LOGINบทที่ 8 สมองขาวโพลน!
“ มุก! ” กำลังลุกขึ้นจะเอากล่องข้าวไปทิ้งเพราะกินหมดแล้ว จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น อดไม่ได้ที่จะหันไปมอง
“ อ้าว พี่ธีร์ พี่มาด้วยเหรอ? ” ฉันถามด้วยความแปลกใจ จำได้ว่าพี่ชายของยัยธารใสประจำการอยู่ภาคใต้ตอนบน
“ พี่มาประชุมแถวนี้หนึ่งอาทิตย์ได้แล้ว และวันนี้พี่เจอไอ้ฉัตรเลยตามมันมากะจะมาช่วยชาวบ้านนะ แต่คงต้องกลับแล้วเพราะทางค่ายหารือกันว่าจะช่วยต่อพรุ่งนี้ ว่าแต่มุกสังกัดแถวนี้เหรอ? ”
“ ไม่ค่ะ อยู่อีกตำบล ”
“ อีกตำบลเหรอ ไม่มีค่ายทหารหนิ ”
“ มีนะ ค่ายXX ”
“ อ้าว มุกไม่ใช่เป็นทหารเขียวเหรอ? ” พี่ธีร์พูดแล้วใช้สายตามองจากหัวจรดเท้า
“ มุกเป็นทหารชุดดำค่ะพี่ ” ฉันพูดแล้วส่งยิ้มไปให้พี่เขา
“ อ้าว เหรอ555+ ตอนแรกพี่สังเกตแค่ที่เสื้ออะ ก็คิดว่าเราเป็น ทหารเขียว ” สิ้นเสียงพี่เขา ฉันหุบยิ้มทันที รีบเอามือปิด แต่ก็ไม่ทันแล้วแหละ
“ แหะๆ เสื้อพี่ฉัตรให้ยืมมาใส่ค่ะ ”
“ อ๋อ…เออใช่ ยัยธารใสเคยบอกว่าเราทั้งสองคนหมั้นกันแล้วนิ พี่นี่ขี้ลืมจริงๆ 555+ ”
“ อืม ” พยักหน้าหงึกๆ
“ งั้นพี่ไปก่อนนะ พอดีต้องขออาศัยรถคนอื่นกลับออกไปจากตรงนี้นะ ”
“ ค่ะ สวัสดีค่ะพี่ แล้วเจอกันใหม่นะ ”
“ ครับ โชคดีๆ พี่ไปก่อนนะ ระวังตัวด้วย ” พี่ธีร์พูดขึ้นแล้วเอามือมาขยี้ผมฉันเบาๆ อย่างเอ็นดู และเดินจากไป
พี่ธีร์เป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน นั่นก็คือ ธารใส เพื่อนตอนเรียนมัธยมต้นจนถึงมัธยมปลาย บ้านของพี่เขาอยู่อีกตำบล ฉันสนิทกับยัยธารใสเลยไปบ้านนางบ่อยๆ และเจอพี่ธีร์ประจำ และพี่เขาเพิ่งจะสอบนายสิบได้ไม่นาน น่าจะเข้าพร้อมพี่ฉัตรด้วย และสนิทกันระดับหนึ่ง ยัยธารใสเคยเล่าให้ฟัง
“ ฮะ..แฮ่ม ” ฉันละสายตาจากที่มองพี่ธีร์หันมามองคนข้างๆ ที่ใบหน้าบูดบึง
“ ไหนชุดหนูอะ ”
“ มาถึงก็ถามถึงชุด เหอะ! ” อ้าว แล้วฉันต้องถามถึงอะไรเนี่ย งง
“ เป็นอะไรไปคะ จะให้หนูถามว่าอะไร อ๋อ พี่กินข้าวยัง อาบน้ำแล้วยัง ”
“ หึก ประชดเหรอ? ให้ไอ้ธีร์จับหัวทำไม ”
“ อะไรของพี่เนี่ย! เอาชุดหนูมาเลย จะเอาไปตาก ”
“ เปลี่ยนเรื่องเก่ง...อืม งั้นเจอกันหนึ่งทุ่ม แล้วเดี๋ยวเอาชุดให้ ตอนนี้พี่ตากให้แล้ว ”
“ อ๋อ…ว่าแต่คุยตอนนี้ไม่ได้เหรอ…คะ ”
“ ไม่ได้ ว่าแต่เสื้อที่ใส่สวยนะ ”
“ หึ ยอของตัวเองแหละ ”
“ พี่ไปก่อนนะ ถ้าไม่มาตามนัดพี่จะขึ้นไปหาบนนั้นเลย ” นิ้วหนาชี้ไปยังบ้านยกสูง
“ อืม…เฮ้ยๆ ไม่ๆ ค่ะ โอเคค่ะ ” เผลอหลุดปากไป แต่โชคดีที่มีไหวพริบ เปลี่ยนได้ทันที พี่เขาก็รวดเร็วมาก โน้มตัวลงมาทันที หึ่ย!
“ ไปได้แล้ว เพื่อนไปหมดแล้วนะ ” พี่ฉัตรพยักพเยิดไปด้านหลังฉัน หันไปมองตาม มันก็จริง ไม่มีใครรอเลย
“ หนึ่งทุ่มหนูจะเอาเสื้อไปคืนพี่นะ ”
“ ค่อยไปถอดในเต็นท์พี่นะ ” สายตาพี่เขาก็ดูกรุ่มกริ่มตอนมองหน้ากัน ทำไมถึงเปลี่ยนไปได้อยากคนละคนอย่างนี้นะ
“ พี่จะทำอะไร หนูไม่ไปหรอกนะ ”
“ หึ พี่จะทำอะไรได้ นี่มันไม่ใช่ที่บ้านนะ ”
“ เป็นคนหมกมุ่นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ”
“ หึ หึ ไปได้แล้ว ” เกลียดมาก ไอ้คำว่า หึ หึ
19 : 10 น.
เพื่อนบางคนหลับกันแล้วบางคนก็ยังคุยโทรศัพท์กับแฟน บางคนก็ยังเล่นโซเชียล แต่พอคืนนี้ฝนมันดันไม่ตก อากาศมันเลยร้อน แล้วพวกเรายังเอาผ้ายางมากั้นเป็นกำแพงอีก เหมือนอากาศจะไม่ค่อยถ่ายเทด้วย มันอบอ้าวมาก
“ ร้อนอะ ฉันจะไปล้างหน้า พวกแกไปไหม ” ฉันลุกขึ้นนั่งหันไปพร้อมเอามือสะกิดถามเพื่อนทั้งสามที่ใส่หูฟังคุยโทรศัพท์กับแฟนด้วยใบหน้าที่ยิ้มหวาน พวกนางวิดีโอคอลกัน
“ อือ ไม่อะ ขี้เกียจเดินลงบันได ” ฟ้าหันมาส่ายหัว
“ ไม่ไปอะ ว่าจะนอนแล้ว ” ฝนปิดปากหาวไปด้วย
“ ขี้เกียจลุกขึ้นอะ ” ฝ้ายพูดแล้วเอามาห่มมาคลุมโปงทันที
จริงๆ ถามพอเป็นพิธี เพื่อนจะได้ไม่สงสัยว่าฉันไปไหน ใจจริงจะไปหาพี่ฉัตรด้วย นาฬิกาข้อมือมันก็บ่งบอกว่าหนึ่งทุ่มสิบห้าแล้ว
ต้องค่อยๆ เดินลงบันได มองไปทั่ว ไฟก็สว่างไสวไปหมด แต่จะมีที่สลัวๆ แถวที่ไม่มีคนพัก ฉันเลือกที่จะเดินแอบไปทางสลัวๆ ตรงไปยังต้นหูกวางที่นัดกัน แต่พอไปถึงพี่ฉัตรก็ยังไม่มา
“ ก็คิดว่ามารอแล้ว เห็นเป็นคนมีกฎระเบียบ ใครจะคิดว่าไม่ตรงเวลาเหมือนกัน ” พูดไปพร้อมกับเบ้ปาก มือเรียวยกขึ้นมากอด'อก' สายตาก็มองไปแค่ข้างหน้า
“ อุ้ย~ อุ้ปส์ ” จะแหกปากเพราะตกใจ ส่วนตัวก็กลัวผีอยู่แล้ว พอมีคนมาอยู่ข้างหลังก็ตกใจ ใจหายวาบ แต่มือหนาเอามาปิดปากจากด้านหลังไม่ให้ร้องเสียก่อน ไม่งั้นคงมีคนมามุงแน่
“ ชู่วๆ พี่เอง ” ตอนนี้ไม่ตกใจแล้ว เพราะจำมือและเสียงพี่เขาได้ จึงแกะมือพี่เขาออกจากปาก
“ เล่นอะไรก็ไม่รู้ คนยิ่งกลัวๆ ผีอยู่ ”
“ จริงอะ! ” ถามย้ำพร้อมทำหน้ากลั้นขำ ฉันว่าพี่ฉัตรน่าจะกินยาไม่เขย่าขวดแน่ๆ รอบนี้ที่เจอเหมือนคนดีดอะ ปกตินิ่งขรึม ยิ้ม หัวเราะ พูดมาก ขี้เล่น แทบจะไม่มี แต่นี่เอามาหมด
“ เอาชุดมา ” ไม่ตอบที่พี่เขาถามย้ำ
“ เสื้อพี่อะ มุกจะเอาให้ยังไง ” สายตาพี่เขาดูหื่นๆยังไงไม่รู้สายตาก็ดูหื่นๆ ด้วย
“ เดี๋ยวไปเปลี่ยนให้ที่ห้องน้ำ ”
“ เสียเวลาเดินไปมา เดี๋ยวมีคนเห็นเข้า มันจะดูไม่ดีนะ ไปเปลี่ยนในเต้นท์พี่สิ นั้นไง ” พี่เขาชี้นิ้วไปทิศทางที่เต็นท์ตั้งอยู่ แหม่…นี่น่าจะคิดไว้แล้วเพราะที่ฉันยืนอยู่มันใกล้กับเต็นท์เขามาก แถมตรงนั้นมีแค่แสงไฟสลัวๆ ไม่เหมือนของคนอื่นอีกด้วย
“ ไม่เอาอะ ไม่ไป พี่ เดี๋ยวมีคนอื่นมาเห็นเข้านะ ”
พรึ่บ! มือหนาคว้ามาจับที่ต้นแขนแล้วพยายามดึง แต่ฉันนั้นรั้งตัวไว้กับที่ พยายามฝืนไม่เดินตาม เอามือเรียวแกะมือเขาไปด้วย
“ เพื่อนพี่มาแค่สามคน พวกมันตั้งเต็นท์ใกล้ๆ ห้องน้ำหมด ตรงนี้ที่ใกล้ๆมีแต่พวกทหารเกณฑ์ พวกมันจะไม่มายุ่งวุ่นวายหรอก ไม่งั้นโดนทำโทษ ”
“ หนูเอาให้พรุ่งนี้ก็ได้ ”
“ งั้นชุดมุกก็ค่อยมาเอาพรุ่งนี้แล้วกัน ”
“ ไม่ๆ พี่ฉัตรอะ แล้วพี่นัดมามีเรื่องอะไร คงไม่ใช่เรื่องชุดหรอกใช่ไหม เพราะพี่ส่งกระดาษข้อความให้หนูตอนเลิกแถว ”
“ นัดมาคุยเรื่องทั่วไปเฉยๆ ”
“ อ้าว เสียเวลานอนชะมัดเลยอะ ” ทำหน้าตึงใส่เขา
“ หนึ่งทุ่มเอง ไปคุยที่เต็นท์พี่ดีกว่า ตรงนี้มียุงเยอะแถมยังเมื่อยขาด้วย ” ดูพี่เขาพยายามโน้มน้าวให้ไปในเต็นท์นะ
“ อือ ~ ไม่ไป พี่ฉัตรอย่าทำให้หนูกลัวสิ ทางที่ดีกลับเป็นเหมือนเดิมเถอะ ”
“ แบบไหน แบบคุยน้อยหรือไม่คุยเลย แต่พี่จำได้ว่ามุกต้องการแบบนี้นะ ก่อนที่จะวางสายล่าสุดในวันนั้น ”
“ ก็ใช่ แต่หมายถึงเวลาคุยโทรศัพท์กันไง แต่นี่พี่ดูจะรุกแรงไปนะ ”
“ มุกบอกเองนะว่าให้พี่คิดว่ามุกคือเพลง นี่พี่ก็พยายามสุดๆ แล้วนะ ”
“ แล้วไหนบอกว่าแทนกันไม่ได้ไง สรุปพี่เห็นมุกเป็นพี่เพลงเหรอ? ”
“ เปล่า พี่เห็นมุกเป็นมุกอะแหละ แต่พี่จะพูดคือหมายถึงว่า ให้นึกถึงตอนอยู่กับเพลง เวลาอยู่กับมุกไง ”
“ งั้น…ต่อหน้าพี่เพลง พี่ก็เป็นแบบนี้เหรอ? ” ฉันอ้าปากเหว่อทันที พี่ฉัตรกอด'อก'มองหน้าฉัน
“ แบบไหน ”
“ ก็…เล่นหูเล่นตา หื่นกามอะไรงี้ ”
“ พี่แสดงออกไปแบบนั้นเลยเหรอ? ”
“ อืม ” พยักหน้าหงึกๆ
พี่เขาว่องไวเข้ามาประชิดแนบตัว มือนึงรั้งเอวคอด มือนึงเชยคางเรียวขึ้น ใบหน้าเขาก็ค่อยๆ โน้มมาประกบจูบ การจู่โจมแบบนี้ทำเอาฉันไปไม่เป็น เพราะรวดเร็วไม่ทันตั้งตัวกันเลยทีเดียว
ริมฝีปากหนาบดขยี้ริมฝีปากเรียวเบาๆ ดวงตากลมยังคงเบิกกว้างเหมือนสตั้นไปชั่วขณะ แต่ทว่าอีกฝ่ายยังคงรุกต่อ พยายามดันลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากนุ่มให้ได้
มือเรียวจับเสื้อคนตัวสูงไว้แน่น เมื่อโดนอีกฝ่ายรุกล้ำเข้าไปจนได้ ลิ้นร้อนหยอกล้อ แล้วดูดมัน ใบหน้าหวานเริ่มหลับตาพริ้มไม่ได้ขัดขวางอะไร เหมือนจะจมลงในห้วงนิทรา ปล่อยให้คนตัวสูงคว้านหาน้ำหวานต่อไป
มือหนาที่รั้งเอวคอดเปลี่ยนมารั้งตึงท้ายทอยใบหน้าหวานไว้ คนที่หลับตาพริ้ม ขาเริ่มสั่น อารมณ์บอกไม่ถูก รสจูบที่ถูกมอบให้จากคนตัวสูง มันอ่อนโยนมาก ถึงจะไม่ได้สนองกลับไป แต่เป็นผู้ที่ถูกกระทำที่แสนเชื่อง ให้ไปซ้ายก็ซ้าย ให้ไปขวาก็ไปขวา คนตัวสูงเริ่มใช้มือทั้งสองประคองใบหน้าหวาน ใบหน้าตัวเองหันไปขวาที ซ้ายที เหมือนจะหามุมและเว้นจังหวะให้หายใจ ในห้วงนิทราจะมีแค่โลกสีขาวโพลน เหมือนทั้งโลกจะมีแค่กันสองคน มือเรียวเปลี่ยนเป็นโอบกอดคนตรงหน้าเหมือนจะยึดเป็นที่พักพิง เพราะเริ่มรู้สึกจะทรงตัวไม่อยู่แล้ว รสจูบมันหวาบหวามไปทั่วอณู
‘ สวบ! ’ มีเสียงดังอยู่ในพงหญ้าใกล้ๆ เรียกสติของทั้งสองคนกลับมาได้ จึงผละจากกันและเงียบไปชั่วขณะ ต่างคนต่างแสร้งมองไปที่ทำให้เกิดเสียง ทั้งที่รู้ว่ามันคือเสียงของสัตว์เล็กๆ ที่คลานไปมา
ตึก ตึก เสียงหัวใจมันเต้นระส่าย สัมผัสเมื่อกี้มันอ่อนโยน อบอุ่นหัวใจมาก มือเรียวรีบเอามือไปทุบ'อก'เบาๆ เหมือนจะให้คลายการเต้นเร็วได้แล้ว
“ เอ่อ… ” ทั้งคู่หันหน้าเข้าหากันไม่พอยังจะพูดพร้อมกันอีก แต่ฉันเลือกที่จะก้มหน้าลงเพราะมีความเหนียมอายต่อสายตาเขา
“ ให้มุกพูดก่อน ” พี่ฉัตรพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“ คือหนูเดินต่อไม่ไหวอะ ขามันสั่น พี่พาหนูไปนั่งหน่อย ” ไม่ใช่มารยาหรือเล่ห์เหลี่ยมใดๆ แต่มันคือความจริง ขาเรียวรู้สึกอ่อนแรงมาเสียดื้อๆ
“ ได้ครับ ” เนี่ย! ดูพี่เขาสิ ขอให้พูดครับมาตั้งนานไม่พูด พอเวลานี้มาพูด ใจฉันมันก็ไม่รักดีอะดิ
“ อุ้ย! ” ไม่ทันตั้งตัว พี่ฉัตรช้อนตัวฉันขึ้นอุ้มพาไปที่เต็นท์ตัวเองทันที
พาเข้าไปนั่งในเต็นท์ แล้วพี่เขาก็ปิดไฟจากกระบอกไฟฉายในเต้นท์ แต่มีแสงไฟสลัวๆ มาจากหน้าเต็นท์อยู่
“ พี่กลัวคนอื่นจะเห็นเงานะ เลยต้องทำแบบนี้ ” รอบคอบจริงๆ นะพ่อคุณ
“ ค่ะ ” ฉันพูดตอบกลับ นั่งก้มหน้าต่อ มือทั้งสองข้างมาประสานกัน
“ เปลี่ยนเสื้อเลยไหม ” พี่ฉัตรเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
“ อื้ม~ ” ตอบพร้อมพยักหน้าแต่ไม่ได้เงยหน้ามองพี่เขา
“ มุก ” เสียงเรียกเบาแต่น้ำเสียงดูหนักแน่น จนฉันรีบเงยหน้าขึ้น พี่เขาก้มมาอีกแล้ว
“ ฮะ อ๋อ ค่ะ ค่ะ ” นึกขึ้นได้ว่าเผลอหลุดปาก ก็รีบพูดออกไปแล้วเบือนหน้าหนี
“ หึ กลัวขนาดนั้นเลยเหรอ? ”
“ พี่หันหน้าไป หนูจะเปลี่ยนเสื้อ ง่วงแล้วจะไปนอน ”
“ ไม่ต้องหรอก พี่ล้อเล่นนะ มุกค่อยคืนพี่ก็ได้ ” ดู ดู เขาพูด ล้อเล่นเหรอ? หึก ไอ้คนบ้า เสียเวลาชะมัด
“ พี่อะ แล้วพาหนูเข้ามาทำไมในนี้ ”
“ แล้วอยากนอนกับพี่ไหม ”
“ พี่ฉัตร? ” คิดว่าเขาคงพูดเล่น เลยเอ่ยเสียงห้วนออกไป
“ พี่พูดจริง ”
“ พี่จะบ้าเหรอ นี่มันที่ไหน ”
“ เฮ้อ! อีกไม่กี่เดือนก็แต่งกันแล้วนะ มุกติดขัดอะไรหรือเปล่า? ” ถามแบบนี้จะตอบไง
“ หนู…ยังไม่ชินอะ จู่ๆ พี่ก็รุกแรงมาก ค่อยๆ เป็นไม่ได้เหรอ? ” ซึ่งฉันไม่โทษเขา และรู้ว่าเขาต้องการอะไร ยังไงเขากับฉันก็ต้องเป็นของกันและกันอยู่แล้ว เรื่องนี้มันคือธรรมชาติของมนุษย์ แต่ที่ฉันยังไม่โอเค เพราะมันเกิดขึ้นเร็วจนเกินไป ถึงจะเคยมีอะไรกันมาก่อนเมื่อปีที่แล้วตอนเมาก็เถอะ ตอนนั้นมันจำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้มันมีสติครบถ้วนนะ
“ พี่ก็แค่ให้นอนคุยกัน ทำให้มันชิน พี่ไม่ได้จะมีอะไรกันสักหน่อย พี่รู้นะว่าอะไรควรไม่ควรอะ 555+ คิดไปถึงไหนอะเรา ” พี่ฉัตรหัวเราะขึ้นเบาๆ พร้อมเอามือมาลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู
“ ชิ ” กลบเกลื่อนด้วยการปัดมือพี่เขาออก
“ งั้นหนูไปนอนนะ ”
“ ครับ ฝันดีนะ ” ฉันชะงักไปเลย ทำไมต้องรู้สึกอบอุ่นด้วยเวลาเขาพูดคำว่าครับ มันฟังแล้วรู้สึกมีแรง รู้สึกอบอุ่น ยังไงไม่รู้
“ เอ่อ…ค่ะ ฝะ…ฝันดีเช่นกันนะคะ อุ้ปส์~ ” คิดไม่ถึงว่าพี่ฉัตรจะฉวยคอฉันไป แล้วจรดริมฝีปากลงมาประทับและปล่อยให้เป็นอิสระ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมาก
“ ครับ เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ ” พยักหน้าเอ๋อๆ ไม่ได้ตอบกลับอะไร พี่เขาเปิดเต็นท์ให้ฉันออกก่อนแล้วตัวเองก็ออกมาติดๆ
“ วันหยุดวันไหน เดี๋ยวพี่ไปรับ พอดีเพื่อนพี่แต่งงานนะ มันอยู่ใกล้ค่ายพี่พอดี ”
“ อีกสามวันก็หยุดแล้ว…ค่ะ ” จะจบประโยคแต่เรื่องจูบผุดขึ้นมา เลยต้องต่อหางเสียงออกไป
“ โอเค ไปเถอะ ” ไม่พูดแค่ปาก มือหนายังมาลูบหัวฉันอีก พร้อมผลักหลังฉันเบาๆให้เดินไปข้างหน้า
ไม่รู้อะไรหนักหนากับผมที่ดำขลับเงางามของฉัน ไม่ลูบก็ขยี้ แต่ทุกครั้งที่โดนพี่เขาก็รู้สึกบอกไม่ถูกนะ โดยเฉพาะพี่ฉัตรคนเดียว ขนาดพี่ธีร์ลูบตอนนั้นมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายภายในตัวฉันเลย
❤️____________❤️
นามปากกาผกายมาส
บทที่ 9 โดนผลัก05:00 น.เสียงนกหวีดดังขึ้น ปลุกทุกคนที่นอนให้ตื่นขึ้นทันที พร้อมกันรีบพับห่ม แต่ก็ได้แต่ทำอะไรไม่ถูก เพราะตอนแรกเหมือนจะสะลึมสะลือ พอตาแจ้งก็ต้องหยุดชะงักเพราะนี่ไม่ใช่ค่ายของตัวเอง“ ทหารทุกนายตื่นได้แล้ว อีกยี่สิบนาทีจะต้องมารวมกันที่เดิมแล้วนะ ตอนนี้ให้เวลาเก็บของ สัมภาระทุกอย่าง แล้วล้างหน้าล้างตา เตรียมตัวมาวางแผนช่วยคนกันต่อ ” เสียงโทรโข่งก็ดังขึ้นพวกเราก็รีบจัดแจงของต่างๆ ผ้ายางที่กั้นกำแพงก็เก็บเข้ากระเป๋าหมด จัดเก็บของจนครบ ไม่ลืมที่จะสวมเสื้อแขนยาวสีดำที่มีชื่อและตราของค่าย จัดแต่งใส่ไว้ในกางเกงให้ครบ และพากันไปเข้าห้องน้ำ ผู้หญิงจะเข้านานกว่าผู้ชาย มันโชคดีที่ไม่ต้องเก็บอะไรเยอะด้วยระหว่างรอเข้าห้องน้ำต่อจากพี่ๆ ในค่ายที่เข้ากันเกือบทุกคนแล้ว สักพักมีพวกผู้ชายจากค่ายทหารพรานมาเข้าห้องน้ำด้วย“ ใครเข้าต่อเหรอ ”“ ฉันเอง ” ฉันพูดขึ้น“ ให้เราก่อนได้ไหม พอดีเราปวดท้องหนักมาก ”“ เอ่อ… ” ด้วยความใจอ่อนก็ให้ผู้ชายคนนั่นเข้าก่อน หลังจากฟ้าออกมา เหลือแค่ฉันที่ยังไม่ได้เข้าห้องน้ำในตอนนี้“ อ้าว ทำไมมุกไม่เข้าไปอะ ” พี่หวานถามขึ้น“ เอ่อ …คนเมื่อกี้เขาบอกปวดหนัก
บทที่ 8 สมองขาวโพลน!“ มุก! ” กำลังลุกขึ้นจะเอากล่องข้าวไปทิ้งเพราะกินหมดแล้ว จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น อดไม่ได้ที่จะหันไปมอง“ อ้าว พี่ธีร์ พี่มาด้วยเหรอ? ” ฉันถามด้วยความแปลกใจ จำได้ว่าพี่ชายของยัยธารใสประจำการอยู่ภาคใต้ตอนบน“ พี่มาประชุมแถวนี้หนึ่งอาทิตย์ได้แล้ว และวันนี้พี่เจอไอ้ฉัตรเลยตามมันมากะจะมาช่วยชาวบ้านนะ แต่คงต้องกลับแล้วเพราะทางค่ายหารือกันว่าจะช่วยต่อพรุ่งนี้ ว่าแต่มุกสังกัดแถวนี้เหรอ? ”“ ไม่ค่ะ อยู่อีกตำบล ”“ อีกตำบลเหรอ ไม่มีค่ายทหารหนิ ”“ มีนะ ค่ายXX ”“ อ้าว มุกไม่ใช่เป็นทหารเขียวเหรอ? ” พี่ธีร์พูดแล้วใช้สายตามองจากหัวจรดเท้า“ มุกเป็นทหารชุดดำค่ะพี่ ” ฉันพูดแล้วส่งยิ้มไปให้พี่เขา“ อ้าว เหรอ555+ ตอนแรกพี่สังเกตแค่ที่เสื้ออะ ก็คิดว่าเราเป็น ทหารเขียว ” สิ้นเสียงพี่เขา ฉันหุบยิ้มทันที รีบเอามือปิด แต่ก็ไม่ทันแล้วแหละ“ แหะๆ เสื้อพี่ฉัตรให้ยืมมาใส่ค่ะ ”“ อ๋อ…เออใช่ ยัยธารใสเคยบอกว่าเราทั้งสองคนหมั้นกันแล้วนิ พี่นี่ขี้ลืมจริงๆ 555+ ”“ อืม ” พยักหน้าหงึกๆ“ งั้นพี่ไปก่อนนะ พอดีต้องขออาศัยรถคนอื่นกลับออกไปจากตรงนี้นะ ”“ ค่ะ สวัสดีค่ะพี่ แล้วเจอกันใหม่นะ ”“ ครับ โชคดี
บทที่ 7 เทคแคร์ / หรือแอบมีอะไรกันหลังจากเข้าห้องน้ำไปปลดทุกข์ ไม่ได้อาบน้ำอะไรหรอก แค่ล้างหน้าก็ยังไม่ได้ล้างเพราะโดนเรียกรวมพลซะก่อนทุกค่าย ทุกคนมายืมรวมกัน แต่จะเข้าแถวค่ายใครค่ายมัน แล้วมันยังจะบังเอิญอีก ค่ายทหารพรานหญิงXXยืนใกล้ค่ายทหารบกYYซึ่งมันคือค่ายพี่ฉัตร อีกข้างก็เป็นทหารพรานชายค่ายBB เรียกว่าชายล้อมก็ยังได้ เพราะมีแค่ค่ายฉันเป็นผู้หญิงเพียงค่ายเดียวในตอนนี้“ มากันครบแล้วใช่ไหม! ” เสียงดังผ่านโทรโข่ง“ ครบค่ะ/ครับ ” ทุกคนต่างตะโกนออกมาเสียงเดียวกัน“ จัดแถว ซ้ายหัน ขวาหัน ตามระเบียบพัก เอาละ วันนี้ก็รู้กันอยู่ว่ามาช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ผมเห็นว่าทุกคนทำเต็มที่แล้ว แต่ดูท้องฟ้ามันครึ้มๆแล้วอีกแล้วตอนนี้น่าจะช่วยได้ไม่หมด แถมเข้าไปข้างในซอย น้ำก็เชียวมาก ก็เลยอยากให้ทหารทุกนายพักที่นี่ก่อน พรุ่งนี้จะได้ลุยต่อ ให้ทหารพรานหญิงค่ายXXพักบนบ้านสูงหลังนั้นนะ ส่วนทหารบก ทหารเรือ ทหารพรานผู้ชาย ก็ไปหาที่กันเอาเองนะ ”“ รับทราบ! ” ทุกคนตะโกนพร้อมกัน“ จัดแถว เลิกแถว! ”พรึ่บ! ทุกคนยกมือขึ้นมาทำความเคารพ แล้วแยกแถว แต่จะไปทีละแถวตามระเบียบของทหาร“ รับไว้ ” มันเป็นจังหวะที่พี่ฉัตร
บทที่ 6 จะ...จับจูบค่ายพวกเราได้ข้าวกันครบก็พากันไปหาที่เงียบๆ กิน นั่นก็คือบ้านของชาวบ้านที่ยกสูง น้ำท่วมไม่ถึงและบ้านหลังนั้นก็ยังก่อสร้างไม่เสร็จ มีแค่มุงหลังคา ฝากั้นบ้านยังไม่มี เหมือนจะทำแค่ห้องเดียว ทำด้วยไม้ทั้งหลัง พวกเราพากันเดินขึ้นบันไดไปและนั่งกินกันคนละมุม“ ใครไม่อิ่มกินได้เลยนะ” ฉันหยิบกล่องข้าวมาหนึ่งกับแกงถุงมาหนึ่งและน้ำหนึ่งขวด ที่เหลือวางไว้ตรงกลางแล้วพาตัวเองมานั่งห้อยขาอีกฟากหนึ่ง หูก็ได้ยินพี่ๆ ต่างพากันถามเพื่อนอีกสามคนว่าฉันกับคนแจกข้าวเป็นอะไรกัน พวกนั้นก็บอกไปตามตรงว่าเป็นคู่หมั้น เป็นแฟน เป็นคนรัก ทำนองนี้ฉันนั่งกินอย่างชิวๆ ตาก็มองลงไปด้านล่างที่มีน้ำท่วมขังอยู่ ถึงรสชาติจะไม่ค่อยได้เรื่อง แต่มันก็ประทังความหิวได้ เลยคิดไปว่ามันอร่อยนั้นแหละ“เอ่อ…” จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงทุกคนดังพร้อมกันแบบตะกุกตะกัก แต่ก็ไม่ได้สนใจคิดว่าน่าจะเป็นผู้หมวดที่เดินขึ้นมาพรึ่บ….รองเท้าคู่หนึ่งปรากฏใกล้ที่ฉันนั่ง มันทำให้ฉันต้องแหงนหน้าขึ้นไปมองเจ้าของ“พี่ฉัตร!” สิ้นเสียงฉัน พี่เขานั่งลง แต่ใครจะนั่งด้วยล่ะ ฉันขยับห่างจะลุกขึ้นแต่โดนล็อกด้วยมือหนาพี่เขาเอาแขนมาพาดที่ไหล่เหม
บทที่ 5 คิดว่าจำไม่ได้เหรอ?พวกเราหมู่สองทั้งสิบเอ็ดคนเดินมาถึงก็ไม่ทันได้พักหายเหนื่อย ก็เตรียมตัวจะลงไปช่วยประชาชนก่อนเป็นอันดับแรกค่ายพวกเรามาด้วยสภาพโส-มม เลอะเทอะ สกปรก อิดโรย ตั้งแต่เท้าถึงขาก็เต็มไปด้วยโคลนสีแดง ใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยคราบสีดำ ที่ทาอำพลางตั้งแต่ตอนลาดละเวนค่ายอื่นที่มาคือสภาพดูดี มีแค่ชุดที่เปียกคงเพราะลุยน้ำหรือตากฝนแหละ“ หวายกับหวานรอตรงนี้นะ เฝ้าสัมภาระและปืนของทุกคนไว้ด้วย ที่เหลือตามผมมา” ผู้หมวดพูดขึ้นที่ต้องทิ้งคนให้เฝ้าเพราะไม่สามารถไว้ใจใครได้ ปืนคือของหวงของทหารที่สุด ถ้าหายไปอาจจะมีอันตราย เพราะไม่รู้ว่าตกไปอยู่ในมือโจรหรือชาวบ้านและถ้ามันเป็นของทหารคนไหน คนนั้นต้องรับผิดชอบด้วย เขาถึงบอกว่ารักษาปืนให้รักษาเท่าชีวิต“ ยัยมุก นั่นมันคู่หมั้นแกใช่ไหมอะ? ” ฟ้าเดินมาสะกิดแขนฉันเบา ๆ พร้อมพูดกระซิบและพยักพเยิดไปตรงหน้าฉันที่กำลังวางกระเป๋าที่แบกมากับปืนลงก็มองตามและมันก็จริง พี่ฉัตรกำลังพายเรือพาชาวบ้านมาส่งบนถนนที่พวกฉันยืนอยู่“ หลีกๆ ” ฉันไม่รู้ว่าพี่ฉัตรจะเห็นไหม แต่รีบพาตัวเองไปหลบข้างหลังเพื่อน แล้วรีบวางของลงพอเรือพี่ฉัตรมาถึงผู้หมวดค่ายเร
บทที่ 4 คิดดีแล้วใช่ไหม / เข้าป่า“ มุกแกคิดดีแล้วใช่ไหม? ที่จะไม่เอาโทรศัพท์ไปด้วยอะ ” ฟ้าถามย้ำเป็นรอบที่สาม“ อืม ไม่รู้จะเอาไปให้หนักกระเป๋าทำไม ”แต่ในความเป็นจริงก็โกรธคู่หมั้นตัวเองอยู่ ตั้งแต่เมื่อวานตอนวางสายไป พี่เขาก็ไม่โทรกลับมาง้อเลย รู้แหละว่าเราทั้งคู่ยังไม่รู้สึกอะไรกัน แต่มันก็ควรรักษาน้ำใจกันบ้าง!“ เข้าป่าไป ถ้าไม่มีอะไรทำมันน่าเบื่อนะ ถ้ามีโทรศัพท์มันดีกว่านะ เล่นอะไรก็ได้ ” ฝ้ายพูดเสริม ในขณะที่ฉันกำลังเช็ดปืนประจำตัวอยู่ เตรียมพร้อมจะออกเดินทางอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้า“ ในป่ามันไม่ค่อยมีสัญญาณ เล่นอะไรก็สะดุดไปหมด สู้ไม่พาไปดีกว่า ” พูดจบก็หยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียงมาปิดเครื่องไว้ซะเลย แค่สิบวันเองไม่เห็นจะเป็นอะไร ปกติก็ไม่ได้ติดโทรศัพท์ขนาดนั้น แล้วตอนเข้าป่าไป เขาจะให้วิทยุสื่อสารคนละตัวด้วย“ ทะเลาะกับพี่ฉัตรเหรอ? ” เพื่อนทั้งสามพร้อมใจกันจ้องหน้าอย่างจับผิด“ เปล่านะ มีอะไรต้องทะเลาะกันอะ ปกติก็คุยกันบ้าง ไม่คุยบ้าง คุยกันก็ถามแค่ทำอะไรอยู่ กินข้าวหรือยัง แค่นั้นเอง ไม่เห็นเป็นอะไร ถ้าไม่ได้คุยกันนะ ” ฉันพูดพร้อมยักไหล่แบบไม่ยี่หระ“ สาวๆ เสร็จหรือยัง! ” เสียงขอ







