ตอนที่ 1
คุณหนูสกุลลู่
ณ งานชมบุปผาแห่งเมืองหลวงวันนี้ฟ่านฮูหยินเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นเช่นทุกครั้ง ภายในงานมีฮูหยินและคุณหนูมากมายมารวมตัวกันเพื่อพูดคุยสังสรรค์ทำความรู้จักทำความสนิทสนมต่อกัน
ผู้ที่จะถูกเชื้อเชิญมาให้ร่วมงานนั้นล้วนเป็นเหล่าฮูหยินและคุณหนูของขุนนางในราชสำนัก ไม่ก็สกุลใหญ่ที่มีชื่อเสียง งานพบปะของเหล่าสตรีในที่นี่เปรียบได้กับการกระชับมิตรเพื่อผลประโยชน์ของสามีของพวกนางด้วย
ลู่ฮูหยินนั้นก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกเชื้อเชิญให้มารวมงานทุกครั้งที่มีการจัดงานขึ้นไม่เคยขาด
ครั้งก่อนนางใช้ข้ออ้างว่าป่วยปฏิเสธไปครั้งหนึ่งแล้ว รอบนี้ที่ถูกเชื้อเชิญจึงได้แต่จำใดพาบุตรสาวคนโตของตนมาร่วมงานอย่างเสียไม่ได้ มิเช่นนั้นหากครั้งนี้นางยังไม่ยอมมาอีกผู้คนอาจจะได้พากันพูดไปว่านางเกิดขัดแย้งกับฟ่านฮูหยินจึงไม่ยอมมาร่วมงาน
นางจะปล่อยให้ลือออกไปเช่นนั้นไม่ได้ เพราะอย่างไรฟ่านฮูหยินกับนางก็ถือว่ามีมิตรภาพต่อกันมากว่าสิบปี
“ลู่ฮูหยินเจ้ามาแล้วหรือข้ากำลังรอเจ้าอยู่ทีเดียว”
“ก่อนออกจากจวน รถม้าข้ามีปัญหาเล็กน้อยจึงได้ล่าช้า ต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะ”
“มาช้าแค่นิดหน่อยเท่านั้น ไม่ถือเป็นอันใด ด้านหลังของเจ้าคือหลานชิงอี้ใช่หรือไม่ นางไปอยู่กับท่านย่าที่บ้านเดิมถึงสองปีกลับมาครั้งนี้โตขึ้นมาก รูปโฉมก็งดงามกว่าเดิมอีก” ฟ่านฮูหยินเอ่ย
“คารวะฟ่านฮูหยินเจ้าค่ะ” ลู่ชิงอี้เอ่ยขึ้นเสียงหวาน พร้อมทั้งย่อกายคารวะฟ่านฮูหยินด้วยท่าทางอ่อนน้อมมารยาทงดงามยิ่ง
“ท่าทีเจ้าเรียบร้อยสง่างามเหมือนท่านแม่เจ้าไม่มีผิดทีเดียว” ฟ่านฮูหยินเอ่ยชมขึ้นอย่างเอ็นดูเด็กสาวตรงหน้า
“ขอบพระคุณฟ่านฮูหยินที่เอ่ยชมเจ้าค่ะ”
“ไปเถอะรีบเข้าไปในงาน คนในนั้นเอ่ยถามถึงเจ้าอยู่หลายคนทีเดียว วันนี้มีคุณหนูหลายบ้านติดตามท่านแม่มาเช่นเดียวกันกับเจ้า เข้าไปแล้วก็ลองทำความรู้จักพวกนางดู”
สตรีทั้งสามเข้าไปในงานชมบุปผาพร้อมกัน
และแน่นอนว่าทันทีที่แม่ลูกสกุลลู่ย่างเท้าเข้าไปในงานก็กลายเป็นจุดสนใจในทันที
เหตุที่ทำให้พวกนางกลายเป็นจุดสนใจได้ในทันทีนั้นก็คงเป็นความเรียบร้อยและอ่อนโยนอย่างยิ่งถึงขั้นที่แม้จะแค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ยังทำให้คนอื่นที่มองไปยังพวกนางรู้สึกได้ถึงความอ่อนหวานอ่อนโยนนั้น
“ฟ่านฮูหยินทางนั้นดูครึกครื่นนัก เป็นฮูหยินจากสกุลไหนหรือจึงได้เป็นจุดสนใจเช่นนี้”
“ลู่ฮูหยินกับบุตรสาวของนางลู่ชิงอี้”
“ฮูหยินสกุลลู่หรือ ครั้งก่อนจำได้ว่านางไม่ได้มา ครั้งนี้พากลับพาบุตรสาวมาด้วยหรือ”
“บุตรสาวนางเพิ่งกลับจากบ้านเดิมของท่านย่านาง ที่พามาด้วยก็เพราะจะพามาเปิดหูเปิดตาด้วย เมื่อครู่ข้าได้คุยกับนางช่างเป็นหญิงสาวที่ไม่ต่างจากมารดานางเลยเรียบร้อยอ่อนหวานเหมือนกันไม่มีผิด” ฟ่านฮูหยินอดที่จะเอ่ยชมออกมาไม่ได้
“ข้ามองจากไกลๆ ก็คิดว่านางเหมือนมารดาไม่ผิดเช่นกันอีกทั้งยังงดงามไม่น้อยจริงๆ อย่างที่เจ้าว่า” หนิงฮูหยินเองก็เห็นพ้องต้องกัน
“หากไม่ใช่ว่าบุตรชายทั้งสามคนของข้าล้วนแล้วแต่ตบแต่งสะใภ้ไปจนหมดแล้ว หลังจากวันนี้ข้าก็คงบอกเจ้าได้เลยว่าข้าจะต้องเร่งไปทำการสู่ขอที่สกุลลู่อย่างแน่นอน” น้ำเสียงของนางนั้นแฝงความเสียดายอยู่ไม่น้อยทีเดียว
“ท่านยังดี บุตรชายท่านยังแต่งลูกสะใภ้เข้าจวนให้ทุกคน แต่ข้านี่สิบุตรชายเพียงคนเดียวของสกุลอยู่ค่ายทหารที่ชายแดนนานจึงจะกลับบ้านสักที อายุก็เลยวัยแต่งงานมาไม่น้อยแล้ว”
“นี่ก็ไม่ใช่ว่าเหมาะแล้วหรือ ข้าไม่อาจสู่ขอลูกสะใภ้จากสกุลลู่ได้ แต่เจ้าสามารถสู่ขอได้ เจ้าเห็นว่าเป็นอย่างไร”
“หญิงสาวที่เรียบร้อยอ่อนหวานดูเหมือนจะเหมาะกับลูกชายข้า เป็นบุตรสาวจากสกุลลู่นี่แหละ ข้าตัดสินใจแล้วจะสู่ขอบุตรสาวสกุลลู่ให้บุตรชายข้าหนิงเฟยอวี้”
หนิงฮูหยินกล่าวออกมาด้วยใบหน้าและน้ำเสียงจริงจัง ด้านฟ่านฮูหยินเองก็เห็นดีเห็นงามด้วยเป็นอย่างดี
พวกนางพากันไปพูดคุยกับลู่ฮูหยินและบุตรสาวแต่ยังไม่ได้เอ่ยทาบทามแต่อย่างไร เพราะตั้งใจว่าจะไปเยือนที่จวนสกุลลู่และทำการพูดคุยอย่างจริงจังจึงจะเหมาะสมกว่าที่งานชมบุปผานี้
บรรยากาศจวนราชครูลู่โดยปกติยามเช้าจะค่อนข้างเงียบสงบ มีเพียงเสียงนกร้อง และเสียงสายลมพัดเบาๆ เท่านั้น แต่จู่ๆ ยามที่ลู่ฮูหยินและบุตรสาวคนโตกำลังเดินชมสวนอยู่อย่างสบายอารมณ์อยู่นั้น ก็มีเสียงตะโกนดังลั่นมาจากหน้าประตูจวน
“ท่านแม่ พี่ใหญ่ ข้ากลับมาแล้ว!!!” เสียงตะโกนนำมาแต่ไกล ไม่นานก็ปรากฎร่างหญิงสาววัยแรกแย้มที่มีใบหน้ายิ้มแย้มดูทะเล้นตามมาโผล่เข้ากอดนางอย่างรวดเร็ว
“มาถึงก็ส่งเสียงดังเลยนะลูกคนนี้ เสียงมาก่อนคนเสียอีกใช่ได้ที่ไหนกัน”
“ก็ข้าคิดถึงพวกท่านนี่เจ้าคะ” นางเอ่ยพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้หินเบื้องหน้าตน แล้วก็หยิบของว่างบนโต๊ะเข้าปากทันที “พี่ใหญ่เป็นขนมที่ท่านทำใช่ไหมเจ้าคะรสชาติอร่อยยิ่งนัก เป็นหนึ่งในใต้หล้าได้เลยนะเนี่ย”
“น้องสามเจ้าปากหวานเกินไปแล้ว หนึ่งในต้าหล้าข้าจะกล้ารับไว้ได้อย่างไร แล้วนี่เจ้าทานอะไรมาหรือยังพี่เข้าครัวไปดูอาหารให้เจ้าดีหรือไม่”
“รบกวนพี่ใหญ่แล้ว ข้าหิวข้าวมากจริงๆ ตั้งใจหิ้วท้องมากินฝีมือทานโดยเฉพาะเลยนะเจ้าคะ”
“เช่นนั้นเจ้ารอพี่ประเดี๋ยวก็แล้วกัน” นางเอ่ยกับน้องสาว ก่อนจะตรงไปที่โรงครัวของจวนในทันที
“จดหมายครั้งก่อนที่เจ้าเขียนมา ไม่ใช่ว่าบอกว่าจะติดตามอาจารย์เจ้าท่องเที่ยวพร้อมพี่รองเจ้ามิใช่หรืออย่างไร” ลู่ฮูหยินเอ่ยถามบุตรสาวคนเล็กของนาง
“ข้าโดนท่านอาจารย์และพี่รองทิ้งแล้วเจ้าค่ะ” หญิงสาวกล่าวเสียงเศร้า มือก็ยังหยิบขนมชิ้นที่สามเข้าปากต่อไป
ลู่เข่อชิงนั้นตั้งแต่แปดขวบก็ได้กราบอาจารย์คนเดียวกันกับพี่ชายคนรองของตนที่เขาลั่วหาน และอยู่ฝึกฝนอยู่ที่นั่นเลยมาหนึ่งปีจึงจะลงเขากลับมาสักครั้งเป็นเวลาเพียงไม่ถึงสิบวันพร้อมทั้งพี่ชายคนรอง
ที่ว่าฝากตัวเป็นศิษย์นั้นไม่ใช่ว่าเกิดจากความยินยอมของทั้งท่านพ่อท่านแม่ของนางหรือกระทั่งท่านอาจารย์ซือเต๋อผู้ที่นางกราบเป็นอาจารย์เองก็เหมือนกัน
จำได้ว่าตอนนั้นนางติดตามท่านพ่อท่านแม่ไปเยี่ยมพี่ชาย (เมื่อก่อนสามปีพี่ชายนางจึงจะกลับบ้านสักครั้ง แต่เมื่อมีนางจึงเปลี่ยนมากลับทุกปี) แล้วก็อยากเรียนวิชากระบี่อ่อนที่นั่นจึงดึงดันไม่อยู่ต่อไม่อยากกลับ สุดท้ายก็ก่อกวนอาจารย์ซือเต๋อครั้งใหญ่จนท่านรำคาญทนไม่ไหวจึงได้จำใจรับนางเป็นศิษย์
นางไปเพื่อเรียนวิชากระบี่อ่อนแต่พี่ชายคนรองของนางไม่ได้ไปเพื่อศึกษาวิชากระบี่เช่นเดียวกัน แม้จะกราบอาจารย์คนเดียวกัน แต่ที่พี่ชายนางไปศึกษานั้นกับเป็นการวิเคราะห์อะไรสักอย่างที่ดูยากยิ่ง
ครั้งหนึ่งนางเคยคิดสงสัยว่าทั้งที่บิดาของพวกนางเป็นถึงราชครู อีกทั้งยังเปิดสำนักศึกษาเป็นของตัวเอง เหตุใดพี่รองจึงต้องไปศึกษาที่อื่นด้วย นางเคยถามดูก็ได้คำตอบกลับมาว่า เรื่องที่พี่รองอยากเรียนอาจารย์ซือเต๋อเป็นผู้ที่สอนได้ลึกมากที่สุด ท่านพ่อเองก็เห็นด้วยกับสิ่งที่พี่รองนางเลือก
“พวกเขาหลอกให้ข้าลงเขาไปซื้อของแล้วก็แอบพากันหนีไปเจ้าค่ะท่านแม่” มีเพียงจดหมายเพียงฉบับเดียวเท่านั้นเหลือทิ้งเอาไว้ให้นางเมื่อกลับไปถึง
‘ทัศนาจรครั้งนี้ไม่รู้จุดสิ้นสุด กี่วัน กี่ปีไม่อาจรู้ได้ เจ้ากลับจวนสกุลลู่ไปเสียเถอะ’
“เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว เดิมทีแม่เองก็ไม่อยากให้เจ้าไปทัศนาจรอะไรนั่นนักหรอก ไม่รู้ว่าอันตรายขนาดไหน เจ้าเป็นสตรีเป็นลูกสาวคนเล็กของแม่ เพียงชั่วขณะจิตไม่มีไม่ห่วงเจ้าเลย” ลู่ฮูหยินเสียงสั่นเมื่อเอ่ยจบก็เอื้อมมือไปจับมือบุตรสาวของนางมากุมเอาไว้
“ท่านแม่ลูกต้องขออภัยที่ทำให้ท่านต้องคอยเป็นกังวลเพราะข้านะเจ้าคะ” คำพูดที่ออกจากปากท่านแม่เมื่อครู่ทำเอา นางถึงกลับลืมความไม่พอใจที่ถูกอาจารย์ทิ้งไปเลย
ในใจบังเกิดความดีใจขึ้นมาที่ได้กลับมาอยู่กับท่านแม่และครอบครัวอีกครั้ง
ทั้งที่ท่านพ่อท่านแม่ห่วงนางมากก็ยังยอมตามใจให้นางได้เอาแต่ใจตนเองอยู่หลายปี
“แม่ไม่เคยถือโกรธเจ้า กลับมาแล้วก็ดี กลับมาแล้วก็ดีเป็นอย่างยิ่ง” ลู่ฮูหยินเอ่ยทั้งน้ำตา อีกทั้งยังโอบกอดบุตรสาวเอาไว้แน่นด้วยความปิติยิ่ง
ตอนที่ 40 บทส่งท้ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นกับหลงเฟยอวี้ ทำให้ในจวนเข้มงวดขึ้น ไม่มีการรับสาวใช้คนใหม่อีก หากจำเป็นก็จะเรียกใช้แต่พวกรับจ้างมาเช้าเย็นกลับเท่านั้นคืนนั้นเหตุเกิดเพราะมีหญิงสาวนางหนึ่งมีแผนการร้ายมาตั้งแต่แรก สวมตัวตนเข้ามาตั้งใจวางยาคนในจวนที่รับหน้าที่ดูแลเฝ้ายามที่เรือนหนังสือจนสลบไม่ได้สติ อีกทั้งวางยาปลุกกำหนัดท่านแม่ทัพใหญ่เพื่อจะจับท่านแม่ทัพให้ได้แต่กลับไม่ได้ผล สุดท้ายสตรีนางนั้นก็หนีหัวซุกหัวซุนออกไปจากเมืองหนิงเฟยอวี้ถึงขั้นวาดภาพของสตรีผู้นั้นและติดประกาศว่านางเป็นสตรีไร้ยางอายและทำเรื่องไร้ศีลธรรมถึงสามวันสามคืน เพื่อเป็นแบบอย่างไม่ให้มีผู้ใดทำผิดอีก“ท่านพี่ลำบากท่านแล้วนะเจ้าคะ” นางเอ่ยปลอบผู้เป็นสามีใครจะคิดไปถึงกันเล่าว่าท่านแม่ทัพใหญ่ผู้น่าเกรงขามที่ผู้คนต่างล่ำลือกันว่าน่าหวั่นเกรงนั้นเวลานี้กับร้องขอให้นางปลอบใจเขาไม่หยุดทั้งๆ ที่ก็ผ่านเหตุการณ์เช่นนั้นมาหลายวันแล้ว“ภาพสตรีไร้ยางอายผู้นั้นยังติดตาข้าไม่หาย” เขาเอ่ยอย่างออดอ้อน สองมือเอื้อมไปยุ่งวุ่นวายกับปมอาภรณ์ของภรรยาไม่หยุด “ภรรยาต้องลำบากให้เจ้าให้เขาได้มองเจ้านานๆ ให้เต็มตาเสียหน่อยแ
ตอนที่ 39ไร้วี่แววข่าวดีหนึ่งปีผ่านไป ชีวิตที่เมืองว่านอันของลู่เข่อชิงนั้นถือว่าเป็นไปอย่างราบรื่น ครั้งเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนก่อนหน้านี้ที่แม่นางหลงซานมาก่อเรื่องเอาไว้ก็ไม่มีผู้อื่นนอกจากคนในจวนรู้เรื่อง และนางกับสามีก็ตั้งใจเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับสถานการณ์ที่ชายแดนแถบนี้ถือได้ว่ามั่นคงเป็นอย่างดี ราชสำนักมีข้อตกลงเพื่อยุติสงครามได้อย่างมั่นคงยาวนานแล้ว อีกไม่นานจะมีการส่งองค์หญิงมาสมรสถือเป็นการเชื่อมสัมพันธ์อย่างเป็นทางการสงครามสงบแน่นอนว่าชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านย่อมดีกว่าเดิม มีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นการค้าการขายในอนาคตไปยังแคว้นข้างเคียงอาจจะนำพามาซึ่งความมั่งคั่งของประชาชนสืบไปวันก่อนนางได้ยินมาว่า ท่านพี่ของนางเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้ไปรับองค์หญิงที่จะมาสมรสเชื่อมสัมพันธ์ เรื่องวันเวลาและการจัดเตรียมขบวนการรับองค์หญิงนั้นเขาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดลู่เข่อชิงยังแอบคิดไว้ว่าหากได้วันเวลาที่แน่นอนแล้ว ไม่แน่ว่านางอาจจะของติดขบวนรับองค์หญิงเพื่อไปท่องเที่ยวด้วย"สองปีแล้ว ฮูหยินแต่งเข้าจวนมาสองปีแล้ว แต่กับยังไร้ความเคลื่อนไหว" "ฮูหยินมีปัญหาอ
ตอนที่ 38 ไร้ค่า น่ารังเกลียด ลู่เข่อชิงในยามนี้กำลังนั่งจ้องมองใบหน้าของตนซึ่งสะท้อนให้ เห็นในกระจกทองเหลืองบานใหญ่ตรงหน้าอย่างพิจารณาถึงความเปลี่ยนแปลง ใบหน้าของนางดูงดงามขึ้น ดูน่ามองกว่าแต่ก่อนมากนัก ไม่อาจกว่าว่างามเป็นหนึ่งเหนือผู้ใดได้อย่างเต็มปาก แต่ก็ถือว่างามพอตัวอยู่ไม่น้อยหน้าผู้ใด อาจเป็นเพราะได้แม่บ้านหลิง สาวใช้คนสนิทอย่างพวกอาจืออาหน่ายช่วยกันบำรุงใบหน้าและผิวพรรณให้นางอย่างเอาใจใส่พิถีพิถันเป็นอย่างยิ่งเรียวคิ้วโค้งเรียวดุจกิ่งหลิว ดวงตาเป็นประกาย ริมฝีปากอวบอิ่ม ใบหน้าของนางในยามนี้ไร้สิ่งใดแต่งเติม แต่กับดูน่าหลงใหลไม่น้อยตัวนางในยามนี้ยังคิดว่าตนนั้นมีเสน่ห์เพิ่มขึ้น นี่อาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่สตรีที่ออกเรือนแล้วเช่นนางพึงมีขึ้นมาเองกระมัง“เอาชุดตัวแดงมาให้ข้าสวมอีกชั้นก็แล้วกัน” นางเอ่ยสั่งสาวใช้ข้างกายตนหลังจากนางเอ่ยปากไป อาหน่ายก็ไปนำชุดที่นางต้องการมาให้ และช่วยนางสวมจนเสร็จเรียบร้อย“คืนนี้ท่านแม่ทัพไม่กลับจวน บ่าวนอนเป็นเพื่อนฮูหยินนะเจ้าคะ”“ก็ได้ ข้าจะอ่านตำราอีกสักพักจึงจะเข้านอน ระหว่างนี้เจ้าก็ไปจัดการตัวเองก็แล้วกัน” นางเอ่ยก่อนจะเดินไปนั่งที่ตั่ง
ตอนที่ 37ไว้ใจได้?ยามสายของเช้าวันนี้ ลู่เข่อชิงใช้เวลาอยู่ในสวนที่เหล่าต้นไม้ใบหญ้ากำลังเบ่งบานน่ามองเป็นที่สุด เพื่อจัดการสวนดูแลสวนเล็กๆ น้อยๆ อย่างรดน้ำ พรวนดิน โดยมีสองสาวใช้คนสนิททั้งสองคอยเป็นลูกมือพวกนางล้วนช่วยกันลงแรงอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งมีสาวใช้ผู้หนึ่งเข้ารายงาน ลู่เข่อชิงถึงได้ละสายตาจากต้นไม้ในมือที่กำลังปลูก“ฮูหยินเจ้าคะ แม่บ้านหลิงให้บ่าวมาถามท่านว่า มีแม่นางแซ่หลงมาขอพบท่านเจ้าค่ะ แจ้งว่านางมาจากหมู่บ้านกลางหุบเขานอกเมือง ฮูหยินจะให้เข้าพบหรือไม่เจ้าคะ”แม่นางแซ่หลง จากหมู่บ้านกลางหุบเขาเช่นนั้นหรือ คงจะเป็นแม่นางหลงซานผู้นั้นเป็นแน่เมื่อคาดว่าเป็นผู้ใดที่มาเยือนได้แล้ว หญิงสาวแม้จะสงสัยว่าเหตุใดแม่นางหลงซานผู้นั้นที่ดูไม่ชอบนางจู่ๆ ถึงได้มาเยือนถึงจวนได้ครั้งก่อนที่หมู่บ้านกลางหุบเขา หัวหน้าหมู่บ้านผู้เป็นบิดาของแม่นางหลงดูแลต้อนรับพวกนางเป็นอย่างดี แน่นอนว่ายามนี้แม่นางหลงมาเยือนถึงจวนย่อมต้องให้พบหน้าแน่อยู่แล้ว“เจ้าให้แม่บ้านหลิงเชิญแม่นางหลงเข้ามาเถอะ” นางเอ่ยจบก็ก้มลงพรวนดินใส่ต้นไม้ต่อ“เจ้าค่ะ”สาวใช้คนนั้นรับคำแล้วก็เดินออกไป มุ่งหน้าสู่ด้านหน้าประตู
ตอนที่ 36สามีภรรยารักใคร่ ลู่เข่อชิงเริ่มคุ้นชินกับจวนแม่ทัพเป็นอย่างดี ตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพก็เริ่มเข้าที่ได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปตามความช่วยเหลือของเหล่าผู้คนในจวนด้านวรยุทธ์นางยังคงฝึกฝนอยู่เสมอ อีกทั้งยังได้รับความชี้แนะกับผู้อื่นอีกหลายคน เรียกได้ว่าคนในจวนแม่ทัพหากพอเป็นวรยุทธ์อยู่บ้างล้วนถูกนางดึงมาปะมือด้วยไม่ได้ขาดถึงเรื่องในครัว เห็นได้ชัดเจนว่าฝีมือทำอาหารของนางนั้นก้าวหน้าขึ้นได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยๆ ก็ไม่ทำสิ่งใดไหม้จนดูไม่ได้อีกส่วนสามีของนางแม่ทัพหนุ่มผู้เก่งกาจหาญกล้า เขาล้วนยังคงยุ่งอยู่กับการทหารเช่นเดิม ทว่าถึงแม้จะยุ่งเพียงใดกับไม่เคยละเลยนางผู้เป็นภรรยา ซ้ำหากได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันในยามค่ำคืนก็มักจะคลอเคลียไม่ห่าง ชีวิตแต่งงานของนางจึงนับว่าหวานชื่นเป็นอย่างมากวันนี้เป็นอีกวันที่อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส่ แดดอ่อนๆ นางจึงออกมาเดินเล่นนอกจวนกับอาจือและเสี่ยวหน่าย บังเอิญวันนี้มีความครึกครื้นครั้งใหญ่ที่กลางถนนหัวมุมพอดีเรื่องครึกครื้นที่ว่าก็คือมีคณะท้าดวลสัญจรผ่านมาตั้งเวทีประลอง เห็นว่าเป็นคณะท้าดวลซึ่งมีการวางเดิมพัน แลกเปลี่ยนอาวุธกับเงินทองหากผู้ที่ท้าดวลชนะสาม
ตอนที่ 35 ภัยเงียบ “ก็เข้าใจได้ง่ายๆ ว่าเหตุใดวันนี้พี่หญิงถึงมาหาข้าถึงที่นี่ได้” ชายหนุ่มเจ้าของบ่อนพนันเอ่ยทักญาติผู้พี่ของตนที่จู่ๆ ก็มาหาอย่างกะทันหัน อีกทั้งปกติแล้วนางนั้นมักจะไม่ยอมมาเหยียบบ่อนพนันแห่งนี้ของเขาเลย ซึ่งแน่นอนว่าเขารู้ดีว่านางก็คงจะกลัวใครพบเห็นว่าเข้ามาในที่เช่นนี้และจะทำให้เสื่อมเสียชายหนุ่มรินน้ำชาด้วยตนเองก่อนที่จะยื่นให้ญาติผู้พี่ซึ่งนั่งลงอยู่ฝั่งตรงข้าม “ดื่มชาสงบอารมณ์ก่อนเถอะ เรื่องแม่ทัพใหญ่หนิงที่ท่านมีใจให้มานานมีฮูหยินแล้วแถมเป็นสมรสพระราชทาน ใครๆ เขาก็รู้กันไปทั่วแล้ว”“เจ้ายังจะมาซ้ำเติมข้าอีก ใช่ได้ที่ไหนกัน” นางเอ่ยออกมาอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมทั้งกระแทกจอกน้ำชาที่หมดแล้วลงกับโต๊ะอย่างแรง“พี่หญิงท่านอ่อยบุรุษมาหลายปี ไม่สำเร็จก็ควรจะยอมรับได้แล้ว เศรษฐี ขุนนางในเมืองก็มีตั้งมาก ท่านเลือกสักคนแล้วลงมือจับให้อยู่ได้แล้ว” เขาแนะนำ อย่างไรญาติผู้พี่ของเขานางก็ถือได้ว่าเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง ดูจากภายนอกก็ดูอ่อนหนาวน่ารักน่าเอ็นดู ท่าทางเช่นนี้ล่อลวงบุรุษได้ไม่ยาก นางมั่วแต่เสียเวลายั่วยวนแม่ทัพหนิงที่ไม่ได้สนใจนางเลยอยู่ตั้งนาน ช่างน่าเสียดายเวลายิ่งนั