Beranda / รักโบราณ / วาสนานางร้ายยุค90s / ตอนที่ 4 || เจ้าสาวเปลี่ยนได้แต่งานแต่งจะล่มไม่ได้!

Share

ตอนที่ 4 || เจ้าสาวเปลี่ยนได้แต่งานแต่งจะล่มไม่ได้!

last update Terakhir Diperbarui: 2025-09-25 19:10:31

ตอนที่ 4 || เจ้าสาวเปลี่ยนได้แต่งานแต่งจะล่มไม่ได้!

เกือบตีสี่ รถเก๋งเก่าคันเล็กเร่งฝ่าความมืดไปตามถนนสายยาวมุ่งหน้าสู่เขตเมือง ไฟหน้าส่องแสงเป็นเส้นตรงตัดกับท้องฟ้าสีหม่น เสียงเครื่องยนต์เก่าดังแผ่วราวจะดับทุกเมื่อในแต่ละจังหวะที่ล้อบดกับพื้นถนน ลู่เสียนอี่จับพวงมาลัยแน่นจนข้อนิ้วซีด ใบหน้าขาวคล้ำด้วยเหงื่อเย็น ๆ ที่ผุดพราวเต็มหน้าผากกว้าง

“คุณ… ถิงถิงจะไม่เป็นไรใช่ไหมคะ” เสียงสั่นเครือของซ่งอวี้ดังขึ้นจากเบาะข้างคนขับ เธอกอดลูกชายวัยสามขวบแนบอกหวังให้เด็กชาย ลู่หลงอวี่ ความหวาดกลัวในดวงตาของหญิงวัยสามสิบแปดปีนั้นไม่ต่างจากคนขับแม้แต่น้อย

“ฉันไม่รู้…” เสียงตอบสั้นของเสียนอี่แหบพร่า ดวงตาสั่นไหวด้วยความหวาดกลัวจนแทบสิ้นเรี่ยวแรง เขาไม่รู้เลยว่าลูกสาวทำไมถึงบาดเจ็บสาหัสได้ ทั้งที่ดึกดื่นขนาดนี้อีกฝ่ายควรนอนพักอยู่บนชั้นสามของบ้านลู่

ความเงียบกดทับภายในรถ มีเพียงเสียงเครื่องยนต์กระตุกในบางจังหวะ ที่ดังประสานกับหัวใจของทั้งคู่ที่เต้นถี่แรง ซ่งอวี้พยายามเอ่ยคำปลอบใจ “บางที…อาจไม่แย่ขนาดที่เรากลัว”

แต่ประโยคที่ควรจะปลอบใจ กลับทำให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งกว่าเดิม ในที่สุด แสงไฟสว่างจ้าของโรงพยาบาลประชาชนกว่างโจวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ราวกับหลุดจากความมืดที่ไม่มีทางสิ้นสุด รถเก๋งเก่าจอดลงตรงหน้าทางเข้าอย่างรวดเร็ว

เสียนอี่ถลาลงจากรถแทบไม่ทันคิด ซ่งอวี้รีบร้องตาม “คุณ ล็อกรถก่อน!” เขาชะงักเล็กน้อย ร่างผอมสูง รีบหันกลับไปล็อกประตูอย่างลนลาน แล้วพุ่งตรงเข้าสู่โถงยาวของโรงพยาบาล ข้างกายมีภรรยาที่อุ้มลูกชายวิ่งตามมาติด ๆ

สิ่งแรกที่สะดุดตาคือชายหนุ่มร่างสูงในสูทดำยืนพิงผนังสงบนิ่งราวกับรูปปั้น แสงไฟฟลูออเรสเซนต์กระทบเงาบนใบหน้าคมคายจนยิ่งดูเย็นเยือก เพียงเสี้ยววินาทีที่สายตาคมกริบตวัดมา เสียนอี่ก็แทบหยุดหายใจ กับรัศมีเย็นชาของอีกฝ่าย

โถงโรงพยาบาลยามดึกสว่างจ้าแต่กลับเย็นชืด กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อคลุ้งตลบ เสียงรองเท้าพยาบาลวิ่งผ่านไปมาเป็นระยะ ๆ ยิ่งขับให้บรรยากาศเต็มไปด้วยแรงกดดัน เสียนอี่ก้าวเข้าไปถามทันทีด้วยน้ำเสียงสั่นเทาอย่างยากจะควบคุม

“คุณชายรองจั๋ว… ลูกสาวของผมอยู่ที่ไหนครับ”

จั๋วอี้เหิงหรี่ตามองอีกฝ่ายเพียงนิด คล้ายประเมินว่าเสียนอี่รู้อะไรบ้าง ก่อนตอบเสียงเรียบ “ในห้องฉุกเฉิน”

เสียนอี่แทบจะถลาพุ่งไปยังประตู แต่ถูกมือแข็งแรงของอี้เหิงยกขึ้นกันไว้ “เขาห้ามเข้า รออยู่ตรงนี้ดีกว่า”

ชายวัยสี่สิบแปดปีชะงักกึก ถอยกลับมาอย่างหมดแรง ยืนข้างภรรยาที่กอดลูกชายแนบอกแน่น สีหน้าของซ่งอวี้ซีดขาวไม่ต่างจากสามี ดวงตาคู่นั้นจับจ้องแสงไฟสีแดงบนป้ายฉุกเฉินที่ยังสว่างนิ่ง

อี้เหิงยืนพิงผนังโดยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ แววตาคมเย็นมองเสียนอี่เหมือนคนกำลังสำรวจหมากตัวเล็กบนกระดานหมากรุก ไม่ใช่พ่อที่หัวใจแทบแตกสลายกับข่าวร้ายที่ลูกสาวบาดเจ็บหนัก

“คุณชายจั๋ว…นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ ถิงถิงของผมบาดเจ็บได้อย่างไร” เสียนอี่เอ่ยถามว่าที่ลูกเขยด้วยความเกรงใจ

อี้เหิงเหลือบตามองเพียงครู่ก่อนพูดห้วน “คุณไม่รู้ แล้วผมจะรู้หรือ?”

คำตอบสั้นแสนจะเย็นชานั้นเหมือนคมมีดเฉือนกลางอก เสียนอี่แทบทรุด รู้สึกมืดแปดด้านทันที ดึกดื่นแบบนี้ลูกสาวออกมาข้างนอกจนบาดเจ็บสาหัสได้อย่างไร เขาไม่รู้เลย และความไม่รู้ทำให้หัวใจพ่อเจ็บปวดแทบขาด

เวลาผ่านไปเชื่องช้าเหมือนถูกยืด ทุกวินาทีคือการทรมาน นาฬิกาบนผนังดังก้องราวกับค้อนที่กระแทกลงกลางอกคนเป็นพ่อ ซ่งอวี้กอดลูกแน่นขึ้นจนเด็กน้อยงอแง เธอจึงเอ่ยกล่อมเด็กชายหลงอวี่ให้หลับบนบ่า

ในขณะที่บรรยากาศตึงหนัก ประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกผลักออกมา ทุกสายตาหันขวับทันที แพทย์หนุ่มในชุดกาวน์ก้าวออกมา ใบหน้าอิดโรยแต่แฝงแววผ่อนคลาย

“คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ” เขาประกาศชัดเจน น้ำเสียงนั้นเหมือนดึงทุกคนขึ้นจากเหวลึก

“ถึงแผลที่ศีรษะจะลึกถึงสองแห่ง ทำให้เสียเลือดมาก แต่เราเย็บปิดและห้ามเลือดได้ทัน แต่ยังไงก็ต้องพักฟื้นหลายวันและให้เลือดเพิ่มหลายถุง”

ราวกับโลกที่กำลังถล่มหยุดลง เสียนอี่ผ่อนลมหายใจ เขารีบโค้งศีรษะซ้ำ ๆ “ขอบคุณ… ขอบคุณหมอมากจริง ๆ ขอบคุณที่ช่วยลูกสาวผมไว้!”

ซ่งอวี้ถอนหายใจโล่งอก อาเฟยที่ยืนรออยู่เผลอถอนหายใจแรง อาจ้านเองก็คลายไหล่ลงเพราะพวกเขาต่างก็แอบกลัวว่าหลันถิงจะไม่รอด จากเลือดที่ไหลออกมามากจริงๆ

ทว่า จั๋วอี้เหิงยังคงนิ่ง ไม่แสดงสีหน้าแม้แต่น้อย ร่างสูงพิงผนังเหมือนเดิม แสงไฟเย็นจัดสะท้อนเงาบนใบหน้าคมทำให้ดูยิ่งเย็นชา

หมอเอ่ยต่อ “คืนนี้คนไข้ยังไม่ฟื้น ต้องอยู่ในการดูแลของพยาบาลและแพทย์เวร ญาติคนใดคนหนึ่งเฝ้าได้ตลอดเวลา หากมีอาการแทรกซ้อนจะได้แจ้งทันที”

“ได้ครับ!” เสียนอี่ตอบทันที ราวกับคว้าทางรอดไว้แน่น

บรรยากาศคลี่คลายลงทีละน้อย แต่เงาของจั๋วอี้เหิงยังคงทอดทับอยู่เหมือนหมอกหนาไม่มีวันจางหาย…

แพทย์ถอยกลับเข้าไปในห้อง ราวกับปิดฉากช่วงเวลาระทึกที่ยาวนานเกินทน เสียงพูดคุยของพยาบาลดังลอดออกมาเป็นระยะ แต่สำหรับครอบครัวลู่ มันคือเสียงแห่งความหวัง

เสียนอี่กำลังจะเอ่ยถามจั๋วอี้เหิงต่อ ทว่าชายหนุ่มก้าวออกจากผนัง เสียงส้นรองเท้าหนังกระทบพื้นกระเบื้องก้องกังวาน ทุกสายตาหันตามอย่างไม่รู้ตัว

“ในเมื่อคนปลอดภัยแล้ว ผมกลับก่อน” น้ำเสียงเรียบเย็น ไม่เหลือความกังวลใด ๆ

ลู่เสียนอี่อยากรั้งเขาไว้เพื่อถามความจริง แต่ริมฝีปากกลับหนักราวก้อนหิน เขารู้ว่าคนอย่างจั๋วอี้เหิง หากไม่เต็มใจพูด ใครก็ไม่อาจบังคับได้ จึงทำได้เพียงมองตามร่างสูงที่ก้าวออกไปพร้อมลูกน้องสองคน

“คุณ…” ซ่งอวี้เอ่ยเบา ๆ

“ไม่เป็นไร คืนนี้เราดูแลถิงถิงก่อน พรุ่งนี้ลูกฟื้น เราค่อยถามเอากับเจ้าตัว” เสียนอี่ฝืนยิ้มให้ภรรยา แม้ในใจยังเต็มไปด้วยคำถามที่ไร้คำตอบ

เธอพยักหน้าเข้าใจ แม้แววตายังหนักแน่นด้วยความกังวล เสียนอี่หันไปกำชับ “เธอจัดการเรื่องห้องพักฟื้นนะ ฉันจะไปรับถังซินที่ห้องพักคนงานมาเฝ้าแทน”

“คุณจะให้ถังซินเฝ้า?”

“ใช่ พรุ่งนี้เช้าฉันต้องไปดูอิงอิงเตรียมจ่ายเงินเดือนพนักงาน”

ซ่งอวี้ไม่ขัดอีก เพียงพยักหน้าเบา ๆ

ทั้งคู่ต่างแยกกันไปทำหน้าที่ โดยไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มที่พวกเขาคิดว่า “กลับไปแล้ว” ยังนั่งอยู่ในรถยนต์เงียบ ๆ ใต้แสงไฟลานจอด

ภายในรถหรูสีดำ กลิ่นบุหรี่จาง ๆ ลอยอบอวล จั๋วอี้เหิงเอนพิงเบาะ หลับตาลงครู่หนึ่งก่อนลืมขึ้น แววตาคมวาวสะท้อนเงาไฟส่องสว่าง

“อาเฟย” เขาเอ่ยเสียงต่ำ

“ครับคุณอี้เหิง”

“พอกลับถึงคฤหาสน์แล้ว แกไปจัดคนคุ้มกันหลันถิงไว้ อย่างให้มีเรื่องอีก”

อาเฟยเหลือบตามองเจ้านายในกระจกเงาสะท้อน มือที่จับพวงมาลัยชะงักเล็กน้อย ก่อนกลืนน้ำลายลงคอ “คุณอี้เหิง…คุณกลัวว่า…”

“ใช่” เขาตัดบทเสียงเรียบ “ฉันไม่วางใจ”

ความเงียบปกคลุมเพียงชั่ววินาที ก่อนเขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แกคงไม่คิดว่าฉันจะเลือกหลินอิงเป็นเจ้าสาวอยู่อีกกระมัง”

อาเฟยกับอาจ้านที่นั่งข้าง ๆ หันมองหน้ากันวูบเดียว ใบหน้าทั้งคู่ตึงเครียด

“หมายความว่า…คุณอี้เหิงจะเปลี่ยนตัวเจ้าสาว?” อาเฟยเอ่ยออกมาในที่สุด

ริมฝีปากของอี้เหิงยกขึ้นเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่รอยยิ้ม แต่เป็นเสี้ยวของความเย็นชา “ฝาแฝดเหมือนกัน แต่งกับใครก็เหมือนกัน ขอแค่ไม่ใช่คนแซ่จ้าวที่แม่บ้านใหญ่ต้องการก็พอ”

รถแล่นออกจากลานจอดเข้าสู่ถนนใหญ่ แสงไฟนีออนริมทางสาดส่องเข้ามากะพริบเป็นจังหวะ เงาสลัวไหวพาดบนใบหน้าคมเข้มของมาเฟียหนุ่ม

“…” อาเฟยนิ่งไป

“…” อาจ้านไม่กล้าเอ่ยอะไร

ทั้งคู่ติดตามรับใช้เขามาหลายปี ย่อมรู้ดีว่านายของพวกเขาไม่เคยเปลี่ยนใจเพราะอารมณ์ หากแต่ตัดสินใจทุกอย่างด้วยเหตุผลที่มองไกลกว่าใคร และครั้งนี้ก็เช่นกัน

อี้เหิงเอนหลัง พ่นควันบุหรี่เบา ๆ ออกจากริมฝีปาก ก่อนเอ่ยช้า ๆ ราวบอกความจริงที่ไม่มีใครโต้เถียงได้ “งานแต่งคราวนี้จะล่มไม่ได้เด็ดขาด ถ้าล่ม…บ้านใหญ่ที่ปักกิ่งจะยัดเยียดเจ้าสาวแซ่จ้าวมาให้ฉันแน่นอน”

เสียงเครื่องยนต์คำรามต่ำกลืนหายไปกับความมืดของถนนกลางเมืองกว่างโจว เหลือเพียงแสงไฟส่องสลับและความเงียบหนักอึ้งที่กดทับอยู่ในรถคันหรู

สำหรับคนอื่น หลันถิงอาจเป็นเพียงเด็กสาวขี้โรคที่ถูกครอบครัวรังเกียจ แต่สำหรับจั๋วอี้เหิงเธอคือหมากตัวใหม่ที่จะเปลี่ยนเกมทั้งหมดระหว่างเขากับคุณนายจั๋วที่บ้านใหญ่…

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • วาสนานางร้ายยุค90s   ตอนพิเศษ

    ตอนพิเศษตัดปัญหาบ้านจั๋วไปแล้ว ใครจะคิดบ้านลู่กลับเกิดปัญหาขึ้นมา และจะเป็นใครได้อีกที่สร้างเรื่องหากไม่ใช่ยายแก่สารพัดพิษหลินฟางหรือย่าลู่ หญิงชราแอบมาขโมยเงินก้อนที่เสียนอี่เตรียมจะนำไปขยายโรงงานเอาไปให้ครอบครัวลู่เสียนเซิ่ง ที่ถูกเจ้าหนี้ตามฆ่าเพราะติดหนี้ก้อนโต (เกือบล้านหยวน)หลันถิงทราบเพราะแม่เลี้ยง (ซ่งอวี้) โทร.มาบอก หญิงสาวโกรธมาก อี้เหิงที่ทราบก็ถามเธอว่าอยากให้เขาจัดการคนพวกนี้แบบไหน หลันถิงนิ่งไปพักใหญ่ แต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจบอกให้สามีจัดการในแบบของเขาได้เลย เธอกับหญิงแก่มหาภัยไม่เกี่ยวกันนานแล้ว ยิ่งคนบ้านลู่รองหรือาผู้ชายกับอาสะใภ้เธอยิ่งไม่เคยผูกพันอี้เหิงจับศีรษะภรรยาแล้วชมว่า “ดี” พร้อมกับบอกว่าคนเราต้องใจเด็ดแบบนี้ คนที่เคยลงมือฆ่าเราเธอไม่จำเป็นต้องนับใครเป็นญาติ หลันถิงจึงว่าฉันถือคติทำให้คนเกลียด...ยังพูดไม่จบอี้เหิงก็ต่อว่า...อายุยืนหมื่นปี แล้วก็หัวเราะ หลันถิงจึงหัวเราะตาม พร้อมกับบอกสามีว่าชีวิตคนเราก็แบบนี้ต้องเห็นแก่ตัวบ้างใจดีเกินไปตายมามากแล้วอี้เหิงเห็นหลันถิงแกร่งแบบนี้เขาจึงเล่าถึงอู่กวงกับหลินอิงว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เขาบอกกับหลันถิงว่าตนเองปล่

  • วาสนานางร้ายยุค90s   ตอนที่ 45 ||อวสาน

    ตอนที่ 45 ||อวสานสองเดือนต่อมา...อี้เหิงเริ่มเห็นว่าหลายสิ่งที่หลันถิงเคยพูดไว้ในคืนนั้นเริ่มเกิดขึ้นจริง ข่าวลือเรื่องเขตเศรษฐกิจใหม่ที่เซี่ยงไฮ้สะพัดไปทั่ววงการการเงินในเงามืด เขาใช้เส้นสายตรวจสอบทุกแหล่งข้อมูลและพบว่า ทุกอย่างกำลังจะเป็นจริงตามที่เธอบอกไม่มีผิด บวกกับเหตุการณ์เล็กน้อยอีกหลายเหตุการณ์ล้วนเป็นจริงทำให้เขายิ่งคิดว่าความฝันของหลันถิงน่าจะเป็นฝังบอกอนาคตจริงๆค่ำหนึ่งในห้องทำงาน เขาเปิดแฟ้มข้อมูลพลางสูบลมหายใจลึก “ถิงถิง…ดูท่าฝันของเธอจะไม่ธรรมดาแล้วล่ะ”หลันถิงวางแก้วชาลงบนโต๊ะ พลางหัวเราะเสียงหวาน รอยยิ้มที่อ่อนโยนแต่มีความมั่นใจในตัวเองแผ่ออกมา “เห็นไหมคะพี่…ฉันไม่ได้พูดเพ้อเจ้อเลยสักนิด”อี้เหิงขำเบา ๆ ก่อนเอ่ยเล่น ๆ “พี่เริ่มจะเชื่อแล้วจริง ๆ ว่าเมียพี่อาจจะมาจากอนาคตก็ได้”หลันถิงทำหน้าทำตาประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนยิ้มเจ้าเล่ห์เขาโน้มตัวไปใกล้ พลางเอื้อมมือคว้าข้อมือเล็กของเธอมากุมไว้เบา ๆ “หรือไม่ก็…เป็นนางฟ้า หืม?”หลันถิงหัวเราะคิกคัก “พี่อี้! ฉันห่างไกลคำว่านางฟ้าเยอะมาก ยิ่งนางเอก…ยิ่งไกลเต็มที่ หลันถิงคนนี้ก็มีแต่จะเป็นนางร้ายเต็มตัว!”อี้เหิงยิ้มมุมปาก ดวงต

  • วาสนานางร้ายยุค90s    ตอนที่ 44 || ฝันบอกอนาคตของหลันถิง

    ตอนที่ 44 || ฝันบอกอนาคตของหลันถิงหลังจบมื้อค่ำดึก อี้เหิงกับหลันถิงขึ้นมานั่งดื่มชาดอกไม้ที่ระเบียงห้องนอนเพื่อรอให้อาหารย่อย แสงไฟยามค่ำส่องสว่างไสว กลิ่นชาอ่อน ๆ ผสมกลิ่นลมเย็นยามค่ำ ทำให้บรรยากาศเงียบสงบอย่างแปลกประหลาดหลันถิงนั่งถือถ้วยน้ำชาแน่นิ่งมาครู่ใหญ่ ในใจของหญิงสาวกำลังกังวล เธอจ้องไปยังความมืดข้างนอกมากกว่าจะมองสามีที่นั่งตรงข้าม อี้เหิงย่อมสังเกตเห็นแล้วแต่เขายังเงียบอยู่ เพราะอาการของหลันถิงดูเหมือนเธอจะมีเรื่องในใจ เขาไม่รีบร้อนปล่อยให้เมียตัวน้อยอยู่กับตัวเองครู่หนึ่ง จึงได้เอ่ยถามเสียงทุ้มต่ำแต่อบอุ่นเหลือเกิน“หลันถิง เธอต้องการอะไรจากพี่ก็พูดมาเถอะ ระหว่างผัวเมียเราไม่ต้องเกรงใจกัน” น้ำเสียงของเขาเรียบแต่หนัก แน่วแน่สื่อความหมายดังที่พูดออกไปทุกคำคำพูดนั้นทำให้หลันถิงชะงัก ใบหน้าเธอร้อนผ่าวขึ้นเล็กน้อยก่อนพยายามข่มใจให้ยิ้มกลบความรู้สึกหวาดกลัวว่าหากตนเองพูดสามีเธอจะไม่คิดว่าเธอเพ้อเจ้อไปเอง“นี่พี่อี้มองออกเลยเหรอ… แหม เขินเลยนะเนี่ย” หลันถิงพูดคล้ายหยอกเย้าสามีเพื่อไม่ให้บรรยากาศตึงเครียดเกินไปอี้เหิงยิ้มมุมปาก ดึงร่างเล็กมานั่งบนตักอย่างคุ้นเคยและเขาอยากบอก

  • วาสนานางร้ายยุค90s   ตอนที่ 43||การตัดสินใจเด็ดขาดของอี้เหิง

    ตอนที่ 43||การตัดสินใจเด็ดขาดของอี้เหิงหลันถิงรีบพูดเสียงสั่น แต่ยังไม่ทันพูดจบ ร่างบางก็ถูกแขนแข็งแรงโอบอุ้มขึ้นจากท่านั่งคุกเข่าโดยเขาก็กลับลงมานั่งในอ่างเช่นเดิม แล้ววางร่างเล็กลงคร่อมตักแกร่งกลางอ่างทันที น้ำกระเซ็นจนล้นขอบอ่างลงเปียกพื้นแต่อี้เหิงหรือจะสนใจ“ลองขย่มพี่เองสักครั้งสิ” เขากระซิบเสียงแหบพร่าที่ข้างหู ริมฝีปากกัดติ่งหูเล็กแรงพอให้เธอสั่นสะท้าน“ไม่เอา!” เธอส่ายหน้าสุดแรง แต่เขากลับจับสะโพกกลมแน่น กดลงตรงแก่นกายแข็งกร้าวที่เพิ่งคืนชีพอีกครั้ง ความร้อนผ่าวกระแทกตรงจุดอ่อนไหวทำให้หลันถิงสะดุ้งเฮือก“อย่าดื้อ...เดี๋ยวพี่ทิปอีกห้าหมื่น” เสียงทุ้มต่ำล่อลวงคนชอบเงินหลันถิงยังไม่ทันปฏิเสธเพราะรอบนี้เธอเหนื่อยแล้วอีกห้าหมื่นก็ไม่เอา แต่ปลายแท่งร้อนก็สอดแทรกเข้าไปในกายคับแน่นอย่างรวดเร็ว เสียงกรีดร้องหวานปนแหบพร่าหลุดจากปากหลันถิง น้ำตาคลอเมื่อความใหญ่โตดันลึกเข้าไปสุดทางในคราวเดียว“อ๊ะ...พี่อี้ มันเจ็บนะ!” เธอทุบอกเขาเบา ๆ แต่เสียงครางแหบพร่ากลบความโกรธไปหมดสิ้น“ก็เจ็บแค่แรก ๆ ทุกครั้งไม่ใช่หรือไง เดี๋ยวขยับเธอก็เสียวไปกับพี่ทุกที...” เขาหัวเราะต่ำในลำคอ แล้วดันสะโพกเธอขึ้

  • วาสนานางร้ายยุค90s   ตอนที่ 42||ฉันจะเป็นปลาเค็ม!...

    ตอนที่ 42||ฉันจะเป็นปลาเค็ม!...หลังจากวันยกน้ำชาพอเช้าวันใหม่อีกวันน้องสาวของจ้าวอิงอิงพี่สะใภ้ใหญ่ของบ้านจั๋วก็ขนข้าวของมาอยู่ที่ตึกใหญ่ หากแต่หลันถิงไม่ใส่ใจ เพราะอี้เหิงบอกกับเธอแล้วว่าเขาไม่สนใจใคร เขาเลือกเธอแต่แรกก็ยังเป็นเช่นนั้นและเพียงสามวันเท่านั้นตึกใหญ่ของบ้านจั๋วก็วุ่นวายเพราะจ้าวจูดี้กับจ้าวหนิงเจียวทะเลาะตบตีกัน เพราะต่างก็มีคนหนุนหลัง หนิงเจียวคือคุณนายใหญ่จั๋วผลักดัน ส่วนจ้าวจูดี้ก็เป็นสะใภ้ใหญ่กับลูกชายคนโต ตบตีกันเองจนวุ่นวาย สุดท้ายคุณนายใหญ่จั๋วก็ทนไม่ไหว ไล่ทั้งสองคนออกจากคฤหาสน์ไปก่อน“แผนของพี่อี้ช่างร้ายกาจ”หลันถิงชื่นชมสามีจากใจ เพราะที่อี้เหิงรับปากเธอแต่แรกล้วนเป็นจริง เขาบอกให้เธอแค่อยู่เฉยๆ วางตัวสวยๆ ใช้จ่ายตามสบาย ส่วนเรื่องผู้หญิงอื่นเขาจะจัดการแทนเธอเอง“พี่ร้ายกับคนที่ร้ายกับพี่ก่อนเท่านั้น อีกไม่นานรับรองเลยว่าหนิงเจียวจะได้รับโทษที่เคยลงมือทำร้ายเธอ”“ยังไงคะ?” หลันถิงหมายถึงเขาจะทำอะไร“ตอนนี้หนิงเจียวพัวพันอยู่กับเฉินอีเค่อ และเธอรู้ไหม เมียของเฉินอีเค่อเป็นพวกหึงโหดขนาดไหน”หลันถิงฟังแล้วคิดตามไม่นานก็ตาโต “พี่อี้ พี่ไม่ใช่คนดี!”จั๋วอี้เหิงห

  • วาสนานางร้ายยุค90s   ตอนที่ 41 ||ยกน้ำชาบ้านใหญ่

    ตอนที่ 41 ||ยกน้ำชาบ้านใหญ่ช่วงค่ำอากาศของปักกิ่งเย็นยะเยือกกว่าที่หลันถิงเคยชิน ลมปลายฤดูร้อนพัดแรงจนม่านบางปลิวสะบัด เสียงกระดิ่งลมหน้าระเบียงดังแผ่วเบาเป็นจังหวะชวนผ่อนคลายหญิงสาวในชุดนอนผ้าซาตินสีงาช้างนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ดวงตาคู่หวานจ้องเงาตัวเองในกระจกอยู่นาน ใบหน้าหวานผ่องใสแม้จะผ่านการเดินทางไกลด้วยเครื่องบินเสียงเปิดและปิดประตูเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่อี้เหิงจะก้าวเข้ามาในชุดนอนสีเข้ม เขาดูสงบอย่างทุกครั้ง“นอนไม่นอนอีกแล้วเหรอ” คนเพิ่งกลับมาจากห้องทำงานถามเมียที่เขามาส่งตั้งแต่หัวค่ำยังนั่งทาครีมตรงโต๊ะเครื่องแป้งไม่เข้านอน“รอพี่อี้ค่ะ” หลันถิงตอบเสียงหวานก่อนจะลุกเดินมาหาสามีที่ยืนรอที่ปลายเตียง“พี่นึกว่าเธอกังวลเรื่องยกน้ำชาบ่ายพรุ่งนี้เสียอีก” อี้เหิงดักคอคนที่ยังไม่ยอมเข้านอนทั้งที่ห้าทุ่มกว่าแล้ว“ก็...นิดหน่อยค่ะ” หญิงสาวเข้ามาโอบเอวแกร่งพร้อมเอาแก้มนวลถูไถไปกับหน้าอกของสามีคล้ายลูกแมวขี้อ้อน ท่าทางแบบนี้ทำเอาอี้เหิงใจเหลวเป็นน้ำ“ตราบใดที่พี่ยังมีลมหายใจ ไม่ต้องกลัวหรือกังวลอะไรทั้งนั้น”คำพูดนั้นเหมือนคาถาคุ้มกันในใจหลันถิง เธอพยักหน้าช้า ๆ แล้วสูดลมหายใจลึกก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status