Home / รักโบราณ / วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน / ๑๐ จิ่นหยางวายวอด ภัยพิบัติจากฟากฟ้า

Share

๑๐ จิ่นหยางวายวอด ภัยพิบัติจากฟากฟ้า

last update Last Updated: 2025-06-08 22:42:40

ยามตะวันทอแสงเรืองรองเหนือน่านฟ้าเมืองจิ่นหยาง ดุจไข่มุกเม็ดงามที่ทอประกายท่ามกลางหมู่เม

ตู้เยี่ยนอวี่่ และเสี่ยวจูได้เดินทางมาถึงเมืองใหญ่แห่งนี้โดยสวัสดิภาพ หลังจากผ่านพ้นอันตรายจากโจรผู้ร้ายกลางทาง ด้วยความสามารถและไหวพริบของเยี่ยนอวี่ จิ่นหยางเป็นเมืองที่ใหญ่โตและคึกคักยิ่งนัก ผู้คนเดินขวักไขว่เต็มท้องถนน เสียงตะโกนเรียกแขกของพ่อค้าแม่ขายดังก้องไปทั่วสารทิศ กลิ่นอายของเครื่องเทศและอาหารนานาชนิดลอยอบอวลในอากาศ

“คุณหนูเจ้าคะ เมืองจิ่นหยางช่างใหญ่โตโอฬารยิ่งนักเจ้าค่ะ” เสี่ยวจูร้องอุทานด้วยความตื่นตาตื่นใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองไปรอบทิศทาง ดุจเด็กน้อยที่เพิ่งได้เห็นโลกกว้าง

ตู้เยี่ยนอวี่เพียงยิ้มเล็กน้อย นางสัมผัสได้ถึงความพลุกพล่านของเมืองใหญ่ ที่แตกต่างจากความสงบเงียบของหมู่บ้านซีหลินลิบลับ นางกวาดสายตามองอาคารบ้านเรือนที่ปลูกสร้างอย่างวิจิตรบรรจง และผู้คนที่แต่งกายด้วยอาภรณ์หลากสีสัน

“เราต้องหาโรงเตี๊ยมสำหรับพักแรมก่อนเสี่ยวจู” เยี่ยนอวี่กล่าว “แล้วพรุ่งนี้ค่อยออกหาซื้อตำราและสมุนไพร”

ทั้งสองเลือกโรงเตี๊ยมที่ดูสะอาดสะอ้านและมีผู้คนไม่พลุกพล่านนัก หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อย ตู้เยี่ยนอวี่ก็ตัดสินใจออกไปเดินสำรวจตลาดในเมืองจิ่นหยาง เพื่อทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและสังเกตการณ์วิถีชีวิตของผู้คนในเมืองใหญ่

ระหว่างทางนางได้เห็นร้านขายยาหลายแห่ง แต่ละแห่งล้วนประดับประดาอย่างหรูหรา มีสมุนไพรและยาสำเร็จรูปวางเรียงรายอยู่เต็มแผง ทว่าเมื่อลองสัมผัสและพิจารณาสมุนไพรเหล่านั้น ตู้เยี่ยนอวี่กลับรู้สึกว่าคุณภาพของสมุนไพรบางชนิดมิได้ดีเท่าที่ควร

“คุณภาพของสมุนไพรเหล่านี้ยังมิได้เทียบเท่ากับที่ข้าคาดหวังไว้เลย” นางพึมพำกับตนเอง

วันรุ่งขึ้น ตู้เยี่ยนอวี่และเสี่ยวจูออกเดินเท้าแต่เช้าตรู่ เพื่อไปยังร้านตำราและร้านขายสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในเมืองจิ่นหยาง ซึ่งได้ยินกิตติศัพท์ว่าเป็นแหล่งรวมตำราหายากและสมุนไพรล้ำค่าจากทั่วทุกสารทิศ

“หมอเทวดาตู้ ! ท่านคือหมอเทวดาตู้ใช้หรือไม่เจ้าคะ ขอท่านโปรดช่วยชีวิตบุตรสาวของข้าด้วยเถิด !”

เสียงร้องไห้คร่ำครวญของหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งดังก้องขึ้นจากด้านหลัง ตู้เยี่ยนอวี่หันกลับไปมอง ก็พบหญิงผู้นั้นกำลังพยุงเด็กสาวคนหนึ่งที่ใบหน้าซีดขาว ริมฝีปากเขียวคล้ำ และมีอาการชักเกร็งอย่างรุนแรง

“ใช้เจ้าค่ะ ข้าเอง เกิดอันใดขึ้นเจ้าคะ ?” ตู้เยี่ยนอวี่ถามด้วยน้ำเสียงกังวล

“บุตรสาวของข้านางล้มป่วยเมื่อคืนนี้เจ้าค่ะ ตัวร้อนจัดและชักเกร็งเช่นนี้ หมอคนใดก็มิมารักษาเลยเจ้าค่ะ” หญิงผู้นั้นกล่าวด้วยน้ำตาอาบแก้ม “พวกเขาบอกว่าเป็นโรคประหลาด มิเคยพบเห็นมาก่อน”

ตู้เยี่ยนอวี่รีบคุกเข่าลงข้างกายเด็กสาว นางตรวจดูอาการอย่างละเอียด ใบหน้าของนางฉายแววครุ่นคิด

“นี่คืออาการของโรคระบาดอัคคี” นางพึมพำกับตนเอง “พิษไข้กระจายไปทั่วร่าง ทำให้ลมปราณติดขัดรุนแรง และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากมิได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที”

นางเคยอ่านเจอโรคนี้ในตำราโบราณบางเล่ม เป็นโรคระบาดที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่ร้ายแรงยิ่งนัก

“ท่านต้องรีบพาบุตรสาวของท่านไปที่โรงหมอใหญ่เดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ !” ตู้เยี่ยนอวี่กล่าว “ข้าจะไปกับท่านด้วย”

เมื่อมาถึงโรงหมอใหญ่ของเมืองจิ่นหยาง ก็พบว่าโรงหมอเต็มไปด้วยผู้ป่วยจำนวนมาก แพทย์และผู้ช่วยเหลือต่างวิ่งวุ่นกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ใบหน้าของพวกเขาฉายแววความเหนื่อยล้าและความสิ้นหวัง

“ท่านหมอ ! โปรดช่วยบุตรสาวของข้าด้วยเถิด !” หญิงผู้นั้นร้องขอความช่วยเหลือจากแพทย์ผู้หนึ่งที่กำลังวิ่งผ่านไป

แพทย์ผู้นั้นหันมามองด้วยใบหน้าซีดเผือด “เราพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่โรคระบาดครั้งนี้รุนแรงยิ่งนัก มิเคยพบเห็นมาก่อน ผู้ป่วยล้มตายไปหลายคนแล้ว”

ตู้เยี่ยนอวี่ได้ยินดังนั้น ก็ตระหนักได้ทันทีว่าสถานการณ์ในเมืองจิ่นหยางเลวร้ายกว่าที่คิดไว้มาก นางเดินเข้าไปใกล้แพทย์ผู้นั้น “ท่านหมอ ข้าขออนุญาตช่วยรักษาผู้ป่วยเหล่านี้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ”

แพทย์ผู้นั้นมองตู้เยี่ยนอวี่ด้วยความแปลกใจ “แม่หนู เจ้าเป็นใคร ? เจ้ามีความรู้ทางการแพทย์หรือ ?”

“ข้ามาจากหมู่บ้านซีหลินเจ้าค่ะ” เยี่ยนอวี่ตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ข้าพอมีความรู้เรื่องการแพทย์อยู่บ้าง”

แพทย์ผู้นั้นมองเยี่ยนอวี่อย่างไม่เชื่อถือ แต่เมื่อเห็นแววตาที่มุ่งมั่นและแน่วแน่ของนาง เขาก็รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างดลใจให้เชื่อมั่นในตัวเด็กสาวผู้นี้

“เช่นนั้นก็เชิญเถิด” แพทย์ผู้นั้นกล่าว “แต่หากเกิดสิ่งใดขึ้น ข้าคงมิอาจรับผิดชอบได้”

ตู้เยี่ยนอวี่พยักหน้าเล็กน้อย นางเริ่มตรวจดูอาการของผู้ป่วยแต่ละคนอย่างรวดเร็ว บางคนมีไข้สูง บางคนมีอาการชักเกร็ง บางคนมีผื่นแดงขึ้นทั่วตัว และบางคนก็หมดสติไปแล้ว

“นี่คือโรคระบาดอัคคีที่รุนแรงยิ่งนัก” ตู้เยี่ยนอวี่พึมพำกับตนเอง “หากมิได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจจะทำให้เกิดการล้มตายไปมากกว่านี้ได้”

นางหันไปหาเสี่ยวจู “เสี่ยวจู เจ้าช่วยข้าไปหาหม้อต้มยาขนาดใหญ่ และสมุนไพรเหล่านี้มาให้ข้าเดี๋ยวนี้ !” นางยื่นรายชื่อสมุนไพรให้เสี่ยวจู ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการลดไข้ ขับพิษ และกระตุ้นการไหลเวียนของลมปราณ

เสี่ยวจูรับคำและรีบวิ่งออกไปทันที ในขณะที่ตู้เยี่ยนอวี่ก็เริ่มลงมือรักษาผู้ป่วยที่อาการหนักที่สุดก่อน

นางใช้เข็มเงินที่พกติดตัวมา ฝังเข็มไปที่จุดลมปราณสำคัญบนร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคนอย่างแม่นยำและรวดเร็ว พลางส่งพลังปราณภายในของตนเองเข้าไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของลมปราณที่ติดขัดในกายของผู้ป่วย

แพทย์และผู้ช่วยเหลือคนอื่น ๆ ต่างยืนมองตู้เยี่ยนอวี่ด้วยความทึ่ง พวกเขามิเคยเห็นวิธีการรักษาเช่นนี้มาก่อน และมิเคยคาดคิดว่าเด็กสาวตัวเล็ก ๆ เช่นนางจะมีความรู้ความสามารถถึงเพียงนี้

“ท่านหมอ ! อาการของเขาดีขึ้นแล้วขอรับ !” ผู้ช่วยคนหนึ่งร้องอุทานด้วยความยินดี เมื่อเห็นว่าอาการชักเกร็งของผู้ป่วยคนหนึ่งเริ่มทุเลาลง และใบหน้าเริ่มมีสีเลือดฝาดขึ้น

ข่าวคราวเรื่องหมอเทวดาตู้ที่สามารถรักษาโรคระบาดอัคคีได้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองจิ่นหยางอย่างรวดเร็ว ผู้คนต่างพากันแห่แหนมาขอความช่วยเหลือจากตู้เยี่ยนอวี่มิขาดสาย

ตู้เยี่ยนอวี่มิได้หยุดพัก นางยังคงทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทั้งการตรวจวินิจฉัยโรค การปรุงยา และการฝังเข็ม เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด

“เราต้องจัดตั้งสถานที่พักพิงสำหรับผู้ป่วย” ตู้เยี่ยนอวี่กล่าวกับแพทย์ประจำโรงหมอ “และแยกผู้ป่วยออกจากกัน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค”

นางยังเสนอแนวคิดเรื่องการทำความสะอาดสุขอนามัยในพื้นที่ชุมชน การต้มน้ำดื่ม และการทำน้ำสมุนไพรฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ดุจแม่ทัพผู้มีวิสัยทัศน์ที่วางแผนการรบอย่างรอบคอบ

แม้แพทย์ประจำโรงหมอจะรู้สึกแปลกใจกับแนวคิดใหม่ ๆ ของตู้เยี่ยนอวี่ แต่เมื่อเห็นว่าคำแนะนำของนางช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นจริง เขาก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

วันเวลาผ่านไปหลายวัน ตู้เยี่ยนอวี่มิได้หลับมิได้นอน นางใช้พลังปราณภายในของตนเองอย่างหนัก เพื่อรักษาผู้ป่วยจำนวนมาก ร่างกายของนางเริ่มอ่อนล้า แต่จิตใจกลับเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นและอดทน

ในที่สุดหลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดไปได้ อัตราการล้มตายของเมืองจิ่นหยางก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้ป่วยหลายคนอาการดีขึ้น และบางคนก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้แล้ว

“หมอเทวดาตู้ ! ท่านคือผู้มีพระคุณของเมืองจิ่นหยาง !” เจ้าเมืองจิ่นหยางเดินทางมาคารวะตู้เยี่ยนอวี่ด้วยตนเอง “ท่านได้ช่วยชีวิตผู้คนนับหมื่นนับแสนไว้ ข้าจะตอบแทนท่านอย่างงาม”

ตู้เยี่ยนอวี่โค้งคำนับเล็กน้อย “ท่านเจ้าเมืองมิต้องกล่าวเช่นนั้นเจ้าค่ะ ข้าเพียงทำตามหน้าที่ของมนุษย์เท่านั้น”

นางมิได้หวังสิ่งใดตอบแทน เพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มของผู้คนที่พ้นจากความเจ็บปวด ก็เพียงพอแล้วสำหรับนาง

ยามราตรี ดวงจันทร์ทอแสงนวลผ่องลงมายังเมืองจิ่นหยางที่กลับมาสงบสุขอีกครา

ตู้เยี่ยนอวี่นั่งอยู่ริมหน้าต่างโรงเตี๊ยม มองดูดวงดาวที่พร่างพราวเต็มท้องฟ้า ความเหน็ดเหนื่อยจากการรักษาผู้ป่วยนับร้อยนับพันมิได้ทำให้นางรู้สึกท้อถอย หากแต่กลับทำให้ใจนางเปี่ยมไปด้วยความสุขสงบ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 5 วิวาห์ใต้เงาจันทร์

    ปลายเดือนเจ็ด รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองเมฆหมอกร้ายที่เคยปกคลุมวังหลวงได้ถูกปัดเป่าไปจนสิ้น ประหนึ่งรัตติกาลที่ยอมจำนนต่อแสงอรุณ พระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างฮ่องเต้แห่งต้าเฉินและองค์หญิงมู่หลินแห่งแคว้นหนานเย่ว์ได้ดำเนินไปอย่างยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติที่สุด ท้องพระโรงหลวงที่เคยเป็นเวทีแห่งการพิพากษา บัดนี้กลับกลายเป็นทะเลแห่งแพรพรรณสีแดงสดและทองอร่าม เสียงดนตรีมงคลดังกังวานก้องไปทั่ว ขับขานบทเพลงแห่งสันติภาพและสัมพันธไมตรีที่ถูกเชื่อมประสานขึ้นใหม่อย่างแน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิมตู้เยี่ยนอวี่และกู้เหยียนหลงยืนสงบนิ่งอยู่ท่ามกลางเหล่าขุนนางที่กำลังแซ่ซ้องถวายพระพร พวกเขาคือวีรบุรุษและวีรสตรีผู้พิทักษ์แผ่นดินอีกครั้ง แต่ในใจของทั้งสองกลับมิได้มีความลำพองใจแม้แต่น้อย มีเพียงความโล่งใจที่ได้เห็นแผ่นดินกลับคืนสู่ความสงบสุขอย่างแท้จริงภายหลังจากพระราชพิธีหลักเสร็จสิ้นลง ฝ่าบาทผู้ทรงมีพระพักตร์ที่เปี่ยมด้วยความสุขและความปีติยินดี ได้มีรับสั่งให้ทั้งสองเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ณ ห้องทรงอักษรที่เงียบสงบ“หากมิได้มีพวกเจ้าทั้งสอง” ฝ่าบาทตรัสขึ้นด้วยพระสุรเสียงที่เปี่ยมด้วยความซาบซึ้งใจอย่างแท้จริง

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 4 กระชากหน้ากากอสรพิษ

    ปลายเดือนหก รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองเวลาเปรียบประหนึ่งเม็ดทรายในนาฬิกาที่ร่วงหล่นลงอย่างไม่ปรานี พระอาการขององค์หญิงมู่หลินทรุดลงทุกขณะ ประกายสีครามบนผิวพระองค์เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นแม้ในยามกลางวัน ลมหายใจแผ่วเบาราวกับจะดับสูญได้ทุกเมื่อ ความกดดันที่มองไม่เห็นได้แผ่ขยายไปทั่ววังหลวง มันมิใช่เพียงชีวิตขององค์หญิงที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่คือสันติภาพของสองแผ่นดินที่กำลังจะขาดสะบั้นลงท่ามกลางความสิ้นหวังนั้น ตู้เยี่ยนอวี่ได้ขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทเป็นการส่วนพระองค์พร้อมด้วยกู้เหยียนหลงและองค์หญิงลี่หัว ณ ห้องทรงอักษรที่เงียบสงัด นางได้ทูลเสนอแผนการสุดท้ายที่อาจหาญและเสี่ยงอันตรายที่สุด“ฝ่าบาท” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งแต่แฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยว “การจะจับอสรพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด เรามิอาจรอให้มันเผยตัวออกมาเองได้ แต่เราต้องสร้างเหยื่อล่อที่หอมหวานที่สุด เพื่อล่อให้มันคายพิษออกมาด้วยตนเองเพคะ”นางได้สร้างเรื่องราวของสมุนไพรวิเศษในตำนานขึ้นมา รากวิญญาณจันทรา พฤกษาทิพย์ที่กล่าวกันว่าสามารถชำระล้างพิษได้ทุกชนิด และจะเบ่งบานเพียงคืนเดียวใต้แสงจันทร์เต็มดวง ณ อารามเมฆขาวบนยอดเขาไท่ซานเท่าน

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 3 อสรพิษแดนใต้

    กลางเดือนหก รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองวังหลวงที่เคยประดับประดาด้วยโคมไฟแห่งการเฉลิมฉลอง บัดนี้กลับถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกแห่งความวิตกกังวลที่มองไม่เห็น การประชวรขององค์หญิงมู่หลินแห่งแคว้นหนานเย่ว์ ได้กลายเป็นหินถ่วงก้อนมหึมาที่ถ่วงดุลแห่งสัมพันธไมตรีระหว่างสองแผ่นดินให้สั่นคลอนอย่างน่าหวาดเสียว การสืบสวนเริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบงันและเร่งด่วน ประหนึ่งการเดินหมากบนกระดานที่ทุกก้าวล้วนเดิมพันด้วยสันติภาพของต้าเฉินสมรภูมิในครั้งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองแนวรบที่ดำเนินไปพร้อมกันแนวรบแรกคือห้องปรุงยาหลวงของตู้เยี่ยนอวี่ ที่นี่มิได้มีเสียงคมดาบปะทะกัน มีเพียงเสียงบดยาอันแผ่วเบา เสียงเปลวเทียนที่สั่นไหว และเสียงลมหายใจที่จดจ่อของแพทย์เทวดา ห้องของนางได้แปรสภาพเป็นศูนย์บัญชาการแห่งการพิสูจน์หลักฐาน มันคือการผสมผสานอย่างน่าทึ่งระหว่างเครื่องมือโบราณและนวัตกรรมที่นางประดิษฐ์ขึ้นจากความทรงจำในอีกโลกหนึ่ง ทั้งเครื่องกลั่นขนาดเล็กที่ทำจากแก้วใส และแว่นขยายที่เจียระไนอย่างประณีตนางทุ่มเทเวลานานถึงสองวันสองคืนในการวิเคราะห์เถ้ากำยานปริศนาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย กลิ่นหอมของสมุนไพรนานาชนิดคละคลุ้งไปทั่ว

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 2 เงาอดีตที่หวนคืน

    ต้นเดือนหก รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองเมืองหลวงที่ตู้เยี่ยนอวี่และกู้เหยียนหลงได้จากไปเมื่อหนึ่งปีก่อน บัดนี้ได้กลับกลายเป็นทะเลแห่งแพรพรรณและโคมไฟสีแดงสดอีกครั้งหนึ่ง โคมไฟนับพันดวงถูกแขวนประดับไปตามชายคาของอาคารบ้านเรือน สะบัดพลิ้วตามสายลมคิมหันตฤดูราวกับฝูงผีเสื้ออัคคีที่เริงระบำ ผ้าไหมสีมงคลถูกขึงทอดยาวไปตามถนนสายหลัก บ่งบอกถึงงานมงคลอันยิ่งใหญ่ที่แผ่นดินต้าเฉินกำลังรอคอย บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรื่นเริงและความคาดหวัง ทว่าสำหรับผู้ที่เจนจบในเล่ห์กลแห่งราชสำนักแล้ว ความสงบสุขที่ผิวเผินนี้เปรียบดั่งผิวน้ำอันราบเรียบ แต่เบื้องล่างนั้นกลับซ่อนเร้นไว้ด้วยกระแสธารอันเชี่ยวกรากที่พร้อมจะพัดพาทุกสิ่งให้พังพินาศการกลับมาของทั้งสองมิได้เอิกเกริก แต่กลับเงียบงันดุจเงาที่เคลื่อนไหวในรัตติกาล สถานที่นัดพบแห่งแรกของพวกเขามิใช่ท้องพระโรงอันโอ่อ่า แต่เป็นโรงน้ำชาเก่าแก่ในตรอกเร้นลับ ที่ซึ่งจางอู๋จีในชุดบัณฑิตเรียบง่ายนั่งรออยู่แล้ว“ท่านทั้งสองดูแข็งแกร่งและสงบขึ้นมาก” จางอู๋จีเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเขายังคงคมกริบดุจเหยี่ยวเฒ่าเช่นเดิม “ดูเหมือนว่าสายลมแห่งแดนเหนือจะขัดเกลาหยกงามทั้งสองให

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 1 ราชโองการหวนคืน

    ปลายเดือนสี่ รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองหนึ่งปีเต็มที่เปลวเพลิงแห่งสงคราม ณ ชายแดนภาคเหนือได้มอดดับลง สายลมวสันตฤดูที่พัดผ่านเมืองผิงหยวนในยามนี้มิได้หอบเอาฝุ่นควันและกลิ่นคาวเลือดมาด้วยอีกต่อไป หากแต่เป็นกลิ่นไอดินอันบริสุทธิ์และกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ป่าที่เพิ่งจะแย้มบาน เมืองหน้าด่านที่เคยเป็นดั่งสุสานกลางแจ้ง บัดนี้ได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ประหนึ่งต้นไม้แห้งแล้งที่ได้รับสายฝนชโลมใจเสียงค้อนที่ตอกลงบนโครงสร้างบ้านเรือนหลังใหม่ดังขึ้นเป็นจังหวะอย่างมีชีวิตชีวา แทนที่เสียงดาบที่เคยกระทบกันอย่างน่าสะพรึงกลัว รอยยิ้มได้กลับคืนสู่ใบหน้าของชาวบ้านที่เคยซูบตอบด้วยความสิ้นหวัง แม้ร่องรอยความเหนื่อยล้าจะยังคงอยู่ แต่ในแววตาของพวกเขากลับเปี่ยมด้วยประกายแสงแห่งความหวังณ ใจกลางของความเปลี่ยนแปลงนี้ คือเรือนพักชั่วคราวของสองวีรชนผู้พลิกชะตาแผ่นดินตู้เยี่ยนอวี่ในอาภรณ์ผ้าฝ้ายสีขาวเรียบง่าย กำลังเดินตรวจดูแปลงสมุนไพรในสวนโอสถร้อยสกุลที่นางริเริ่มขึ้นด้วยตนเอง มันมิใช่สวนบุปผาที่งดงามเพื่อการชื่นชม แต่คือคลังยาที่มีชีวิตซึ่งนางจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นรากฐานของระบบสาธารณสุขชุมชน นางกำลังสอนกลุ

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๑๔๗ วสันต์คืนสู่แดนเหนือ

    บนสมรภูมิทะเลสาบกระจกที่บัดนี้เงียบสงัดลงแล้ว มีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านผืนเกลือสีขาวและเสียงครวญครางของผู้บาดเจ็บ คำประกาศยอมแพ้ของจ้าวอู๋จี้ดังก้องอยู่ในความเงียบนั้น ประหนึ่งคำพิพากษาสุดท้ายที่ปิดฉากสงครามอันนองเลือดแห่งแดนเหนือลงโดยสมบูรณ์เขามิได้มีท่าทีของนักโทษผู้สิ้นหวัง แต่กลับเป็นความสงบนิ่งของนักปราชญ์ผู้ยอมรับในผลลัพธ์ของกระดานหมากที่ตนเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ จ้าวอู๋จี้เดินลงจากเนินดินอย่างเชื่องช้า เขาปลดดาบประจำกายที่อยู่ข้างเอวออก และยื่นมันให้แก่กู้เหยียนหลงด้วยสองมือ“นี่คือสัญลักษณ์แห่งการยอมจำนนของข้า” เขากล่าวเสียงเรียบ “และคือการยอมรับในชัยชนะของท่าน”กู้เหยียนหลงรับดาบเล่มนั้นมาถือไว้ เขามิได้แสดงท่าทีของผู้ชนะที่ลำพองใจ แต่กลับประสานมือคารวะคู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของเขาเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย“ท่านคือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่ข้าเคยพบพาน” กู้เหยียนหลงกล่าว “การพิพากษาท่านมิใช่หน้าที่ของข้า แต่เป็นหน้าที่ของราชสำนักและประวัติศาสตร์”เขาออกคำสั่งให้นำตัวจ้าวอู๋จี้และเหล่าแม่ทัพนายกอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status