“…” เอวาตาเบิกกว้าง กะพริบตาถี่ เธอไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไรว่าคนตรงหน้าเธอตอนนี้คือคนอายุ 30 เพราะใบหน้าของไทเลอร์นั้นไม่ได้ดูเหมือนคนอายุเท่านั้นเลยแม้แต่น้อย...
“ชุดสวยนะเข้ากับเธอดี” ไทเลอร์มองเอวาแล้วเอ่ยออกมาด้วยหน้าตาเฉยเมย
“ชมฉันก็ช่วยจริงใจหน่อยเถอะ”
“ฮึ” ไทเลอร์หัวเราะในลำคอ ก่อนเข้าจะเดินผ่านเอวาไปหาเจ้าของร้าน พูดคุยอะไรสักหน่อยและเดินกลับมาหาเอวาที่ยังคงทำตัวไม่ถูก
“…”
“เธออยากแก้ตรงไหนอีกไหม”
“ไม่แล้ว” เอวากลืนน้ำลายลงคอ ตามองไปทางอื่น
“แต่พี่สั่งเขาแก้ชุดเธอไปนิดหน่อยนะ มันโป๊”
“หา!” เอวาร้องเสียงดังลั่นพร้อมกับก้มมองชุดเกาะอกสีขาวที่เธอสวมใส่ ชายกระโปรงยาวลากพื้น กระโปรงคลุมเท้าขนาดนี้เอาอะไรมาโป๊ “ฉันไม่เห็นว่ามันจะโป๊เลย”
“ไปเปลี่ยนชุด พี่จะพาไปกินข้าวแล้วจะพาไปเก็บของ” ไทเลอร์เลือกที่จะไม่ตอบคำถามของเอวา
“ไม่ไป!” เอวาตอบแต่ไทเลอร์ก็ไม่ได้สนใจ เขาเดินหยิบโทรศัพท์แล้วกดโทรออกหาใครบางคนและเดินออกจากร้านไป
เอวาได้แต่ทำปากขมุบขมิบไม่พอใจ ผู้ชายอะไรไม่มีมารยาท ไม่ถามความสมัครใจคนอื่นสักนิด!
เอวากลับมาอยู่ในชุดเดรสตัวสั้น เธอก้าวขาออกมาจากห้องเปลี่ยนชุด สายตาคมสวยก็มองซ้ายมองขวาหาไทเลอร์
ผู้ชายเรือนผมสีเดียวกันกับเธอยืนคุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอกร้าน เอวายกมือไหว้ลาพี่ ๆ ในร้านก่อนเดินออกไป รองเท้าส้นสูงไม่กี่นิ้วกระทบลงพื้น
“ครับ ไว้พี่ว่างจะไปหา” ไทเลอร์กล่าวเสียงทุ้มบอกคนปลายสาย
เอวาที่ได้ยินก็รู้สึกตงิดในใจ พูดคุยเสียงหวานขนาดนี้มีแฟนอยู่แล้วแน่นอน!
“เธออยากกินอะไร” ใบหน้าหล่อคมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงสีดำขายาว พูดด้วยใบหน้าเรียบเฉยต่างจากก่อนหน้านี้
“ไม่อยากกิน ฉันอยากกลับบ้าน”
“งั้นพี่เลือกนะ”
“ไม่ไป คุณไปส่งฉันที่บ้านก็พอ”
“ได้ งั้นพี่เลือกเอง”
“ฮะ เฮ้ย คุณฟังฉันไหมเนี่ย!”
เอวาโวยวายเมื่อข้อมือถูกรวบไปดึงเอาไว้ ไทเลอร์ไม่ได้ฟังคำทักท้วงหรือปฏิเสธ เขาเดินนำและดึงเอวาให้เดินตามไป
“ปล่อยสิ คุณ ปล่อยฉัน!” เอวาทั้งดึงทั้งโวยวายแต่ราวกับมันจะไม่ได้ผลสักนิด
สุดท้ายเธอก็ต้องมานั่งทำหน้าไม่พอใจกลางร้านอาหาร มือเท้าคางอย่างไม่สบอารมณ์
“เธอจะเอาอะไรเพิ่มไหม”
“ไม่”
“พี่สั่งของที่เธอชอบหมดแล้ว”
“ขอบใจ”
“แล้วก็ขอไวน์สักขวดด้วยนะครับ” ไทเลอร์เอ่ยบอกกับพนักงาน พนักงานคนนั้นพยักหน้าแล้วเดินจากไป
สายตาคมจ้องมายังหญิงสาวตรงหน้าแต่ปากไม่ได้เอ่ยอะไร เอวาโดนจ้องจนรู้สึกอึดอัด
“คุณ”
“ว่าไง”
“คุณเห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้จริง ๆ เหรอ” เอวาตัดสินใจถามออกไป มือที่เท้าคางวางลงบนโต๊ะ ใบหน้าแสดงความอยากรู้อยากเห็นออกมาเต็มที่
“เธอต้องการให้พี่ตอบว่าอะไร”
“ก็ตอบตามที่คุณคิดสิ”
“แล้วคำตอบแบบไหนเธอถึงจะพอใจ”
“คุณจะกวนประสาทฉันทำไม”
“พี่เปล่า ต่อให้พี่ตอบว่าเต็มใจ เธอก็หาเรื่องถามพี่ต่อหรือหากพี่บอกว่าไม่เต็มใจ เธอก็จะหาเรื่องยกเลิกงานแต่ง”
“…” เอวาทำปากขมุบขมิบเพราะสิ่งที่ไทเลอร์พูดนั้นมันถูกทุกอย่าง
“เธอไม่อยากแต่งงานกับพี่ขนาดนั้น?”
“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าป๊าไม่มีหนี้เยอะขนาดนั้นฉันไม่แต่งหรอก”
“…”
“เราไม่เคยเจอ ไม่เคยรู้จักกันเลยนะคุณ อยู่ ๆ จะให้มาแต่งงานกัน อยู่กินกันแบบผัวเมียแบบนี้น่ะเหรอ”
“อยู่ด้วยกันไปเดี๋ยวก็รู้จักกันเอง”
“ฉันไม่ได้อยากรู้จักคุณ”
“แต่พี่อยากรู้จักเธอ”
“หน้าตาก็ดี ถามหน่อยเถอะ ทำไมไม่ไปหาเมียแบบที่ตัวเองชอบ” เอวายื่นหน้าไปกลางโต๊ะ ขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจ
“...” ไทเลอร์ยกแขนขึ้นมากอดอก มุมปากยกขึ้นหนึ่งข้าง
“อ๋อ เพราะอยากช่วยป๊าฉันเหรอ ไม่น่าใช่นะ...คุณไม่มีส่วนได้ส่วนเสียนี่ ไม่สิ...ตอนนี้คุณกำลังเสียเลยต่างหาก”
“พูดเก่งขึ้นไหม”
“นี่คุณว่าฉันพูดมากเหรอ!”
“วันนี้เธอต้องมาอยู่บ้านพี่” ไทเลอร์อาศัยจังหวะชุลมุนพูดมันออกมา
“อะไร!” เอวาไม่เข้าใจถามออกไปเสียงดัง
“คุณลุงยังไม่ได้บอกเหรอ”
“ไม่ ถึงป๊าบอกฉันก็ไม่ไป” เอวายืนยันหนักแน่น นี่คือการเจอหน้ากันครั้งแรกแถมยังจะให้ไปอยู่บ้านด้วยกันเนี่ยนะ ฝันไปเถอะ!
“งั้นพี่พาเธอไปบ้านของเราเลยดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยให้คนไปขนของมาให้เธอ คุณป้าคงเก็บของไว้ให้เธอหมดแล้ว” ไทเลอร์พูดยาว ใบหน้าไม่ทุกข์ร้อน ต่างจากอีกคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม
“คุณพูดให้มันรู้เรื่องบ้างได้ไหม”
“อาหารมาแล้ว กินเถอะ...พี่หิว”
“ไอ้...โอ๊ย!” เอวาได้แต่กำกำปั้นแล้วออกแรงบีบหวังระบายความหงุดหงิดภายในที่เกิดจากคนตรงหน้า
มื้ออาหารมื้อนี้เอวาสุดจะกล้ำกลืน แต่เธอก็มีมารยาทมากพอที่จะไม่โวยวายออกไปลั่นร้าน แค้นนี้เธอจะไม่มีวันลืม!
“ลงมา”
“ไม่”
“พี่บอกให้เธอลงมา”
“ฉันไม่ลง”
“เอวา”
“ไม่ต้องมาเรียก”
“พี่จะนับหนึ่งถึงสาม”
“ไม่ต้องนับ หนวกหู”
“หนึ่ง”
“…”
“สอง”
“กรี๊ด!” ไม่ทันที่จะนับถึงสามไทเลอร์ก็ทำสิ่งที่เอวาไม่คาดคิด เขาโน้มตัวลงมาก่อนจะสอดแขนไปใต้ร่างของหญิงสาวที่เอาแต่ปฏิเสธท่าเดียว “ปล่อยฉันนะโว้ย!” เอวาพยายามดีดดิ้นโวยวายในอ้อมแขนของไทเลอร์ แต่ไม่ว่าจะออกแรงสักเท่าไรก็ไม่เป็นผล
สองเท้าเดินเข้ามาในบ้านพยายามกลั้นความเจ็บปวดจากรอยคมเขี้ยวของเอวาที่กัดลงบนต้นแขนแกร่งของไทเลอร์
เมื่อเดินเข้ามาถึงในตัวบ้าน ไทเลอร์จึงปล่อยเอวาให้ยืนกับพื้น
เอวาตั้งท่าจะเดินกลับออกไปทางประตูตามเดิมแต่ก็โดนดึงรั้งแขนไว้เสียก่อน
“ถ้าเธอกล้าที่จะเดินออกจากบ้านหลังนี้พี่จะอุ้มเธอขึ้นไปบนห้องนอน”
“คุณไม่มีสิทธิ์!”
“มีสิ...สิทธิ์ของสามีไงทำไมพี่จะไม่มี”
“อย่า...อย่าเดินเข้ามาใกล้ฉันนะ!” เอวาผงะเมื่อไทเลอร์ทำหน้าจริงจังพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น
“ลองไหม...พี่ก็อยากเป็นสามีแบบเต็มตัวแล้ว”
“ไอ้บ้า! ถอยนะ ถอยออกไป!” เอวาทั้งถอยหลังหนี ทั้งยกมือขึ้นมาดันอกแกร่งเอาไว้แต่ก็ไม่เป็นผล ไทเลอร์รวบมือของเอวาเอาไว้อย่างง่ายดาย
“เธอจะเอาตรงนี้หรือจะขึ้นไปบนห้อง...หรือว่ากลางบ้านก็ได้นะ พี่ไม่ติด”
“ไอ้คนโรคจิต ปล่อยมือฉันนะ!” เอวาเบือนหน้าหนีเมื่อแผ่นหลังเธอติดกับผนังบ้าน ใบหน้าไทเลอร์ค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้มากขึ้น ก่อนที่ปลายจมูกโด่งจะได้สัมผัสลงบนแก้มนวลเธอก็รีบโพล่งออกมาเสียงดัง “ยอม! ฉันยอมแล้ว! ฉันจะอยู่ที่นี่!”
ราวกับระเบิดเวลาถูกกดหยุด ไทเลอร์ไม่ได้เข้ามาใกล้มากกว่าเดิม เขากระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนผละออกให้ห่าง
“ห้องของเธออยู่ฝั่งซ้ายหรืออยากนอนห้องพี่ก็มาฝั่งขวาได้นะ”
“ไอ้...โอ๊ย!”
[หม่าม้าจะพาป๊าเขาไปทานข้าวแล้วนะลูก]“ค่า เงินเยอะมากเลย ใช้กันเยอะ ๆ นะค้า”[โธ่ ยังโกรธม้าอยู่เหรอลูก]เอวาหัวเราะเล็กน้อย “ไม่โกรธแล้วค่า หนูล้อเล่น”[ม้าใจหายหมดเลย]“ดูแลกันดี ๆ นะคะ เจอกันพรุ่งนี้นะหม่าม้า”[จ้าลูก]เอวาวางสายจากหม่าม้าของเธอ เรื่องที่เธอเอ่ยแซวเมื่อกี้นั่นก็เป็นเพราะไทเลอร์สารภาพความจริง แต่ไทเลอร์ยอมรับผิดเพียงคนเดียว เอวาเชื่อว่าปะป๊ากับหม่าม้าของเธอก็มีส่วน ไม่อย่างนั้นพวกท่านสองคนไม่ยอมร่วมมือง่าย ๆ แน่ ๆหากเป็นก่อนที่เอวาจะรักไทเลอร์ หากเธอรู้ความจริงเรื่องนี้เธออาจจะโกรธมาก ๆ ไปแล้วก็ได้ แต่ทว่าตอนนี้เธอไม่มีเหตุผลจำเป็นที่จะไปคิดเล็กคิดน้อย เพราะตั้งแต่ที่เธอมีไทเลอร์ชีวิตเธอก็ดีขึ้น มีคนที่รักเธอจริง ๆ สักทีความรักที่เคยผ่านมาส่วนมากก็คล้าย ๆ กันหมด คบกับเธอเพราะหน้าตาและสถานะทางสังคม สุดท้ายก็ไปไม่รอด จะมีก็แต่มอสที่เธอคบด้วยนานที่สุด เหตุผลที่เลิกกับมอสเพราะมอสไปมีคนอื่น... มอสให้เหตุผลที่ว่าเพราะเธอนั้นเอาแต่ใจ ติดหรูอย่างเดียวครั้งแรกที่เอวาได้ยินก็ได้แต่ขมวดคิ้ว ร้องไห้เสียใจนานหลายวันติดต่อกันและมอสก็ได้หายไปจากชีวิตเธอ กว่าเอวาจะตั้งหลักได้ก็
“พี่ไท กาแฟเสร็จแล้วนะ”“ครับ เดี๋ยวพี่ไป”“เอาขนมปังด้วยไหม”“เอาก็ได้”“โอเค”ไทเลอร์กำลังเก็บของบนโต๊ะลงกระเป๋าเอกสาร เอวาอาสาชงกาแฟให้เขาเฉกเช่นทุกเช้าร่างหนาเดินเข้าไปที่ห้องครัว เอวายืนหันหลังให้กับเขา รอขนมปังที่ใส่ลงไปในเครื่องปิ้ง ไทเลอร์เดินไปใกล้วาดวงแขนรอบเอวบาง นำจมูกไปคลอเคลียที่แก้มขาว“หอมจัง ไม่อยากไปทำงานแล้ว” ไทเลอร์กระซิบข้างหู“หยุดเลย” เอวารีบห้าม“ตอนเย็นอยากออกไปกินข้าวนอกบ้านหรือเปล่า” ไทเลอร์กลัวว่าเอวาจะเหงาที่วัน ๆ เอาแต่อยู่บ้าน หากช่วงไหนงานไม่ยุ่งจนเกินไปเขาก็มักจะพาภรรยาแสนสวยออกไปพักผ่อนนอกบ้าน“ไม่เอาเปลืองเงิน”“หืม เธอพูดว่ายังไงนะ” ไทเลอร์เอ่ยแซว“พี่ไททำกับข้าวอร่อยอยู่แล้ว กินข้าวที่บ้านนี่แหละ” เอวาไม่ได้พูดเอาใจ อาจจะเป็นความเคยชินหรืออะไรเธอก็ไม่แน่ใจ เธอชื่นชอบฝีมือการทำอาหารของไทเลอร์มากเสียจนหากวันใดไม่ได้ทานเธอรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจตายให้ได้“อ้อนพี่เหรอ”“วาไม่ได้อ้อน”“แต่พี่อยากอ้อนเธอ”“พอ ๆ หยุดเลย ไปนั่งที่เก้าอี้ได้แล้ว” เอวาเอ่ยเสียงดุเมื่อขนมปังดีดเสียงดัง “เดี๋ยวไปทำงานสาย”“ครับ ๆ รู้แล้ว” ไทเลอร์ยิ้มเล็กน้อย เดินไปนั่งตาม
ตอนที่ 16 เรียกพี่ไทดัง ๆ ได้ไหม NCเสียงเฉอะแฉะดังระงมทั่วห้องกว้าง ไทเลอร์ขึ้นคร่อมเอวา บรรจงป้อนจูบอยู่อย่างนั้นไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยน้ำสีใสไหลเปรอะที่มุมปาก บางจังหวะก็ลากยาวเป็นสาย เสียงหอบหายใจของคนใต้ร่างทำให้ไทเลอร์มีความต้องการมากกว่าเพียงแค่การจูบกันยามที่ร่างหนาบดเบียดร่างบางที่อยู่ด้านใต้มันทำให้เขาจินตนาการไปถึงไหนต่อไหน หน้าอกที่ขนาดพอดีมือเขาอยากจะสัมผัสและดูดดื่มมันจนลืมวันลืมคืน“อื้อ” เอวาครางต่ำเมื่อไทเลอร์ขบกัดริมฝีปากล่างของเธอเบา ๆไทเลอร์แนบหน้าผากของตัวเองลงไปบนหน้าผากของเอวา เขาก็หอบหายใจไม่ต่างเพราะเขากำลังควบคุมความต้องการภายในร่างกายของตัวเองเอาไว้“คุณ...”“พี่ไท” ไทเลอร์เอ่ยเสียงเบา “เรียกพี่ว่าพี่ไทได้ไหม”“พี่...”“นะครับ เรียกพี่ว่าพี่ไท”“พี่ไท” เอวาหมดหนทางจะต่อสู้ การกระทำ น้ำเสียงและสายตาของไทเลอร์ราวกับต้องการกักกันเอวาให้อยู่ภายใต้เขา“น่ารัก”“…” เอวาขบกัดริมฝีปาก เธอเขินแต่เธอก็ชอบ...“เธออย่ากัดปากแบบนั้น” ไทเลอร์ใช้มือข้างหนึ่งมาลูบบริเวณปากของเอวาเบา ๆ“ทำไม”“หน้าเธอมันยั่ว”“ไอ้คนลามก” เอวาพูดออกมา“เธอจะตอบสิ่งที่พี่ถามได้หรือยัง” ไทเลอ
แม้ไทเลอร์จะเดินไปคุยโทรศัพท์ไม่นานแต่ทันทีที่เขากลับมาเอวาก็หน้าบึ้งตึงไปเสียแล้วตอนนี้บรรยากาศบนรถจึงถูกปกคลุมไปด้วยมวลบรรยากาศน่าอึดอัด“เธอเป็นอะไร” ไทเลอร์เอ่ยถามครั้งที่สาม“เปล่า”“เธอบอกเปล่าแต่เธอก็เมินพี่”“เปล่า”“เอวา” ไทเลอร์เรียกชื่ออีกคนด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ“จริง ๆ คุณจะทำอะไร จะไปที่ไหนหรือจะคุยกับใครคุณก็ไปได้เลยนะ ไม่ต้องมาบอกฉัน” แขนเรียวยกขึ้นกอดอก“อ๋อ” ไทเลอร์ร้องในลำคอก่อนยิ้มกับตัวเอง เขาพอจะรู้แล้วว่าเอวานั้นเป็นอะไร อาการแบบนี้คือกำลังงอนเขาอยู่ตั้งแต่กลับถึงบ้านเอวาเอาแต่ไปนอนอยู่บนห้อง ไทเลอร์เรียกให้ลงมาช่วยเตรียมของก็ไม่ยอมลงมา จนสุดท้ายไทเลอร์ได้ขึ้นไปอุ้มเอวาลงมาด้านล่างเพราะอาหารถูกเตรียมเสร็จเรียบร้อย“อย่าดิ้น เดี๋ยวร่วง” ไทเลอร์ดุ“คุณก็ปล่อยฉันสิ” เอวาเสียงแข็ง“พี่ปล่อยเธอแน่แต่ไม่ใช่ตอนนี้”“จะตอนนี้หรือตอนไหนก็ปล่อยฉัน!” เอวาไม่พอใจไทเลอร์ไม่ได้สนสิ่งที่เอวาบอก เขาอุ้มอีกคนเดินตรงไปยังหน้าบ้าน เขาได้จัดสถานที่เตรียมไว้เรียบร้อยแต่ทว่าวันนี้ไม่ได้มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น“เอวา” โนอา น้องชายของไทเลอร์เอ่ยทักเธอ“หือ” เอวาหันไปตามเสียงเรียกก็เห
เอวากำลังตกอยู่ในภวังค์กับสิ่งที่ไทเลอร์บอกกับเธอก่อนหน้านี้ มันยังคงดังชัดเจน ก้องอยู่ในหัวราวกับมีคนเปิดฉายมันซ้ำไปซ้ำมา“ไม่ ๆ อย่าฟุ้งซ่านสิ” แม้จะรู้ว่าตัวเองก็รู้สึกอะไรบางอย่างกับไทเลอร์ แต่พอเจออีกคนพูดออกมาตรง ๆ แบบนี้มันก็ทำให้เธอไปไม่เป็นอยู่เหมือนกันเอวาตัดสินใจทำงานบ้านในขณะที่ไทเลอร์เข้าไปทำงานอยู่ในห้องทำงานที่อยู่ด้านล่าง ไม่รู้เธอไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เอวาล้างจาน ซักผ้าให้ไทเลอร์และตัวเอง กวาดบ้าน ถูบ้าน ใจจริงเธออยากจะลองล้างห้องน้ำแต่เธอไม่เคยทำและเธอคิดว่าเอาไว้ก่อนดีกว่าแค่สิ่งที่เธอทำตอนนี้มันก็มากเพียงพอแล้ว!เอวานอนหมดสภาพกลางโซฟา ตาเหม่อมองเวลา “บ่ายกว่าแล้ว ไม่หิวเลยหรือไง” ความเป็นห่วงที่ส่งผ่านน้ำเสียงทำให้เอวารีบลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวเธอกดสั่งอาหารมาและเลือกที่จะสั่งผลไม้มาแทนการสั่งน้ำหวาน เธอตั้งใจคั้นน้ำส้มให้กับไทเลอร์ เมื่ออาหารถูกจัดใส่จาน เธอก็ยกไปวางบนถาด ข้าง ๆ กันมีน้ำส้มวางอยู่เอวาถือถาดไว้ในมือมั่น เดินตรงไปยังห้องทำงานของไทเลอร์ เธอเคยเข้าไปอยู่สองสามครั้ง แต่หากเวลาที่ไทเลอร์ทำงานอยู่เธอไม่เคยเข้าไปเลยก๊อก ก๊อก ก๊อกมือเรียวเคาะประ
เอวามั่นใจว่าไทเลอร์มองเห็นเธอ แต่ไทเลอร์กลับไม่แสดงอาการอะไรออกมาแม้แต่น้อย เอวารู้สึกปวดหน่วงในใจ ไม่ชอบที่เห็นไทเลอร์ยิ้มแย้มให้กับผู้หญิงคนอื่น หรือผู้หญิงที่อยู่กับไทเลอร์ในตอนนี้จะคือผู้หญิงที่คุยกับไทเลอร์ตลอดมา...การรับประทานอาหารตรงหน้าดูไม่น่าสนใจเท่ากับสิ่งที่เอวาอยากรู้ตอนนี้เลย“แกอยากย้ายร้านไหม” มายด์ถามเพราะเป็นห่วง“ไม่เป็นอะไร เขาไม่เห็นฉันในสายตา ฉันก็ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนเห็นเขาก็ได้” ปากเก่งไปงั้นแต่ในใจคือทนไม่ไหวจนอยากจะลุกไปถามให้รู้แล้วรู้รอดสุดท้ายเอวาก็เอาชนะความคิดในหัวของตัวเองได้ เธอนั่งทานอาหารจนเสร็จและเดินออกไปก่อน ทั้ง ๆ ที่ไทเลอร์กับผู้หญิงคนนั้นเข้ามาที่ร้านก่อนเธอด้วยซ้ำ จะนั่งแช่อะไรนานหนักหนา ไม่มีเวลาให้เจอกันเลยหรืออย่างไร!เอวาไม่ยอมกลับบ้าน หลังจากที่แยกจากมายด์เธอก็ได้ไปนั่งอยู่ที่บาร์ เป็นการดื่มคนเดียวที่สับสนพอสมควร อะไรในหัวตีกันยุ่งเหยิงไปเสียหมดหรือเอวาต้องยอมรับว่าเผลอใจให้ไทเลอร์ไปตั้งนานแล้ว... การกระทำที่บ่งบอกว่าใส่ใจแม้ปากจะไม่ได้พูด แม้จะอยากให้เอวาทำอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยตัวเองแต่สุดท้ายไทเลอร์ก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเสมอไม่เคยปล่อ
ตั้งแต่ที่ไทเลอร์ออกไปทำงาน เอวาก็เหม่อลอย ไม่มีความสุข ราวกับบางสิ่งบางอย่างในชีวิตขาดหาย“เฮ้อ” เอวาถอนหายใจ มือค้ำอยู่บนโต๊ะทานอาหาร เธอนั่งมองแก้วกาแฟและจานอาหารเช้าที่ว่างเปล่า รสชาติคงจะแย่มากกว่าหน้าตาอีกมั้งแต่ทำไมไทเลอร์ถึงกินมันลงไปได้กันนะ“วันนี้บอกจะกลับบ้านค่ำด้วยใช่ไหมนะ” เอวาถามตัวเอง นี่ก็เพิ่งจะสิบโมงกว่า แล้วเวลาที่เหลือต่อจากนี้เธอควรทำอะไรต่อดีล่ะ...สุดท้ายเอวาก็ได้โทรหามายด์และนัดเพื่อนสาวไปทานอาหารเย็นแต่มายด์บอกว่ามอสขอไปด้วย เอวาคิดอยู่นานก่อนจะตอบออกไป เพราะระหว่างเธอกับมอสมันจบกันไปเป็นปีแล้วเอวาถอนหายใจมองโทรศัพท์ในมือ ในใจก็อยากจะกดโทรออกหาไทเลอร์เพื่อบอกอีกคนเอาไว้ เผื่อว่าไทเลอร์กลับบ้านก่อนแล้วไม่เจอเธอ แต่อีกใจก็บอกว่าอย่าเพราะนี่มันก็สิทธิ์ของเธอสุดท้ายแล้วเอวาก็ไม่ได้กดโทรออกหาไทเลอร์...ตอนนี้เอวายืนอยู่หน้าร้านอาหารที่นัดกับมายด์เอาไว้ แต่ทว่ามายด์ยังคงเดินทางมาไม่ถึง เอวามองเข้าไปในร้านก็เห็นมอสนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอตั้งใจจะหมุนตัวเดินออกไปเพราะกลัวบรรยากาศมันจะอึดอัด“วา” มอสเอ่ยเรียกชื่อเธอพร้อมกับโบกมือทักทายเอวายิ้มน้อย ๆ ตัดสินใจเดินไปหาม
วันนี้เอวามีนัดกับมายด์ช่วงกลางวัน หลังจากที่แต่งงานแค่ในนามมานานเป็นเดือน ๆ นี่คือครั้งแรกที่เธอจะได้ออกไปใช้ชีวิตแบบที่เธอเคยใช้มา จะว่าไปช่วงนี้ปะป๊าก็ดูไม่เครียดเท่าเมื่อก่อน ส่วนหม่าม้าก็ไปทำสวยกับคุณป้าอยู่บ่อย ๆ เธอก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องทนเครียดหรือคิดมากเรื่องนั้นแล้วเอวาบอกกับไทเลอร์เอาไว้ในช่วงเช้าว่าตอนเที่ยงของวันนี้เธอจะออกไปเที่ยวกับมายด์และอาจจะขอใช้วงเงินในบัตรที่ไทเลอร์เคยให้มาอยู่บ้านมานานเป็นเดือน ๆ วันนี้เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้กลับไปแต่งตัวสวย ๆ เป็นคุณหนูเอวาอีกครั้งแต่คุณหนูที่ไหนเขาจะนั่งรถประจำทางแล้วไปต่อรถไฟฟ้าเพื่อไปหาเพื่อนกันนะ...เฮ้อเอวามาถึงเวลานัดก่อนกำหนดเล็กน้อย เธอจึงเลือกที่จะนั่งไปร้านกาแฟรอมายด์ เสื้อสีขาวลายลูกไม้แขนยาวเข้าทรง กระโปรงสีดำตัวสั้น รองเท้าส้นสูงสีดำรัดส้น กระเป๋าราคาแพงที่หวงแหนถูกหยิบออกมา นาน ๆ ทีได้กลับมาเป็นตัวเองแบบนี้เธอรู้สึกดีมาก ๆ“ขอโทษนะครับ” เสียงผู้ชายดังขึ้น เอวาละสายตาจากโทรศัพท์ที่กำลังไถเล่นอยู่ เงยหน้าขึ้นไปสบตา“คะ?”“พอดีผมเห็นคุณมาคนเดียวครับ เลยสั่งขนมมาให้” ไม่พูดเปล่า เขายื่นจานขนมเค้กชิ้นเล็กมาตรงหน้าเอวาย
2 เดือนผ่านไปการใช้ชีวิตในการแต่งงาน (ปลอม ๆ) ดำเนินไปอย่างราบเรียบ ทุกอย่างยังคงเหมือนวันแรก ๆ ที่ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกัน แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปอาจจะเป็นเอวาหญิงสาวเริ่มคุ้นชินกับการนอนไม่เกินสี่หรือห้าทุ่ม ตื่นเช้าไม่เคยเกินหกโมงครึ่งเลยสักวัน เธอยังคงนอนในห้องไทเลอร์แต่ไม่ได้ย้ายขึ้นไปบนเตียง เอวารู้สึกว่าการที่เธอใช้ชีวิตอยู่กับไทเลอร์ก็ไม่ได้แย่อะไร มันยังทำให้เธอมีอะไรทำฆ่าเวลาได้ตั้งเยอะหากเป็นเมื่อก่อนเธอคงเอาแต่นั่ง ๆ นอน ๆ หากเบื่อก็นัดเพื่อนสาวออกไปชอปปิ้ง บางครั้งก็หาเรื่องไปเที่ยวต่างประเทศเพราะเบื่อบ้าน จะว่าไปชีวิตเธอก็เปลี่ยนไปมากกว่าที่คิด ดูเธอตอนนี้สิ...อย่างกับแม่บ้านยังไงยังงั้นเอวานอนเอนกายบนโซฟากว้าง ในหัวกำลังคิดว่ามื้อเย็นจะทานอะไรดี เธอเห็นว่าไทเลอร์ไปทำงานตั้งแต่เช้ากว่าจะถึงบ้านก็เป็นเวลาหัวค่ำเพราะในเมืองหลวงแห่งนี้รถติดมากยังไงล่ะ“หรือวันนี้จะทำเองดีนะ” เอวายกนิ้วขึ้นมาเคาะบริเวณคางพลางใช้ความคิด ถึงเธอจะยังไม่ได้ทำอาหารเก่งอะไรขนาดนั้นแต่ตอนนี้เธอก็เริ่มชินมือที่จะหยิบจับอุปกรณ์ในครัวอยู่บ้างหญิงสาวลุกขึ้นจากโซฟา เดินตรงเข้าไปในห้องครัว เปิดตู้เย็นออ