Share

บทที่ 3

Author: l3oonm@
last update Last Updated: 2024-12-24 20:58:44

ตอนที่ซินหยานตกลงไปในน้ำมีพี่ชายที่ไปด้วยในตอนนั้นช่วยไว้ได้ทัน เมื่อซินหยานอายุได้ สิบหกหนาว ก็ได้ช่วยชีวิตท่านแม่ทัพเจ้าไว้ เพราะตลอดเวลาซินหยานนางได้ดูแลท่านแม่ทัพอย่างดี เขาจึงรับนางเป็นอนุ

ซินหยานเมื่ออยู่ที่จวนท่านแม่ทัพ แม้จะสุขสบาย นอกจากจะเป็นอนุแล้วนางยังเป็นผู้มีพระคุณคอยช่วยเหลือท่านแม่ทัพด้วย แต่นางไม่เคยได้ความรักจากท่านแม่ทัพเลย

ทุกครั้งที่มาค้างที่เรือนของนางก็เหมือนจะมาเพราะถูกฮูหยินเอกบังคับเสียมากกว่า ตลอดชีวิตที่เหลือของนางไม่มีบุตรเป็นของตนเอง เพราะท่านแม่ทัพต้องมีบุตรเพียงแค่ฮูหยินของตนเท่านั้น

จนวาระสุดท้ายของชีวิตซินหยาน นางก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากท่านแม่ทัพเลยสักครั้ง สืออี เมื่อนึกถึงนิยายที่นางอ่าน นางก็ได้แต่ถอนหายใจกับความรักที่โง่เขลาของซินหยาน

ในเมื่อนางมาที่นี่แล้วเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นกับนางเป็นแน่

"ระบบกำลังประมวลผล" สืออี กระโดดลุกขึ้นจากที่นอนเมื่อได้ยินเสียงปริศนา

นางมองไปทั่วรอบห้องเพื่อหาต้นตอของเสียงที่ได้ยิน แต่ก็หาไม่พบ

"โปรดแจ้งชื่อของคุณ" เสียงดังขึ้นอีกครั้ง สืออีจึงได้รู้ว่าเสียงมาจากในหัวของนางเอง

"สืออี" นางพูดขึ้น

"ไม่มีในสารบบ" 

"ซินหยาน" ในเมื่อใช้ชื่อสืออีไม่ได้ นางจึงได้เปลี่ยนชื่อใหม่

"สวัสดีซินหยาน โปรแกรมได้ทำการบันทึกชื่อของคุณแล้ว" 

"โปรแกรมอะไร ฉันไม่เข้าใจ" สืออีนั่งลงที่เตียงพร้อมทั้งกัดนิ้วอย่างใช้ความคิด

"โปรแกรม Survivor ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยชีวิตในยามฉุกเฉิน ภายในระบบมีปัจจัย4 ที่คุณต้องการพร้อมทั้งโกดังเก็บของไว้เรียกออกมาใช้" 

สืออีขมวดคิ้วคิด คงไม่ใช้ชิปโปรแกรมที่เธอกลืนลงไปหรอกนะ ภารกิจสุดท้ายที่ให้เธอไปโจรกรรมของ เป็นไปไม่ได้ที่จะติดตามเธอมา ในตอนที่รับงานเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าโปรแกรมชนิดนี้มีประโยชน์อย่างไร

รู้เพียงว่าเป็นสิ่งที่คนทั่วโลกต้องการครอบครองมัน แต่มันก็เป็นเพียงโปรแกรมที่ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ หากสำเร็จจริง ทั่วโลกคงได้ปั่นป่วนแน่นอน

"เป็นอย่างที่คุณคิด แต่คุณจะไม่ได้ทุกอย่างมาโดยง่าย คุณต้องทำภารกิจเพื่อแลกสิ่งที่ต้องการ" 

"คุณมีชื่อหรือไม่" สืออีเอ่ยถาม

"เรียกผมว่า เอ่อ ตั้งชื่อให้ผมด้วยครับ" สืออีถอนหายใจอย่างปลงตก

"เชาชื่อ" (ซูเปอร์มาเก็ต) 

"ขอบคุณมากขอรับ" เชาชื่อเปลี่ยนคำพูดเพื่อให้เข้ากับยุคโบราณ

"ไหน มีสิ่งใดมานำเสนอบ้าง"

"ภารกิจแรก ท่านต้องทำความรู้จักกับคนในยุคนี้อย่างน้อยสามคน" ไม่ยาก คนในบ้านก็ครบสามคนแล้ว

"แล้วจะได้สิ่งใด" 

"ทุกครั้งจะมีให้เลือกสามอย่าง แต่ท่านจะเลือกได้เพียงอย่างเดียวขอรับ" สืออีห่อปาก 

"แล้วครั้งนี้มีอะไรบ้าง" 

"ข้าวสารสิบชั่ง แป้งสิบชั่ง เนื้อสัตว์สิบชั่ง" สืออีอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อ

"ทำไมถึงมีเพียงแค่นี้" 

"ภารกิจของท่านง่ายขนาดนี้ ท่านจะได้ของดีได้อย่างไร" เชาชื่อเหมือนจะไม่อยากคุยกับซินหยาน ระบบปิดไป ซินหยานต้องออกจากห้องเพื่อไปพบหน้าครอบครัวเสียที

"เอ่อ ท่านแม่มีอะไรให้ข้าช่วยไหมเจ้าคะ" ซินหยานเดินเข้าไปอย่างเก้ๆ กังๆ

"หยานเออร์ เจ้ายังไม่หายดีไปนั่งพักเสีย" ชุยเหมยดันตัวบุตรสาวให้ออกไปจากห้องครัว

"ท่านแม่ท่านไม่ต้องห่วงข้าหายดีแล้วเจ้าค่ะ" ซินหยานเบี่ยงตัวหลบแล้วเดินเข้าไปช่วยจัดเตรียมอาหาร

ในโลกก่อนมีสิ่งใดที่นางไม่เคยทำบ้าง นางทำด้วยตนเองมาทุกอย่างแล้ว เมื่ออยู่ในบ้านที่ไม่มีอะไรเลย ซินหยานจึงไม่กลัวความลำบาก เมื่อสำรวจข้าวของซินหยานก็รู้แล้วว่านางต้องเลือกสิ่งใด

เมื่อถึงเวลาทานอาหาร ครอบครัวทั้งสี่คนก็นั่งลงพร้อมหน้าพร้อมตา ซินหยานก็เริ่มนึกคำที่จะพูดแนะนำตัวอย่างไรดี

"ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ชาย พวกท่านชื่ออันใดเจ้าคะ" ซินหยานมองไปที่ทั้งสามที่กำลังมองมาที่นางอย่างประหลาดใจ

"น้องน้อยเจ้าปวดหัวหรือไม่ หรือมีอาการเช่นใดบ้าง ข้า ข้าไปตามท่านหมอมาดีหรือไม่" จางเหลี่ยงเตรียมลุกที่จะไปตามท่านหมอมาดูอาการน้องสาว

"ไม่ต้องเจ้าค่ะ แค่พวกท่านพูดนามออกมาก็พอ"

"แม่ ชุยเหมย" ชุยเหมยชี้ไปที่ตัวเอง นางทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมา

"พี่ชาย จางเหลี่ยง แต่เจ้าไม่เป็นอันใดแน่นะ" จางเหลี่ยงยังไม่หายกังวลเรื่องน้องสาว

"ข้าบิดาเจ้า จางเทียน" จางเทียนจ้องมองบุตรสาวอย่างไม่วางตา

"ภารกิจแรกสำเร็จ เชิญท่านเลือกสิ่งที่ต้องการขอรับ" เชาชื่อเอ่ยขึ้น

"หากมีข้าวสิบชั่ง แป้งสิบชั่ง เนื้อสัตว์สิบชั่ง พวกท่านจะเลือกสิ่งใดเจ้าค่ะ" ซินหยานให้ทุกคนได้มีสิทธิ์เลือก เพราะนางอยากจะรู้ความต้องการของแต่ละคน

"ข้าว/ข้าว/เนื้อสัตว์" มีเพียงจางเหลี่ยงที่เลือกเนื้อสัตว์

"เช่นนั้นข้าเลือกข้าวสารสิบชั่ง" เมื่อสิ้นคำของซินหยานข้าวก็ปรากฏตรงหน้านาง

ทั้งสามคนตกตะลึงอ้าปากค้าง จางเหลี่ยงกระโดดลุกจากเก้าอี้ไปยืนหลบที่หลังของบิดา ชุยเหมยก็ตบอกตัวเองเพื่อเรียกสติ จางเทียนนั่งนิ่งแต่จริงๆแล้วเขาอยากจะลุกหนี แต่เท้ายังได้รับบาดเจ็บจึงไม่อาจเคลื่อนตัวได้

"นี่คืออันใดหยานเออร์" ชุยเหมยเอ่ยถามบุตรสาวเมื่อนางสงบสติได้แล้ว

"ข้าจะเล่าให้พวกท่านฟังแต่อย่าได้ตกใจนะเจ้าค่ะ" ซินหยานมองไปที่ทุกคนด้วยสายตาจริงจัง

ทั้งสามเมื่อเห็นว่าสิ่งที่ซินหยานกำลังจะเล่าคงเป็นเรื่องที่เคร่งเครียดจึงได้ยืดตัวขึ้นเพื่อรอฟัง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วาสนานี้ข้ามิอยากได้   ฝูเหิงสมหวังแล้ว (จบ)

    ฝูเหิงอาบน้ำขัดตัวอย่างเร่งรีบ เมื่อสำรวจจากร่างกายว่าแทบไม่หลงเหลือกลิ่นสุราแล้วก็เดินออกมาจากห้องน้ำ“หึหึ” เขาหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบาเมื่อเห็นซูหนี่นั่งหน้าเครียดอยู่ที่เตียงนอนฝูเหิงเดินเข้าไปนั่งข้างซูหนี่ก่อนที่จะยกตัวนางขึ้นมานั่งบนตักแล้วกอดนางไว้จากด้านหลัง“เป็นอันใดไปหรือ” ฝูเหิงก้มลงสูดดมกลิ่นหอมจากตัวซูหนี่ที่ซอกคอของนางอย่างโหยหา“ปะ เปล่าเจ้าค่ะ” ซูหนี่เอ่ยตอบเสียงสั่นฝูเหิงคิดว่านางคงกลัวจึงได้จับใบหน้าของซูหนี่ให้หันมาสบตาเขา ก่อนจะจรดหน้าผากของเขาเข้ากับของซูหนี่“หนี่เออร์ อย่าได้กลัว ข้าสัญญาว่าจะทะนุถนอมเจ้าอย่างดี” ฝูเหิงเอ่ยเสียงเบาราวกับกำลังปลอบประโลมนางหัวใจของซูหนี่เต้นระรัว เมื่อเห็นสายตาของฝูเหิงที่จ้องมองมาที่นางอย่างเร่าร้อน นางสั่นสะท้อนเล็กน้อยอย่างตื่นตัว เมื่อลมหายใจร้อนๆ ของฝูเหิงเป่ารดต้นคอของนางซูหนี่แทบอ่อนระทวย เมื่อถูกลิ้นร้อนของฝูเหิงไล้เลียและดูดดึงที่ซอกคอของนาง ความรู้สึกสับสนเกิดขึ้นกับนาง แต่ก็ปล่อยไปตามการสัมผัสของเขาฝูเหิงที่เพียงได้กลิ่นกายของนางความเร่าร้อนก็พุ่งสูงขึ้นภายใน แต่เขาจำต้องควบคุมสติไว้เพื่อไม่ให้นางตื่นกลัวสายตาขอ

  • วาสนานี้ข้ามิอยากได้   งานมงคล

    ซินหยานยืนมองตำหนักอ๋องที่ประดับไปด้วยผ้าแดงของงานมงคลอย่างยินดี นางไม่เคยคิดว่าในชีวิตของนางจะมีครอบครัวที่อบอุ่นเช่นนี้ และในตอนนี้บุตรสาวเพียงคนเดียวของนางก็กำลังจะออกเรือนแล้วตอนนี้ซูหนี่นางโดนซงมามากับฝูมามาจัดการขัดเนื้อตัวของนางอยู่ แม้ว่าผิวพรรณของนางจะผุดผ่องไปไม่ได้มากกว่านี้แล้วก็ตามซินหยานเดินเข้าไปดูบุตรสาวที่แช่อยู่ในบ่อน้ำวิเศษของนางแล้วก็ได้แต่ถอนหยาใจ ไม่ต่างกับตัวนางในครั้งนั้นที่โดนจับขัดสีฉวีวรรณเช่นนี้ซินหยานนางยังช่วยชีวิตซูหนี่ด้วยการพานางกลับเรือนเพื่อพูดคุยตามประสาแม่ลูกก่อนที่จะออกเรือนในวันพรุ่งนี้“หนี่เออร์ นี่คือสิ่งที่มารดาทุกคนต้องสั่งสอนบุตรสาวก่อนออกเรือน” ซินหยานนางหยิบตำราวสันต์มาเปิดออกให้ซูหนี่ได้ดู"ท่านแม่" ซูหนี่ร้องอยากตกใจ เพราะสิ่งที่มารดาให้นางได้ดูนางเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก“มิใช่เรื่องน่าอาย มาแม่จะดูเป็นเพื่อนเจ้า” ซินหยานตบไปที่หลังมือของซูหนี่เบาๆเมื่อเห็นบุตรสาวทำท่าทางเขินอายยามที่นางเปิดไปแต่ละหน้าและอธิบายไปด้วย ซินหยานนางก็หัวเราะออกมาเบาๆนี่คือเรื่องที่ในภพนี้ยังไม่เปิดกว้าง จึงทำให้สตรีต่างเขินอายไม่กล้าพูดหรือแสดงออกมาก

  • วาสนานี้ข้ามิอยากได้   เดินทางกลับเมืองหลวง

    ซินหยานนางยังให้ซูหนี่นำน้ำวิเศษใส่ไหจำนวนมากทิ้งไว้ที่จวนท่านแม่ทัพ ก่อนจะบอกกับจ้าวฟางหรงให้ไว้ใช้ในการเกษตรเช่นไร เพื่อให้ทหารและชาวบ้านเมืองเป่ยโจวที่หาผักสดกินได้ยาก ได้มีผักกินตลอดทั้งปีจ้าวฟางหรงก็กล่าวขอบคุณหยางอ๋องและซูหนี่ที่เมตตาต่อทหารและชาวเมืองมากเช่นนี้ เขารีบไปจัดการเรื่องทั้งหมดให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และทิ้งคนที่ไว้ใจได้ให้จัดการเรื่องการเพพาะปลูกต่อเพราะเขาต้องเดินทางเข้าเมืองหลวงพร้อมกับหยางอ๋องและซินหยาน เพื่อจัดการเรื่องของมงคลของฝูเหิงกับซูหนี่ขบวนเดินทางของหยางอ๋องที่กลับเมืองหลวงก็มีผู้ติดตามกลับไปด้วยมากกว่าเดิม ทำให้พวกเขาไม่อาจเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในมิติได้ตลอดเวลาเช่นเดิมเพียงแต่จะเข้าไปก็ต่อเมื่อแยกย้ายกันกลับห้องพักผ่อนแล้ว เพราะขบวนเดินทางมีคนมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้กว่าจะเดินทางมาถึงเมืองหลวงก็ล่วงเข้าเดือนที่สามของการเดินทางแล้วจ้าวฟางหรงก็ส่งคนมาให้จัดการจวนตระกูลจ้าวในเมืองหลวงไว้ก่อนแล้วฮ่องเต้ ฮองเฮาเมื่อรู้ว่าบุตรชายกับหลานทั้งสี่กลับมาถึงเมืองหลวงก็เรียกตัวเข้าวังทันทีทุกพระองค์ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแคว้นหานต่างก็ลอบตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะมีคนทะลุ

  • วาสนานี้ข้ามิอยากได้   จำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น

    เชาชื่อนำยาลบความทรงจำมาส่งให้หยางอ๋อง เขาได้ทำกการปรุงยาขึ้นมาใหม่เพื่อใช้กับหานอี้สุ่ยโดยเฉพาะเชาชื่อต้องการให้หานอี้สุ่ยลืมเรื่องที่เขารู้เรื่องระเบิดและก่อนที่จะรู้จักกับซูหนี่ ความทรงจำของหานอี้สุ่ยจึงหยุดอยู่ในวันที่เขาลอบเข้าแคว้นเซี่ยเพื่อสืบเรื่องในแคว้นเท่านั้นก่อนที่จะพาตัวหานอี้สุ่ยออกจากมิติ ฝูเหิงทำลายเอ็นข้อมือข้างขวาของเขาทิ้งเสีย หากสวรรค์ยังเขาข้างหานอี้สุ่ยก็คงส่งหมอเทวดามารักษาเขา แต่หากไม่เขาก็ต้องกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิตซูหนี่พาซีฮันและฝูเหิงออกมาจากมิติ เพื่อให้เขาพาหานอี้สุ่ยไปโยนทิ้งไว้ข้างวังหลวงเมื่อเสร็จสิ้นเรื่องทั้งหมด ทุกคนก็เห็นตรงกันเรื่องที่ต้องเดินทางกลับแคว้นเซี่ย ชีวิตของหานอี้สุ่ยและฟ่านหลี่อิงหลังจากนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องข้องเกี่ยวอีกแล้วในตอนที่ออกจากแคว้นหาน ซูหนี่นางต้องเดินทางอยู่ภายในรถม้ากับฝูเหิงเช่นตอนขามา แต่ในครั้งนี้มีหยางอ๋องที่ปลอมตัวออกมาอยู่ด้วย เพราะเขาไม่ยินยอมที่จะให้บุตรีอยู่เพียงลำพังกับฝูเหิงฝูเหิงที่คิดว่ามีโอกาสใกล้ชิดกับซูหนี่ในรถม้าก็มีสีหน้าสลดอย่างเห็นได้ชัด สืออียังทำหน้าที่บังคับรถม้าเช่นเดิม ทุกคนที

  • วาสนานี้ข้ามิอยากได้   ฝ่าเท้าหยางอ๋อง

    หานอี้สุ่ยทรุดตัวนั่งลงอย่างสิ้นแรง เขาแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน จะมีเรื่องอันใดที่ทำให้นางหลงลืมไปได้เช่นนี้ ตอนที่พบนางก็ไม่เห็นว่านางจะบาดเจ็บที่ใดฟ่านหลี่อิงถูกหานอี้สุ่ยส่งตัวไปคุมขังไว้ในคุกใต้ดิน เขายังไม่เชื่อนางเสียทั้งหมด ในเมื่อเขาทำตามที่รับปากนางไว้แล้ว แต่นางกลับไม่ยอมบอกวิธีทำระเบิด เช่นนั้นเขาก็จะทรมมานจนกว่านางจะพูดฟ่านหลี่อิงไม่รู้ว่าเหตุใดตนถึงถูกกระทำเช่นนี้ นางถูกนางกำนัลลากตัวไปไว้ในคุกใต้ดิน พร้อมทั้งหวดแส้ลงที่ร่างกายของนาง“หม่อมฉันไม่รู้จริงๆ เพคะ” เสียงที่เอ่ยออกมาของนางแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเปิ่นกงอดทนกับเจ้ามากเพียงใด หากยังไม่ยอมพูดอีก เปิ่นกงจะตัดลิ้นของเจ้าเสีย” หานอี้สุ่ยดึงผมของฟ่านหลี่อิงขึ้น เพื่อให้เงยหน้ามาสบตากับเขาฟ่านหลี่อิงร่ำไห้อย่างหวาดกลัว นางได้แต่ร้องบอกว่านนางไม่รู้ นางจำสิ่งใดไม่ได้ แต่เหมือนจะเป็นการเพิ่มโทสะให้หานอี้สุ่ยมากขึ้น เขาลงแส้ไปที่ร่างกายของนางนับครั้งไม่ถ้วนฟ่านหลี่อิงหมดสติลง เพราะทนรับความเจ็บปวดไม่ไหวหานอี้สุ่ยเดินออกจากคุกใต้ดินไปอย่างไม่สบอารมณ์ เขาแทบไม่เคยคิดไว้เลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้

  • วาสนานี้ข้ามิอยากได้   งานมงคลของฟ่านหลี่อิง

    ไม่ต่างจากหานอี้สุ่ย เขาก็คิดเช่นนั้น เพราะเหลือเวลาอีกเพียงสามวันจะถึงวันงานแต่งจึงต้องส่งนางกลับไปที่จวนตระกูลฟ่านเพื่อเตรียมตัวเสียก่อน เขาจึงไม่ได้สอบถามรายละเอียดที่เกิดขึ้นถึงถามไปนางก็ตอบได้เพียงจำไม่ได้เท่านั้น ทหารและนางกำนัลในตำหนักต่างก็ตอบไม่ได้ว่าผู้ใดเป็นคนพาตัวฟ่านหลี่อิงออกไปจากตำหนักเพราะตอนที่ถูกทำร้าย พวกเขาต่างไม่เห็นใบหน้าของผู้ร้ายฟ่านหลี่อิงที่อยู่ภายในเรือนตระกูลฟ่าน นางจำไม่ได้ว่านางเข้าไปอยู่ในวังหลวงได้อย่างไร และเหตุใดนางถึงได้มีวาสนาถึงขั้นได้แต่งเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทนายท่านฟ่านกับฮูหยินฟ่านก็ไม่ได้รับรู้ถึงความผิดปกติของบุตรสาว เพราะพวกเขาได้แต่ต้อนรับแขกที่เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีและเตรียมงานมงคลจนหัวหมุนสองวันต่อมา ฟ่านหลี่อิงก็ถูกปลุกมาให้เตรียมตัว เพื่อเข้าพิธีแต่งงาน งานจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แขกที่มาร่วมส่งเจ้าสาวมากมายจนแน่นเต็มเรือนพวกเขาล้วนอิจฉาตระกูลฟ่านที่เป็นเพียงคหบดีเท่านั้น แต่บุตรีกลับมีวาสนาได้เป็นถึงพระชายาขององค์รัชทายาท และต่อไปนางก็จะได้นั่งตำแหน่งฮองเฮาในอนาคต เช่นนี้แล้วผู้ใดจะไม่มาร่วมยินดีได้เล่าฟ่านหลี่อิงเดินเข้าไปก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status