เฟิ่งหยูเสียเลือดมากมายจนสติของเขาเริ่มพร่าเลือน หลี่ซูฮวายกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนจะสั่งให้คนไปตามพ่อบ้านตู้มาพบนางอย่างเร่งด่วน
พ่อบ้านตู้ที่รีบวิ่งมาถึงเรือนปีกซ้าย เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าก็รู้สึกสยดสยองเป็นอย่างมาก ร่างของเฟิ่งหยูที่นอนหายใจรวยริน อีกทั้งยังโชกไปด้วยเลือดสร้างความน่าหวาดกลัวให้แก่เขาเป็นอย่างยิ่ง
ถัดจากร่างของเฟิ่งหยูไม่ไกล เขาก็ได้พบกับหลี่ซูฮวาที่นั่งคุดคู้อยู่ตรงมุมห้อง ร่างของนางสั่นเทา ใบหน้าสวยหวานชุ่มไปด้วยหยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่า เมื่อพ่อบ้านตู้สังเกตอย่างละเอียดอีกคราจึงได้พบว่ามีสุนัขล่าเนื้อสีดำตัวใหญ่กำลังนอนหมอบอยู่ใกล้ ๆ กับนาง
"คุณหนูใหญ่!!!"
"พ่อบ้านตู้!!! ข้ากลัว รีบไปตามท่านปู่มาเร็วเข้าเถิด ฮือออ!!!"
หลี่ซูฮวาเสแสร้งทำเป็นยกมือขึ้นมาปิดหน้า พลางร่ำร้องสะอึกสะอื้น พ่อบ้านตู้แทบมิทันได้สังเกตด้วยซ้ำ ว่าใบหน้าสวยภายใต้ฝ่ามือนั้น กำลังยกยิ้มอย่างอำมหิตอยู่
ฮูหยินใหญ่กำลังนั่งจิบชาร้อนอย่างละเมียดละไม ในใจของนางตอนนี้กำลังมีความสุขอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ป่านนี้เฟิ่งหยูคงจะจัดการหลี่ซูฮวาไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ทว่าความฝันของนางกลับต้องพังทลายลงเมื่อได้ทราบเรื่องจากพ่อบ้านตู้
หลานรักของนางกำลังใกล้ตายเต็มทีแล้ว!!!
ฮูหยินใหญ่ที่ได้ยินเช่นนั้น จึงรีบมุ่งหน้าไปที่เรือนปีกซ้ายทันที เมื่อไปถึงนางก็พบกับหลี่กวงเว่ยผู้เป็นพ่อสามี และหลี่เหวยสามีของนาง หลี่กวงเว่ยหันไปมองลูกสะใภ้ของตนด้วยแววตาเย็นเยียบ ฮูหยินใหญ่เองเมื่อถูกมองด้วยสายตาเช่นนั้นก็รู้สึกสั่นสะท้านเป็นอย่างยิ่ง แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้นางแปลกใจเสียยิ่งกว่า นั่นก็คือหลี่ซูฮวาที่กำลังร่ำไห้กอดขาของหลี่กวงเว่ยอยู่
"ท่านน้า โอ๊ย!!!"
"เฟิ่งหยู!!!"
เสียงร้องครวญครางปานจะขาดใจของเฟิ่งหยู ดังมาจากในเรือน ฮูหยินใหญ่รีบละสายตาจากหลี่ซูฮวาทันที ก่อนวิ่งเข้าไปด้านใน ภาพที่เห็นทำให้นางแทบจะเป็นลมล้มพับไปเสียเดี๋ยวนั้น
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ได้!!!
หลี่กวงเว่ยรู้สึกเกลียดชังลูกสะใภ้ผู้นี้มาแต่ไหนแต่ไร ดูก็รู้ว่าทั้งหมดเป็นแผนการของนาง คิดจะยัดเยียดหลานชายต่ำช้าผู้นั้นให้เป็นสามีของหลี่ซูฮวาหลานรักของเขา
"เฟิ่งหรวน!!!"
ฮูหยินใหญ่ที่ได้ยินพ่อสามีเอ่ยเรียกชื่อนางก็รู้สึกว่าร่างกายสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่ นางรีบเดินออกมาพบเขา พยายามควบคุมสติเอาไว้ตลอดเวลา
"ท่านพ่อ"
"ซูฮวาบอกกับข้าว่า หลานชายของเจ้าบุกเข้ามาปลุกปล้ำนางถึงในเรือน โชคดีที่สุนัขของหลี่ซูฮวาช่วยปกป้องนางเอาไว้ นางจึงรอดพ้นจากเงื้อมมือหลานชายของเจ้ามาได้"
"ไม่ใช่นะเจ้าคะท่านพ่อ ซูฮวาเต็มใจจะแต่งงานกับหลานชายของข้า ซูฮวา ลูกแม่ เจ้ามิได้บอกท่านปู่ไปหรือ ว่าเจ้ายินยอมแต่งงานน่ะ"
ฮูหยินใหญ่พยายามส่งสายตาอำมหิตให้แก่หลี่ซูฮวา เพื่อทำให้นางหวาดกลัว แต่ทว่าหลี่ซูฮวากลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ยิ่งทำให้ไฟโทสะในใจของฮูหยินใหญ่ปะทุขึ้นมาอีกหลายส่วน
"ท่านปู่ หลานไม่รู้เรื่องเลยนะเจ้าคะ จู่ ๆ ท่านแม่ก็เรียกหลานไปเจรจาเรื่องงานแต่งงาน หลานยังมิทันได้รับปาก ท่านพี่เฟิ่งหยูก็เข้ามา... ฮึก!!! ท่านปู่!!!"
"เอาเถิด เจ้าไม่ต้องเอ่ยสิ่งใดอีกแล้ว ปู่เข้าใจแล้ว! เฟิ่งหรวน เจ้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้เช่นไร"
"ท่านพ่อ อย่างไรเสียมันก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว มิสู้ให้ทั้งสองแต่งงานกัน..."
"เหลวไหล!!! นังหญิงใจชั่ว เจ้าจะให้หลานข้าแต่งงานกับหลานเจ้าหรือ!!! ฝันไปเถอะ เจ้านี่ชักจะเหิมเกริมมากขึ้นทุกทีแล้ว!!!"
หลี่กวงเว่ยตวาดฮูหยินใหญ่ด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวจนนางสะดุ้งตัวโยน ด้านหลี่เหวยเองก็ไม่กล้าออกความเห็นใดแม้แต่น้อย เขากลัวท่านพ่อจะทุบตีเขาอีก
"เช่นนั้นจะให้ทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ หากใครรู้เข้าว่าหลี่ซูฮวาเคยมีบุรุษเข้ามาหาถึงในเรือนเช่นนั้น ใครจะอยากได้นางไปเป็นภรรยากันเจ้าคะ"
ฮูหยินใหญ่เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ หึ!!! อย่างไรเฟิ่งหยูก็เข้าไปอยู่ในห้องของหลี่ซูฮวาแล้ว นางจะหาทางป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไป ดูสิว่าตาเฒ่าผู้นี้จะทำเช่นไรได้!!!
หลี่กวงเว่ยหรี่ตามองฮูหยินใหญ่ด้วยแววตาที่เย็นชา ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่อำมหิต
"หากใครกล้าเอ่ยเรื่องนี้ออกไป ข้าจะตัดลิ้นมันทิ้งเสีย!!! หรือไม่ก็ฆ่ามันถ่วงน้ำ อำนาจของข้าก็มีมิใช่น้อย เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าทำหรือเฟิ่งหรวน?"
ฮูหยินใหญ่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็แข้งขาอ่อนแรงลงเสียดื้อ ๆ พ่อสามีผู้นี้มีนิสัยอำมหิตเพียงใดนางรู้ดี
"เจ้าลักลอบนำคนนอกเข้ามาในจวนโดยไม่บอกข้าสักคำ ถือว่ามีความผิด!!! อีกทั้งยังให้คนของเจ้าบุกเข้ามาทำร้ายหลานสาวของข้าถึงในเรือน หากไม่อยากให้ข้าจัดการส่งหลานชายเจ้าไปปรโลก เจ้าก็ส่งหลานชายเจ้ากลับบ้านเดิมของมันไปเสีย อย่าให้มายุ่งกับหลานสาวของข้าอีก!!!"
"ท่านพ่อ ข้าไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะ"
"ดี!!! ข้าก็มีอีกเรื่องที่จะต้องบอกเจ้าเช่นกัน สินเดิมของมารดาหลี่ซูฮวา เจ้าต้องคืนให้นางทั้งหมด"
"ท่านพ่อ!!!"
"นี่เป็นคำสั่ง!!! ใครก็อย่าได้คิดสอดปากมายุ่ง ยามนี้หลี่ซูฮวาเติบโตแล้ว นางจะต้องมีสินเดิมออกเรือน จัดการให้เรียบร้อย พรุ่งนี้ข้าต้องได้เห็นรายการสินเดิมครบถ้วนทุกประการ!!!"
ฮูหยินใหญ่ใบหน้าซีดเผือด นางปรายตามองหลี่ซูฮวาที่ยามนี้กำลังส่งยิ้มเย้ยหยันให้แก่นางอย่างสาแก่ใจ นางกำมือแน่นด้วยความแค้น แต่ไหนแต่ไรมา หลี่ซูฮวาเชื่อฟังนางทุกอย่าง จึงทำให้ตาเฒ่าผู้นี้มิกล้าเอ่ยเรื่องสินเดิม แต่ทว่ายามนี่หลี่ซูฮวาคิดแข็งข้อกับนาง ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์จึงจัดการนางได้อย่างไร้ข้อกังขา!!!
"เอาเถิด จบเรื่องแล้วก็แยกย้ายกันไปเสีย"
ฮูหยินใหญ่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบมุ่งหน้ากลับเรือนตนทันที นางนึกโมโหหลี่เหวยในใจเป็นอย่างมาก ที่มิคิดช่วยนางพูดสักคำ
"ท่านแม่ เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ?"
"ชิงเยียน นังสารเลวนั่น มันกำลังจะทวงสินเดิมคืนจากเรา!!!"
"อะไรนะเจ้าคะ!!! ท่านแม่ จะยอมมิได้นะเจ้าคะ หากนังซูฮวาเอาสินเดิมคืนไป แล้วลูกจะใช้สินเดิมที่ไหนยามออกเรือนเล่าเจ้าคะ!!!"
"จะให้แม่ทำเช่นไรเล่า เรื่องนี้ท่านปู่ของเจ้าออกหน้ามาเอง!!! สารเลว นังสารเลว!!!"
ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น สองแม่ลูกต่างสบตากันอย่างไร้หนทาง อีกทั้งยังเกลียดชังหลี่ซูฮวาเพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว
ด้านหลี่ซูฮวานั้นนางสั่งให้คนเก็บกวาดคราบเลือดของเฟิ่งหยูออกจนสะอาด ได้ยินมาว่าท่านปู่พาหมอมารักษาเฟิ่งหยู และจะส่งเขากลับบ้านเดิมในวันรุ่งขึ้น
"ซูฮวา"
"เจ้าคะท่านปู่"
"เจ้าไปได้สุนัขล่าเนื้อตัวนี้มาจากที่ใด?"
"หลานเจอมันกำลังบาดเจ็บน่ะเจ้าค่ะ จึงช่วยรักษามันและเลี้ยงมันเอาไว้ มันทั้งออดอ้อนเก่งและทำตามใจหลานด้วยนะเจ้าคะ"
หลี่กวงเว่ยหรี่ตามองหลี่ซูฮวาด้วยดวงตาเป็นประกาย
"ตามใจเจ้า?"
"เจ้าค่ะ"
"ด้วยการฉีกทึ้งร่างของเจ้าสารเลวนั่นจนไม่เหลือชิ้นดี"
"เจ้าค่ะ หลานก็แค่นั่งจิบชาร้อนอย่างอารมณ์ดี รอดูมันกัดคนจนพอใจ หลานไม่ได้ทำสิ่งใดผิดเลยนะเจ้าคะท่านปู่"
หลี่กวงเว่ยยกยิ้มด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะยื่นมือไปลูบศีรษะหลานรักด้วยความเอ็นดู
"แน่นอนเจ้าไม่ผิด เกิดเป็นหลานข้า หากข้าบอกว่าไม่ผิดเจ้าย่อมมิใช่คนผิด ข้าจะปกป้องเจ้าเอง หลานรักของปู่ "
"ท่านปู่ใจดีที่สุดเลยเจ้าค่ะ"
หลี่ซูฮวาโผเข้าไปกอดหลี่กวงเว่ยราวกับเด็กน้อย หลี่กวงเว่ยไม่เคยถูกหลานรักผู้นี้เข้าใกล้เช่นนี้มาก่อน ความอบอุ่นพลันแผ่ซ่านไปทั่วทั้งหัวใจ
หลี่ซูฮวาเองก็รู้สึกรักและเคารพท่านปู่ผู้นี้อย่างเต็มหัวใจ จะชาติที่แล้วหรือชาตินี้ นางเองก็ไม่เคยได้รับความรักจากครอบครัว แม้นางจะเป็นบุตรสาวคนโตก็ตาม พ่อแม่ย่อมรักแต่น้อง ๆ มากกว่า เมื่อข้ามเวลามาที่นี่กลับพบเจอเรื่องราวร้าย ๆ อีก โชคยังดีไม่น้อย ที่นางยังมีท่านปู่ผู้นี้คอยอยู่เคียงข้าง
พ่อบ้านตู้ที่รออยู่ด้านนอก เมื่อได้ยินบทสนทนาของปู่หลานทั้งสองที่พูดคุยกันเรื่องฆ่าคนอย่างสนุกปาก ก็พลันรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ในเงามืดปรากฏร่างของจ้าวเฉินอวี้ที่กำลังยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก เขาลอบแฝงกายเข้ามาในจวนตระกูลหลี่เพื่อมาแอบดูการใช้ชีวิตของนาง คราแรกเขาเห็นบุรุษผู้หนึ่งเข้าไปในห้องของนาง แต่ไม่นานนักเขาก็ได้ยินเสียงโหยหวนดังแว่วมาจากในห้องนอน ก่อนจะปรากฏร่างโชกเลือดของชายผู้นั้นในห้องของนาง
และที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือ กัวกัว สุนัขล่าเนื้อของเขา เหตุใดจึงมาอยู่กับนางได้ มันหายตัวไปเมื่อหลายวันก่อน เขาตามหามันเท่าใดก็หาไม่พบ อีกทั้งมันยังยอมเชื่อฟังนาง ช่วยนางด้วยการกัดทึ้งชายผู้นั้นอย่างหน้าตาเฉยราวกับว่านางเป็นเจ้านายของมันด้วยอีกคน
ในขณะที่จ้าวเฉินอวี้กำลังครุ่นคิด ก็ได้ยินเสียงคล้ายคนกำลังเคลื่อนไหว เขาจึงเบี่ยงกายหลบเข้าไปในมุมมืดทันที
หลี่ซูฮวามีนัดส่งหนังสือภาพวาดร่วมรักให้เถ้าแก่ร้านสราญรมย์ในคืนนี้อีกห้าสิบเล่ม นางแต่งกายเยี่ยงบุรุษใช้ผ้าสีดำปิดบังใบหน้า ก่อนจะกระโดดออกไปทางกำแพงของจวนตระกูลหลี่อย่างคล่องแคล่ว
จ้าวเฉินอวี้ตามนางไปอย่างเงียบ ๆ โดยที่นางมิรู้ตัวเลยแม้แต่น้อย เขาตามนางมาเรื่อย ๆ จนถึงร้านหนังสือสราญรมย์ จ้าวเฉินอวี้หรี่ตามองอย่างครุ่นคิด
นางมาที่นี่ด้วยเหตุใดกัน?
เขาขยับกายเข้าไปใกล้ ๆ กับร้านหนังสือ พลางเงี่ยหูฟังบทสนทนาของทั้งสองอย่างตั้งใจ จนกระทั่งเขาได้รู้เรื่องราวบางอย่าง
ที่แท้นักวาดผู้นั้นก็คือนาง!!! เป็นนาง!!!
ความตื่นเต้นปะทุขึ้นมาในใจของเขาอย่างบ้าคลั่ง เขาแอบซุ่มดักรอนางอยู่อีกครู่หนึ่ง จนนางออกมาจากร้านหนังสือสราญรมย์ เขาจึงติดตามนางไปอย่างไม่ยอมลดละ
หลี่ซูฮวามิรู้ตัวเลยว่าถูกจ้าวเฉินอวี้ติดตาม จนกระทั่งเขายื่นมือมาโอบรั้งเอวบางของนางเอาไว้ และถือวิสาสะยื่นมือมาดึงผ้าคลุมหน้าของนางออก
"ท่าน!!!"
"เจอกันอีกแล้ว แม่นางคนงาม"
หลี่ซูฮวาที่ตกใจรีบหันไปมองทันทีก่อนจะถลึงตามองเขาอยู่ครู่หนึ่ง ค่อนข้างแปลกใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าเป็นเขา
บัดซบ!!! หรือเขาจะรู้ว่านางเป็นคนวาดภาพพวกนั้น เขาสะกดรอยตามนางมาเป็นแน่
"เจ้ามาทำสิ่งใดที่ร้านสราญรมย์ดึกดื่นเช่นนี้เล่า ซูฮวา"
"เอ่อ คุณชาย ข้าร่างกายอ่อนแอน่ะเจ้าค่ะจึงมาทำหนังสือบริจาคให้ผู้ยากไร้"
"หนังสือบริจาค ยามค่ำคืนเช่นนี้?"
"เจ้าค่ะ มีซินแสมาทำนายทายทัก ให้ข้าแก้ดวงยามค่ำคืนเจ้าค่ะ"
"โอ้ววว ข้าอยากเห็นหน้าซินแสผู้นั้นยิ่งนัก!!! ให้วาดภาพร่วมรักแก้เคล็ดน่ะหรือ?"
หลี่ซูฮวาเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาเสียแล้ว นางอยากจะตบรองแม่ทัพปากมากผู้นี้เสียจริง!!!
"ปล่อยข้าเถิดเจ้าค่ะคุณชาย แค่ก แค่ก"
"เจ้าไม่สบายหรือ?"
"เจ้าค่ะ แค่กแค่ก ไอมาหลายวันแล้วเจ้าค่ะ"
"อืม ช่างน่าเห็นใจยิ่งนัก คงเป็นเพราะเจ้าใช้แรงในการสั่งสุนัขล่าเนื้อให้ขย้ำคนมากเกินไป อาการป่วยไข้ของเจ้าจึงกำเริบสินะ?"
หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันไปจ้องเขาตาเขม็ง!!!
"นี่ท่าน!!! รู้มากเสียจริง!!!"
"ข้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้า ตั้งแต่คืนนั้นที่เจ้าฆ่าคนตายไปสองคน อีกทั้งยังเป็นนักวาดภาพมือดี และยังใช้สุนัขของข้าได้อย่างชำนาญจนน่าแปลกใจ?"
"สุนัขของท่าน?"
"กัวกัว คือสุนัขของข้า"
จ้าวเฉินอวี้ยกยิ้มตาหยี พลางจ้องมองนางด้วยความหลงใหล กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายนาง ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
หลี่ซูฮวาหมดหนทางจะแก้ตัว คนบ้านี่มันลอบติดตามนางเช่นนั้นหรือ!!!
หึ!!! ในเมื่อรู้แล้วนางก็จะไม่เสแสร้งอีก!!!
"ปล่อยข้า"
"ไม่ปล่อย"
"หึ!!! ข้าฆ่าคนแล้วจะทำไมเล่า พวกมันทำร้ายข้าก่อน ท่านอยากจับข้าหรือ จับเลยสิเจ้าคะ!!!"
"ข้าจับแน่ แต่ไม่ใช่ในฐานะของนักโทษ"
หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น
"ท่านหมายความว่าอย่างไร?"
"ข้าจะจับเจ้าไปเป็นภรรยาของข้า!!!"
"นี่ท่าน!!!"
หลี่ซูฮวาจ้องมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ยังไม่ทันที่นางจะเอ่ยสิ่งใด จ้าวเฉินอวี้ก็ดึงร่างของนางให้เข้าไปหลบในพุ่มไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก หลี่ซูฮวาพยายามขัดขืน แต่ทว่าเขากลับส่งสายตาห้ามปรามนาง
"อย่าส่งเสียง!"
จ้าวเฉินอวี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ดวงตาคมของเขาจ้องมองไปที่เหล่าชายฉกรรจ์ตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา หลี่ซูฮวาเองก็จ้องมองเหล่าชายฉกรรจ์เหล่านั้นเช่นกัน
ผ่านไปไม่นานนางก็ได้เห็นเฟิ่งหรวน ผู้เป็นภรรยาของท่านพ่อนางกำลังเดินมาพบกับชายฉกรรจ์เหล่านั้น ก่อนจะพูดคุยบางอย่างกับชายฉกรรจ์เหล่านั้นด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม หลี่ซูฮวาและจ้าวเฉินอวี้ซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลนัก จึงได้ยินบทสนทนานั้นพอดี
"นางชื่อหลี่ซูฮวาอาศัยอยู่ที่เรือนปีกซ้าย คืนพรุ่งนี้พวกเจ้าจับนางไปขายเสีย หากทำสำเร็จข้าจะตกรางวัลอย่างงาม นี่คือค่าแรงงวดแรกของพวกเจ้า"
ฮูหยินใหญ่ยื่นตั๋วเงินให้เหล่าชายฉกรรจ์พวกนั้นหลายสิบใบ ก่อนจะเดินจากไป หลี่ซูฮวาขมวดคิ้วมุ่นเมื่อได้ยินบทสนทนาเหล่านั้น ดวงตาคู่สวยฉายแววเย็นเยียบอย่างน่ากลัว
"มารดาของเจ้านี่ช่างรักเจ้าเสียจริง ถึงขนาดวางแผนจับเจ้าไปขาย"
"หุบปาก!"
"ข้าช่วยเจ้าได้นะ"
"ช่วยเช่นไร?"
"เจ้าก็ตอบตกลงเป็นภรรยาข้าก่อนสิ แล้วข้าจะช่วยเจ้าหาวิธีคิด"
"หึ!!! ข้าหาทางเองดีกว่า เจ้าไม่ต้อง ว้าย!!!"
"ชู่ว์!!! อย่าส่งเสียงดัง ข้ากำลังให้เจ้าชมสินค้าก่อนตัดสินใจว่าชอบหรือไม่ ซี้ดดดด!!!"
หลี่ซูฮวาจ้องมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา เขา!!!
เขาเปิดแท่งนั้นให้นางดู!!! อีกทั้งยังรูดชักมันขึ้นลงต่อหน้าต่อตานางอีกด้วย
"สารเลว!!! เก็บมันยัดเข้าไปเดี๋ยวนี้นะ!!!"
"ชอบหรือไม่ ข้ายอมพลีกายให้เจ้า ข้ายอมเจ้าทุกอย่าง"
หลี่ซูฮวาไม่รู้จะเอ่ยสิ่งใดแล้ว นางนั่งตัวแข็งทื่อจ้องมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
มันทั้งใหญ่และยาวสมคำร่ำลือจริง ๆ!!!
ชาติก่อนนางซื้อกินยังไม่ใหญ่ยาวขนาดนี้เลย!!!
"เจ้าจะทดลอง 'อม' สินค้าก่อนหรือไม่? สำหรับเจ้าแล้ว ข้ายอมทุกอย่าง"
หลี่ซูฮวา "..."
บุตรชายคนแรกของจ้าวเฉินอวี้และหลี่ซูฮวามีนามว่า จ้าวเยียน ยามนี้อายุก็ร่วมหนึ่งขวบปีแล้ว กำลังเป็นวัยน่ารักน่าชังและเป็นที่รักของคนในจวนตระกูลจ้าวและตระกูลหลี่เป็นอย่างยิ่ง ท่านพ่อของหลี่ซูฮวาเสียชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง ยามนี้จึงเหลือเพียงท่านปู่หลี่กวงเว่ยที่อาศัยอยู่ในจวนตระกูลหลี่เพียงลำพัง ในทุก ๆ เจ็ดวันหลี่ซูฮวาจะพาบุตรชายกลับไปพักที่จวนตระกูลหลี่ถึงสี่วันและจะกลับมาที่จวนตระกูลจ้าวสามวัน อย่างไรเสียท่านปู่ของนางก็อยู่เพียงลำพัง นางเองก็เป็นห่วงท่านปู่อย่างมาก หลี่กวงเว่ยรักใคร่เอ็นดูจ้าวเยียนเป็นอย่างมาก สมบัติแทบจะทุกชิ้นในตระกูลหลี่เขาย่อมยกให้เป็นของจ้าวเยียนเกือบทั้งจวน ด้านจ้าวเฉียนเว่ยเองก็ล้มป่วยลงด้วยโรคลำแท่งอักเสบ เพราะใช้งานหนักเกินไปจ้าวเฉินอวี้ทำความดีความชอบในงานราชการมากมายจนฮ่องเต้ทรงวางพระทัยและไว้วางใจเป็นอย่างยิ่ง จึงพระราชทานบรรดาศักดิ์เขาให้เป็นถึงท่านโหว มีฐานะมั่นคงเป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คนในแวดวงชนชั้นสูง หลี่ซูฮวาก็ได้รับพระราชทานตำแหน่งฮูหยินเก้ามิ่งขั้นหนึ่งชั้นเอกจากฮ่องเต้ ด้วยนางทำความดีความชอบช่วยจ้าวเฉินอวี้ออกปราบปรามเหล่าโจรผู้ร้ายอ
ยามนี้เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้ว อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าวยิ่งนัก หลี่ซูฮวาพากัวกัวมาเดินเล่นที่ริมสระบัวเพราะอากาศในห้องนอนช่างร้อนเสียจนนางทนไม่ไหว อีกทั้งยามนี้นางก็ตั้งครรภ์ได้ร่วมสามเดือนแล้ว ร่างกายจึงค่อนข้างร้อนง่ายขึ้นกว่าเดิม "ฮูหยินน้อยเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่ให้นำแตงโมมาให้เจ้าค่ะ บอกว่าช่วยคลายร้อนได้ดีเจ้าค่ะ""อืม"หลี่ซูฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะยื่นมือไปหยิบแตงโมมากัดชิมชิ้นหนึ่ง รสชาติของมันหวานละมุนลิ้นยิ่งนัก นางจึงหยิบมากัดกินอีกชิ้นอย่างอารมณ์ดี ยามนี้จ้าวเฉินอวี้ไปตรวจงานที่นอกเมืองหลวง เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นท่านแม่ทัพแล้ว ด้านหลี่ชิงเยียนน้องสาวต่างมารดาของนางนั้น ได้ยินมาว่าล้มป่วยกะทันหันจนตรอมใจตาย แต่บางคนก็ร่ำลือไปว่านางถูกพระชายารองคนโปรดของท่านอ๋องทรมานจนตาย เสิ่นเทียนเหยาหายจากอาการโรคประหลาดอย่างน่าแปลกใจ เขาบอกว่าหลังจากถูกนางใช้เท้าเตะเข้ามาที่หว่างขาวันนั้น มันก็กลับมาใช้งานได้อย่างน่าแปลกใจ หมอหลวงบอกว่าเป็นเพราะเส้นเอ็นภายในเข้าที่แล้ว จึงกลับมาแข็งแรงเช่นบุรุษทั่วไป อีกทั้งเขายังแต่งตั้งพระชายารองหลันบุตรสาวท่านราชเลขา ขึ้นเป็นพระชายาเอกแทนที่ห
หลี่ซูฮวาเล่าเรื่องที่นางถูกลอบวางยาพิษให้จ้าวเฉินอวี้ฟัง เขาที่ได้ยินเช่นนั้นก็กัดฟันกรอด อยากจะไปฆ่าเสี่ยวฟางเสียเดี๋ยวนั้น แต่โชคดีที่หลี่ซูฮวายับยั้งเขาได้เสียก่อน "ใจเย็น ๆ เถิด ข้ายังไม่ทันได้ดื่มยาพิษถ้วยนั้นเลยนะเจ้าคะ""หากเจ้าเป็นอันใดไป ข้าสัญญาจะตัดหัวนางมาล้างหลุมศพเจ้า!!!""ท่านคิดว่าข้าจะตายง่ายดายถึงเพียงนั้นเชียวหรือเจ้าคะ?""ข้ารักเจ้านะซูฮวา""ข้ารู้แล้ว เช่นนั้นก็ส่งชายผู้นั้นมาให้ข้า""เจ้าจะให้เขาทำสิ่งใด?""ทำเช่นเดียวกับที่ทำกับแม่เลี้ยงของข้าอย่างไรเล่า?"หลี่ซูฮวายิ้มเจ้าเล่ห์ หึ!!! อยู่ดีไม่ว่าดี รนหาที่ชัด ๆจ้าวเฉินอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้เอ่ยทัดทานนางเลยแม้สักครึ่งคำ อย่างไรเสีย คนที่มันวางแผนชั่วคิดจะทำร้ายภรรยาของเขา ย่อมสมควรตาย!!! อีกทั้งคนที่เขาส่งไปจัดการแม่เลี้ยงของหลี่ซูฮวาคราก่อนก็กำลังร้อนใจอยากได้ตั๋วเงินไว้ใช้จ่ายพอดี เขาจึงตัดสินใจให้คนส่งจดหมายไปแจ้งให้ชายผู้นั้นเดินทางเข้าเมืองหลวงมาในทันทีวันเวลาล่วงเลยจนถึงวันที่เสี่ยวฟางจะได้เข้ามาเป็นฮูหยินรองเสี่ยวในเรือนของหลี่ซูฮวา แม้จะไม่สามารถจัดพิธีแต่งงานได้อย่างใหญ่โตเช่นภรรยาเอก แต่นางก
ด้านเสี่ยวฟางนั้นก็กลับมาที่เรือนของฮูหยินรองอย่างอารมณ์ดี ยามนี้นางทำสำเร็จแล้ว นางกำลังจะได้เป็นภรรยาอีกคนของจ้าวเฉินอวี้ หึ!!! วันนั้นมาถึงเมื่อใด นางจะจัดการหลี่ซูฮวาออกไปจากจวนตระกูลจ้าวเสีย เมื่อนางกลับมาถึงเรือนก็พบกับบ่าวรับใช้ที่กำลังวิ่งวุ่นกันไปมาอยู่ในห้องของท่านป้านาง ใจของเสี่ยวฟางหล่นวูบอย่างแปลกประหลาด นางรีบวิ่งเข้าไปถามสาวรับใช้ในเรือนทันที "เกิดสิ่งใดขึ้น ท่านป้าเล่า!!!" "คุณหนู ฮูหยินรองอาการหนักแล้วเจ้าค่ะ!!!"เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวฟางก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนทันที ภาพตรงหน้าคือฮูหยินรองเสี่ยวท่านป้าของนาง กำลังชักเกร็ง มือเท้าหงิกงอ ดวงตาเบิกกว้างเหลือกขึ้นจนขาวโพลน อีกทั้งยังกระอักเลือดออกมาคำโตอีกด้วย "ท่านป้า!!!""อั๊ก!!!"ฮูหยินรองเสี่ยวกระอักเลือดออกมาอีกครา ก่อนที่ร่างของนางจะแน่นิ่งไป ดวงตาเบิกกว้างอย่างทุกข์ทรมาน เสี่ยวฟางยื่นมือไปที่จมูกของฮูหยินรองเสี่ยว ก่อนจะต้องตกใจสุดขีด "ท่านป้า!!! ฮืออออ!!!"ฮูหยินรองเสี่ยวขาดใจตายอย่างน่าอนาถ แม้แต่หมอก็ยังตรวจหาสาเหตุอาการของนางไม่พบ บอกเพียงเป็นโรคที่ติดตัวมาแต่กำเนิด เมื่อร่างกายของนางอ่อนแอลง โรคนี้จึ
แท้จริงแล้วโจรป่าผู้นี้มีนามว่า เฉียนเป้า มันเป็นหัวหน้าโจรป่า อาศัยช่วงเวลาที่ท่านอ๋องเสิ่นหยวนไปสวดมนต์ภาวนาที่วัดลอบจับตัวเขาไป และกรอกยาพิษสลายกระดูกให้เขากิน จนเขาตกตายร่างกายสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน หลังจากนั้นมันก็สวมรอยเป็นท่านอ๋อง นำคนมาทดลองสูตรยาพิษที่มันปรุงขึ้นมาเองกับมือ ชาวบ้านต่างหวาดกลัวไม่น้อยแต่ไม่กล้าปริปากพูดความจริง นานวันเข้าแคว้นไท่ชิงก็แห้งแล้งเพราะสารพิษมากมายที่ถูกนำมาทิ้ง เฉียนเป้าเองก็ปล่อยให้โจรป่าลงเขามาปล้นชิงฉุดคร่าชาวบ้านอย่างไร้ความปรานี โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลยว่าเขาเป็นท่านอ๋องตัวปลอม ฮ่องเต้เสิ่นจิ้งเฉิงเดินทางมาถึงแคว้นไท่ชิงในอีกสิบวันให้หลัง เขารู้สึกคับแค้นใจเป็นอย่างยิ่ง และรู้สึกสงสารพี่ชายของตนยิ่งนัก เดิมทีพี่ใหญ่ของเขาเป็นคนดีมาโดยตลอด มิเคยคิดแย่งชิงบัลลังก์กับเขาเลยสักครั้ง แต่เหตุใดพี่ใหญ่จึงต้องมีชะตาชีวิตเช่นนี้ด้วยเล่า เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงสั่งให้ทหารแล่เนื้อของเฉียนเป้าทั้งเป็น และกรอกยาพิษสลายกระดูกให้มันกินทีละน้อย เพื่อให้ส่วนต่าง ๆ ในร่างกายค่อย ๆ สลายไปอย่างทรมาน หลี่ซูฮวามองภาพตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจเท่าใดนัก ฮ่องเต้เสิ่
จ้าวเฉินอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบหันไปมองเสิ่นเทียนเหยาทันที เห็นว่าตรงช่วงแขนของเขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ร่างกายส่วนอื่นก็ไร้ร่องรอยของการถูกพิษ คาดว่าเขาคงจะไม่ได้ถูกพิษในสุรานั้น จึงรู้สึกโล่งใจยิ่งนัก เสิ่นเทียนเหยากวาดสายตามองไปโดยรอบก่อนจะพบกับหลี่ซูฮวา เขาขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะชักกระบี่ขึ้นมาหมายจะพุ่งแทงใส่นางให้ตายทันที "นางเป็นนักฆ่า!!!"จ้าวเฉินอวี้ที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบยับยั้งเสิ่นเทียนเหยาทันที หลี่ซูฮวาเบ้ปากมองเสิ่นเทียนเหยาอย่างดูแคลน ก่อนจะปลดผ้าคลุมหน้าออก เมื่อเสิ่นเทียนเหยาเห็นว่าเป็นนางก็ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง "ซูฮวา""รีบหนีก่อนเถิดเจ้าค่ะ คนของท่านอ๋องบุกมาแล้ว"หลี่ซูฮวาคร้านจะเอ่ยสิ่งใดกับเขาให้มากความ ก่อนจะรีบจับมือของจ้าวเฉินอวี้เอาไว้และพากันพุ่งทะยานออกไปจากตำหนักทันที เสิ่นเทียนเหยาบอกว่าเสิ่นหยวนให้คนนำสุรามามอบให้แก่เขา เขายังมิทันดื่มก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นที่แปลกประหลาด มันเป็นสุราที่มีกลิ่นหอมผิดจากสุราทั่วไป เขาไม่เคยได้กลิ่นสุราที่หอมแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน เมื่อเขาไม่ยอมดื่ม สาวใช้นางนั้นก็ชักกระบี่ยาวพุ่งตรงเข้ามาหาเขาทันที เขาต่อสู้กับนางครู่หนึ่งจ
จ้าวเฉินอวี้คร้านจะใส่ใจเสิ่นเทียนเหยาแล้ว อย่างไรเสียเขายังต้องทำหน้าที่ที่ฝ่าบาททรงรับสั่งมาให้เรียบร้อยเสียก่อน เมื่อคิดได้เช่นนั้น จ้าวเฉินอวี้ก็กวาดสายตามองไปโดยรอบ ภูเขาบนแคว้นไท่ชิงค่อนข้างแห้งแล้งเป็นอย่างยิ่งทั้งที่แต่ก่อนอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก มันแห้งแล้งเสียจนต้นไม้แทบจะยืนต้นตายจนหมด แต่น่าแปลกที่โจรป่ากลับลอบเร้นแฝงกายอยู่บนเขาแห่งนี้ได้ และยังรอดพ้นจากสายตาของเขาได้เป็นอย่างดี เสิ่นเทียนเหยาเองก็ตามจ้าวเฉินอวี้มาเช่นกัน เขากวาดสายตามองไปโดยรอบพลางขมวดคิ้วมุ่น "พวกมันแฝงกายอยู่ในป่าเช่นนี้จริง ๆ หรือ แห้งแล้งเช่นนี้ ไม่น่าจะมีชีวิตรอดได้เลยด้วยซ้ำ"จ้าวเฉินอวี้หันไปสบตากับเสิ่นเทียนเหยาคราหนึ่ง "นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่ามันค่อนข้างผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง""หรือว่าแท้จริงแล้วพวกมันจะไม่ได้อยู่บนภูเขาแห่งนี้"เสิ่นเทียนเหยาเอ่ยพลางกระชับกระบี่ที่ถือเอาไว้ในมือแน่นขึ้นไปอีก ก่อนจะเอ่ยกับจ้าวเฉินอวี้อีกครา "กลับกันก่อนเถิด ฟ้าใกล้จะมืดเต็มทีแล้ว""พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง"จ้าวเฉินอวี้รับคำ ก่อนจะกระโดดขึ้นบนหลังม้ามุ่งหน้ากลับไปยังตำหนักของท่านอ๋องเสิ่นหยวนทันที เสิ่นหยวนที่เห็
จ้าวเฉินอวี้กลับมาที่จวนตระกูลจ้าวด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนยิ่งนัก เขารู้สึกว่าจะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่เขาคาดไม่ถึงเป็นแน่ เหตุใดโจรภูเขาจากแคว้นไท่ชิงจึงกล้ามาเหยียบแผ่นดินต้าเฉวียนได้อย่างไม่เกรงกลัวเช่นนี้ แคว้นไท่ชิงเองแม้จะเป็นแคว้นที่ไม่กว้างใหญ่เท่าใดนัก แต่ท่านอ๋องแห่งแคว้นไท่ชิง นามว่า เสิ่นหยวน ก็เป็นพี่ชายต่างมารดากับฮ่องเต้เสิ่นจิ้งเฉิง และเป็นท่านอ๋องที่ขึ้นชื่อว่าปกครองไท่ชิงได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และยังจับตาดูเหล่าโจรพวกนั้นไม่คลาดสายตา เป็นไปได้หรือที่ท่านอ๋องจะไม่ทรงทราบว่าพวกมันลักลอบเข้ามายังต้าเฉวียนเช่นนี้ จ้าวเฉินอวี้คิดเท่าใดก็คิดไม่ตก เขาจึงไม่คิดสิ่งใดอีก ในใจยังคงคาดหวังว่ามันจะเป็นเพียงสิ่งที่เขาคิดมากไปเองเท่านั้น เขาเดินกลับเข้ามาในเรือนนอน ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้าหลี่ซูฮวาที่เห็นว่าจ้าวเฉินอวี้มีสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าใดนัก จึงเดินเข้าไปหาเขา พร้อมกับยื่นมือไปบีบนวดต้นคอให้เขาอย่างใส่ใจ ทำให้จ้าวเฉินอวี้รู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย "ภรรยาข้าช่างใส่ใจยิ่งนัก""ท่านเหนื่อยมากหรือไม่? มีสิ่งใดเร่งด่วนจึงต้องเร่งรีบเข้าวังหลวงเช่นนี้?"จ้าวเ
หลี่ซูฮวาตื่นขึ้นมาในยามเช้า นางรู้สึกราวกับว่าร่างทั้งร่างแทบจะแหลกสลายเสียให้ได้ นึกโกรธเคืองจ้าวเฉินอวี้ที่ทารุณนางจนแทบไม่ได้นอนทั้งคืนเช่นนี้ "ตื่นแล้วหรือ รีบมากินโจ๊กเสียหน่อยเถิด"หลี่ซูฮวาหันไปมองจ้าวเฉินอวี้ที่กำลังถือถ้วยโจ๊กมาวางไว้บนโต๊ะ ดวงตาคมจ้องมองนางด้วยความรักใคร่ หลี่ซูฮวาคร้านจะใส่ใจเขาให้มากความ จึงลุกจากเตียงไปนั่งที่เก้าอี้ ก่อนจะมองถ้วยโจ๊กตรงหน้าเล็กน้อย "ท่านทำเองหรือ?""ใช่แล้ว เจ้าลองกินดูเถิด ข้าต้มเองกับมือ ใส่ใจทุกการกระทำในแต่ละขั้นตอน""มิน่าเชื่อว่าท่านจะทำเรื่องพวกนี้เป็นด้วย""เพื่อเจ้า ข้าทำได้ทุกอย่าง"จ้าวเฉินอวี้เอ่ยพลางจ้องมองนางที่กำลังลองลิ้มชิมรสโจ๊กฝีมือของเขา หลี่ซูฮวาตักโจ๊กในถ้วยขึ้นมากินคำหนึ่ง ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ รสชาติไม่เลว อีกทั้งรสชาติก็นุ่มละมุนลิ้นยิ่งนัก "รสชาติดี""ข้าดีใจที่เจ้าชอบ"จ้าวเฉินอวี้ยิ้มตาหยี หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกว่าจิตใจสั่นไหวไม่เป็นจังหวะ รอยยิ้มของเขาช่างเหมือนกับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาในหัวใจของนาง มันทั้งอบอุ่นเหนือสิ่งอื่นใด "ข้าสั่งให้คนเตรียมรถม้าพร้อมแล้ว หากเจ้าตระเตรียม