ตอนที่ 11 ยัยเด็กแสบ
อาทิตย์ต่อมา
11.00 น.
หนูยิ้มยังคงทำหน้าที่ในการเป็นแอมบาสเดอร์คู่กับวาตะ ซึ่งการถ่ายทำของทั้งสองเสร็จไปมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์แล้ว อีกทั้งการถ่ายแบบยังคงเหลือโลเคชั่นเพียงอีกแค่ 3 ที่เท่านั้น โดยทั้งสามที่เป็นพื้นที่นอกมหาวิทยาลัย แต่ยังเป็นวิทยาเขตการดูแลของมหาวิทยาลัย
“เดี๋ยวหนุูยิ้มไปพักก่อนนะ ยังเหลือถ่ายอีก 3 ที่ แต่เป็นด้านนอกมหา’ลัยนะ ไม่มีปัญหาใช่ไหม” รุ่นพี่เอ่ยถามขึ้นมาเพราะกลัวว่าหนูยิ้มจะมีปัญหา ด้วยเพราะหญิงสาวเป็นเด็กใหม่
“ไม่มีปัญหาค่ะ หนูยิ้มเต็มที่ค่ะ”
“พักก่อนนะคะ เดี๋ยวทีมงานมาเรียกขึ้นรถอีกทีนะคะ งั้นพี่ไปก่อนนะ” หนูยิ้มพยักหน้ารับทันที ก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่าย
หลังจากที่หนูยิ้มนั่งพักมาได้สักพัก วาตะก็เดินเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้าง ๆ ของหญิงสาว
“พี่วาตะเหนื่อยไหมคะ นี่น้ำค่ะ” หนูยิ้มเอ่ยพร้อมส่งขวดน้ำให้กับวาตะ ซึ่งวาตะไม่เพียงแต่ไม่รับน้ำจากหญิงสาว แต่เขาไม่คิดจะสนใจเธอเลยด้วยซ้ำ เขาทำเหมือนหนูยิ้มเป็นเพียงอากาศธาตุเท่านั้น
“นี่ยังโกรธหนูยิ้มอยู่อีกเหรอ ดีกันนะคะนะ” หนูยิ้มมองวาตะด้วยดวงตาที่กลมโตออกมา ชูนิ้วก้อยพร้อมยกยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ยังจะต้องถามอีกเหรอและอย่ามาทำท่าเป็นเด็กๆ” วาตะเบือนหน้าหนีเม้มปากสะกดยิ้มกับท่าทางที่อีกฝ่ายกำลังดูออดอ้อนเขาอยู่
“งั้นต้องทำแบบไหนพี่วาตะจะหายโกรธหนูยิ้มคะ” หนูยิ้มยื่นใบหน้าของตัวเองเข้าไปมองวาตะ
ในขณะที่วาตะหันกลับมามองหญิงสาวทำให้ทั้งสองสบสายตากันอย่างไม่ตั้งใจ หัวใจของวาตะเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ สายตาคู่คมเผลอมองสำรวจใบหน้าของหนูยิ้มอย่างไม่ตั้งใจ
หนูยิ้มที่วาตะเคยเจอตอนนั้นกับตอนนี้มันช่างต่างกันสิ้นเชิง เมื่ออีกฝ่ายในตอนนี้ทั้งสวยทั้งมีออร่า แถมผิวพรรณยังผิดไปจากที่เขาเคยเจอเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
“มันหมายความว่ายังไงคะ” เสียงที่ดังขึ้นทำให้ทั้งวาตะและหนูยิ้มต่างพากันมองไปยังเจ้าของเสียง
“เรื่องอะไรคะ” รุ่นพี่เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจท่าทีของเอมี่ในตอนนี้
“ทำไมต้องให้ยัยนี่มาถ่ายงานแทนเอมี่ด้วยค่ะ” เอมี่ชี้ไปทางหนูยิ้มก่อนเอ่ยด้วยความโมโห
“ก็น้องเอมี่มาถ่ายไม่ได้พี่เลยต้องให้คนที่ผ่านการคัดเลือกลำดับต่อไปมาแทนยังไงคะ หรือเอมี่คิดว่าตัวเองถ่ายทำไหว ถ้าทำได้ทำไมถึงไม่มาตั้งแต่แรก” รุ่นพี่ไม่คิดว่าเอมี่จะมาอาละวาดแบบนี้
ในการถ่ายทำเซตแรกด้วยเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปหลายวันแล้ว พอตอบข้อความกลับมาดันบอกว่าถ่ายทำวันนี้ไม่ได้จะให้เลื่อนออกไปอีก 2 วันทั้งที่ทุกอย่างถูกจัดเตรียมให้หมดแล้ว
“แต่เอมี่แจ้งไปแล้ว ว่ายังไงเอมี่ก็จะมาถ่ายงานเซตที่สองตามที่ตกลง แต่นี่อะไรพี่ไปเอาคนอื่นมาถ่ายคู่พี่วาตะแบบนี้เอมี่ไม่ยอม ” เอมี่มองหนูยิ้มอย่างไม่พอใจ ตอนแรกเธอก็ไม่ค่อยชอบหนูยิ้มอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งไม่ชอบเข้าไปอีก
“ไม่ยอมแล้วยังไง คือจะให้พวกพี่ถ่ายใหม่เหรอคะ”
“ใช่ค่ะ”
“น้องเอมี่” รุ่นพี่เรียกอีกฝ่ายอย่างเหนื่อยใจ
“ไม่อย่างนั้นเอมี่จะไปไลฟ์สดด่าให้ดู”
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ควรไปคัดคนมาถ่ายคู่ด้วย เพราะฉันจะไม่ถ่ายเพิ่ม ” วาตะที่ฟังมาได้สักพักพูดขึ้นก่อนเดินตรงไปยังหน้ากล้องอีกครั้ง ทำให้หนูยิ้มที่เห็นแบบนั้นต้องเดินตามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
“พี่วาตะ” เสียงเอมี่เรียกวาตะเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจ
การกระทำของเอมี่ในวันนี้ทำให้รุ่นพี่ ทีมงานพากันเอือมระอากับความเอาแต่ใจ ความไม่เป็นมืออาชีพทั้งที่เอมี่ทำงานเกี่ยวกับวงการนางแบบ อินฟูเอนเซอร์อยู่แล้ว รวมถึงการบอกว่าจะไลฟ์ด่าทีมงานอีก
หลังจากการถ่ายแบบผ่านพ้นไปได้ด้วยดี วันนี้ก็เป็นวันปิดกล้องปิดจบงานทั้งหมด ซึ่งทุกคนต่างดีใจที่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี มีเพียงหนูยิ้มที่รู้สึกไม่ร่าเริงเหมือนที่ผ่าน ๆ มาเพราะเท่ากับว่าเธอจะไม่ได้เจอกับวาตะอย่างใกล้ชิดอีก
ซึ่งช่วงค่ำของวันนี้จะมีงานเลี้ยงปิดกล้อง หนูยิ้มไม่คิดปฏิเสธที่จะมางานเลี้ยงเพราะหญิงสาวอยากจะมาเจอกับวาตะเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“พี่ขอบคุณทุกคนที่ทำงานอย่างหนักเพื่อให้ทุกอย่างออกมาดีด้วยนะคะ” สิ้นเสียงของรุ่นพี่ที่ดูแลงาน เสียงตบมือก็ดังออกมาทันที
“ต้องขอบคุณวาตะกับหนูยิ้มด้วยนะ”
“หนูยิ้มยินดีมากๆค่ะ” หนูยิ้มเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ ต่างจากวาตะที่พยักหน้ารับเท่านั้น
“มา ๆ ดื่มกัน” รุ่นพี่พูดพร้อมส่งแก้วเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ให้กับหนูยิ้ม
“เอานี้ไป เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าหัดดื่มเหล้า” วาตะไม่เพียงแต่พูดเปล่า เพราะเขาได้เปลี่ยนจากแก้วเหล้าในมือของหนูยิ้มเป็นน้ำอัดลมแทน
“เป็นห่วงหนูยิ้มเหรอคะ” หนูยิ้มพุดกับวาตะอย่างมีท่าทีดีใจ
“กิน ๆ ไปเถอะหน่า” หนูยิ้มไม่พูดอะไรต่อแต่ก็เลือกที่จะกินไปอย่างเงียบ ๆ แต่ในระหว่างนั้นวาตะก็รอบมองหญิงสาวอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งรุ่นพี่ต่างพากันกลับเพราะดึกมากแล้ว
“หนูยิ้มกลับยังไง” รุ่นพี่เอ่ยถามออกมาเมื่อเห็นว่าหนูยิ้มไม่มีเพื่อนกลับ แถมยังไม่มีรถอีกด้วย
“เดี๋ยวหนูยิ้มเรียกรถกลับเองค่ะ” หนูยิ้มตอบอีกฝ่ายทันที
“ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะ”
“ค่ะ”
เมื่อทุกคนแยกย้ายกับกลับบ้าน หนูยิ้มเดินออกมากดเรียกรถที่หน้าร้าน ก่อนที่จะทำรายการจบ เสียงของวาตะก็ทักขึ้นมา ทำให้เธอเงยหน้ามองเขาทันที
“ขึ้นรถ” วาตะที่เดินตามออกมาพูดด้วยเสียงที่นิ่งเรียบตามแบบฉบับของเขา
“พี่วาตะจะไปส่งเหรอคะ” หนูยิ้มเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะไม่คิดว่าวาตะจะอาสาไปส่งตัวเองจริง ๆ
“อืม”
“หายโกรธหนูยิ้มแล้วใช่ไหม” หนูยิ้มเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่ทำเอาวาตะนิ่งงันไปครู่หนึ่งเพราะรอยยิ้มของหญิงสาว ทำให้เขาใจกระตุกไปครู่หนึ่ง
“คนละเรื่องกัน ไปขึ้นรถ” วาตะพูดจบก็เดินนำหนูยิ้มไปที่ลานจอดรถทันที
หนูยิ้มยอมเดินตามวาตะไปขึ้นรถหรูของเขาอย่างว่าง่าย แถมเจ้าตัวยังดีใจมาก ๆ ที่อีกฝ่ายอาสาไปส่งตัวเอง วันนี้เป็นวันที่หนูยิ้มบอกกับตัวเองว่ามีความสุขเอามากๆ
หลังจากที่นั่งรถมาได้พักใหญ่ หนูยิ้มก็บอกชื่อหอพักและเส้นทางแต่วาตะนั้นคุ้นเคยกับเส้นทางแถวมหาวิทยาลัยดี เขาจึงไม่ตอบโต้อะไร เมื่อมาถึงหอพักก่อนที่หนูยิ้มจะลงจากรถ เธอเอ่ยปากถามวาตะอีกครั้ง
“พี่วาตะคะ” หนูยิ้มเอ่ยเรียกคนที่เอาแต่สนใจถนนไม่สนใจเธอ
“ว่า”
“หนูยิ้มต้องทำยังไงพี่วาตะถึงจะหายโกรธคะ” หนูยิ้มมองใบหน้าของวาตะก่อนเอ่ยถามออกมา
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น”
“พี่วาตะหายโกรธหนูยิ้มแล้วเหรอคะ” หนูยิ้มเอ่ยด้วยความดีใจเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพราะฉันไม่มีทางให้อภัยเธอ ลงไปได้แล้ว” วาตะหันกลับมามองใบหน้าของหนูยิ้มหลังจากจอดรถหน้าหอพักของหนูยิ้มแล้ว
“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” หนูยิ้มเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าวาตะหันหน้าไปทางอื่น เธอก็รีบโน้มใบหน้าพุ่งเข้าไปหอมแก้มอีกฝ่ายจนจมูกตัวเองจมแก้มของวาตะ ก่อนจะรีบลงจากรถด้วยความเร็ว
“นี่เธอ ยัยเด็กบ้า”
วาตะที่ถูกหอมแก้มฟอดใหญ่โดยไม่ทันได้ตั้งตัว ตอนนี้ทำได้เพียงแต่ตะโกนตามหลังหนูยิ้มอย่างหัวเสียที่ทำอะไรหนูยิ้มไม่ได้ เพราะหญิงสาววิ่งเข้าไปในหอพักอย่างไม่คิดจะหันกลับมามองเขาเลยด้วยซ้ำ
“เดี๋ยวจะโดนยัยเด็กแสบ”
ตอนพิเศษ 3 สมาชิกใหม่นับตั้งแต่วันรับปริญญาผ่านมา 3 เดือน ชีวิตของหนูยิ้มกับวาตะยังคงเหมือนคู่รักคู่อื่น ๆ ไม่ผิดไป เพียงแต่ตอนนี้วาตะกลับติดหนูยิ้มไม่ทิ้งห่างหญิงสาว หนูยิ้มก็เริ่มทำงานที่สนามแงรถของสามีอย่างเต็มตัว ดูแลเกี่ยวกับการตลาดและงานโปรโมตต่างๆหนูยิ้มไปไหนวาตะต้องไปด้วย ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกหงุดหงิดบ้างในบางครั้ง แต่ไม่ได้ว่าอะไรเพราะถ้าวาตะไม่อยู่ใกล้เธอ เขาก็จะเวียนหัว อาเจียนไม่หยุด อย่างเช่นวันนี้ที่ตั้งแต่เช้ามาวาตะยังคงอาเจียนไม่มีท่าทีว่าจะหยุด“พี่วาตะ ห่างกับหนูยิ้มหน่อยได้ไหมคะ” หนูยิ้มเอ่ยออกมาพร้อมมองใบหน้าของวาตะอย่างไม่ชอบใจ“ให้พี่นั่งกอดหนูยิ้มก่อนไม่ได้เหรอ” วาตะที่โอบกอดหนูยิ้มเอาไว้เอ่ยพร้อมซุกใบหน้าของตัวเองไปกับไหล่ของเธอ เขารู้สึกว่าช่วงนี้ชื่นชอบกลิ่นของหนูยิ้มเป็นพิเสษเพราะว่าเวลาห่างกันเขามักจะเวียนศีราะ คลื่นไส้ แต่พอได้อยู่กับหนูยิ้มได้โอบกอดคลอเคลียแล้ว อาการที่เขาเป็นกลับหายไป“ไม่ได้ค่ะ”“หนูยิ้มใจร้ายกับพี่จัง” วาตะเริ่มงอแงมากกว่าเดิม จนทำให้หนูยิ้มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“หนูยิ้มว่าการที่พี่วาตะมาซุกหนูยิ้มอยู่แบบนี้ไม่ทำให้พี่วาตะหายหรอกนะคะ
ตอนพิเศษ 2 สามีบุญทุ่ม NCหลังจากหนูยิ้มเรียนจบก็มาถึงวันนี้ วันที่เป็นวันรับปริญญาของหนูยิ้มและเพื่อนสนิทอย่างน้อยหน่า ซึ่งการรับปริญาญาของหญิงสาวดูเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับหนูยิ้มมาก ๆ เลยก็ว่าได้ตลอดทั้งงานหนูยิ้มเอาแต่มองหาวาตะที่หายไป โทรก็ไม่รับหรือแม้แต่ส่งข้อความไปก็ไม่มีการตอบกลับมา จนกระทั่งช่วงถ่ายรูปคู่กับนักศึกษา หญิงสาวก็ยังไม่เจอวาตะ“พี่วาตะไปไหนก็ไม่รู้” หนูยิ้มเอ่ยด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ“อาจจะอยู่แถวนี้แหละ” น้อยหน่าเอ่ยอย่างปลอบใจเพื่อน ทั้ง ๆ ที่เธอก็ไม่แน่ใจแต่แล้วอยู่ ๆ หนูยิ้มกับน้อยหน่าก็ต้องตกใจ เมื่อธาม โจฮัน และอคิณณ์เดินตรงเข้ามาหาหนูยิ้ม“ยินดีด้วยนะครับ” โจฮันพูดจับก็คล้องมาลัยเงินสดที่มีมูลค่ามากกว่า 2 แสนให้กับหนูยิ้ม โดยที่ธามก็ไม่ได้น้อยหน้าเพราะเขาได้ยื่นร่มให้กับหนูยิ้ม“พระเจ้า มาจากไหนกันเนี่ย” น้อยหน่าเอ่ยอย่างตื่นเต้น แต่ความตื่นเต้นของหนูยิ้มไม่ได้หมดแค่นั้น เมื่อมีมาสคอสหมีตัวใหญ่เดินนำปีกนางฟ้าและช่อกุหลาบสีแดงขนาดใหญ่มาให้กับหนูยิ้ม“พี่วาตะ” หนูยิ้มเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงที่ตื่นเต้น ซึ่งอีกฝ่ายที่ถูกจับได้ก็ถอกหัวหมีออกก่อนยิ้ม
ตอนพิเศษ 1 พี่หึงนะ NC หลังจากวาตะถูกจับเข้าพิธีผูกแขนหรืองานแต่งงานอย่างไม่รู้ตัวที่สระแก้ว ข่าวเรื่องการแต่งงานของเขากับหนูยิ้มได้ถึงหูเพื่อนสนิททำให้ทั้งสามต่างพากันลบเล้าอยากให้พาหนูยิ้มไปทำความรู้จักก็หนักขึ้นทุกวันเพราะหากจะว่าไปแล้วเพื่ออีก 3 คน ยังไม่ได้รู้จักหนูยิ้มอย่างเป็นทางการจนกระทั่งวันนี้ที่วาตะทนไม่ได้ยอมพาหนูยิ้มไปให้ทั้ง 3 คนรู้จัก แม้ว่าในใจไม่อยากจะพาไปแค่ไหนก็ตาม “เอาจริงหนูยิ้มสวยกว่าที่พวกเราเห็นแต่ก่อนอีก” ธามเอ่ยออกมาพร้อมอีกฝ่ายตาไม่กระพริบ ด้วยเมื่อก่อนส่วนใหญ่เขาเห็นหนูยิ้มในชุดนักศึกษาส่วนใหญ่ และเห็นตอน ปี 1 แต่ตอนนี้หนูยิ้มเรียนจบแล้ว ทำให้อีกฝ่ายแตกต่างไปจากที่ตอนนั่นค่อนข้างมาก“ใช่สวยกว่าเดิมเยอะเลย” โจฮันเอ่ยเสริมทัพพร้อมยิ้มให้กับหนูยิ้ม“ขอบคุณมากนะคะ พวกพี่ ๆ ก็หน้าตาดี หล่อๆกันทั้งกลุ่มเลย” คำชมของหนูยิ้มทำเอาคนที่ได้ยินพากันยิ้มอย่างชอบใจ แต่มีหนึ่งคนที่เอาแต่นั่งหน้าตึงอยู่ตลอดเวลา ก็เพราะว่าเพื่อนของเขาหล่อกันทุกคนนี่แหละเขาถึงไม่อยากพาหนูยิ้มมาแนะนำ“มึงทำหน้าแบบนี้หมายความว่าไงว่ะวาตะ แถมทำเหมือนอย่างกับจะสิงหนูยิ้มเข้าไปยังไงอย่างนั้น”
ตอนที่ 40 งานผูกแขน(ตอนจบ)หลังจากวาตะเรียนจบ เขาเข้ามาดูแลกิจการของตัวเองอย่างเต็มตัว โดยที่ยังคงทำหน้าที่แฟนที่ดีของหนูยิ้มอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ซึ่งการทำหน้าที่ของเขาทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันอิจฉาหนูยิ้ม“ไง วันนี้สามีไม่มาส่ง แต่ขับรถมาเองหมายความว่าไง” น้อยหน่าเอ่ยถามอย่างสงสัย พร้อมมองเพื่อนอย่างต้องการคำตอบ“ก็แค่อยากขับมาเอง ทำไมเหรอต้องมีเหตุผลด้วยหรือไง” หนูยิ้มพูดด้วยรอยยิ้ม เธอรู้ว่าน้อยหนากำลังคิดอะไรอยู่ แต่สิ่งที่น้อยหน่ากำลังคิดไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ“ไม่ได้ทะเลาะกันใช่ไหม” น้อยหน่าขยับใบหน้าเข้าไปหาหนูยิ้มก่อนเอ่ยกระซิบถามด้วยความสงสัย“เปล่า อยากบอกว่าวันนี้เธอลืมตารางงานนะ” หนูยิ้มมองใบหน้าของเพื่อนสนิทอย่างเป็นคำถาม“ลืม…จริง ๆ” น้อยหน่ายิ้มแห้งให้เพื่อน จากเดิมคิดว่าเพื่อนมามหาลัยเองเพราะมีปัญหากับแฟน แต่ไม่คิดว่าเพราะงาน“งั้นเอาเวลาที่เหลือไปเตรียมตัว แทนการมาแช่งเรากับพี่วาตะ” หนูยิ้มส่ายหัวไปมาให้กับน้อยหน่าอย่างเอือมระอาวันไหนหนูยิ้มต้องทำงานกลับดึก เธอจะขับรถมาเองด้วยเพราะต้องพาเพื่อนอย่างน้อยหน่าไปด้วย จึงไม่สะดวกถ้าจะให้วาตะไปส่งตลอด เหมือนอย่างเช่นวันนี้ซึ
ตอนที่ 39 ดูดาวกันไหม NCวาตะและหนูยิ้มอยู่เที่ยวที่น่านอยู่หลายวัน ก่อนทั้งสองจะย้ายมาพักที่เชียงใหม่ โดยที่พักของทั้งสองเป็นบ้านพักส่วนตัว ซึ่งค่อนข้างห่างจากหลังอื่น ๆ และมีความเป็นส่วนตัวสูง“พี่วาตะใจเย็น ๆ สิคะ” หนูยิ้มเอ่ยปรามคนที่จับให้เธอพิงไปกับผนังข้างประตูห้องพัก หลังจากที่ประตูห้องได้ปิดลง“หนูยิ้มแต่งตัวขัดใจพี่มากเลยรู้ไหม” วาตะมองใบหน้าของคนตัวเล็กอย่างคาดโทษ แม้ว่าวันนี้หนูยิ้มจะแต่งตัวง่าย ๆ ด้วยกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดแต่เปิดเว้าหลังลึกมาก ทำให้มีแต่คนมองจนทำให้คนข้างกายของหนูยิ้มออกอาการหึงหวงอย่างชัดเจน“เหรอคะ งั้นพี่วาตะก็ถอดออกเลยก็ได้นะคะ” หนูยิ้มเอ่ยอย่างท้าทายอีกฝ่าย ซึ่งท่าทีและคำพูดของเธอทำให้วาตะรู้ว่าไม่เพียงแค่ต้องการท้าทายเขาเท่านั้น แต่ต้องการให้เขาทำอย่างที่ปากพูด“จะให้ถอดส่วนไหนก่อนดีล่ะ” วาตะมองหนูยิ้มด้วยสายตาที่ลวนลามหญิงสาวอยู่ตลอดเวลา ทำให้คนที่เห็นแบบนั้นหายใจไม่ทั่วท้อง“แล้วแต่พี่วาตะเลยค่ะ” สิ้นเสียงของหนูยิ้ม เรียวปากสวยสีชมพูอ่อนก็ถูกวาตะประกบจูบลงทันที ซึ่งการจูบที่เร่าร้อนดุดันของวาตะถูกตอบสนองกับด้วยเรียวปากสวยที่ทั้งพยายามดูดึงและขบเม
ตอนที่ 38 สมัครเป็นลูกเขยช่วงเย็นวาตะมารับหนูยิ้มหลังเลิกเรียนเหมือนอย่างเช่นทุกวัน ซึ่งหนูยิ้มก็บ่นวาตะทุกวันเช่นกัน เพราะในเมื่อเขาซื้อรถให้กับหนูยิ้มแล้วทำไมถึงยังมารับมาส่งตลอดเวลาผ่านมาเดือนกว่าทั้งเอมี่และฝ้ายหายไปจากวงจรชีวิตของหนูยิ้มและวาตะ คนในมหาวิทยาลัยบ้างก็บอกว่า เอมี่ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ส่วนฝ้ายลาออกและกลับไปอยู่บ้านเกิด ซึ่งความจริงแล้วไม่มีใครรู้ได้“เอาจริง ๆ พี่วาตะไม่ต้องมารับมาส่งหนูยิ้มก็ได้นะคะ หนูยิ้มขับรถมาเรียนเองได้แล้วค่ะ” หนูยิ้มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ ซึ่งคำพูดของหนูยิ้มทำให้คนที่ยิ้มอยู่ตลอดเวลาก่อนหน้านี้หุบยิ้มลงทันที“ทำไมละครับ” วาตะมองใบหน้าของหนูยิ้มก่อนเอ่ยถามออกมา“ก็พี่วาตะซื้อรถให้หนูยิ้มแล้ว พี่วาตะจะมารับมาส่งหนูยิ้มเพื่ออะไรคะ ถ้าแบบนี้พี่วาตะไม่ต้องซื้อรถให้หนูยิ้มก็ได้นะคะ”“พี่อยากอยู่กับหนูยิ้มไง อีกอย่างพี่มารับมาส่งหนูยิ้มไม่ดีเหรอ” วาตะพูดอย่างอ้อน ๆ ท่าทีอ้อน ๆ ของเขาให้คนทีได้ยินยกยิ้มออกมาเล็กน้อย“มันก็ดีค่ะ แล้ววันนี้พี่วาตะอยากทานอะไรคะ”“อะไรก็ได้ขอแค่หนูยิ้มเป็นคนทำ” วาตะหันมามองใบหน้าหนูยิ้มอีกครั้งด้วยรอยยิ้มตอนนี้