"เอาล่ะรีบกินแล้วไปเรียนได้" หลี่ซินพลันเอ่ยขึ้น นางไม่อยากให้เด็กพวกนี้ไปสำนักศึกษาหลวงสาย
"เมื่อวานบ่าวลืมรายงานพระชายา ท่านชายน้อยตกน้ำที่สำนักศึกษาเพคะ"
หลี่ซินมองเสี่ยวเปาทันที เหตุใดเขาถึงตกลงไปในสระน้ำของสำนักศึกษาหลวงได้
"เสี่ยวเปา ผู้ใดทำเจ้าบอกแม่เดี๋ยวนี้" เสี่ยวเปาเงียบ
"ท่านแม่ เสี่ยวเทียนเจ้าค่ะ" เมื่อวานที่สำนักศึกษาหลวง ในยามเที่ยงนั้น อาจารย์จะปล่อยให้เด็ก ๆ ออกมาเดินเล่น แต่ไม่คิดว่าเสี่ยวเปานั่งเล่นที่ศาลา ในระหว่างที่เสี่ยวเปยไปโรงอาหารเพื่อนำของว่างมากิน เสี่ยวเทียนได้รังแกเสี่ยวเปยเสียแล้ว
หลี่ซินนึกชังชายาฝูอ๋อง ไม่อบรมสั่งสอนบุตรชาย
"เอาล่ะ พวกเจ้าไปรอข้าในรถม้า วันนี้ข้าจะไปส่งเจ้าเอง"
หลี่ซินกลับมาที่เรือนใหญ่ นางให้อีอีปิดประตูให้เรียบร้อย เพียงแค่นางผิวปากอาจู ก็ปรากฏตรงหน้านางแล้ว
"วันนี้ เจ้าจงตามข้าไปสำนักศึกษาหลวง" หลี่ซินจะให้อาจูทำงานบางอย่างให้นาง
"ขอรับ"
หลี่ซินนั่งในรถม้ามองบุตรทั้งสอง สีหน้าเสี่ยวเปาไม่ค่อยดีนัก
"เด็กดี เจ้ามิต้องกังวลไป มารดาจะจัดการให้เจ้าเอง" ไม่นานนักรถม้าจวนหยางอ๋องจอดหน้าสำนักศึกษาหลวง หลี่ซินเข้าไปส่งเด็กทั้งสองในห้องเรียน นางเห็นสวีเหมยไปส่งบุตรชายเช่นกัน หลี่ซินนึกชักนัก นางรีบเดินไปทางประตู เข้าไปนั่งในรถม้า
สวีเหมยออกจากประตูสำนักศึกษาหลวง ปรายตามองรถม้าจวนหยางอ๋องแล้วเบ้ปาก
ทันทีที่รถม้าจวนฝูอ๋องมุ่งหน้าออกไป ม้าเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ทำให้สารถีกระเด็นตกม้าทันที สวีเหมยกรีดร้องอย่างตกใจ ทำให้ชาวบ้านแถวนั้นได้รับความเดือดร้อน รถม้าจวนฝูอ๋องพลิกคว่ำ ทำให้สวีเหมยหัวกระแทกผนังรถม้าจนได้รับความบาดเจ็บ
หลี่ซินเปิดม่านมองดูด้วยความสาแก่ใจ ในตอนที่สวีเหมยเข้าไปส่งบุตรชาย หลี่ซินสั่งให้อาจูโปรยผงที่ทำให้ม้าคลั่ง จะออกฤทธิ์ภายในหนึ่งถ้วยชา หลี่ซินกะเวลาได้พอดี
เสียงร้องของสวีเหมยได้ยินเข้ามาในรถม้าหยางอ๋อง แม้รถม้าจะผ่านตรอกนั้นมาไกลแล้วก็ตาม รอยยิ้มของหลี่ซินทั้งงดงามและเต็มไปด้วยความน่ากลัวในคราวเดียวกัน
หลี่ซินมาถึงจวนรีบย่างกรายเข้าไปในเรือนใหญ่ทันที หญิงสาวนั่งลงบนตั่งเตี้ยใบหน้าระบายด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา อีอีรีบรินช้ำชั้นดีให้เจ้านาย
"พระชายาอารมณ์ดีนะเพคะ"
"แน่นอนอยู่แล้ว"
เพียงไม่นานนักอาจูก็พลันเดินเข้ามารายงานเรื่องของหลี่หลาน
"เรียนพระชายา เรื่องที่ให้ข้าตามคุณหนูหลี่หลานไป พบว่า นางไปที่โรงวาดภาพแห่งหนึ่ง จากนั้นก็นำภาพหนึ่งไปให้ชายผู้นั้นวาดจำนวนมาก" หลี่ซินได้ยินอย่างนี้ก็เข้าใจทันที
นางคิดไว้แล้วหลี่หลานต้องกัดไม่ปล่อย หาทางประจานนาง กระนั้นนางไม่มีทางให้หลี่หลานทำได้สำเร็จหรอกนะ
"อาจู เจ้านำภาพนี้ไปเปลี่ยน อย่าให้ใครเห็นเป็นอันขาด" อาจูไม่เปิดภาพดู เขารีบไปที่โรงวาดภาพทันที
ภาพนั้นหลี่ซินเป็นคนวาดภาพหลี่หลานใส่เอง เดิมที ต้องการหาช่าง แต่นางคิดว่า เรื่องนี้จะให้ใครรู้มิได้ กระนั้นลงมือจัดการเองเสียดีกว่า
ในระหว่างที่หลี่ซินกำลังนอนหลับในศาลารับลมเย็น อีอีได้นำเทียบเชิญมาให้นาง อีกห้าวันมีงานชมบุปผาที่วังหลวง ให้นางและท่านชายน้อย ท่านหญิงน้อยไปร่วมงาน สวีฮองเฮาเป็นคนจัดงานนี้เอง
งานนี้ต้องมีคนวางแผนชั่วเอาไว้แน่ หลี่ซินคิดในใจ
ค่ายทหารเมืองจินในยาม หยางอ๋องมองลูกน้องที่ซ้อมกระบี่กันอย่างเหนื่อยหอบ ยามนี้ฤดูหนาวของเมืองจิน ช่างหาอาหารยากลำบากนัก เขาจำเป็นต้องส่งสาส์นไปขอเสบียงจากเมืองชิง ยังไม่ตอบกลับมา เสด็จพ่อจะส่งมาให้เขารึไม่ อาหารในคลังใกล้จะหมดแล้ว
"ท่านอ๋องจดหมายขอรับ" อาหวังนำมามอบให้เจ้านาย ดวงตาดอกท้อมองเนื้อหาในกระดาษ สตรีนางนี้เฝ้าไข้เสี่ยวเปาทั้งคืน นางต้องการอะไรกันแน่
"อาหวัง ข้าจะกลับเมืองหลวงทูลขอฝ่าบาทเรื่องระเบียง" อีกทั้งเขาจะกลับไปดูสตรีร้ายนางนั้น รังแกบุตรเขารึไม่
ก่อนจะถึงงานเลี้ยงบุปผา หลี่ซินต้องมาที่ร้านผ้าอันดับหนึ่งของแคว้นชิง นางต้องการตัดชุดไปงานเลี้ยงบุปผา
หลี่ซินมุ่งหน้าไปที่ร้านผ้าอันดับหนึ่ง นางเลือกผ้าพับหนึ่งสีแดงเป็นสีที่หลี่ซินคนเก่าชอบ หลี่ซินจึงเลือกสีแดง แต่ทว่ามีสตรีนางหนึ่ง แย่งผ้าพับนั้นกับนาง
"แม่นางท่านช่างไร้มารยาทนัก เจ้านายข้าเลือกผ้าพับนี้ก่อน" อีอีทนมิได้เอ่ยขึ้นแทนเจ้านาย
"เจ้าเป็นแค่ขี้ข้า กล้าต่อว่าเจ้านายข้ารึ" สาวใช้ฝั่งตรงข้ามไม่ยอมเช่นกัน
"ในเมื่อเจ้าอยากได้ ข้ายกให้เจ้า" หลี่ซินขี้เกียจมีปัญหา นางเดินไปอีกด้านหนึ่ง แต่สตรีนางนั้นยังคงเดินตามหลี่ซินไม่เลิก พอเห็นหลี่ซินจับผ้าพับไหน นางก็แย่งตลอด หลี่ซินคิดอะไรดี ๆ ออก นางเดินไปจับผ้าทุกพับ
"ข้าจะเอา"
"สรุปแล้วเจ้าจะเหมาหมดร้านรึ ช่างดีใจแทนเถ้าแก่เจ้าของร้านเหลือเกิน" หลี่ซินเอ่ยอย่างยิ้ม ๆ สตรีนางนั้นมองผ้าที่ลูกน้องเจ้าของร้านถือ
"นี่เจ้าหลอกข้า"
"สวีเหมียว ข้าคือชายาหยางอ๋อง เจ้าช่วยให้เกียรติข้าด้วย ข้าไม่เอาเรื่องเจ้า ที่เจ้ามาวุ่นวายกับข้า นับว่าเมตตาเจ้าแล้ว" ในความทรงจำของหลี่ซินคนเดิม สวีเหมียวเป็นน้องสาวของสวีเหมย สวีเหมียวมีใจปฏิพัทธ์หยางอ๋อง แต่ทว่าหยางอ๋องถูกหลี่ซินคนเดิมคาบไปกินเสียก่อน สวีเหมียวจึงชังหลี่ซินมาก
ความจริง จีฮูหยินถูกเชิญตัวมาในวังหลวงเช่นกัน นางสารภาพความจริงต่อหน้าฝ่าบาท เพราะลูกของนางตาย นางจึงได้ขอลูกของสหายมาเลี้ยง แต่ผู้ใดจะไปคิดว่าจีหนิงจะเป็นแฝดน้องมาอาศัยจวนจี หากรู้เช่นนี้นางคงจะดูแลจีหนิงเช่นกันจีเยียนเสียใจอย่างหนักที่รู้ความจริง แต่เขาก็ไม่ได้ต่อว่าจีฮูหยิน วันนั้นชินอ๋องกับรัชทายาทจับคนร้ายได้ เพราะไปซ่อนตัวในตำหนักของอ้ายกุ้ยเฟย จึงพาตัวอ้ายกุ้ยเฟยมาเข้าเฝ้าฝ่าบาท อีกทั้งมียาพิษของเจียงหนานในตำหนักของอ้ายกุ้ยเฟย"เป็นเจ้าที่บงการทำร้ายรัชทายาทฉางอัน เหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนี้" เซียวเจียงตบหน้าอ้ายกุ้ยเฟยอย่างแรง"ข้าทำแล้วอย่างไร แม้แต่จางฮองเฮาข้าก็วางยานาง" อ้ายกุ้ยเฟยเหมือนคนบ้า นางยังไม่สำนึก"ดี ถอดยศอ้ายกุ้ยเฟย ขังนางไว้ตำหนักเย็นชั่วชีวิต" อ้ายกุ้ยเฟยโดนลากออกไป"ปล่อยนะ !!!" สรุปแล้วที่ฮองเฮาประชวรพระอ้ายกุ้ยเฟยเซียวเจียงทำใจไม่ได้ อีกทั้งเสบียงเมืองจินนั้นที่หายไปเพราะฝีมือเจิ้งอ๋อง อีกทั้งเจิ้งอ๋องยังเป็นคนทำร้ายชินอ๋องในงานเทศกาลล่าสัตว์ หลักฐานเยอะเพียงนี้"ถ่ายทอดคำสั่งเราไป ปลดเจิ้งอ๋องให้เป็นทาสนอกเมือง คนจวนอ๋องหากเป็นชายให้เป็นทาส หากเป็
งานพระราชสมภพของฝ่าบาท งานพระราชสมภพฝ่าบาทก็มาถึงจีหลานสวมชุดสีม่วงลายเหนือเมฆ อีกทั้งทำผมเมฆเหินปัดไปข้างหนึ่ง อากาศวันนี้เเจ่มใสยิ่งนัก ชินอ๋องสาวเท้าเข้ามาหานาง มองภรรยาเอกด้วยความรัก นางมองชุดสีม่วงของเขาลายเดียวกันกับนาง งานชุดคู่ก็มางานพระราชสมภพของฝ่าบาทจัดขึ้นในยามบ่ายของวันนั้น จีหลานนั่งข้างชินอ๋องตามเดิม ทุกสายตามมองทั้งคู่เป็นคู่รักที่ข้าวใหม่ปลามัน ชินอ๋องทั้งป้อนขนมจีหลานชายาเอกเจิ้งอ๋องนั่งไม่สบอารมณ์ เจิ้งอ๋องไม่เคยเอาใจนางเลยเเม้แต่น้อย อวิ๋นเหยาจีหลานอย่างน่าอิจฉา รัชทายาทแคว้นฉางอันก็มาร่วมงานพระราชสมภพครั้งนี้ด้วย ในงานนั้นมีสาวงามออกมาร่ายรำ ส่วนฝ่าบาทนั้นจะมากับอ้ายเฟย หลินเฟย จางฮองเฮานั้นประชวรพักอยู่ในตำหนักชายาเอกรัชทายาทหันไปยิ้มให้กับจีหลานอย่างเป็นมิตรจู่ ๆ ลูกธนูเฉียดผ่านใบหน้าของจีหลานไป จากนั้นมีกลุ่มนักฆ่าปรากฏตัวขึ้นมาทั้งหมดพุ่งเป้าไปที่รัชทายาทของฉางอัน เหล่าขุนนางและฝูงชนต่างหนีตายอลหม่าน จีหลานซ่อนอยู่หลังฉากกันกับชายาเอกรัชทายาทรัชทายาทฉางอันพลันต่อสู้กับนักฆ่า พวกมันใช้มีดสั้นแทงที่หน้าอกด้านขวาของเขาแล้วหายไป พร้อมระเบิดควัน"ร
งานแต่งชินอ๋องกับจีหลาน งานแต่งของจีหลานกับชินอ๋องก็มาถึง จีหลานในชุดเจ้าสาวสีแดงเพลิง ใบหน้าแต่งด้วยเครื่องประทินโฉมอย่างงดงาม "ลูกแม่ช่างงามยิ่งนัก" จีฮูหยินมองบุตรสาวผ่านคันฉ่อง จีหลานงดงามจริง ๆ "คุณหนูรองช่างงดงามเสียจริง" แม่สื่อยังเอ่ยปากชมจีหลาน "เจ้าบ่าวมาแล้วเจ้าค่ะ ชินอ๋องขี่มาม้ารับท่านเองเลยนะเจ้าคะ" บ่าวเข้ามารายงาน ในขณะนั้นเอง สาวใช้นางหนึ่งเข้ามาประชิดตัวจีหลาน หมายใช้มีดสั้นกรีดที่ใบหน้านาง จีหลานสาดผงบางอย่างเข้าตาสาวใช้นางนั้น จนนางล้มลงกับพื้น"เด็ก ๆ มาจับตัวนางไว้" จีฮูหยินพลันเรียกบ่าวชายเข้ามา จีหลานมองสตรีนางนั้นดิ้นพล่านราวกับโดนน้ำลวกบะหมี่สาดเข้าใบหน้า"บอกมาเจ้าเป็นผู้ใดคิดทำร้ายข้า" หากเมื่อสามวันก่อนชินอ๋องไม่มอบผงพิษป้องกันตัวให้นาง นางคิดว่านางคงได้ตายไปแล้วกระมัง ชินอ๋องคาดเดาได้ถูกต้องเสียจริง ว่าเจิ้งอ๋องไม่ปล่อยให้งานแต่งงานเกิดขึ้นเป็นอันขาด เขาจะแค้นอะไรนางนักหนาสตรีนางนั้นลักลอบเข้ามาปลอมเป็นสาวใช้ของจวนจี หมายจะสังหารจีหลาน สุดท้ายนักฆ่าก็กัดลิ้นตัวเองตาย"นางตายแล้ว" "นำศพนางไปทิ้ง" จีฮูหยินพลันเอ่ยขึ้น "อย่าไปเสียเวลา" เเม่สื
ตามหาแฝดองค์หญิงเยว่หนิง "พวกท่านว่าอันใดนะ" จู่ ๆ มีบุรุษแต่งกายชุดน้ำเงินเข้ามา เยว่ชางมองเขา บุรุษผู้นั้นสวมหน้ากาก เยว่ชางชักกระบี่ขึ้นมา นึกว่าเป็นคนของแคว้นเจียงหนาน"ช้าก่อน" ชายผู้นั้นถอดหน้ากากออก ทำให้เยว่ชางกับแม่นมหวังตกใจอย่างมาก นั่นมันรัชทายาทของพวกเขาเยว่เจิ้ง"รัชทายาท ท่านยังไม่ตาย" ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน "ใช่ข้ายังไม่ตาย ข้ามาแคว้นเซิ้งตั้งแต่ฉางอันล่มสลาย..." จากนั้นเยว่เจิ้งจึงเล่าเรื่องราวที่เขามาเป็นอาจารย์พิณของแคว้นเซิ้ง เนื่องจากเขากับรัชทายาทเซิ้งเป็นสหายสนิทกันมาก เยว่เจิ้งมาที่แคว้นเซิ้งได้หลายเดือน ได้ข่าวกันตายของจีหนิงว่านางตกสระบัว ข่าวว่านางพลันตกเอง แต่ไม่คิดว่าน้องสาวของเขาจะโดนคนชั่วสังหาร อย่างเยียนหยาง เยว่เจิ้งในตอนนั้นเป็นแค่อาจารย์พิณ พอเขารู้ว่าคนสกุลจีนำศพจีหนิงไว้นอกเมือง เขาไปเซ่นไหว้นางเป็นบางครั้งแต่ที่เขาเข้าไปหาค้นในศพของนาง หวังจะหาสมบัติ คนจวนจีบางคนยังไม่รู้ว่าสมบัติของนางอยู่ที่ใด จึงวานรัชทายาทเซิ้งให้ชินอ๋องรอบเข้าไปในเรือนของนาง พบว่าสมบัติบางส่วนอยู่กับจีหลานเขาขอร้องให้รัชทายาทเซิ้งช่วยเขาโดยการให้ชินอ๋องทำอย่างไร
มีคนตามหาองค์หญิงแคว้นฉางอันที่ล่มสลาย จีหลานได้ยินหมดทุกถ้อยคำ นางคือคนของแคว้นฉางอัน ไม่ได้เป็นญาติกับคนจวนจีจริง ๆ จีเยียนจึงไม่สนใจศพของนางเมื่อครั้งก่อนจีหลานได้รู้ความจริงแล้ว ใบหน้างามพลันปาดน้ำตา นางจึงกลับไปเรือนตัวเองอย่างช้า ๆหลังจากที่เยว่ชางได้รู้ความจริงแล้ว เขามุ่งหน้าไปที่วังหลวงแคว้นเซิ้ง ต้องการพบฝ่าบาทแคว้นเซิ้ง เพราะต้องการเอาคนผิดอย่างเยียนหยางมารับผิดชอบฝ่าบาทแคว้นเซิ้งได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากเยว่ชาง เยว่ชางเข้าเฝ้าฝ่าบาทและบอกฐานะจริงของเขา เขาไม่ได้เป็นพ่อค้าเกลือ แต่เป็นขุนนางในวังหลวงแคว้นฉางอัน และเป็นพระญาติกับห่าง ๆ กับฝ่าบาทแคว้นฉางอัน อีกทั้งครั้งหนึ่งรัชทายาทแคว้นเซิ้งกับแคว้นฉางอันเคยเรียนสำนักด้วยกัน และเป็นสหายกัน ยามนี้ฝ่าบาทแคว้นเซิ้งไม่รู้ว่ารัชทายาทเซิ้งไปอยู่ที่ใด หลังจากแคว้นฉางอันล่มสลายแต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจนั่งก็คือคุณหนูห้าจีหนิงไม่ใช่จีหนิง ญาติของคนสกุลจี แต่เป็นเยว่หนิงองค์หญิงแห่งแคว้นฉางอัน ที่ปลอมตัวมาลี้ภัยจวนสกุลจี จีเยียนเห็นแก่เงินที่เยว่ชางมอบให้จึงรับปากจะดูแลเยว่หนิงอย่างดี สุดท้ายเยียนหยางก็ผลักเยว่หนิงตกสร
ความวุ่นวายในจวนจี ในวันนั้นเองจีเยียนไปที่เรือนของอนุเซี่ย เซี่ยหรันดูแลบุตรสาว ยามนี้จีเหมยป่วยหนักไม่สบายอย่างมาก กระนั้นคนเป็นมารดาจึงคอยเช็ดตัวให้บุตรสาวโครม !!! เสียงถีบประตูเรือนเข้ามาอย่างแรง ทำให้อนุเซี่ยนั้นพลันมองผู้มาเยือน เซี่ยหรันดีใจมากที่จีเยียนมาหา"ท่านพี่" เซี่ยหรันลุกไปหาเขา แต่ทว่านางโดนตบหน้าจนใบหน้าหันไปอีกทาง"เกิดอันใดขึ้น" เซี่ยหรันยังคงไม่รู้ตัว"เซี่ยหรันหลายปีมานี้ ข้าดีกับเจ้าอย่างมาก ข้ารักเจ้าและบุตรของเจ้ามากกว่าภรรยาเอกเสียอีก เหตุใดจิตใจเจ้าถึงได้มีความริษยา ทำร้ายจีฮูหยินกับเด็กในท้องของนาง"จีเยียนรู้สึกผิดหวังเเละเสียใจอย่างมาก เซี่ยหรันนางเงียบ นิสัยนางเขารู้ดี นางเงียบนางทำจริง ๆ ด้วย"เก็บของ เจ้ากับลูกจงไปใช้ชีวิตอยู่ที่วัดฉินเถอะ" จีเยียนกำลังจะก้าวออกจากธรณีประตู แต่เซี่ยหรันกอดเขาจากด้านหลัง นางรักเขามาก"ข้าผิดไปแล้ว" "ไปสำนึกตัวเองเถอะ" จีเยียนก็เสียใจเหมือนกัน ที่เซี่ยหรันเป็นคนใจดำเพียงนี้ เขาไม่สังหารนางก็บุญแล้ว...คืนนั้นจีเยียนดูแลจีฮูหยิน เขาพลันรู้สึกผิดต่อนางไม่น้อย นับจากนี้เขาจะดีต่อนางให้มาก เพื่อทดแทนเวลาหลายปีท