Home / มาเฟีย / วิวาห์รอหย่า / บทที่ 7 อย่างน้อยเราก็เคยเป็นเพื่อนกัน (02)

Share

บทที่ 7 อย่างน้อยเราก็เคยเป็นเพื่อนกัน (02)

last update Last Updated: 2025-09-20 20:34:46

ในตอนที่ได้ยินว่าอดีตน้องชายหวนกลับไปหาคนที่ชัง เขาคิดได้ทันทีว่าเป็นเพราะมันอยากกลับไปยืนข้างๆ ลลิษา หลังจากที่ครอบครัวของปรีดิทาสร้างหนี้พนันไว้ให้ แต่ติดที่สถานะของลลิษานั้นเป็นคู่หมั้นของเขา มันจึงต้องตะเกียกตะกายไปในเส้นทางที่เกลียด แต่ตอนนี้เขาอาจจะต้องเปลี่ยนความคิด มันอาจจะมีอะไรมากกว่าที่เห็นเสียแล้ว

          ส่วนปรีดิทาก้มมองการ์ดแต่งงานในมือ สีหน้ามีความหนักใจ ไม่รู้ทิวัตถ์จะรู้เรื่องนี้หรือยัง ขณะนั้นเองเสียงเล็กๆ ก็แผดร้องขึ้น

          “แง้ง”

          ปรีดิทาทุ่มความสนใจทั้งหมดไปยังลูก แล้วรีบพาแกกลับห้องนอน ในวันนี้เธอไม่มีคาบสอนแล้ว มีจารวีช่วยจัดการเรื่องอาหารให้อย่างเคย

          แต่ผ่านมาอีกหนึ่งชั่วโมงแล้วปราณปรียากลับยังร้องไห้เป็นระยะ

          “วันนี้งอแงหรือจ๊ะ ตัวก็ไม่ร้อน”

          ด้วยความที่เธอก็เป็นหมอจึงดูอาการได้ แต่หากลูกยังโยเยไม่เลิก เธออาจจะต้องพึ่งหมอที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่านี้

          ปรีดิทาวางลูกลงบนเตียงหลังแกเลิกโยเย ตัวเธอนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ มือเอื้อมไปหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาเปิดเช็กรายละเอียดการสอนของวันพรุ่งนี้ หลังจากนั้นก็กดเข้าไปอัปเดตข่าวสารต่างๆ รวมถึงความเคลื่อนไหวของพวกเพื่อนๆ ทว่าเธอกลับเลื่อนฟีดไปเจอโพสต์ของคนคนหนึ่งเมื่อหลายวันก่อน   

          “ขนมอร่อย กินกับใครก็ฟิน โดยเฉพาะคนซื้อมาให้”

          ที่สะดุดตาไม่ใช่ข้อความ แต่เป็นมือของคนคนหนึ่งที่อยู่ในภาพสตอรีของออมสิน

          มือของเขาอย่างไรกันล่ะ ที่ระหว่างนิ้วของทิวัตถ์มีรอยสักอยู่

          มันเป็นภาษารูนที่มีความหมายเกี่ยวกับพระอาทิตย์ ที่บ่งบอกถึงความรัก ความอบอุ่น ความปลอดภัย

          ปรีดิทารู้สึกกังวลขึ้นมา ไม่รู้ว่าทำไมทิวัตถ์จึงอยู่กับออมสิน ร่วมสามนาทีที่เธอจมอยู่กับความคิดนั้น ก่อนตัดสินใจเลื่อนฟีดไปเรื่อยๆ ชั่วครู่ก็ต้องเลิกให้ความสนใจเมื่อยัยตัวเล็กแผดเสียงขึ้น

          เธออุ้มแกแล้วโยกตัวไปมา แกมีอาการงอแงเล็กๆ ปรีดิทาไม่รอช้าอีก ตัดสินใจลองปรึกษาแฟนของดนุภา ไม่นานเท่าไรใบหน้าก็หันไปตามเสียงหนึ่ง

          เสียงเครื่องยนต์ที่เธอพอเดาได้ว่าหนนี้เป็นเจ้าของบ้านที่กลับมา ตามมาด้วยเสียงทักทายของจารวี

          “สวัสดีค่ะคุณไท่”

          ก่อนหูจะได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา จนมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องของเธอ แล้วก็ค่อยๆ ห่างออกไปทางเดิม ส่วนปราณปรียาในตอนนี้กลับมีหน้าตาที่สดใสขึ้น อาการเมื่อครู่จู่ๆ ก็หายไป

          หลังลูกหลับอีกครั้ง หญิงสาวนั้นตัดสินใจทำบางอย่าง

          ก๊อก ก๊อก

          นั่นคือการเดินขึ้นมาหยุดเท้ายังหน้าห้องนอนที่เธอเคยอยู่ มือยกเคาะประตูห้อง ราวหนึ่งนาทีต่อมาประตูก็ถูกอ้าออก

          “มีอะไร” คำถามสั้นๆ ห้วนๆ ดังขึ้นทันที

          “คุณไป๋ฝากมาให้ค่ะ” ปรีดิทายื่นการ์ดแต่งงานให้แก่ทิวัตถ์ ลังเลอยู่ว่าเธอสมควรจะนำมาให้เขาดีไหม แต่ความจริงก็คือความจริง ไม่มีทางหนีพ้น

          “การ์ดแต่งงาน”

          แค่มองปราดเดียวก็พอเดาได้ว่ามันเป็นการ์ดแต่งงาน เมื่อรับมาไว้ในมือสายตาก็นิ่งมองคนที่น่าจะหมดธุระแล้วแต่ยังไม่ยอมขยับห่างจากหน้าห้อง

          “มีอะไรอีก”

          “โปรดขอเตือนอะไรสักอย่าง...ออมสินไม่ใช่คนดีนักหรอกค่ะ” ปรีดิทาเว้นจังหวะไว้ราวครึ่งนาทีก่อนจะบอกไปอย่างชัดเจน ทันใดก็ได้ฟังวาจาหยันๆ ที่โยนมากระทบหน้า

          “แล้วใครที่ดี” ทิวัตถ์เอียงคอมอง นิ้วยกขึ้นชี้

          “เธอเหรอ”

          “โปรดแค่อยากเตือนไว้ค่ะ อย่างน้อยเรา…” เธอไม่ได้อยากจะก้าวก่าย แต่เตือนด้วยความเป็นห่วงแล้วฝืนยิ้มใส่ประโยคต่อมาของตัวเอง

          “เราก็เคยเป็นเพื่อนกัน” เธออยากใช้คำว่าเคยรู้สึกดีๆ ต่อกัน แต่ไม่รู้เป็นเธอฝ่ายเดียวหรือเปล่า

          “หึ ขอบใจที่เตือน ว่าแต่ทำไม...เด็กนั่นงอแง” เขากดยิ้มลึกในคำเตือนนั้น แต่เขารู้อยู่แล้วว่าออมสินมีพิษร้าย

          “คุณรู้ได้ยังไงว่ายัยหนูงอแง” ปรีดิทามองอย่างสงสัย

          “ร้องดังขนาดนั้น ไม่สบาย?” ทิวัตถ์ตอบด้วยท่าทางนิ่งๆ ทว่าในจังหวะต่อมาเขากลับขยับตัวไปพิงกับขอบประตู มือข้างหนึ่งกำแน่น ส่วนอีกข้างยังถือการ์ดแต่งงานอยู่

          “ไม่ค่ะ แกไม่ได้มีอาการไม่สบาย แต่คงเพราะตอนนี้โปรดต้องแบ่งเวลาไปสอนหนังสือ แกเลยไม่ชินกับการอยู่กับเนมหรือรำเลยทำให้มีอาการงอแงตามมาบ้าง” หลังลองปรึกษาแฟนของเพื่อนก็ได้คำตอบมาคร่าวๆ แต่หลังจากนี้หากแกยังโยเยมากกว่าปกติคงต้องพาไปหาหมอให้ตรวจอย่างละเอียด

          ส่วนคนได้คำตอบล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง

          ทิวัตถ์ให้ความสนใจกับสมาร์ตโฟนอยู่ราวหนึ่งนาที ก่อนเขาจะยกหน้าจอโชว์ให้ปรีดิทาได้พิจารณา

          “โอนเงินให้โปรดทำไมคะ” สิ่งที่เขาให้เธอดูเป็นสลิปการโอนเงินจำนวนหกหลักจึงต้องร้องถาม

          “ฉันไม่ชอบเสียงเด็กร้อง” ทิวัตถ์ตอบง่ายๆ ตามเหตุผลของตนเอง

          “โปรดก็มีงานที่ต้องทำ” เธอพอเข้าใจความหมายของคนตัวโต แต่เธอนั้นก็มีงานต้องรับผิดชอบ ไม่อยากเสียมันไปอีก ทว่าคำโต้กลับมาทำให้เธอต่อว่าเขาอย่างตรงไปตรงมา

          “เงินนั่นมากพอที่จะใช้จ่าย มากกว่าเงินสอนพิเศษตั้งโข”

          “คุณไม่มีเหตุผล”

          “ยอมรับ”

          ทิวัตถ์เอียงหน้ารับ ไม่ดีตรงไหนที่เขาโยนหนทางที่ง่ายกว่าแบบไม่ต้องเปลืองแรงให้ แล้วยกมือข้างหนึ่งสะบัดไล่

          “ไปได้แล้ว ฉันจะพักผ่อน”

          ปรีดิทายังมีอีกเรื่องที่ต้องการจะถาม ไม่พ้นเรื่องการรักษาของนงลักษณ์ ไม่ทันได้ถามกลับมีเรื่องหนึ่งหยุดเธอไว้ สายตาจ้องมองคล้ายมีอาการตกใจนิดๆ

          “ไปได้แล้ว…ไป” ส่วนทิวัตถ์ไม่ได้ก้มหน้าลงมองตามสายตาคู่สวยที่จ้องมองบนหน้าท้องของเขา เพราะรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็เอ่ยไล่อีกรอบ ต่างกันที่น้ำเสียงติดสั่นชัดเจน ในจังหวะที่ปากนุ่มปล่อยเสียงออกมาร่างของเขาก็ทรุดลงไปกองบนพื้นห้อง

          “คุณไท่ คุณเลือดออก…พี่ไท่”    

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วิวาห์รอหย่า   บทที่ 7 อย่างน้อยเราก็เคยเป็นเพื่อนกัน (02)

    ในตอนที่ได้ยินว่าอดีตน้องชายหวนกลับไปหาคนที่ชัง เขาคิดได้ทันทีว่าเป็นเพราะมันอยากกลับไปยืนข้างๆ ลลิษา หลังจากที่ครอบครัวของปรีดิทาสร้างหนี้พนันไว้ให้ แต่ติดที่สถานะของลลิษานั้นเป็นคู่หมั้นของเขา มันจึงต้องตะเกียกตะกายไปในเส้นทางที่เกลียด แต่ตอนนี้เขาอาจจะต้องเปลี่ยนความคิด มันอาจจะมีอะไรมากกว่าที่เห็นเสียแล้ว ส่วนปรีดิทาก้มมองการ์ดแต่งงานในมือ สีหน้ามีความหนักใจ ไม่รู้ทิวัตถ์จะรู้เรื่องนี้หรือยัง ขณะนั้นเองเสียงเล็กๆ ก็แผดร้องขึ้น “แง้ง” ปรีดิทาทุ่มความสนใจทั้งหมดไปยังลูก แล้วรีบพาแกกลับห้องนอน ในวันนี้เธอไม่มีคาบสอนแล้ว มีจารวีช่วยจัดการเรื่องอาหารให้อย่างเคย แต่ผ่านมาอีกหนึ่งชั่วโมงแล้วปราณปรียากลับยังร้องไห้เป็นระยะ “วันนี้งอแงหรือจ๊ะ ตัวก็ไม่ร้อน”

  • วิวาห์รอหย่า   บทที่ 7 อย่างน้อยเราก็เคยเป็นเพื่อนกัน

    บทที่ 7 อย่างน้อยเราก็เคยเป็นเพื่อนกัน “ที่พี่สอนไป เรากลับไปทบทวนด้วยนะ” เสียงใสๆ ของปรีดิทาเอ่ยกับเด็กวัยมัธยมศึกษาผ่านโปรแกรมหนึ่งในโน้ตบุ๊ก เธอเริ่มกลับมาสอนพิเศษได้ราวๆ ห้าวันแล้ว ทุกอย่างเป็นไปเหมือนแต่ก่อน มีแต่หัวใจที่เกิดอาการพะว้าพะวง แต่ก็พยายามมีสมาธิอยู่กับการสอน “อาทิตย์หน้าเจอกันใหม่จ้ะ” ก่อนจะบอกคำปิดท้ายพร้อมยกยิ้มร่ำลา ปรีดิทาพับหน้าจอลงพร้อมขยับตัวลุกทันที สองเท้ามุ่งหน้าออกจากห้องตรงไปหาจารวีและรำนำ “ยัยหนูเป็นยังไงบ้าง งอแงไหม” เมื่อไปถึงเธอก็รับลูกมาไว้ในอ้อมกอด โชคดีที่การสอนของเธอมีช่วงเวลาพักอยู่หลายครั้งจึงเดินออกมาดูแก้วตาดวงใจได้บ้าง&nbs

  • วิวาห์รอหย่า   บทที่ 6 ข้อต่อรอง (04)

    “แปลกเนอะ แย่งของเขาไปแท้ๆ แต่กลับจิกกัดเขาไม่ยอมปล่อย” ดนุภาไม่เข้าใจความคิดของออมสินสักนิด อีกฝ่ายแสดงออกว่าชังเพื่อนของเธอมาตั้งแต่สมัยเรียน เธอเองก็มักถูกยัยนั่นหาเรื่อง จนปรีดิทาต้องห้ามทัพอยู่หลายยก เธอมองว่าคนบางประเภทต้องสาดน้ำร้อนเข้าใส่ น้ำเย็นไม่ได้ผลหรอก ไม่นานรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าแล้วเอ่ยบอกกับเพื่อน “แต่อย่างน้อยๆ แกก็ชนะแม่นั่นครั้งหนึ่ง” เพื่อนของเธอมักแพ้ออมสินเรื่องความรักเสมอ แต่อย่างน้อยครั้งหนึ่งก็ชนะ อีกฝ่ายแพ้ราบคาบเลย ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ให้หน้าเสีย “ฉันขอโทษ” ผลพวงของความสำเร็จทำให้เพื่อนของเธอเจ็บปวด มือยกขึ้นตีปากของตัวเอง ปรีดิทาสั่นหน้าว่าไม่เป็นไร พลางหันไปมองรำนำที่นั่งอยู่ถัดไป หลังเสียงสัญญาณของเครื่อง

  • วิวาห์รอหย่า   บทที่ 6 ข้อต่อรอง (03)

    เขาไม่ได้ดูสดชื่นขึ้น เหมือนคนนอนไม่ค่อยพอเสียมากกว่า ทว่าในจังหวะนั้นกลับต้องหันไปมองด้านหลัง เพราะรู้สึกว่ามีคนจ้องมอง ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ จังหวะนั้นหัวคิ้วเลิกคิ้ว เพราะเหมือนเธอเห็นผู้ชายคนหนึ่ง คนที่เอาแต่จ้องเธอในงานที่ทิวัตถ์พาไป ก่อนจะมีอีกหนึ่งเรื่องสงสัยให้รีบดึงตาไปมองคู่สนทนา “นับวันมันยิ่งทำตัวน่าสงสัย พี่เห็นมันไปเรียนต่อยมวย เรียนต่อสู้ ยิงปืนด้วย ทำอย่างกับจะไปรบกับใคร” หลายเดือนที่ผ่านมาบนร่างกายของทิวัตถ์มักมีรอยช้ำ จนเขาต้องเค้นถามจากมันจึงได้รู้ว่ามันกำลังเรียนการต่อสู้หลายแขนง “คงเพราะเขากำลังจะเข้ารับตำแหน่งแทนหยางจินละมั้งคะ” หญิงสาวคิดว่ามีสิทธิ์เป็นไปได้สูง เพราะเขาคงรู้ว่าขาข้างหนึ่งเหยียบความเสี่ยงความตายไว้ จึงจะเตรียมพร้อม ถึงอย่างนั้นก็นึกห่วงขึ้นมา แล้วหันกลับไปมองในจุดโฟกัสก่อนหน้านี้ แต่ไม่พบชายคนนั้นเสียแล้ว จึงคิดว่าตัวเองอาจจะจำผิด หรือไม่ก็แค่เรื่องบังเอิญ “ไอ้ไท่เนี่ยนะครับ” คนอย่างทิวัตถ์เนี่ยนะจะถึงขั้นขึ้นกุมบังเหียนต่อจากคนที่มันพูดถึงน้อย จนแทบจะไม่พูดถึงเลยด้วยซ้ำ แต่ไม่นานมานี้เขาพอรู้มาบ้

  • วิวาห์รอหย่า   บทที่ 6 ข้อต่อรอง (02)

    สามนาทีต่อมาก็วางถ้วยลงบนเคาน์เตอร์หน้าทิวัตถ์ จากนั้นพลิกตัวเดินกลับไปหาลูกที่ตาแป๋วรอเธออยู่ อาการโยเยหายไปจนคนเป็นแม่คลายความกังวลไปได้ ส่วนทิวัตถ์เดินขึ้นไปยังห้องของตัวเอง ขลุกอยู่กับเอกสาร โน้ตบุ๊ก โดยมีเสียงหนึ่งดังอยู่เป็นระยะ เสียงของเครื่องทำลายเอกสาร สีหน้าของคนบนเตียงมีแววครุ่นคิด เคร่งเครียด ก่อนจะหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาดู สลับกันไปมา เขาต้องจัดการสองเรื่องในเวลาเดียวกัน และเมื่อเอกสารไฟล์ใดที่ดูเสร็จแล้วก็จะถูกลบหรือไม่ก็กำจัดทิ้ง โดยชายหนุ่มเชื่อว่าอีกไม่นานเขาจะจบเรื่องหนึ่งได้หลังทำมายาวนาน ขอแค่พบตัวคนที่หลุดรอดไปได้ ร่วมสองชั่วโมงกว่าก็พับเก็บทุกอย่างแล้วยัดใส่กระเป๋า ร่างกายของเขาอ่อนล้าไม่น้อย เพราะขาดการพักผ่อนอย่างเต็มที่มาสักระยะหนึ่งแล้ว ทว่าก็หลับๆ ตื่นๆ ราวกับคนที่มีเรื่องให้คิดหรือมีเรื่องให้ระแวง เฮ้อ เมื่อตื่นขึ้นมาอีกรอบ ชายหนุ่มก็เลือกจะกระเด้งตัวมาผ่อนลมหายใจออกจากจมูก ก่อนตัดสินใจลงไปยังชั้นล่างของบ้าน เดินตรงดิ่งไปห้องรับแขก มือเปิดเลื่อนผ้าม่านมองไปรอบๆ คล้ายอยากจะเช็กความเรียบร้อย แ

  • วิวาห์รอหย่า   บทที่ 6 ข้อต่อรอง

    บทที่ 6 ข้อต่อรอง “ลลิษส่งยามาให้แล้วกินหรือยัง” ทิวัตถ์เลิกคิ้วถาม สายตาจดจ้องอยู่เบื้องหน้า ปรีดิทาเข้าใจสาเหตุที่เขากลับมาที่นี่แล้วเพราะเธอคนนั้น แล้วมองหน้าคนที่มีท่าทางเหนื่อยล้า อ่อนเพลียคล้ายคนที่นอนไม่พอ ฝ่ายทิวัตถ์เมื่อไม่ได้คำตอบก็เอ่ยประโยคถัดมา “อย่าให้เสียของ เสียน้ำใจ” ทิวัตถ์พูดดักทาง ปรีดิทาสมควรรับน้ำใจไว้แต่โดยดี ไม่ควรทิ้งขว้างหรือปามันทิ้ง “ถ้ามันเป็นยาพิษ โปรดก็ต้องรักษาน้ำใจหรือคะ” เธออดจะประชดประชันไม่ได้ “ยอกย้อนเก่ง” 

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status