ๆ แล้วการออกแบบชิงหลวนเธอก็ทำเสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว พวกเราหลายคนใช้เวลาหลายปี ถึงจะเก็บงานที่เหลือจนเสร็จสมบูรณ์ได้จริง ๆ เธอเป็นส่วนหนึ่งของกิจการการบินและอวกาศของประเทศเรา ไม่ใช่ของครอบครัว”

“ทำไมถึงอยากดูล่ะ? ตัดสินใจจะกลับมาแล้วเหรอ?” ลู่จินอันมองชิงอี้ รอคอยคำตอบ

เขาวางแก้วในมือลง “ตั๋วงานนิทรรศการบินหาซื้อยากนะ ถ้าเธออยากดูจริง ๆ ก็โทรหาฉัน เดี๋ยวฉันพาเข้าไปเอง”

ชิงอี้เม้มปาก พยักหน้า “อืม ฉันก็คิดว่าฉันเป็นส่วนหนึ่งของกิจการการบินและอวกาศเหมือนกันค่ะ”

เธอสนใจท้องฟ้าและจักรวาลมาตั้งแต่เด็ก

ความปรารถนาของเธอไม่ใช่แค่การออกแบบเครื่องบิน แต่ความปรารถนาของเธอคือดวงดาวและท้องทะเลอันกว้างใหญ่

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เธอได้สูญเสียความเป็นตัวเองไป

ตอนงานนิทรรศการบินในชาติที่แล้ว เธอพาจือจืออยู่ที่บ้านช่วยหนานหนานทำการบ้านที่ยังทำไม่เสร็จ ตอนแรกคิดว่าโจวเฉาหลี่พาหนานหนานไปโรงพยาบาล แต่ต่อมาเธอก็เห็นพวกเขาอยู่กับหร่วนหนิงถังที่งานนิทรรศการบิน

จนถึงทุกวันนี้ เธอยังจำได้อย่างชัดเจนถึงแววตาอิจฉาของจือจือที่มองดูหนานหนานและคนอื่น ๆ ได้ดูการแสดงของเครื่องบินรบด้วยตาตัวเอง แต่เธอก็อดกลั้นเอาไว้ ไม่ได้พูดออกมา และไม่ได้โวยวาย

ในฐานะแม่คนหนึ่ง เธอก็ล้มเหลว

ตอนนี้ เธอจะไม่ยอมให้จือจือต้องอิจฉาหนานหนานอีกต่อไป

กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง เธอจะต้องค้นพบตัวเองให้เจอ และยิ่งต้องเป็นที่พึ่งและความภาคภูมิใจของจือจือให้ได้

ถึงแม้ว่าตอนไปเจออาจารย์แล้วอาจารย์จะไม่รับเธอ เธอก็สามารถไปดูงานแสดงได้ ไปพบปะกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนเก่า ๆ หรือขาใหญ่ในวงการก็ยังดี

อย่างน้อยก็ให้คนในวงการรู้ว่า ยังมีคนอย่างเธออยู่คนหนึ่ง...

ลู่จินอันยิ้มอย่างอ่อนโยน รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง “สถาบันวิจัยมีแผนการวิจัยใหม่ ต้องการหัวหน้าวิศวกร และต้องการกำลังคน แต่ก็ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้เลย”

ชิงอี้รู้ว่า นี่คือการชักชวนของเขา

ตำแหน่งหัวหน้าวิศวกรนั้นไม่กล้ารับ แต่ถ้าเริ่มจากพื้นฐานที่สุด เธอทำได้

“ฉันจะส่งเรซูเม่ไปค่ะ”

ลู่จินอันจ้องมองชิงอี้ แล้วพูดต่อ “แต่เรามีข้อกำหนดว่า ผู้สมัครจะต้องมีสถานะการสมรสที่มั่นคง”

ชิงอี้ชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อก่อนไม่มีกฎข้อนี้ ตอนนี้กลับมีขึ้นมา เป็นเพราะมีเธอเป็นบทเรียนมาก่อนหรือเปล่า?

“ฉันกำลังจะหย่าค่ะ”

ลู่จินอันตะลึงไปชั่วขณะ ตอนนั้นที่เธอทุ่มเทไล่ตามความสุขอย่างไม่ลังเล ยอมทิ้งอาชีพการงานทุกอย่าง ไม่คิดเลยว่าตอนนี้เธอจะตัดสินใจแบบนี้...

ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของชิงอี้ก็ดังขึ้นอย่างไม่ถูกที่ถูกเวลา

“คุณแม่ของโจวอวิ๋นเหย่คะ จู่ ๆ โจวอวิ๋นเหย่ก็มีผื่นแดงขึ้นเต็มตัว แล้วยังปวดท้องด้วย ตอนนี้ต้องส่งโรงพยาบาลแล้วค่ะ คุณมาที่นี่หน่อยนะคะ”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 64

    ชิงอี้คุ้นหน้าคุ้นตาคนคนนี้ดีเป็นหัวหน้าผู้ช่วยของโจวเฉาหลี่ ชื่อหลีหนานคนคนนี้เป็นเพียงคนเดียวในบริษัทที่รู้เรื่องความสัมพันธ์สามีภรรยาของพวกเขาชิงอี้ขมวดคิ้ว มองไปยังทิศทางหนึ่งรถมายบัคคันหนึ่งจอดอยู่ใต้ร่มไม้ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนักบริเวณประตูโรงเรียนอนุบาลไฮโซ ในบรรดารถหรูมากมาย รถของโจวเฉาหลี่ถือว่าไม่โดดเด่นมากนักความตั้งใจที่โจวเฉาหลี่มาเชิญตัวเธอไปนั้น เธอก็พอจะเดาได้คร่าว ๆ อยู่นอกจากเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้หร่วนหนิงถังแล้ว เธอก็คิดไม่ออกว่ายังมีเรื่องอะไรอีกที่ทำให้เขาลงแรงถึงขนาดนี้ชิงอี้ไม่คิดสนใจทว่าหลีหนานยังคงยืนตระหง่านขวางเอาไว้ ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด เขาไม่คิดจะปล่อยให้เธอไปจือจือขมวดคิ้วมุ่น มองหลีหนาน ความระอาผุดอยู่ในดวงตาชิงอี้สีหน้าเย็นชาขึ้นหลายส่วน “นี่คุณคิดจะทำเรื่องผิดกฎหมาย บังคับจับตัวพวกเราขึ้นรถสินะ?”หลีหนานสีหน้าไร้การเปลี่ยนแปลง “ไม่กล้าครับ แค่จะเชิญคุณนายขึ้นรถเฉย ๆ ”“ประธานโจวบอกว่า ประธานรู้ว่าของที่คุณนายต้องการอยู่ที่ไหนครับ”......หนึ่งนาทีต่อมาชิงอี้เตรียมจะเปิดประตูที่นั่งด้านหลังหลีหนานตรงเข้าไปขวาง แล้วเป

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 63

    “เธอ... จบแค่ปริญญาตรีจริง ๆ เหรอ?” เฉิงจิ้งขมวดคิ้วแน่น “อย่าบอกนะว่าปลอมประวัติการศึกษามา”ชิงอี้ปล่อยเมาส์ในมือ เธอยืดตัวตรง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันจบปริญญาตรีจริง ๆ”บรรดาคนในห้องประชุมต่างมองหน้ากันและกันจะเป็นไปได้ยังไง?เด็กปริญญาตรีคนหนึ่งถึงกับล้มนักศึกษาดีเด่นอย่างพวกเขาทุกคนได้ในพริบตาถึงกับคว่ำประธานลู่ของพวกเขาได้ด้วยซ้ำ จะดีร้ายอย่างไรประธานลู่ก็เป็นถึงลูกศิษย์คนสุดท้ายของอาจารย์เฮ่อ เป็นนักเทคนิคคนสำคัญของสถาบันห้าหนึ่งหนึ่งหวังสี่ตกตะลึง “เสือซ่อนเล็บคนหนึ่งชัด ๆ ”เธอมองเฉิงจิ้ง “ตอนนี้เธอน่าจะยอมรับได้แล้วใช่ไหม? ควรจะขอโทษเพื่อนร่วมงานคนใหม่ของพวกเราด้วยสักหน่อยนะ?” เฉิงจิ้งนิสัยเย่อหยิ่งจองหอง ด้วยมีความสามารถอยู่กับตัวจริง ๆ เธอกระวนกระวายเรื่องที่ลู่จินอันปฏิเสธหร่วนหนิงถัง แต่รับชิงอี้เข้ามาทำงานอยู่ตลอดทำให้ยิ่งไม่พอใจในตัวชิงอี้และตอนนี้ ความสามารถของชิงอี้ก็สูงกว่าหร่วนหนิงถังลิบลับเธอยอมรับว่าครั้งนี้เธอสะเพร่าไปสักหน่อยมันมีความเป็นไปได้แค่หนึ่งในล้านล้านเท่านั้นที่จะเกิดขึ้นกับเธอ เรื่องที่เด็กปริญญาตรีคนหนึ่งคว่ำพวกเธอทุกคนได

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 62

    เดิมทีเฉิงจิ้งนั้นไม่พอใจเธออยู่แล้วยิ่งตอนนี้มีมูลเหตุ ก็ยิ่งกัดไม่ปล่อย“ในเมื่อที่บ้านมีเรื่อง ก็จัดการให้เสร็จก่อนค่อยมา ไม่ต้องมาทำตัวขายหน้า เป็นตัวถ่วงอยู่ที่นี่”ตอนนี้เองที่หวังสี่ผู้เป็นสมาชิกทีมก้าวเข้ามาแล้วเอ่ยปาก “พอแล้ว พูดให้น้อยลงหน่อยเถอะ ไปประชุมที่ห้องประชุมได้แล้ว”ในเมื่อเธอมาถึงบริษัทและเข้าทีมแล้ว จะบีบคั้นยังไงก็ไม่มีประโยชน์ ทั้งยังเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเธอเข้ามาทำงานแล้วไม่ได้ เฉิงจิ้งแค่นเสียงเย้ยหยันอย่างเย็นชา แล้วหมุนตัวเดินไปห้องประชุมหวังสี่ก้าวเข้าไปมองชิงอิง เห็นใจไม่น้อย เลยเอ่ยปลอบ “เฉิงจิ้งก็นิสัยแบบนี้แหละ เธอมีความสามารถยอดเยี่ยม เลยหยิ่งผยอง คิดว่าเธอใช้เส้นสาย ไว้เธอเผยความสามารถของตัวเองออกมาก็ใช้ได้แล้ว”“ขอแค่มีความสามารถ เฉิงจิ้งก็จะยอมรับเธอเอง”ชิงอี้ยิ้มละมุน “ขอบคุณค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”หวังสี่เห็นเธอวางตัวดี ไม่วางท่าอย่างใช้เส้นเข้ามาเลยดังนั้นเลยพูดต่ออีกสักหน่อย “ถ้าเธอไม่โอเค ก็พยายามเงียบ ๆ ไว้ ไม่ต้องไปโผล่หน้าให้เฉิงจิ้งเห็นก็พอ เจ้าตัวน่ะขึ้นชื่อว่าชอบกลั่นแกล้งคนอื่น”......ชิงอี้เข้าไปห้องประชุม ตรงหน้าของทุก

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 61

    หลี่หว่านฮุ่ยทำอาหารอยู่ที่บ้านเสร็จเรียบร้อย ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมคละคลุ้ง“จือจือยังไม่ตื่นเหรอคะ?”หลี่หว่านฮุ่ยส่ายหน้า “ยังเลย”“นี่มือลูกเป็นอะไร?”“ไม่มีอะไรค่ะ” ชิงอี้เม้มปาก “ไม่ทันระวังเลยบาดเจ็บเข้าน่ะ”หลี่หว่านฮุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย เกิดความคิดบางอย่างขึ้นในใจ ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเธอแกะผ้ากันเปื้อน “แม่ไม่อยู่กินข้าวนะ ที่บริษัทยังมีเรื่องให้แม่ต้องไปจัดการ”ชิงอี้ชะงัก มองสีหน้าของคนเป็นแม่ “ให้หนูช่วยอะไรไหม?”“ดูแลตัวเองให้ดี”พูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินออกไป ฝีเท้าก้าวฉับ ๆ ดูเหมือนกำลังรีบร้อนไม่เบาชิงอี้มองเงาหลังที่เดินจากไปของแม่ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยทว่าเธอกลับไม่ได้คิดอะไรมาก หลงคิดแค่ว่าเป็นเพียงเรื่องทั่ว ๆ ไปเท่านั้นเดิมทีบริษัทก็ไม่ได้มั่นคงอยู่แล้ว การที่จะต้องยุ่งอยู่กับกิจการนับว่าเป็นเรื่องปกติบางทีเธออาจจะไม่ควรเอาแต่รบกวนให้แม่มาคอยดูแลจือจือ สังคมในทุกวันนี้ไม่มีใครที่มีชีวิตเรียบง่ายเลยสักคนยิ่งกว่านั้นคือหลี่หว่านฮุ่ยก็ยังต้องถูกพ่อของเธอตามวอแว ถึงจะหย่าแล้วก็ยังมาวุ่นวาย ตัดไม่ขาด ยิ่งสนใจก็ยิ่งยุ่ง......เรือนหอโจวเ

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 60

    ชิงอี้มองดูข้อความที่อยู่บนมือถือ หัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยันเขารักและทะนุถนอมหร่วนหนิงถังมากจริง ๆ กลัวว่าเธอจะน้อยเนื้อต่ำใจแม้เพียงเล็กน้อยถ้าเขาไม่ส่งข้อความมา เธอคงลืมไปแล้วว่ายังมีคนประเภทนี้อยู่ในรายชื่อของเธอชิงอี้ไม่ได้ตอบกลับอะไรทั้งนั้น ลบและบล็อกอย่างรวดเร็วในทันทีถึงแม้เขาจะไม่ยอมเซ็นหย่า เธอก็ไม่จำเป็นต้องรอโทรศัพท์และข้อความจากเขา ไม่จำเป็นต้องเก็บเขาไว้ให้รำคาญใจอีกแล้วถ้าไม่เห็น ก็ไม่รำคาญใจ......หลังจากส่งจือจือกลับแล้ว ชิงอี้ก็ไปพบกับทนายหนิงทนายหนิงเป็นทนายใหญ่ พื้นฐานแล้วไม่รับคดีแพ่งที่เป็นคดีหย่าร้างพวกนี้เนื่องจากลู่จินอันแนะนำ เขาจึงยินดีที่จะช่วยสถานที่นัดหมายของพวกเขาอยู่ที่คลับเฮาส์ตอนที่พวกชิงอี้ถึง ทนายหนิงมาถึงเรียบร้อยแล้ว“ขอโทษนะคะ มาช้าไปหน่อย”เมื่อทนายหนิงเห็นชิงอี้ ก็ยิ้มเล็กน้อยอย่างอ่อนโยน ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือไปที่เธอ “สวัสดีครับ ผมหนิงฉง”เขาท่าทางสง่างาม เป็นสุภาพบุรุษที่มีมารยาทหลังจากชิงอี้จับมือกับเขาแล้ว หนิงฉงก็เรียกให้เธอเข้าไปพูดคุยอย่างไม่อ้อมค้อมในทันทีหนิงฉงมีความสามารถเฉพาะทางสูงมาก เพียงสองสามประโยคก็สามา

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 59

    กระสุนลูกหนึ่งยิงมาที่ข้อมือของเธออย่างจัง ปวดแปลบเป็นระยะหน้าผากของเธอมีเหงื่อเย็น ๆ ผุดออกมาเล็กน้อย “ไม่เป็นไรจ้ะ”จือจือน้ำตาพร่ามัว ร้อนรนจวนจะร้องไห้ออกมาเมื่อคุณครูเห็น ก็ตกใจจนหน้าซีด “นี่คุณบาดเจ็บหนักยิ่งกว่าแม่ใหม่ของโจวอวิ๋นเยว่อีก เมื่อกี้ทำไมไม่พูดล่ะคะ? รีบไปจัดการที่โรงพยาบาลสักหน่อยเถอะค่ะ”เมื่อเห็นมือมีเลือดไหลออกมามากมายขนาดนั้น ก็ตกใจอย่างมากเธอบาดเจ็บ ไม่สามารถขับรถได้ ทำได้เพียงเรียกแท็กซี่เท่านั้นจือจือตกใจจนน้ำตาไหลตลอดเวลา ในใจเป็นห่วงแม่ ร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก“โทรหนึ่งหกหกเก้าเถอะ คุณแม่…คุณแม่เจ็บไหมคะ?”“ชิงอี้!”เสียงของลู่จินอันแว่วดังมาจากประตูใหญ่หลังจากที่ลู่จินอันได้รับข่าวว่าชิงอี้ขอลา ก็รู้สึกไม่วางใจ จึงตามมาที่นี่ด้วยคิดไม่ถึงเลยว่าพอมาถึงจะมองเห็นฉากแบบนี้ตรงหน้า“มือของเธอเกิดอะไรขึ้น? ร้ายแรงขนาดนี้เชียวเหรอ?” ลู่จินอันขมวดคิ้วแน่น “ฉันจะส่งเธอไปโรงพยาบาล อย่าให้ติดเชื้อ”เขารู้สึกโชคดีที่ตนเองมาที่นี่ชิงอี้เป็นคนที่มุ่งมั่นและมีความรับผิดชอบคนหนึ่ง ถ้าไม่เกิดเรื่อง เธอไม่มีทางออกจากตำแหน่งที่ทำงานง่าย ๆ แน่สามารถทำให้เธอร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status