ครอบครัวโดนฟ้องล้มละลาย เอวา จึงต้องแต่งงานเพื่อช่วยครอบครัวให้หลุดพ้น ว่าแต่สามีของเธอจะเป็นเหมือนในนิยายน้ำเน่าพวกนั้นไหมนะ...
View More“ป๊า มันไม่มีทางอื่นแล้วจริง ๆ เหรอคะ”
“หนี้บ้านเราเยอะขนาดนี้ป๊าก็ไม่รู้ว่าป๊าจะไปหาจากไหนมาคืนเหมือนกันลูก”
“แต่ว่า...” เอวาเว้นช่องว่าง ถอนหายใจออกมาก่อนทิ้งตัวพิงลงไปบนโซฟา “หนูยังไม่อยากแต่งงานเลยนะ หนูอายุแค่ยี่สิบห้าเอง”
“ป๊ารู้ลูก...ป๊าก็ไม่ได้อยากให้หนูทำอะไรแบบนั้นหรอก...เดี๋ยวก็มีคนว่าป๊าขายลูกสาวกิน”
“ป๊า...”
“ป๊าจะไม่บังคับหนูนะลูก อันนี้ป๊าแค่มาถามความสมัครใจของหนู ถ้าหนูไม่อยากทำป๊าก็จะหาทางอื่น”
“หนี้เกือบร้อยล้าน...มันหาคืนง่ายขนาดนั้นเลยเหรอป๊า”
“…”
“หนูขอเวลาสักวันแล้วกัน หนูขอคิดก่อน”
“ได้เลยลูก เอาที่ลูกอยากทำนะ”
“ค่ะ”
เอวาตอบรับแค่นั้นก่อนลุกออกจากโซฟาในห้องนั่งเล่น เดินกลับขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง
ร่างบางทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างคนหมดแรง นอนหายใจรวยรินราวกับหมดหวังกับชีวิต อยู่ดี ๆ ปะป๊าก็เอาเอกสารทวงหนี้ที่มากกว่าสิบฉบับมาวางตรงหน้าพร้อมกับบอกปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ ตอนแรกเอวาคิดว่าปะป๊าเธอล้อเล่น เพราะเรื่องใหญ่แบบนี้ปะป๊าไม่น่าจะเก็บมันไว้คนเดียว แต่ผ่านไปนานหลายวันปะป๊าก็ไม่ยอมเฉลยสักทีว่าเรื่องทั้งหมดมันแค่เรื่องที่ปะป๊าแต่งมาหลอกเธอ
สุดท้ายเรื่องทั้งหมดก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแบบที่เธอหวัง
ปัญหาที่มีตอนนี้ดันมีทางออกง่าย ๆ เพียงหนึ่งเดียวนั่นก็คือเธอต้องไปแต่งงานกับลูกชายของเพื่อนพ่อที่เธอไม่เคยเห็นหน้าเลยสักนิด การแต่งงานธุรกิจไม่ได้มีแค่ในละครหรือนิยายน้ำเน่า
เอวาพรูลมหายใจออก หลับตาลงช้า ๆ ปล่อยให้ตัวเองอยู่ในความเงียบ
แต่ง
ไม่แต่ง
แต่ง
ไม่แต่ง
แต่ง...ดีไหมนะ
เอวาขังตัวเองอยู่ในห้องตั้งแต่ช่วงบ่ายยันสายของอีกวัน เธอเดินลงมาในสภาพที่ดูไม่จืดสักเท่าไร น้ำไม่ได้อาบ เครื่องสำอางที่แต่งแต้มเมื่อวานยังคงหลงเหลือ สองเท้าก้าวลงบันได
เธอตัดสินใจแล้ว...เธอจะแต่งงานเพื่อช่วยปะป๊า มันเป็นเพียงการแต่งงานทางธุรกิจ และเธอจะไม่มีทางเป็นนางเอกที่ถูกสามีในนามทำร้ายจิตใจเหมือนในละครเด็ดขาด!
“ป๊า...” เอวาเดินตรงไปทางห้องนั่งเล่น จะเรียกปะป๊าแต่เสียงดันหายไปในอากาศเมื่อปะป๊าเธอมีแขกอยู่
“อ้าว ป๊านึกว่าหนูยังไม่ตื่น”
“เอ่อ...” เอวาอึกอักแต่ก็ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้ผู้ชายสองคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับพ่อของเธอ คนหนึ่งเธอคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีเพราะเป็นเพื่อนสนิทของพ่อแต่อีกคนเธอไม่เคยเห็นมาก่อน
“มานั่งตรงนี้สิลูก” ตงหยางบอกกับเอวา เธอจึงจำใจเดินไปนั่งลงข้าง ๆ กัน “นี่ไงเพื่อนป๊าที่ป๊าหมายถึง ส่วนลูกชายของเพื่อนป๊าก็คือลูกของลุงศิระ”
“ฮะ” เอวาอุทานตกใจแต่ก็รีบปรับสีหน้า ถ้าลุงศิระคือคนที่ปะป๊าบอกว่าจะช่วยครอบครัวเราได้ งั้นคนข้าง ๆ คงเป็นลูกชายของคุณลุงใช่ไหม
“เจอกันอีกแล้วนะลูก” ศิระยิ้มแย้มทักทาย
“ค่ะคุณลุง” เอวายิ้มตอบกลับเป็นมารยาท
“สวัสดีครับเอวา” ผู้ชายข้างกายของศิระเอ่ยขึ้นมา
เอวาขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำไมผู้ชายตรงหน้าถึงได้ดูเด็กกว่าคนอายุ 30 หรือเธอจำที่ปะป๊าบอกผิดกัน ดูท่าทางคนตรงหน้าเธอในตอนนี้อายุจะไม่ได้ต่างจากเธอสักเท่าไร ใบหน้ายังคงดูอ่อนเยาว์ แววตาแผงความทะเล้น
“อ๋อ ผมไม่ใช่พี่ไทเลอร์นะครับ”
“พอดีลูกชายคนโตของลุงเขาติดงาน อย่าถือสาเลยนะลูก” ศิระรีบกล่าวอีกครั้ง
“ไม่เป็นอะไรเลยค่ะคุณลุง” เพราะขนาดเอวาก็ยังไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานในครั้งนี้แต่เธอทำอะไรไม่ได้ อีตาที่ชื่อไทเลอร์อะไรนั่นอาจจะคิดแบบเดียวกันกับเธอก็ได้
“ผมชื่อโนอาครับ เป็นน้องของพี่ไทเลอร์ อายุเท่ากับเอวาเลย^^”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะโนอา” เอวายิ้มแย้ม
“แกนี่ พูดเยอะพูดแยะ” ศิระหันไปเอ็ดลูกชายคนเล็ก
“โตขึ้นมาแล้วหล่อเหมือนพ่อมันไม่มีผิดเลยสิน่า ฮ่า ๆ ๆ” ตงหยางกล่าวชมโนอาแต่ก็มิวายชมเพื่อนตัวเองเช่นกัน
“ไอ้เพื่อนยาก พูดเข้าหู งั้นคืนนี้ต้องดื่มกันแล้วไหม” ศิระตบเข่าเสียงดัง หัวเราะออกมาด้วยความอารมณ์ดี
เอวาทำได้แค่ยิ้มเจื่อน ๆ สบตากับโนอา โนอาเอาแต่มองเธอแล้วส่งรอยยิ้มไม่มีพิษไม่มีภัย
เอาวะเอวา ถือว่าช่วยป๊า!
[หม่าม้าจะพาป๊าเขาไปทานข้าวแล้วนะลูก]“ค่า เงินเยอะมากเลย ใช้กันเยอะ ๆ นะค้า”[โธ่ ยังโกรธม้าอยู่เหรอลูก]เอวาหัวเราะเล็กน้อย “ไม่โกรธแล้วค่า หนูล้อเล่น”[ม้าใจหายหมดเลย]“ดูแลกันดี ๆ นะคะ เจอกันพรุ่งนี้นะหม่าม้า”[จ้าลูก]เอวาวางสายจากหม่าม้าของเธอ เรื่องที่เธอเอ่ยแซวเมื่อกี้นั่นก็เป็นเพราะไทเลอร์สารภาพความจริง แต่ไทเลอร์ยอมรับผิดเพียงคนเดียว เอวาเชื่อว่าปะป๊ากับหม่าม้าของเธอก็มีส่วน ไม่อย่างนั้นพวกท่านสองคนไม่ยอมร่วมมือง่าย ๆ แน่ ๆหากเป็นก่อนที่เอวาจะรักไทเลอร์ หากเธอรู้ความจริงเรื่องนี้เธออาจจะโกรธมาก ๆ ไปแล้วก็ได้ แต่ทว่าตอนนี้เธอไม่มีเหตุผลจำเป็นที่จะไปคิดเล็กคิดน้อย เพราะตั้งแต่ที่เธอมีไทเลอร์ชีวิตเธอก็ดีขึ้น มีคนที่รักเธอจริง ๆ สักทีความรักที่เคยผ่านมาส่วนมากก็คล้าย ๆ กันหมด คบกับเธอเพราะหน้าตาและสถานะทางสังคม สุดท้ายก็ไปไม่รอด จะมีก็แต่มอสที่เธอคบด้วยนานที่สุด เหตุผลที่เลิกกับมอสเพราะมอสไปมีคนอื่น... มอสให้เหตุผลที่ว่าเพราะเธอนั้นเอาแต่ใจ ติดหรูอย่างเดียวครั้งแรกที่เอวาได้ยินก็ได้แต่ขมวดคิ้ว ร้องไห้เสียใจนานหลายวันติดต่อกันและมอสก็ได้หายไปจากชีวิตเธอ กว่าเอวาจะตั้งหลักได้ก็
“พี่ไท กาแฟเสร็จแล้วนะ”“ครับ เดี๋ยวพี่ไป”“เอาขนมปังด้วยไหม”“เอาก็ได้”“โอเค”ไทเลอร์กำลังเก็บของบนโต๊ะลงกระเป๋าเอกสาร เอวาอาสาชงกาแฟให้เขาเฉกเช่นทุกเช้าร่างหนาเดินเข้าไปที่ห้องครัว เอวายืนหันหลังให้กับเขา รอขนมปังที่ใส่ลงไปในเครื่องปิ้ง ไทเลอร์เดินไปใกล้วาดวงแขนรอบเอวบาง นำจมูกไปคลอเคลียที่แก้มขาว“หอมจัง ไม่อยากไปทำงานแล้ว” ไทเลอร์กระซิบข้างหู“หยุดเลย” เอวารีบห้าม“ตอนเย็นอยากออกไปกินข้าวนอกบ้านหรือเปล่า” ไทเลอร์กลัวว่าเอวาจะเหงาที่วัน ๆ เอาแต่อยู่บ้าน หากช่วงไหนงานไม่ยุ่งจนเกินไปเขาก็มักจะพาภรรยาแสนสวยออกไปพักผ่อนนอกบ้าน“ไม่เอาเปลืองเงิน”“หืม เธอพูดว่ายังไงนะ” ไทเลอร์เอ่ยแซว“พี่ไททำกับข้าวอร่อยอยู่แล้ว กินข้าวที่บ้านนี่แหละ” เอวาไม่ได้พูดเอาใจ อาจจะเป็นความเคยชินหรืออะไรเธอก็ไม่แน่ใจ เธอชื่นชอบฝีมือการทำอาหารของไทเลอร์มากเสียจนหากวันใดไม่ได้ทานเธอรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจตายให้ได้“อ้อนพี่เหรอ”“วาไม่ได้อ้อน”“แต่พี่อยากอ้อนเธอ”“พอ ๆ หยุดเลย ไปนั่งที่เก้าอี้ได้แล้ว” เอวาเอ่ยเสียงดุเมื่อขนมปังดีดเสียงดัง “เดี๋ยวไปทำงานสาย”“ครับ ๆ รู้แล้ว” ไทเลอร์ยิ้มเล็กน้อย เดินไปนั่งตาม
ตอนที่ 16 เรียกพี่ไทดัง ๆ ได้ไหม NCเสียงเฉอะแฉะดังระงมทั่วห้องกว้าง ไทเลอร์ขึ้นคร่อมเอวา บรรจงป้อนจูบอยู่อย่างนั้นไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยน้ำสีใสไหลเปรอะที่มุมปาก บางจังหวะก็ลากยาวเป็นสาย เสียงหอบหายใจของคนใต้ร่างทำให้ไทเลอร์มีความต้องการมากกว่าเพียงแค่การจูบกันยามที่ร่างหนาบดเบียดร่างบางที่อยู่ด้านใต้มันทำให้เขาจินตนาการไปถึงไหนต่อไหน หน้าอกที่ขนาดพอดีมือเขาอยากจะสัมผัสและดูดดื่มมันจนลืมวันลืมคืน“อื้อ” เอวาครางต่ำเมื่อไทเลอร์ขบกัดริมฝีปากล่างของเธอเบา ๆไทเลอร์แนบหน้าผากของตัวเองลงไปบนหน้าผากของเอวา เขาก็หอบหายใจไม่ต่างเพราะเขากำลังควบคุมความต้องการภายในร่างกายของตัวเองเอาไว้“คุณ...”“พี่ไท” ไทเลอร์เอ่ยเสียงเบา “เรียกพี่ว่าพี่ไทได้ไหม”“พี่...”“นะครับ เรียกพี่ว่าพี่ไท”“พี่ไท” เอวาหมดหนทางจะต่อสู้ การกระทำ น้ำเสียงและสายตาของไทเลอร์ราวกับต้องการกักกันเอวาให้อยู่ภายใต้เขา“น่ารัก”“…” เอวาขบกัดริมฝีปาก เธอเขินแต่เธอก็ชอบ...“เธออย่ากัดปากแบบนั้น” ไทเลอร์ใช้มือข้างหนึ่งมาลูบบริเวณปากของเอวาเบา ๆ“ทำไม”“หน้าเธอมันยั่ว”“ไอ้คนลามก” เอวาพูดออกมา“เธอจะตอบสิ่งที่พี่ถามได้หรือยัง” ไทเลอ
แม้ไทเลอร์จะเดินไปคุยโทรศัพท์ไม่นานแต่ทันทีที่เขากลับมาเอวาก็หน้าบึ้งตึงไปเสียแล้วตอนนี้บรรยากาศบนรถจึงถูกปกคลุมไปด้วยมวลบรรยากาศน่าอึดอัด“เธอเป็นอะไร” ไทเลอร์เอ่ยถามครั้งที่สาม“เปล่า”“เธอบอกเปล่าแต่เธอก็เมินพี่”“เปล่า”“เอวา” ไทเลอร์เรียกชื่ออีกคนด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ“จริง ๆ คุณจะทำอะไร จะไปที่ไหนหรือจะคุยกับใครคุณก็ไปได้เลยนะ ไม่ต้องมาบอกฉัน” แขนเรียวยกขึ้นกอดอก“อ๋อ” ไทเลอร์ร้องในลำคอก่อนยิ้มกับตัวเอง เขาพอจะรู้แล้วว่าเอวานั้นเป็นอะไร อาการแบบนี้คือกำลังงอนเขาอยู่ตั้งแต่กลับถึงบ้านเอวาเอาแต่ไปนอนอยู่บนห้อง ไทเลอร์เรียกให้ลงมาช่วยเตรียมของก็ไม่ยอมลงมา จนสุดท้ายไทเลอร์ได้ขึ้นไปอุ้มเอวาลงมาด้านล่างเพราะอาหารถูกเตรียมเสร็จเรียบร้อย“อย่าดิ้น เดี๋ยวร่วง” ไทเลอร์ดุ“คุณก็ปล่อยฉันสิ” เอวาเสียงแข็ง“พี่ปล่อยเธอแน่แต่ไม่ใช่ตอนนี้”“จะตอนนี้หรือตอนไหนก็ปล่อยฉัน!” เอวาไม่พอใจไทเลอร์ไม่ได้สนสิ่งที่เอวาบอก เขาอุ้มอีกคนเดินตรงไปยังหน้าบ้าน เขาได้จัดสถานที่เตรียมไว้เรียบร้อยแต่ทว่าวันนี้ไม่ได้มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น“เอวา” โนอา น้องชายของไทเลอร์เอ่ยทักเธอ“หือ” เอวาหันไปตามเสียงเรียกก็เห
เอวากำลังตกอยู่ในภวังค์กับสิ่งที่ไทเลอร์บอกกับเธอก่อนหน้านี้ มันยังคงดังชัดเจน ก้องอยู่ในหัวราวกับมีคนเปิดฉายมันซ้ำไปซ้ำมา“ไม่ ๆ อย่าฟุ้งซ่านสิ” แม้จะรู้ว่าตัวเองก็รู้สึกอะไรบางอย่างกับไทเลอร์ แต่พอเจออีกคนพูดออกมาตรง ๆ แบบนี้มันก็ทำให้เธอไปไม่เป็นอยู่เหมือนกันเอวาตัดสินใจทำงานบ้านในขณะที่ไทเลอร์เข้าไปทำงานอยู่ในห้องทำงานที่อยู่ด้านล่าง ไม่รู้เธอไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เอวาล้างจาน ซักผ้าให้ไทเลอร์และตัวเอง กวาดบ้าน ถูบ้าน ใจจริงเธออยากจะลองล้างห้องน้ำแต่เธอไม่เคยทำและเธอคิดว่าเอาไว้ก่อนดีกว่าแค่สิ่งที่เธอทำตอนนี้มันก็มากเพียงพอแล้ว!เอวานอนหมดสภาพกลางโซฟา ตาเหม่อมองเวลา “บ่ายกว่าแล้ว ไม่หิวเลยหรือไง” ความเป็นห่วงที่ส่งผ่านน้ำเสียงทำให้เอวารีบลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวเธอกดสั่งอาหารมาและเลือกที่จะสั่งผลไม้มาแทนการสั่งน้ำหวาน เธอตั้งใจคั้นน้ำส้มให้กับไทเลอร์ เมื่ออาหารถูกจัดใส่จาน เธอก็ยกไปวางบนถาด ข้าง ๆ กันมีน้ำส้มวางอยู่เอวาถือถาดไว้ในมือมั่น เดินตรงไปยังห้องทำงานของไทเลอร์ เธอเคยเข้าไปอยู่สองสามครั้ง แต่หากเวลาที่ไทเลอร์ทำงานอยู่เธอไม่เคยเข้าไปเลยก๊อก ก๊อก ก๊อกมือเรียวเคาะประ
เอวามั่นใจว่าไทเลอร์มองเห็นเธอ แต่ไทเลอร์กลับไม่แสดงอาการอะไรออกมาแม้แต่น้อย เอวารู้สึกปวดหน่วงในใจ ไม่ชอบที่เห็นไทเลอร์ยิ้มแย้มให้กับผู้หญิงคนอื่น หรือผู้หญิงที่อยู่กับไทเลอร์ในตอนนี้จะคือผู้หญิงที่คุยกับไทเลอร์ตลอดมา...การรับประทานอาหารตรงหน้าดูไม่น่าสนใจเท่ากับสิ่งที่เอวาอยากรู้ตอนนี้เลย“แกอยากย้ายร้านไหม” มายด์ถามเพราะเป็นห่วง“ไม่เป็นอะไร เขาไม่เห็นฉันในสายตา ฉันก็ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนเห็นเขาก็ได้” ปากเก่งไปงั้นแต่ในใจคือทนไม่ไหวจนอยากจะลุกไปถามให้รู้แล้วรู้รอดสุดท้ายเอวาก็เอาชนะความคิดในหัวของตัวเองได้ เธอนั่งทานอาหารจนเสร็จและเดินออกไปก่อน ทั้ง ๆ ที่ไทเลอร์กับผู้หญิงคนนั้นเข้ามาที่ร้านก่อนเธอด้วยซ้ำ จะนั่งแช่อะไรนานหนักหนา ไม่มีเวลาให้เจอกันเลยหรืออย่างไร!เอวาไม่ยอมกลับบ้าน หลังจากที่แยกจากมายด์เธอก็ได้ไปนั่งอยู่ที่บาร์ เป็นการดื่มคนเดียวที่สับสนพอสมควร อะไรในหัวตีกันยุ่งเหยิงไปเสียหมดหรือเอวาต้องยอมรับว่าเผลอใจให้ไทเลอร์ไปตั้งนานแล้ว... การกระทำที่บ่งบอกว่าใส่ใจแม้ปากจะไม่ได้พูด แม้จะอยากให้เอวาทำอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยตัวเองแต่สุดท้ายไทเลอร์ก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเสมอไม่เคยปล่อ
Comments