ホーム / มาเฟีย / วิวาห์รอหย่า / บทที่ 6 ข้อต่อรอง (02)

共有

บทที่ 6 ข้อต่อรอง (02)

last update 最終更新日: 2025-09-16 20:17:09

สามนาทีต่อมาก็วางถ้วยลงบนเคาน์เตอร์หน้าทิวัตถ์ จากนั้นพลิกตัวเดินกลับไปหาลูกที่ตาแป๋วรอเธออยู่ อาการโยเยหายไปจนคนเป็นแม่คลายความกังวลไปได้

          ส่วนทิวัตถ์เดินขึ้นไปยังห้องของตัวเอง ขลุกอยู่กับเอกสาร โน้ตบุ๊ก โดยมีเสียงหนึ่งดังอยู่เป็นระยะ เสียงของเครื่องทำลายเอกสาร

          สีหน้าของคนบนเตียงมีแววครุ่นคิด เคร่งเครียด ก่อนจะหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาดู สลับกันไปมา เขาต้องจัดการสองเรื่องในเวลาเดียวกัน และเมื่อเอกสารไฟล์ใดที่ดูเสร็จแล้วก็จะถูกลบหรือไม่ก็กำจัดทิ้ง โดยชายหนุ่มเชื่อว่าอีกไม่นานเขาจะจบเรื่องหนึ่งได้หลังทำมายาวนาน ขอแค่พบตัวคนที่หลุดรอดไปได้           

          ร่วมสองชั่วโมงกว่าก็พับเก็บทุกอย่างแล้วยัดใส่กระเป๋า ร่างกายของเขาอ่อนล้าไม่น้อย เพราะขาดการพักผ่อนอย่างเต็มที่มาสักระยะหนึ่งแล้ว ทว่าก็หลับๆ ตื่นๆ ราวกับคนที่มีเรื่องให้คิดหรือมีเรื่องให้ระแวง

          เฮ้อ

          เมื่อตื่นขึ้นมาอีกรอบ ชายหนุ่มก็เลือกจะกระเด้งตัวมาผ่อนลมหายใจออกจากจมูก ก่อนตัดสินใจลงไปยังชั้นล่างของบ้าน

          เดินตรงดิ่งไปห้องรับแขก มือเปิดเลื่อนผ้าม่านมองไปรอบๆ คล้ายอยากจะเช็กความเรียบร้อย แล้วเดินสำรวจตามมุมนั้นมุมนี้

          ส่วนผู้ที่เป็นเจ้าของห้องด้านล่างในช่วงเวลาประมาณตีห้าเห็นจะได้ เสียงร้องเล็กๆ ก็ปลุกให้ปรีดิทาขยับตัวลุกอย่างเร็วไว มือเรียวอุ้มลูกสาวเข้ามาไว้ในอ้อมกอด

          “หิวหรือคะ หม่ำนมๆ กันเนอะ”

          แม้จะมีอาการง่วง แต่หญิงสาวยังมีรอยยิ้มให้ลูก เพราะแกคือความอบอุ่นใจ เป็นพลังให้ก้าวเดินต่อไป ราวครึ่งชั่วโมงต่อมาสองเท้าเรียวเล็กก็พาตัวเองและลูกออกไปด้านนอก

          เมื่อเปิดประตูออกมาร่างก็ต้องชะงัก เพราะพบกับคนคนหนึ่งเข้า

          “มีอะไรหรือเปล่าคะ” ปรีดิทาจำเป็นต้องตั้งคำถามกับคนที่เธอเผชิญหน้าอยู่อย่างทิวัตถ์

          “จำเป็นต้องมี” ชายหนุ่มเอียงคอถามแล้วบอกด้วยเสียงเข้มๆ คล้ายย้ำเตือน        

          “นี่บ้านฉัน ฉันจะเดินไปไหนก็ได้”

          ปรีดิทาขบเม้มปาก แล้วเป็นฝ่ายขยับตัวไปให้พ้นหน้าห้อง ขณะหูได้ยินเสียงฝีเท้าของคนปากร้ายดังตามมาด้วย

          พอเดินไปถึงห้องรับแขกที่เป็นมุมประจำที่เธอชอบพาลูกมานั่งเล่น คำถามก็ดังขึ้น

          “อีกสองวันต้องไปหาหมอ”

          “ค่ะ ลูก...ของโปรดต้องฉีดวัคซีน” คำว่าลูกถูกปล่อยออกไป ก่อนจะมีชื่อของเธอตามหลังไปเมื่อเห็นสีหน้านิ่งเรียบราวกับถามไปส่งๆ แล้วตั้งคำถามไปบ้าง

          “ถามทำไมกันคะ”

          “ก็แค่อยากถาม”

          ชายหนุ่มไหวไหล่ แล้วมองหน้าผู้หญิงตรงหน้านิ่งๆ ก่อนเหลือบตาไปมองรำนำที่เดินออกมาเตรียมตัวช่วยจารวีทำอาหาร

          ปรีดิทาเองก็ดึงตาไปมอง แล้วต้องกลับมาให้ความสนใจกับเสียงบอกห้วนๆ

          “ฉันไม่ว่าง เดี๋ยวจะให้พี่สรพาไป”

          “โปรดว่าถึงคุณว่างก็คงไม่พาไป” เธอบอกอย่างรู้ทัน และตัวเธอเองก็ไม่อยากให้เขาฝืนใจพาไปสักนิด

          “รู้ดี”

          ทิวัตถ์เอ่ยคำชม ปากกดยิ้มคว่ำ

          ปรีดิทาไม่ตอบโต้อีก ไม่อยากต่อล้อต่อเถียง ก้มหน้าลงไปสนใจลูกสาวแสนรัก ทว่าร่วมนาทีที่เธอรู้ว่าเท้าหนักยังไม่ขยับไปไหน

          เธอดึงตาไปมองอีกครั้ง ในครั้งนี้ราวกับเห็นบางอย่าง คงไม่พ้นแววตาที่มองปราณปรียา มองอย่างสนใจ กระทั่งคนถูกมองเริ่มรู้ตัว

          ทิวัตถ์กลับมาวางหน้านิ่งเหมือนเดิม แล้วเดินเลี่ยงตัวไปทางห้องครัว เขาหยุดมองจารวีและรำนำ วินาทีนั้นหนึ่งในสองคนก็เงยหน้าขึ้นมาสบตานิ่งๆ

          ฝ่ายปรีดิทาให้ความสนใจอยู่กับลูกสาว พยายามจะไม่สนใจหรือเอาใจไปใส่ไว้ที่ใครอีกแล้ว ขอแค่มีเธอกับลูกก็พอ กระทั่งวันที่ต้องพาลูกออกไปเจอกับโลกกว้างมาถึง หญิงสาวเตรียมของใช้ที่จำเป็นใส่กระเป๋าใบเล็กไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว รวมถึงเอกสารที่จำเป็น

          “วันนี้เราไปหาหมอกันนะคะเด็กดี”

          หญิงสาวคว้าลูกมาไว้ในวงแขน กระเป๋าเป้ถูกสะพายใส่บ่า ก่อนจะยิ้มหยอกกับยัยตัวเล็กที่ส่งยิ้มมาให้

          “ตื่นเต้นไหมคะ แม่รับรองว่าเจ็บนิดเดียวเท่านั้น”

          พอทุกอย่างพร้อมปรีดิทาก็สืบเท้าออกจากห้อง เดินไปถึงห้องรับแขกก็พบว่ามีคนยืนรออยู่ แน่นอนว่าไม่ใช่เขา แต่เป็นรำนำ

          “รำจะไปช่วยถือของค่ะ คุณโปรดจะได้อุ้มคุณหนูได้สะดวก”

          “ขอบคุณจ้ะ”

          ปรีดิทาตอบกลับ อะไรที่พอรับได้เธอก็พอว่าตามไปได้ จากนั้นพากันไปขึ้นรถที่มีสรพัศจอดรอไว้นำพาไปยังโรงพยาบาลที่ทิวัตถ์เองก็ทำงานอยู่ที่นั่น

          ใช้เวลาไปไม่นานก็ถึง ปราณปรียาไม่ได้ตื่นเต้นหรือร้องโยเย ยังตาแป๋วอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุด

          รำนำขันอาสาเป็นผู้จัดการทำตามขั้นตอนต่างๆ ให้ ปรีดิทาจึงมานั่งลงเพื่อรออยู่ไม่ไกลนัก

          เมื่อมาที่โรงพยาบาลก็อดจะคิดถึงการเป็นหมอไม่ได้ นาทีนั้นรอยยิ้มเศร้าๆ ก็ปรากฏ เพราะคิดถึงบิดาเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน หลังจากท่านจากไปเธอก็เหมือนสูญเสียทุกอย่างไป แม้กระทั่งคนรู้จักบางคนยังเงียบหาย แต่ก็มีหลายคนที่ติดต่อเธอมา เป็นเพื่อนของบิดาที่ชักชวนให้เธอไปทำงานที่คลินิกของอีกฝ่ายหลังรู้เรื่องหนี้สิน

          แต่หลังเกิดเรื่องที่เธอทำงานผิดพลาด คนเหล่านั้นก็เงียบหายไป ก่อนต้องดึงความสนใจไปยังต้นเสียงที่ดังขึ้นทักทาย

          “อ้าวน้องโปรด”

          “สวัสดีค่ะพี่นัท”

          นครินทร์รีบเดินตรงไปหาคนสำคัญของเพื่อน ปากเอ่ยคำถามไปพร้อมมองหา

          “แล้วไอ้ไท่ล่ะ”

          “เขาไม่ได้มาค่ะ”

          “อะไรนะ นี่มันปล่อยให้โปรดพาลูกมาคนเดียวเหรอ” นครินทร์ทั้งอึ้งทั้งหน้าเจื่อนไป หัวคิ้วขมวดมุ่น ปากนั้นเริ่มบ่นอย่างไม่เข้าใจ

          “มันลาพักร้อนไปนอนอยู่บ้านเฉยๆ หรือไง” เขาแปลกใจ เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นเพื่อนนึกจะอยากลาพักร้อน เขาก็หลงคิดว่ามันจะอยู่บ้านเพื่อดูแลลูก หลังรู้มาว่าปรีดิทาย้ายกลับไปอยู่กับมันตามเดิมแล้ว ที่ไหนได้กลับปล่อยปละละเลย ก่อนจะได้เห็นความฉงนในแววตาคู่สวยนั้น

          “มันไม่ได้อยู่บ้านหรือครับ”

          “ไม่ค่ะ”

          “แล้วมันหายไปไหนตั้งอาทิตย์หนึ่ง พี่โทร.ไปมันก็ไม่ยอมรับ ติดต่อก็ไม่ได้ ปกติมันไม่เคยหายไปแบบนี้” นครินทร์ไม่รู้หมู่นี้เขาต้องเซอร์ไพรส์กับเพื่อนอีกกี่รอบ           

          ปรีดิทาไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้ เขาลาพักร้อนมาได้หนึ่งสัปดาห์แล้วอย่างนั้นเหรอ แถมยังไม่ยอมรับโทรศัพท์ของเพื่อนอีก พลางนึกย้อนไปถึงเมื่อหลายวันก่อนที่เขากลับมา

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • วิวาห์รอหย่า   บทที่ 7 อย่างน้อยเราก็เคยเป็นเพื่อนกัน (02)

    ในตอนที่ได้ยินว่าอดีตน้องชายหวนกลับไปหาคนที่ชัง เขาคิดได้ทันทีว่าเป็นเพราะมันอยากกลับไปยืนข้างๆ ลลิษา หลังจากที่ครอบครัวของปรีดิทาสร้างหนี้พนันไว้ให้ แต่ติดที่สถานะของลลิษานั้นเป็นคู่หมั้นของเขา มันจึงต้องตะเกียกตะกายไปในเส้นทางที่เกลียด แต่ตอนนี้เขาอาจจะต้องเปลี่ยนความคิด มันอาจจะมีอะไรมากกว่าที่เห็นเสียแล้ว ส่วนปรีดิทาก้มมองการ์ดแต่งงานในมือ สีหน้ามีความหนักใจ ไม่รู้ทิวัตถ์จะรู้เรื่องนี้หรือยัง ขณะนั้นเองเสียงเล็กๆ ก็แผดร้องขึ้น “แง้ง” ปรีดิทาทุ่มความสนใจทั้งหมดไปยังลูก แล้วรีบพาแกกลับห้องนอน ในวันนี้เธอไม่มีคาบสอนแล้ว มีจารวีช่วยจัดการเรื่องอาหารให้อย่างเคย แต่ผ่านมาอีกหนึ่งชั่วโมงแล้วปราณปรียากลับยังร้องไห้เป็นระยะ “วันนี้งอแงหรือจ๊ะ ตัวก็ไม่ร้อน”

  • วิวาห์รอหย่า   บทที่ 7 อย่างน้อยเราก็เคยเป็นเพื่อนกัน

    บทที่ 7 อย่างน้อยเราก็เคยเป็นเพื่อนกัน “ที่พี่สอนไป เรากลับไปทบทวนด้วยนะ” เสียงใสๆ ของปรีดิทาเอ่ยกับเด็กวัยมัธยมศึกษาผ่านโปรแกรมหนึ่งในโน้ตบุ๊ก เธอเริ่มกลับมาสอนพิเศษได้ราวๆ ห้าวันแล้ว ทุกอย่างเป็นไปเหมือนแต่ก่อน มีแต่หัวใจที่เกิดอาการพะว้าพะวง แต่ก็พยายามมีสมาธิอยู่กับการสอน “อาทิตย์หน้าเจอกันใหม่จ้ะ” ก่อนจะบอกคำปิดท้ายพร้อมยกยิ้มร่ำลา ปรีดิทาพับหน้าจอลงพร้อมขยับตัวลุกทันที สองเท้ามุ่งหน้าออกจากห้องตรงไปหาจารวีและรำนำ “ยัยหนูเป็นยังไงบ้าง งอแงไหม” เมื่อไปถึงเธอก็รับลูกมาไว้ในอ้อมกอด โชคดีที่การสอนของเธอมีช่วงเวลาพักอยู่หลายครั้งจึงเดินออกมาดูแก้วตาดวงใจได้บ้าง&nbs

  • วิวาห์รอหย่า   บทที่ 6 ข้อต่อรอง (04)

    “แปลกเนอะ แย่งของเขาไปแท้ๆ แต่กลับจิกกัดเขาไม่ยอมปล่อย” ดนุภาไม่เข้าใจความคิดของออมสินสักนิด อีกฝ่ายแสดงออกว่าชังเพื่อนของเธอมาตั้งแต่สมัยเรียน เธอเองก็มักถูกยัยนั่นหาเรื่อง จนปรีดิทาต้องห้ามทัพอยู่หลายยก เธอมองว่าคนบางประเภทต้องสาดน้ำร้อนเข้าใส่ น้ำเย็นไม่ได้ผลหรอก ไม่นานรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าแล้วเอ่ยบอกกับเพื่อน “แต่อย่างน้อยๆ แกก็ชนะแม่นั่นครั้งหนึ่ง” เพื่อนของเธอมักแพ้ออมสินเรื่องความรักเสมอ แต่อย่างน้อยครั้งหนึ่งก็ชนะ อีกฝ่ายแพ้ราบคาบเลย ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ให้หน้าเสีย “ฉันขอโทษ” ผลพวงของความสำเร็จทำให้เพื่อนของเธอเจ็บปวด มือยกขึ้นตีปากของตัวเอง ปรีดิทาสั่นหน้าว่าไม่เป็นไร พลางหันไปมองรำนำที่นั่งอยู่ถัดไป หลังเสียงสัญญาณของเครื่อง

  • วิวาห์รอหย่า   บทที่ 6 ข้อต่อรอง (03)

    เขาไม่ได้ดูสดชื่นขึ้น เหมือนคนนอนไม่ค่อยพอเสียมากกว่า ทว่าในจังหวะนั้นกลับต้องหันไปมองด้านหลัง เพราะรู้สึกว่ามีคนจ้องมอง ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ จังหวะนั้นหัวคิ้วเลิกคิ้ว เพราะเหมือนเธอเห็นผู้ชายคนหนึ่ง คนที่เอาแต่จ้องเธอในงานที่ทิวัตถ์พาไป ก่อนจะมีอีกหนึ่งเรื่องสงสัยให้รีบดึงตาไปมองคู่สนทนา “นับวันมันยิ่งทำตัวน่าสงสัย พี่เห็นมันไปเรียนต่อยมวย เรียนต่อสู้ ยิงปืนด้วย ทำอย่างกับจะไปรบกับใคร” หลายเดือนที่ผ่านมาบนร่างกายของทิวัตถ์มักมีรอยช้ำ จนเขาต้องเค้นถามจากมันจึงได้รู้ว่ามันกำลังเรียนการต่อสู้หลายแขนง “คงเพราะเขากำลังจะเข้ารับตำแหน่งแทนหยางจินละมั้งคะ” หญิงสาวคิดว่ามีสิทธิ์เป็นไปได้สูง เพราะเขาคงรู้ว่าขาข้างหนึ่งเหยียบความเสี่ยงความตายไว้ จึงจะเตรียมพร้อม ถึงอย่างนั้นก็นึกห่วงขึ้นมา แล้วหันกลับไปมองในจุดโฟกัสก่อนหน้านี้ แต่ไม่พบชายคนนั้นเสียแล้ว จึงคิดว่าตัวเองอาจจะจำผิด หรือไม่ก็แค่เรื่องบังเอิญ “ไอ้ไท่เนี่ยนะครับ” คนอย่างทิวัตถ์เนี่ยนะจะถึงขั้นขึ้นกุมบังเหียนต่อจากคนที่มันพูดถึงน้อย จนแทบจะไม่พูดถึงเลยด้วยซ้ำ แต่ไม่นานมานี้เขาพอรู้มาบ้

  • วิวาห์รอหย่า   บทที่ 6 ข้อต่อรอง (02)

    สามนาทีต่อมาก็วางถ้วยลงบนเคาน์เตอร์หน้าทิวัตถ์ จากนั้นพลิกตัวเดินกลับไปหาลูกที่ตาแป๋วรอเธออยู่ อาการโยเยหายไปจนคนเป็นแม่คลายความกังวลไปได้ ส่วนทิวัตถ์เดินขึ้นไปยังห้องของตัวเอง ขลุกอยู่กับเอกสาร โน้ตบุ๊ก โดยมีเสียงหนึ่งดังอยู่เป็นระยะ เสียงของเครื่องทำลายเอกสาร สีหน้าของคนบนเตียงมีแววครุ่นคิด เคร่งเครียด ก่อนจะหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาดู สลับกันไปมา เขาต้องจัดการสองเรื่องในเวลาเดียวกัน และเมื่อเอกสารไฟล์ใดที่ดูเสร็จแล้วก็จะถูกลบหรือไม่ก็กำจัดทิ้ง โดยชายหนุ่มเชื่อว่าอีกไม่นานเขาจะจบเรื่องหนึ่งได้หลังทำมายาวนาน ขอแค่พบตัวคนที่หลุดรอดไปได้ ร่วมสองชั่วโมงกว่าก็พับเก็บทุกอย่างแล้วยัดใส่กระเป๋า ร่างกายของเขาอ่อนล้าไม่น้อย เพราะขาดการพักผ่อนอย่างเต็มที่มาสักระยะหนึ่งแล้ว ทว่าก็หลับๆ ตื่นๆ ราวกับคนที่มีเรื่องให้คิดหรือมีเรื่องให้ระแวง เฮ้อ เมื่อตื่นขึ้นมาอีกรอบ ชายหนุ่มก็เลือกจะกระเด้งตัวมาผ่อนลมหายใจออกจากจมูก ก่อนตัดสินใจลงไปยังชั้นล่างของบ้าน เดินตรงดิ่งไปห้องรับแขก มือเปิดเลื่อนผ้าม่านมองไปรอบๆ คล้ายอยากจะเช็กความเรียบร้อย แ

  • วิวาห์รอหย่า   บทที่ 6 ข้อต่อรอง

    บทที่ 6 ข้อต่อรอง “ลลิษส่งยามาให้แล้วกินหรือยัง” ทิวัตถ์เลิกคิ้วถาม สายตาจดจ้องอยู่เบื้องหน้า ปรีดิทาเข้าใจสาเหตุที่เขากลับมาที่นี่แล้วเพราะเธอคนนั้น แล้วมองหน้าคนที่มีท่าทางเหนื่อยล้า อ่อนเพลียคล้ายคนที่นอนไม่พอ ฝ่ายทิวัตถ์เมื่อไม่ได้คำตอบก็เอ่ยประโยคถัดมา “อย่าให้เสียของ เสียน้ำใจ” ทิวัตถ์พูดดักทาง ปรีดิทาสมควรรับน้ำใจไว้แต่โดยดี ไม่ควรทิ้งขว้างหรือปามันทิ้ง “ถ้ามันเป็นยาพิษ โปรดก็ต้องรักษาน้ำใจหรือคะ” เธออดจะประชดประชันไม่ได้ “ยอกย้อนเก่ง” 

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status