ตอนที่ 2
สู่ขอ
“ท่านพี่ ข้ามีเรื่องจะปรึกษาท่านหน่อยเจ้าค่ะ”
“ฮูหยินมีเรื่องใดก็เอ่ยมาตามตรงได้เลยระหว่างพวกเราสามีภรรยามีเรื่องใดที่ยากจะเอ่ยปากอีก”
“เป็นเรื่องการแต่งงานของเฟยอวี้เจ้าค่ะ ข้าคิดว่าเห็นควรหาสะใภ้ตบแต่งเข้าจวนให้เรียบร้อยเสียที เฟยอวี้ลูกชายของท่านพี่วันๆ อยู่กับพวกเหล่าทหารเห็นทีว่าหากยังไม่รีบช่วยเขาหาภรรยาสักคนคงต้องรอไปอีกหลายปีทีเดียว”
“ฮูหยินไปร่วมงานชมบุปผามาเมื่อวานได้พบเจอกับบุตรสาวสกุลใดที่ถูกใจเจ้าแล้วใช่หรือไม่” ผู้เป็นสามีเอ่ยถาม ในใจเขาพอจะคาดเดาเรื่องบางอย่างได้บ้างแล้ว
“ข้าตอบท่านพี่อย่างไม่ปิดบังนะเจ้าคะ เมื่อวานข้าได้พบกับลู่ฮูหยินและบุตรสาว ท่าทางนางถอดแบบมารดามาทั้งหมด ดูเรียบร้อยอ่อนโยนยิ่งนัก ข้าคิดว่าบุตรสาวสกุลลู่เหมาะสมกับเฟยอวี้ของเราเป็นอย่างยิ่งเจ้าค่ะ”
“ข้าเชื่อสายตาฮูหยิน หากเจ้าคิดว่าเหมาะสมก็จัดการเรื่องทาบทามสู่ขอเสียเลยก็แล้วกัน” แน่นอนว่า
“เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปเยี่ยมเยี่ยนลู่ฮูหยินด้วยตัวเองและพูดคุยเรื่องทาบทามสู่ขอให้เรียบร้อย”
“เจ้ารวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง อีกเรื่องที่ข้าจะบอกฮูหยินเมื่อครู่มีจดหมายจากเฟยอวี้มาถึงพอดี เขียนมาว่าอีกสิบวันจะกลับมาถึงเมืองหลวง”
“ประจวบเหมาะจริงเชียว สามปีแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะที่ลูกชายเราไม่ได้กลับมาเลย”
“เจ้าเองก็รู้ดีว่าเป็นแม่ทัพหากไม่มีราชโองการเรียกตัวก็ไม่อาจเข้าเมืองตามใจชอบได้”
“เช่นนี้หากทุกอย่างเรียบร้อยจนถึงขั้นเตรียมงานมงคล ไม่ต้องส่งเจ้าสาวไปไกลถึงเมืองว่านอันเลยหรือเจ้าค่ะ หากเป็นเช่นนั้นเกรงว่าสกุลลู่คงไม่ยอมก็เป็นได้”
“เจ้าอย่าได้กังวลไปก่อนเลย ไม่แน่ข้าอาจเข้าเฝ้าทูลขอให้บุตรชายของเรากลับมาแต่งงานที่เมืองหลวง ยังไงกราบไหว้ทำพิธีที่จวนสกุลหนิงของเราก็เป็นอันดีกว่า เอาไว้ถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ข้าจะเป็นผู้จัดการเองก็แล้วกัน ฮูหยินไม่ต้องห่วงไป”
วันรุ่งขึ้นหนิงฮูหยินหวังเยี่ยนก็ไปเยือนที่สกุลลู่แต่เช้า พร้อมกับมีข้าวของติดมือไปฝากอยู่หลายอย่างตามมารยาทและเพื่อเป็นการแสดงน้ำใจ
“เมื่อวานข้าเพิ่งให้คนมาส่งเทียบขอพบ วันนี้ก็เร่งรุดมาตั้งแต่เช้าตรู่ไม่ได้มารบกวนลู่ฮูหยินหรอกใช่หรือไม่”
“หนิงฮูหยินอย่าได้เอ่ยเช่นนี้ ท่านมีน้ำใจมาเยี่ยมเยี่ยนกันถึงจวน จะถือว่าเป็นการรบกวนได้อย่างไรเล่า พวกเราเองก็ไม่ใช่คนแปลกหน้ากันเสียหน่อย หนิงฮูหยินอย่างได้เกรงใจกันถึงเพียงนั้นเลย” ลู่ฮูหยินเอ่ยพลางยิ้ม นางกับหนิงฮูหยินแม้จะไม่ได้สนิทกันแต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบหน้ากันเสียหน่อย พวกนางถือได้ว่าเป็นสหายแม้จะไม่ได้พบป่ะพูดคุยกันอย่างสนิทชิดเชื้อ
“นอกจากตั้งใจมาเยี่ยมเยี่ยนแล้ว ข้าเองก็มีเรื่องอยากจะถามไถ่เจ้าเสียหน่อย ไม่รู้เร่งรีบเอ่ยออกไปจะเป็นการเสียมารยาทหรือไม่ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หากไม่รีบจัดการให้เสร็จข้าก็ไม่อาจวางใจได้”
“หนิงฮูหยินมีเรื่องอันใดที่ต้องการให้ข้าช่วยเช่นนั้นหรือ”
“ข้ามีบุตรชายคนโตนามหนิงเฟยอวี้ยังไม่ได้ตบแต่งภรรยาอีกทั้งยังไม่มีแม่นางที่หมั้นหมายกันเอาไว้ ไม่ทราบว่าหากข้าต้องการเจรจาสู่ขอบุตรสาวของเจ้ามาเป็นลูกใภ้จะได้หรือไม่”
บุตรชายคนโตสกุลหนิงใครบ้างไม่รู้ว่าเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ผู้องอาจกล้าหาญและมีเกียรติ ในบรรดาคุณชายทั้งหลายรุ่นเดียวกันในเมืองหลวงผู้ที่ก้าวหน้าได้ดีที่สุดก็คือบุรุษผู้นี้เอง
ถ้าหากให้มองในมุมสำหรับแม่ที่หาลูกเขยให้บุตรสาวนั้นดูเหมือน หนิงเฟยอวี้ผู้นี้จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเลย แต่ก็ช่างน่าเสียดาย สกุลลู่ของนางไม่อาจได้รับเขยที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้
“หนิงฮูหยินเอ็นดูบุตรสาวข้า ใจข้านั้นรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่เห็นทีข้าคงจะไม่อาจรับปากท่านได้”
“เพราะเหตุใดกัน ลู่ฮูหยินติดที่ตรงไหนหรือ” หนิงฮูหยินเอ่ยถามอย่างร้อนใจ
“บุตรสาวคนโตข้าลู่ชิงอวี้นั้นได้หมั้นหมายเอาไว้นานแล้วกับบุตรชายสกุลจี้ วันแต่งงานก็กำหนดเอาไว้แล้วอีกหกเดือนข้างหน้านี่เอง”
“เป็นความจริงหรือเหตุใดจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน”
“การหมั้นหมายทั้งหมดเป็นท่านย่าของชิงอวี้เป็นผู้ออกหน้า นางหมั้นหมายกับคุณชายจี้ที่อยู่บ้านเดิมเดียวกัน”
“ช่างน่าเสียดายจริงๆ ทั้งๆ ที่บุตรสาวของเจ้าดูจะเหมาะกับเฟยอวี้ของข้าแท้ๆ”
“ต้องขออภัยฮูหยินเป็นอย่างมากจริงๆ”
หนิงฮูหยินเยว่หลี่น่าแสดงท่าทีเสียดายออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน หวังเยี่ยนเองก็แต่อยู่เอ่ยปลอบใจเท่านั้น วันนี้หนิงฮูหยินมาด้วยความตั้งใจจริงไม่แปลกที่จะดูผิดหวังถึงขั้นนี้
"ข้ามารบกวนอยู่นาน ควรกลับจวนได้แล้วล่ะ เอาไว้ครั้งหน้าข้าจะมาเยี่ยมเยี่ยนเจ้าใหม่นะลู่ฮูหยิน"
"สกุลลู่พร้อมต้อนรับหนิงฮูหยินเสมอ ท่านอยากแวะมาเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น"
"ลู่ฮูหยินช่างมีน้ำใจนัก เจ้าเองหากว่างๆ ก็มาที่จวนสกุลหนิงข้าสิ น้ำชาของวางชั้นดี ยินดีนำมาใช้ต้อนรับเจ้าทุกเมื่อเช่นกัน"
"หากมีโอกาสข้าจะไปเยือนท่านแน่เจ้าค่ะ"
นางและหนิงฮูหยินสนทนากันเรื่องทั่วไปต่ออีกครู่หนึ่ง จึงได้ขอตัวกลับจวนจริง ๆ ลู่ฮูหยินเดินไปส่งหนิงฮูหยินถึงประตูจวน ตั้งใจว่าจะรอส่งถึงขั้นจนนางขึ้นรถม้าไปแล้ว
เมื่อมาถึงประตูจวนกับเป็นจังหวะพอดีกับที่สาวใช้ในจวนหอบหิ้วข้าวของกลับจวนมาพอดี จึงได้เอ่ยสอบถามขึ้น หนิงฮูหยินเองก็คอยดูอยู่ด้านข้าง
"เสี่ยวชิงนั่นเจ้าหอบอะไรมาเยอะแยะ เป็นของที่คุณหนูใหญ่ซื้อหรือ เหตุใดจึงมากมายนัก"
สาวใช้คนสนิทของบุตรสาวคนโตเป็นคนแรกที่นางเอ่ยถาม
"คุณหนูไม่ได้เป็นผู้ซื้อเจ้าค่ะ แต่เป็นคุณหนูสามที่ซื้อ คุณหนูใหญ่ให้บ่าวนำกลับมาเก็บก่อนส่วนหนึ่ง"
"นางหอบซื้ออะไรมา เหตุใดชิงอวี้ถึงไม่ห้ามน้องของนางกัน" ลู่ฮูหยินถามต่อ
"เป็นพวกสมุนไพรเจ้าค่ะ เห็นว่าซื้อให้นายท่าน แก้พวกปวดเมื่อยได้ดีคุณหนูสามขอให้ร้านยาใหญ่จัดให้ตามสูตรใหม่เจ้าค่ะ ยังมีอาหารของทานเล่นอีกหลายอย่าง คุณหนูสามซื้อให้ฮูหยินเจ้าค่ะ"
"ข้าไม่เคยได้ยินว่าเจ้ามีบุตรสาวอีกคนด้วย ดูท่าจะเป็นเด็กน้อยที่ใส่ใจและอ่อนโยนไม่ต่างกับพี่สาวของนางและมารดาอย่างเจ้าเป็นแน่"
"บุตรสาวคนนี้ติดจะซุกซนอยู่มากน่ะเจ้าค่ะ ไม่เหมือนกับพี่สาวของนางหรอก"
"เช่นนั้นเองหรือ จู่ๆ ข้าก็รู้สึกกระหายขึ้นมาซะอย่างนั่น ไม่รู้ว่าจะขอชาจวนเจ้าดับกระหายอีกสักจอกได้หรือไม่" หนิงฮูหยินกล่าวขึ้นพร้อมทั้งรอยยิ้ม
ภายใจหัวยามนี้ คิดไปถึงเรื่องคุณหนูสามสกุลลู่ เห็นทีว่าสวรรค์จะอยากให้สกุลหนิงกับสกุลลู่เกี้ยวดองกันเป็นแน่
"เหตุใดจะไม่ได้เล่า ชาที่จวนนี้หนิงฮูหยินอยากดื่มเท่าใดก็ดื่มเถอะ ข้านี้ยินดีเป็นอย่างยิ่ง"
ลู่ฮูหยินเอ่ยถ้อยคำเป็นมิตรก่อนจะเชื้อเชิญหนิงฮูหยินเข้าไปที่ห้องโถงรับรองเดิมอีกครั้ง
และนางก็ยังคาดเดาไม่ผิด หนิงฮูหยินทาบทามสู่ขอลู่เข่อชิงบุตรสาวของนางในเวลาต่อมา
มีหลายอย่างที่นางคิดไว้ในใจแต่ก็ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงตกปากรับคำตอบรับหนิงฮูหยินไปเสียอย่างนั้น
ตอนที่ 40 บทส่งท้ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นกับหลงเฟยอวี้ ทำให้ในจวนเข้มงวดขึ้น ไม่มีการรับสาวใช้คนใหม่อีก หากจำเป็นก็จะเรียกใช้แต่พวกรับจ้างมาเช้าเย็นกลับเท่านั้นคืนนั้นเหตุเกิดเพราะมีหญิงสาวนางหนึ่งมีแผนการร้ายมาตั้งแต่แรก สวมตัวตนเข้ามาตั้งใจวางยาคนในจวนที่รับหน้าที่ดูแลเฝ้ายามที่เรือนหนังสือจนสลบไม่ได้สติ อีกทั้งวางยาปลุกกำหนัดท่านแม่ทัพใหญ่เพื่อจะจับท่านแม่ทัพให้ได้แต่กลับไม่ได้ผล สุดท้ายสตรีนางนั้นก็หนีหัวซุกหัวซุนออกไปจากเมืองหนิงเฟยอวี้ถึงขั้นวาดภาพของสตรีผู้นั้นและติดประกาศว่านางเป็นสตรีไร้ยางอายและทำเรื่องไร้ศีลธรรมถึงสามวันสามคืน เพื่อเป็นแบบอย่างไม่ให้มีผู้ใดทำผิดอีก“ท่านพี่ลำบากท่านแล้วนะเจ้าคะ” นางเอ่ยปลอบผู้เป็นสามีใครจะคิดไปถึงกันเล่าว่าท่านแม่ทัพใหญ่ผู้น่าเกรงขามที่ผู้คนต่างล่ำลือกันว่าน่าหวั่นเกรงนั้นเวลานี้กับร้องขอให้นางปลอบใจเขาไม่หยุดทั้งๆ ที่ก็ผ่านเหตุการณ์เช่นนั้นมาหลายวันแล้ว“ภาพสตรีไร้ยางอายผู้นั้นยังติดตาข้าไม่หาย” เขาเอ่ยอย่างออดอ้อน สองมือเอื้อมไปยุ่งวุ่นวายกับปมอาภรณ์ของภรรยาไม่หยุด “ภรรยาต้องลำบากให้เจ้าให้เขาได้มองเจ้านานๆ ให้เต็มตาเสียหน่อยแ
ตอนที่ 39ไร้วี่แววข่าวดีหนึ่งปีผ่านไป ชีวิตที่เมืองว่านอันของลู่เข่อชิงนั้นถือว่าเป็นไปอย่างราบรื่น ครั้งเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนก่อนหน้านี้ที่แม่นางหลงซานมาก่อเรื่องเอาไว้ก็ไม่มีผู้อื่นนอกจากคนในจวนรู้เรื่อง และนางกับสามีก็ตั้งใจเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับสถานการณ์ที่ชายแดนแถบนี้ถือได้ว่ามั่นคงเป็นอย่างดี ราชสำนักมีข้อตกลงเพื่อยุติสงครามได้อย่างมั่นคงยาวนานแล้ว อีกไม่นานจะมีการส่งองค์หญิงมาสมรสถือเป็นการเชื่อมสัมพันธ์อย่างเป็นทางการสงครามสงบแน่นอนว่าชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านย่อมดีกว่าเดิม มีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นการค้าการขายในอนาคตไปยังแคว้นข้างเคียงอาจจะนำพามาซึ่งความมั่งคั่งของประชาชนสืบไปวันก่อนนางได้ยินมาว่า ท่านพี่ของนางเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้ไปรับองค์หญิงที่จะมาสมรสเชื่อมสัมพันธ์ เรื่องวันเวลาและการจัดเตรียมขบวนการรับองค์หญิงนั้นเขาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดลู่เข่อชิงยังแอบคิดไว้ว่าหากได้วันเวลาที่แน่นอนแล้ว ไม่แน่ว่านางอาจจะของติดขบวนรับองค์หญิงเพื่อไปท่องเที่ยวด้วย"สองปีแล้ว ฮูหยินแต่งเข้าจวนมาสองปีแล้ว แต่กับยังไร้ความเคลื่อนไหว" "ฮูหยินมีปัญหาอ
ตอนที่ 38 ไร้ค่า น่ารังเกลียด ลู่เข่อชิงในยามนี้กำลังนั่งจ้องมองใบหน้าของตนซึ่งสะท้อนให้ เห็นในกระจกทองเหลืองบานใหญ่ตรงหน้าอย่างพิจารณาถึงความเปลี่ยนแปลง ใบหน้าของนางดูงดงามขึ้น ดูน่ามองกว่าแต่ก่อนมากนัก ไม่อาจกว่าว่างามเป็นหนึ่งเหนือผู้ใดได้อย่างเต็มปาก แต่ก็ถือว่างามพอตัวอยู่ไม่น้อยหน้าผู้ใด อาจเป็นเพราะได้แม่บ้านหลิง สาวใช้คนสนิทอย่างพวกอาจืออาหน่ายช่วยกันบำรุงใบหน้าและผิวพรรณให้นางอย่างเอาใจใส่พิถีพิถันเป็นอย่างยิ่งเรียวคิ้วโค้งเรียวดุจกิ่งหลิว ดวงตาเป็นประกาย ริมฝีปากอวบอิ่ม ใบหน้าของนางในยามนี้ไร้สิ่งใดแต่งเติม แต่กับดูน่าหลงใหลไม่น้อยตัวนางในยามนี้ยังคิดว่าตนนั้นมีเสน่ห์เพิ่มขึ้น นี่อาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่สตรีที่ออกเรือนแล้วเช่นนางพึงมีขึ้นมาเองกระมัง“เอาชุดตัวแดงมาให้ข้าสวมอีกชั้นก็แล้วกัน” นางเอ่ยสั่งสาวใช้ข้างกายตนหลังจากนางเอ่ยปากไป อาหน่ายก็ไปนำชุดที่นางต้องการมาให้ และช่วยนางสวมจนเสร็จเรียบร้อย“คืนนี้ท่านแม่ทัพไม่กลับจวน บ่าวนอนเป็นเพื่อนฮูหยินนะเจ้าคะ”“ก็ได้ ข้าจะอ่านตำราอีกสักพักจึงจะเข้านอน ระหว่างนี้เจ้าก็ไปจัดการตัวเองก็แล้วกัน” นางเอ่ยก่อนจะเดินไปนั่งที่ตั่ง
ตอนที่ 37ไว้ใจได้?ยามสายของเช้าวันนี้ ลู่เข่อชิงใช้เวลาอยู่ในสวนที่เหล่าต้นไม้ใบหญ้ากำลังเบ่งบานน่ามองเป็นที่สุด เพื่อจัดการสวนดูแลสวนเล็กๆ น้อยๆ อย่างรดน้ำ พรวนดิน โดยมีสองสาวใช้คนสนิททั้งสองคอยเป็นลูกมือพวกนางล้วนช่วยกันลงแรงอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งมีสาวใช้ผู้หนึ่งเข้ารายงาน ลู่เข่อชิงถึงได้ละสายตาจากต้นไม้ในมือที่กำลังปลูก“ฮูหยินเจ้าคะ แม่บ้านหลิงให้บ่าวมาถามท่านว่า มีแม่นางแซ่หลงมาขอพบท่านเจ้าค่ะ แจ้งว่านางมาจากหมู่บ้านกลางหุบเขานอกเมือง ฮูหยินจะให้เข้าพบหรือไม่เจ้าคะ”แม่นางแซ่หลง จากหมู่บ้านกลางหุบเขาเช่นนั้นหรือ คงจะเป็นแม่นางหลงซานผู้นั้นเป็นแน่เมื่อคาดว่าเป็นผู้ใดที่มาเยือนได้แล้ว หญิงสาวแม้จะสงสัยว่าเหตุใดแม่นางหลงซานผู้นั้นที่ดูไม่ชอบนางจู่ๆ ถึงได้มาเยือนถึงจวนได้ครั้งก่อนที่หมู่บ้านกลางหุบเขา หัวหน้าหมู่บ้านผู้เป็นบิดาของแม่นางหลงดูแลต้อนรับพวกนางเป็นอย่างดี แน่นอนว่ายามนี้แม่นางหลงมาเยือนถึงจวนย่อมต้องให้พบหน้าแน่อยู่แล้ว“เจ้าให้แม่บ้านหลิงเชิญแม่นางหลงเข้ามาเถอะ” นางเอ่ยจบก็ก้มลงพรวนดินใส่ต้นไม้ต่อ“เจ้าค่ะ”สาวใช้คนนั้นรับคำแล้วก็เดินออกไป มุ่งหน้าสู่ด้านหน้าประตู
ตอนที่ 36สามีภรรยารักใคร่ ลู่เข่อชิงเริ่มคุ้นชินกับจวนแม่ทัพเป็นอย่างดี ตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพก็เริ่มเข้าที่ได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปตามความช่วยเหลือของเหล่าผู้คนในจวนด้านวรยุทธ์นางยังคงฝึกฝนอยู่เสมอ อีกทั้งยังได้รับความชี้แนะกับผู้อื่นอีกหลายคน เรียกได้ว่าคนในจวนแม่ทัพหากพอเป็นวรยุทธ์อยู่บ้างล้วนถูกนางดึงมาปะมือด้วยไม่ได้ขาดถึงเรื่องในครัว เห็นได้ชัดเจนว่าฝีมือทำอาหารของนางนั้นก้าวหน้าขึ้นได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยๆ ก็ไม่ทำสิ่งใดไหม้จนดูไม่ได้อีกส่วนสามีของนางแม่ทัพหนุ่มผู้เก่งกาจหาญกล้า เขาล้วนยังคงยุ่งอยู่กับการทหารเช่นเดิม ทว่าถึงแม้จะยุ่งเพียงใดกับไม่เคยละเลยนางผู้เป็นภรรยา ซ้ำหากได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันในยามค่ำคืนก็มักจะคลอเคลียไม่ห่าง ชีวิตแต่งงานของนางจึงนับว่าหวานชื่นเป็นอย่างมากวันนี้เป็นอีกวันที่อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส่ แดดอ่อนๆ นางจึงออกมาเดินเล่นนอกจวนกับอาจือและเสี่ยวหน่าย บังเอิญวันนี้มีความครึกครื้นครั้งใหญ่ที่กลางถนนหัวมุมพอดีเรื่องครึกครื้นที่ว่าก็คือมีคณะท้าดวลสัญจรผ่านมาตั้งเวทีประลอง เห็นว่าเป็นคณะท้าดวลซึ่งมีการวางเดิมพัน แลกเปลี่ยนอาวุธกับเงินทองหากผู้ที่ท้าดวลชนะสาม
ตอนที่ 35 ภัยเงียบ “ก็เข้าใจได้ง่ายๆ ว่าเหตุใดวันนี้พี่หญิงถึงมาหาข้าถึงที่นี่ได้” ชายหนุ่มเจ้าของบ่อนพนันเอ่ยทักญาติผู้พี่ของตนที่จู่ๆ ก็มาหาอย่างกะทันหัน อีกทั้งปกติแล้วนางนั้นมักจะไม่ยอมมาเหยียบบ่อนพนันแห่งนี้ของเขาเลย ซึ่งแน่นอนว่าเขารู้ดีว่านางก็คงจะกลัวใครพบเห็นว่าเข้ามาในที่เช่นนี้และจะทำให้เสื่อมเสียชายหนุ่มรินน้ำชาด้วยตนเองก่อนที่จะยื่นให้ญาติผู้พี่ซึ่งนั่งลงอยู่ฝั่งตรงข้าม “ดื่มชาสงบอารมณ์ก่อนเถอะ เรื่องแม่ทัพใหญ่หนิงที่ท่านมีใจให้มานานมีฮูหยินแล้วแถมเป็นสมรสพระราชทาน ใครๆ เขาก็รู้กันไปทั่วแล้ว”“เจ้ายังจะมาซ้ำเติมข้าอีก ใช่ได้ที่ไหนกัน” นางเอ่ยออกมาอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมทั้งกระแทกจอกน้ำชาที่หมดแล้วลงกับโต๊ะอย่างแรง“พี่หญิงท่านอ่อยบุรุษมาหลายปี ไม่สำเร็จก็ควรจะยอมรับได้แล้ว เศรษฐี ขุนนางในเมืองก็มีตั้งมาก ท่านเลือกสักคนแล้วลงมือจับให้อยู่ได้แล้ว” เขาแนะนำ อย่างไรญาติผู้พี่ของเขานางก็ถือได้ว่าเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง ดูจากภายนอกก็ดูอ่อนหนาวน่ารักน่าเอ็นดู ท่าทางเช่นนี้ล่อลวงบุรุษได้ไม่ยาก นางมั่วแต่เสียเวลายั่วยวนแม่ทัพหนิงที่ไม่ได้สนใจนางเลยอยู่ตั้งนาน ช่างน่าเสียดายเวลายิ่งนั