Home / รักโบราณ / วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน / ๐๕ ลมพัดใบไผ่ สู่ห้วงสมาธิอันล้ำลึก

Share

๐๕ ลมพัดใบไผ่ สู่ห้วงสมาธิอันล้ำลึก

last update Last Updated: 2025-06-05 19:24:39

ยามตรุษวสันต์¹เวียนมาบรรจบ อากาศยังคงเย็นยะเยือก

ทว่าภายในเรือนเล็กของสกุลตู้กลับอบอวลไปด้วยความอบอุ่นและบรรยากาศอันผ่อนคลาย ตู้เยี่ยนอวี่ในวัยสิบห้าปีบริบูรณ์ นั่งอยู่บนเสื่อฟางผืนบางภายในห้องของตนเอง ดวงตาหลับพริ้ม ใบหน้าสงบนิ่ง ลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เป็นจังหวะที่มิเร่งร้อน มิช้าเกินไป

นี่มิใช่การพักผ่อนธรรมดา หากแต่เป็นการฝึกฝนวิชากำลังภายในจากม้วนคัมภีร์เก่าแก่ที่นางค้นพบโดยบังเอิญเมื่อหลายเดือนก่อน แม้ตำราจะเขียนด้วยภาษาที่ยากจะเข้าใจในตอนแรก แต่ด้วยความเพียรพยายามและสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด ตู้เยี่ยนอวี่ก็ค่อย ๆ ตีความและทำความเข้าใจหลักการต่าง ๆ ได้ทีละน้อย

‘ลมปราณคือรากฐานแห่งชีวิต พลังงานหมุนเวียนในกายเปรียบดุจแม่น้ำที่ไหลหล่อเลี้ยงสรรพสิ่ง’ เสียงท่องจำในตำราดังขึ้นในห้วงความคิดของนาง ‘หากแม่น้ำบริสุทธิ์และไหลเวียนสะดวก ร่างกายย่อมแข็งแรงและอายุยืนยาว’

นางจินตนาการถึงเส้นลมปราณในร่างกายของตนเอง แต่สัมผัสได้ถึงกระแสพลังงานที่ไหลเวียนอยู่ภายใน ทุกครั้งที่ลมปราณไหลเวียนผ่านจุดชีพจรสำคัญ ความรู้สึกร้อนวูบวาบก็แผ่ซ่านไปทั่วร่าง

แรกเริ่ม การฝึกฝนเป็นไปด้วยความยากลำบาก นางมิอาจควบคุมลมปราณได้อย่างใจนึก บางครั้งก็รู้สึกเจ็บปวด บางครั้งก็รู้สึกเหนื่อยล้า แต่ด้วยความมุ่งมั่นและอดทน ตู้เยี่ยนอวี่ก็มิเคยท้อถอย นางระลึกอยู่เสมอว่าวิชาความรู้เหล่านี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้นางเอาชีวิตรอดในโลกใบนี้ได้ และยังสามารถนำไปช่วยเหลือผู้อื่นได้อีกด้วย

“คุณหนูเจ้าคะ ถึงเวลาอาหารเช้าแล้วเจ้าค่ะ” เสียงเรียกของเสี่ยวจูดังขึ้นจากนอกห้องอย่างแผ่วเบา เกรงว่าจะรบกวนนายหญิงของตน

ตู้เยี่ยนอวี่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ทว่าแววตาของนางฉายประกายความสงบและแจ่มใส ดุจท้องฟ้าหลังพายุฝนผ่านพ้นไป ความรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าแผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย

“เข้ามาเถิดเสี่ยวจู” นางตอบด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล

เมื่อเสี่ยวจูเข้ามาในห้อง นางก็สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวคุณหนูของตน ดวงตาที่เคยฉายแววกังวลเมื่อแรกเริ่มนั้น บัดนี้กลับเปี่ยมไปด้วยความมั่นคงและสงบนิ่ง รูปร่างที่เคยบอบบางก็ดูแข็งแรงขึ้นเล็กน้อย

“วันนี้คุณหนูดูสดใสยิ่งนักเจ้าค่ะ” เสี่ยวจูเอ่ยชมด้วยความจริงใจ

ตู้เยี่ยนอวี่เพียงยิ้มตอบ มิได้กล่าวอันใด

นางรู้ดีว่านี่เป็นผลมาจากการฝึกฝนกำลังภายในที่นางเพิ่งเริ่มต้น เส้นทางนี้ยังอีกยาวไกล แต่เพียงแค่การเริ่มต้นก็ทำให้ร่างกายและจิตใจของนางแข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว

วันเวลาผันผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทว่ายามนี้วันเวลาก็ผันผ่านมาได้เดือนแล้วเดือนเล่าแล้ว

ยามฤดูใบไม้ผลิกลับมาเยือนอีกครา ต้นไม้ในหมู่บ้านซีหลินเริ่มผลิใบอ่อน ดอกไม้นานาชนิดเริ่มเบ่งบานส่งกลิ่นหอมกรุ่น

ในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาชื่อเสียงของหมอเทวดาตู้ได้เป็นที่เลื่องลือไปไกลยิ่งนัก ดุจสายลมที่พัดพานำพาเอาข่าวสารไปทุกทิศทุกทาง ไม่เพียงแต่ชาวบ้านในหมู่บ้านซีหลินและหมู่บ้านใกล้เคียงเท่านั้นที่มาขอความช่วยเหลือ แม้แต่ผู้คนจากหัวเมืองอื่นก็เริ่มหลั่งไหลมาขอคำปรึกษาจากนาง

วันหนึ่ง ชายสูงวัยผู้หนึ่งในชุดผ้าไหมเนื้อดี ใบหน้าฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด ได้เดินทางมาพร้อมกับบุตรสาวที่ป่วยหนัก บุตรสาวของเขามีอาการผื่นคันแดงไปทั่วตัว มีไข้สูง และอ่อนเพลียอย่างมาก

“คารวะหมอเทวดาตู้ ขอท่านโปรดเมตตาช่วยบุตรสาวของข้าด้วยเถิด” ชายผู้นั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “ข้าเดินทางมาจากเมืองจิ่นหยาง มิมีแพทย์ผู้ใดในเมืองจิ่นหยางสามารถรักษาบุตรสาวของข้าได้เลยขอรับ”

ตู้เยี่ยนอวี่ก้าวเข้ามาใกล้ มองดูอาการของเด็กสาวอย่างละเอียดถี่ถ้วน นางสัมผัสที่ผิวหนังที่ร้อนผ่าว และตรวจดูอาการอื่น ๆ อย่างใจเย็น

“นี่คือโรคผื่นไฟ ซึ่งเกิดจากความร้อนสะสมในกายและลมปราณอุดกั้น” ตู้เยี่ยนอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคง “มิใช่โรคร้ายแรง แต่ต้องใช้เวลาในการบำบัดรักษา”

ชายผู้นั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ขอท่านโปรดช่วยบุตรสาวของข้าด้วยเถิด หากนางหายจากอาการป่วย ข้ายินดีตอบแทนท่านอย่างงาม”

ตู้เยี่ยนอวี่ส่ายหน้าเบา ๆ “ข้ามิได้หวังสิ่งใดตอบแทน ท่านเพียงแค่พาบุตรสาวของท่านมาพักรักษาตัวที่เรือนเล็กของข้าสักระยะก็พอแล้ว”

คำพูดของนางทำให้ชายผู้นั้นซาบซึ้งใจยิ่งนัก ดุจน้ำทิพย์ที่ชโลมจิตใจที่แห้งแล้งของเขา

ตลอดระยะเวลาการรักษา ตู้เยี่ยนอวี่มิได้ใช้เพียงความรู้ทางการแพทย์โบราณที่ได้ศึกษามาเท่านั้น แต่นางยังนำความรู้ด้านสุขอนามัยที่ทันสมัยกว่าจากโลกเดิมมาปรับใช้ด้วย เช่น การแยกภาชนะ การรักษาความสะอาดของบาดแผล และการให้ผู้ป่วยพักผ่อนในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก

“หากร่างกายสะอาด ปราศจากสิ่งสกปรก โรคภัยไข้เจ็บย่อมมิอาจเข้าสู่กายได้” นางกล่าวแนะนำแก่บ่าวรับใช้ที่ดูแลคนป่วย

เมื่อการรักษาดำเนินไป อาการของเด็กสาวก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ ผื่นคันที่เคยแดงก่ำก็เริ่มจางลง ไข้ก็ลดลง และกลับมามีเรี่ยวแรงอีกครั้ง

“หมอเทวดาตู้ ! บุตรสาวของข้าหายแล้วขอรับ !” ชายผู้นั้นร้องอุทานด้วยความยินดี ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ก่อนที่ชายผู้นั้นจะจากไป เขามอบถุงผ้าไหมบรรจุทองคำจำนวนหนึ่งให้แก่ตู้เยี่ยนอวี่

“นี่คือสินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากใจของข้า ขอท่านโปรดรับไว้ด้วยเถิด”

ตู้เยี่ยนอวี่ส่ายหน้าเบา ๆ “ข้ามิอาจรับสิ่งเหล่านี้ไว้ได้เจ้าค่ะ การได้เห็นผู้ป่วยหายจากอาการเจ็บป่วย นั่นคือสิ่งตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับข้าแล้วเจ้าค่ะ”

ชายผู้นั้นรู้สึกประทับใจในคุณธรรมของตู้เยี่ยนอวี่เป็นอย่างมาก ก่อนจากไปเขาได้โค้งคำนับนางอย่างนอบน้อม และให้คำมั่นสัญญาว่าหากมีสิ่งใดที่เขาจะช่วยเหลือได้ เขาจะมิมีวันปฏิเสธ

ยามฤดูใบไม้ผลิผลิบานเต็มที่ หมู่บ้านซีหลินเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

ตู้เยี่ยนอวี่มิได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ นางยังคงใช้เวลาในการฝึกฝนกำลังภายในอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้นางยังศึกษาตำราโบราณที่เกี่ยวกับธรรมชาติและสมุนไพร เพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้แก่ตนเองอย่างไม่หยุดหย่อน

วันหนึ่ง ในขณะที่นางกำลังนั่งสมาธิอยู่กลางสวนหลังบ้าน ท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน ก็สัมผัสได้ถึงกระแสลมปราณที่ไหลเวียนในกายอย่างราบรื่นและรวดเร็วกว่าที่เคยเป็น แต่ทว่าก็มิได้รุนแรง

นางลองรวบรวมพลังงานภายในไว้ที่ฝ่ามือช้า ๆ ปรากฏว่าเกิดแสงเรืองรองสีฟ้าอ่อน ๆ ขึ้นที่ปลายฝ่ามือเล็กน้อย

“นี่คือพลังภายในงั้นหรือ ?” นางพึมพำกับตนเองด้วยความประหลาดใจ แววตาของนางฉายประกายความตื่นเต้น

แม้พลังนี้จะยังไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่ก็เป็นสิ่งยืนยันว่าการฝึกฝนของนางมิได้ไร้ผล

ตู้เยี่ยนอวี่รู้ดีว่าเส้นทางแห่งการฝึกฝนวิชากำลังภายในนั้นยังอีกยาวไกลนัก แต่นางก็มิได้หวาดหวั่น จิตใจของนางเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นและอดทน ดุจหินผาที่มิสะทกสะท้านต่อลมพายุ

นางตั้งใจว่าจะใช้พลังนี้เพื่อช่วยเหลือผู้คนให้ได้มากที่สุด ดุจแสงเทียนที่ส่องสว่างนำทางให้แก่ผู้ที่หลงทาง และจะมิยอมให้พลังนี้ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดโดยเด็ดขาด

ในยามค่ำคืนนั้น ตู้เยี่ยนอวี่นอนอยู่บนเตียงไม้แข็งกระด้าง แต่จิตใจกลับเปี่ยมด้วยความสุขสงบ ดุจทะเลสาบที่ราบเรียบยามไร้ลมพัด นางนึกถึงชีวิตในโลกเดิมที่วุ่นวายและเต็มไปด้วยการแข่งขัน บัดนี้ชีวิตในโลกใบนี้ แม้จะเรียบง่ายกว่า แต่กลับทำให้นางค้นพบความสุขและความหมายที่แท้จริงของชีวิต

“ฟ้าลิขิตให้ข้ามายังโลกใบนี้” นางรำพึงรำพัน “ข้าจะใช้ชีวิตนี้ให้คุ้มค่าที่สุด”

————————

¹ยามตรุษวสันต์ หมายถึง ช่วงเวลาแห่งเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ หรือกล่าวให้ง่ายคือช่วงตรุษจีน ซึ่งในวัฒนธรรมจีนถือเป็นช่วงเวลาเริ่มต้นปีใหม่ตามปฏิทินจันทรคติ เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข การเฉลิมฉลอง และการกลับบ้านหาครอบครัว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 5 วิวาห์ใต้เงาจันทร์

    ปลายเดือนเจ็ด รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองเมฆหมอกร้ายที่เคยปกคลุมวังหลวงได้ถูกปัดเป่าไปจนสิ้น ประหนึ่งรัตติกาลที่ยอมจำนนต่อแสงอรุณ พระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างฮ่องเต้แห่งต้าเฉินและองค์หญิงมู่หลินแห่งแคว้นหนานเย่ว์ได้ดำเนินไปอย่างยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติที่สุด ท้องพระโรงหลวงที่เคยเป็นเวทีแห่งการพิพากษา บัดนี้กลับกลายเป็นทะเลแห่งแพรพรรณสีแดงสดและทองอร่าม เสียงดนตรีมงคลดังกังวานก้องไปทั่ว ขับขานบทเพลงแห่งสันติภาพและสัมพันธไมตรีที่ถูกเชื่อมประสานขึ้นใหม่อย่างแน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิมตู้เยี่ยนอวี่และกู้เหยียนหลงยืนสงบนิ่งอยู่ท่ามกลางเหล่าขุนนางที่กำลังแซ่ซ้องถวายพระพร พวกเขาคือวีรบุรุษและวีรสตรีผู้พิทักษ์แผ่นดินอีกครั้ง แต่ในใจของทั้งสองกลับมิได้มีความลำพองใจแม้แต่น้อย มีเพียงความโล่งใจที่ได้เห็นแผ่นดินกลับคืนสู่ความสงบสุขอย่างแท้จริงภายหลังจากพระราชพิธีหลักเสร็จสิ้นลง ฝ่าบาทผู้ทรงมีพระพักตร์ที่เปี่ยมด้วยความสุขและความปีติยินดี ได้มีรับสั่งให้ทั้งสองเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ณ ห้องทรงอักษรที่เงียบสงบ“หากมิได้มีพวกเจ้าทั้งสอง” ฝ่าบาทตรัสขึ้นด้วยพระสุรเสียงที่เปี่ยมด้วยความซาบซึ้งใจอย่างแท้จริง

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 4 กระชากหน้ากากอสรพิษ

    ปลายเดือนหก รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองเวลาเปรียบประหนึ่งเม็ดทรายในนาฬิกาที่ร่วงหล่นลงอย่างไม่ปรานี พระอาการขององค์หญิงมู่หลินทรุดลงทุกขณะ ประกายสีครามบนผิวพระองค์เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นแม้ในยามกลางวัน ลมหายใจแผ่วเบาราวกับจะดับสูญได้ทุกเมื่อ ความกดดันที่มองไม่เห็นได้แผ่ขยายไปทั่ววังหลวง มันมิใช่เพียงชีวิตขององค์หญิงที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่คือสันติภาพของสองแผ่นดินที่กำลังจะขาดสะบั้นลงท่ามกลางความสิ้นหวังนั้น ตู้เยี่ยนอวี่ได้ขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทเป็นการส่วนพระองค์พร้อมด้วยกู้เหยียนหลงและองค์หญิงลี่หัว ณ ห้องทรงอักษรที่เงียบสงัด นางได้ทูลเสนอแผนการสุดท้ายที่อาจหาญและเสี่ยงอันตรายที่สุด“ฝ่าบาท” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งแต่แฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยว “การจะจับอสรพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด เรามิอาจรอให้มันเผยตัวออกมาเองได้ แต่เราต้องสร้างเหยื่อล่อที่หอมหวานที่สุด เพื่อล่อให้มันคายพิษออกมาด้วยตนเองเพคะ”นางได้สร้างเรื่องราวของสมุนไพรวิเศษในตำนานขึ้นมา รากวิญญาณจันทรา พฤกษาทิพย์ที่กล่าวกันว่าสามารถชำระล้างพิษได้ทุกชนิด และจะเบ่งบานเพียงคืนเดียวใต้แสงจันทร์เต็มดวง ณ อารามเมฆขาวบนยอดเขาไท่ซานเท่าน

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 3 อสรพิษแดนใต้

    กลางเดือนหก รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองวังหลวงที่เคยประดับประดาด้วยโคมไฟแห่งการเฉลิมฉลอง บัดนี้กลับถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกแห่งความวิตกกังวลที่มองไม่เห็น การประชวรขององค์หญิงมู่หลินแห่งแคว้นหนานเย่ว์ ได้กลายเป็นหินถ่วงก้อนมหึมาที่ถ่วงดุลแห่งสัมพันธไมตรีระหว่างสองแผ่นดินให้สั่นคลอนอย่างน่าหวาดเสียว การสืบสวนเริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบงันและเร่งด่วน ประหนึ่งการเดินหมากบนกระดานที่ทุกก้าวล้วนเดิมพันด้วยสันติภาพของต้าเฉินสมรภูมิในครั้งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองแนวรบที่ดำเนินไปพร้อมกันแนวรบแรกคือห้องปรุงยาหลวงของตู้เยี่ยนอวี่ ที่นี่มิได้มีเสียงคมดาบปะทะกัน มีเพียงเสียงบดยาอันแผ่วเบา เสียงเปลวเทียนที่สั่นไหว และเสียงลมหายใจที่จดจ่อของแพทย์เทวดา ห้องของนางได้แปรสภาพเป็นศูนย์บัญชาการแห่งการพิสูจน์หลักฐาน มันคือการผสมผสานอย่างน่าทึ่งระหว่างเครื่องมือโบราณและนวัตกรรมที่นางประดิษฐ์ขึ้นจากความทรงจำในอีกโลกหนึ่ง ทั้งเครื่องกลั่นขนาดเล็กที่ทำจากแก้วใส และแว่นขยายที่เจียระไนอย่างประณีตนางทุ่มเทเวลานานถึงสองวันสองคืนในการวิเคราะห์เถ้ากำยานปริศนาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย กลิ่นหอมของสมุนไพรนานาชนิดคละคลุ้งไปทั่ว

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 2 เงาอดีตที่หวนคืน

    ต้นเดือนหก รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองเมืองหลวงที่ตู้เยี่ยนอวี่และกู้เหยียนหลงได้จากไปเมื่อหนึ่งปีก่อน บัดนี้ได้กลับกลายเป็นทะเลแห่งแพรพรรณและโคมไฟสีแดงสดอีกครั้งหนึ่ง โคมไฟนับพันดวงถูกแขวนประดับไปตามชายคาของอาคารบ้านเรือน สะบัดพลิ้วตามสายลมคิมหันตฤดูราวกับฝูงผีเสื้ออัคคีที่เริงระบำ ผ้าไหมสีมงคลถูกขึงทอดยาวไปตามถนนสายหลัก บ่งบอกถึงงานมงคลอันยิ่งใหญ่ที่แผ่นดินต้าเฉินกำลังรอคอย บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรื่นเริงและความคาดหวัง ทว่าสำหรับผู้ที่เจนจบในเล่ห์กลแห่งราชสำนักแล้ว ความสงบสุขที่ผิวเผินนี้เปรียบดั่งผิวน้ำอันราบเรียบ แต่เบื้องล่างนั้นกลับซ่อนเร้นไว้ด้วยกระแสธารอันเชี่ยวกรากที่พร้อมจะพัดพาทุกสิ่งให้พังพินาศการกลับมาของทั้งสองมิได้เอิกเกริก แต่กลับเงียบงันดุจเงาที่เคลื่อนไหวในรัตติกาล สถานที่นัดพบแห่งแรกของพวกเขามิใช่ท้องพระโรงอันโอ่อ่า แต่เป็นโรงน้ำชาเก่าแก่ในตรอกเร้นลับ ที่ซึ่งจางอู๋จีในชุดบัณฑิตเรียบง่ายนั่งรออยู่แล้ว“ท่านทั้งสองดูแข็งแกร่งและสงบขึ้นมาก” จางอู๋จีเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเขายังคงคมกริบดุจเหยี่ยวเฒ่าเช่นเดิม “ดูเหมือนว่าสายลมแห่งแดนเหนือจะขัดเกลาหยกงามทั้งสองให

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 1 ราชโองการหวนคืน

    ปลายเดือนสี่ รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองหนึ่งปีเต็มที่เปลวเพลิงแห่งสงคราม ณ ชายแดนภาคเหนือได้มอดดับลง สายลมวสันตฤดูที่พัดผ่านเมืองผิงหยวนในยามนี้มิได้หอบเอาฝุ่นควันและกลิ่นคาวเลือดมาด้วยอีกต่อไป หากแต่เป็นกลิ่นไอดินอันบริสุทธิ์และกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ป่าที่เพิ่งจะแย้มบาน เมืองหน้าด่านที่เคยเป็นดั่งสุสานกลางแจ้ง บัดนี้ได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ประหนึ่งต้นไม้แห้งแล้งที่ได้รับสายฝนชโลมใจเสียงค้อนที่ตอกลงบนโครงสร้างบ้านเรือนหลังใหม่ดังขึ้นเป็นจังหวะอย่างมีชีวิตชีวา แทนที่เสียงดาบที่เคยกระทบกันอย่างน่าสะพรึงกลัว รอยยิ้มได้กลับคืนสู่ใบหน้าของชาวบ้านที่เคยซูบตอบด้วยความสิ้นหวัง แม้ร่องรอยความเหนื่อยล้าจะยังคงอยู่ แต่ในแววตาของพวกเขากลับเปี่ยมด้วยประกายแสงแห่งความหวังณ ใจกลางของความเปลี่ยนแปลงนี้ คือเรือนพักชั่วคราวของสองวีรชนผู้พลิกชะตาแผ่นดินตู้เยี่ยนอวี่ในอาภรณ์ผ้าฝ้ายสีขาวเรียบง่าย กำลังเดินตรวจดูแปลงสมุนไพรในสวนโอสถร้อยสกุลที่นางริเริ่มขึ้นด้วยตนเอง มันมิใช่สวนบุปผาที่งดงามเพื่อการชื่นชม แต่คือคลังยาที่มีชีวิตซึ่งนางจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นรากฐานของระบบสาธารณสุขชุมชน นางกำลังสอนกลุ

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๑๔๗ วสันต์คืนสู่แดนเหนือ

    บนสมรภูมิทะเลสาบกระจกที่บัดนี้เงียบสงัดลงแล้ว มีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านผืนเกลือสีขาวและเสียงครวญครางของผู้บาดเจ็บ คำประกาศยอมแพ้ของจ้าวอู๋จี้ดังก้องอยู่ในความเงียบนั้น ประหนึ่งคำพิพากษาสุดท้ายที่ปิดฉากสงครามอันนองเลือดแห่งแดนเหนือลงโดยสมบูรณ์เขามิได้มีท่าทีของนักโทษผู้สิ้นหวัง แต่กลับเป็นความสงบนิ่งของนักปราชญ์ผู้ยอมรับในผลลัพธ์ของกระดานหมากที่ตนเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ จ้าวอู๋จี้เดินลงจากเนินดินอย่างเชื่องช้า เขาปลดดาบประจำกายที่อยู่ข้างเอวออก และยื่นมันให้แก่กู้เหยียนหลงด้วยสองมือ“นี่คือสัญลักษณ์แห่งการยอมจำนนของข้า” เขากล่าวเสียงเรียบ “และคือการยอมรับในชัยชนะของท่าน”กู้เหยียนหลงรับดาบเล่มนั้นมาถือไว้ เขามิได้แสดงท่าทีของผู้ชนะที่ลำพองใจ แต่กลับประสานมือคารวะคู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของเขาเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย“ท่านคือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่ข้าเคยพบพาน” กู้เหยียนหลงกล่าว “การพิพากษาท่านมิใช่หน้าที่ของข้า แต่เป็นหน้าที่ของราชสำนักและประวัติศาสตร์”เขาออกคำสั่งให้นำตัวจ้าวอู๋จี้และเหล่าแม่ทัพนายกอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status