“เออ...แล้วข้าจะลองคิดดู” เขตไทยพยักหน้ารับคำพูดนั้นของคณิน รู้อยู่หรอกว่าเรื่องนี้มันต้องใช้เวลาในการเยียวยา แต่คนเราจะเก็บคนที่ไม่ได้รักมาฝังใจก็ใช่ที่ ทำแบบนั้นมีประโยชน์หรือไง สำหรับเขาให้มองมุมไหนก็ไม่เห็นมีข้อดีสักข้อ “แล้วเขาไม่ชวนเอ็งมาหรือไง”“ไม่นี่หว่า สงสัยเจาะจงแค่เอ็งคนเดียว”“อืม” คณินเอ่ยรับสั้นๆ ทั้งคู่เงียบอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขตไทยจะพูดเปลี่ยนเรื่องวกกลับมาที่เรื่องงานบ้าง“อีกสองสามวันข้าจะบินไปเกาหลี จะไปดูตลาดที่นั่นสักหน่อย เห็นว่ามีคู่ค้าสนใจสินค้าพวกเซรามิคของเราอยู่หลายราย” นี่คือตลาดกลุ่มใหม่ที่เขตไทยตั้งใจจะขยายงานเซรามิคของโรงงานไป หวังว่าทุกอย่างจะประสบความสำเร็จ“ก็ดี...งานนี้ข้าฝากเอ็งด้วยแล้วกัน เพราะพักนี้ข้ายุ่งๆ จนปลีกตัวไปกับเอ็งไม่ได้”“ไม่มีปัญหา แล้วจะเอารายชื่อคู่ค้าที่นู้นมากฝาก”“จะรอ” สองหนุ่มยิ้มให้กัน ทั้งสองคนแยกแยะเรื่องงานกับเรื่
“พี่วศิณ” ภคมณเอ่ยเรียกชื่อสามีของเธอแทบฟังไม่ได้สรรพ ก่อนจะครางออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า วาบหวามจนหน้าท้องบิดเกร็ง ความเป็นหญิงร้อนผ่าวรับรู้ได้ถึงความพร้อมของตัวเอง ริมฝีปากของวศิณทำหน้าที่มอบความสุขให้แก่คนที่เขารัก ก่อนจะละจากหน้าอกทั้งสองข้างแล้วพรมจูบต่ำลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงขอบบิกินี่ตัวจิ๋วที่ภคมณสวมอยู่มือหนารั้งปราการชิ้นเล็กจิ๋วให้ออกไปจากร่างสมส่วนตรงหน้า ซึ่งภคมณก็ให้ความร่วมมือด้วยการยกสะโพกขึ้นสูง ไม่นานเธอก็เปลือยเปล่าตามด้วยวศิณที่รีบจัดการรั้งปราการด่านสุดท้ายของเขาลงไปกองที่ข้อเท้าเช่นเดียวกัน ก่อนจะจับเรียวขาของภรรยาให้แยกกว้างออก จากนั้นก็แทรกตัวลงไป ภคมณถึงกับผวาสุดแรงเมื่อลิ้นร้อนๆ ของสามีสัมผัสกุหลาบที่มีเกสรฉ่ำเยิ้มของเธอ แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกแต่ก็อดตื่นเต้นและตื่นตัวไม่ได้ลิ้นอันร้ายกาจของวศิณทำหน้าที่ปรนเปรอความสุขให้ภคมณ แต่เหมือนเขาจะไม่หยุดแค่การใช้ลิ้น เมื่อชายหนุ่มค่อยๆ ใช้นิ้วกับกุหลาบดอกงาม ภคมณส่ายหน้าไปมาสลับร้องครางเบาๆ มือทั้งสองข้างขย้ำผ้าปูที่นอนจนยับยู่คามือเพื่อระบายความรู้สึกวาบหวิวในตอนนี้
“เปล่า ก็แค่อยากบอกให้รู้” คณินยักไหล่ให้ ก่อนจะเห็นว่า ปิติญาดากำลังชะเง้อคอยาวเป็นยีราฟ มองผ่านกระจกออกไปยังจุดปั้นถ้วยชามที่คนงานกำลังวุ่นทำกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เพราะมีออเดอร์เข้ามาหลายออเดอร์ กลัวว่าของจะเสร็จไม่ทันวันกำหนดส่ง“เคยทำหรือยัง”“หา…” คนถูกถามสะดุ้ง“จะขายงานเซรามิคทั้งที เธอรู้ขั้นตอนการทำเซรามิคสักชิ้นแล้วหรือยัง”“ยัง” ปิติญาดาส่ายหน้าให้ ถึงจะเคยไปโรงงานเซรามิคมาหลายโรงงาน เรื่องทฤษฎีก็พอรู้มาบ้างแต่ยังไม่เคยปฏิบัติ ได้ยินแบบนั้นคณินก็เอ่ยชวน“งั้นไป เดี๋ยวฉันสอนให้”“ตอนนี้เลยเหรอ” คนถูกชวนถามเสียงตื่นๆ อะไรมันจะรวดเร็วปานนั้น“ใช่…จะรออะไร ไปเร็ว” ชายหนุ่มพยักหน้าให้บอกว่าเขาพูดจริงทุกคำ ก่อนจะเดินนำออกไปข้างนอก พร้อมทั้งพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นสูง ปิติญาดาหันซ้ายหันขวาก่อนจะเดินตามชายหนุ่มออกไป เมื่อมาถึงหน้าเครื่อ
“แมวต่างหาก มองยังไงเป็นสัตว์ต่างดาว ชิชิ” ปิติญาดาหันมาย่นจมูกให้ชายหนุ่มอีกครั้ง เธอวาดออกจะเหมือน เหมือนที่สุดในสามโลกด้วย“แมว! มองมุมไหนก็ไม่เห็นจะเหมือนแมว เอเลี่ยนชัดๆ” คณินพยายามเพ่งมองสิ่งที่ปิติญาดาบอกว่าเป็นแมว หูยาว บนหน้ามีหนวดฝั่งละสามเส้น หน้าตาก็ประหลาด ตัวป้อมๆ ขาแทบมองไม่เห็น สิ่งนี้เรียกว่าแมวตรงไหน ปิติญาดาจึงอธิบายให้ชายหนุ่มเข้าใจ ถึงเธอจะตกวิชาศิลปะแต่เรื่องจินตนาการละก็ไม่มีทางแพ้ใคร“ก็นี่หู ตรงนี้หนวด ตรงนี้ก็แขนกับขาที่เห็นว่าขาสั้นๆ เพราะแมวตัวนี้นั่งอยู่” คนวาดแมวเอ่ยบอกตามที่เธอจินตนาการ แต่อีกคนกลับยิ้ม“เหรอ ไม่บอกไม่รู้” คนฟังส่ายหน้าให้ พยายามจะจินตนาการแมวตามภาพที่เห็น แต่ก็จินตนาการไม่ออกสงสัยเป็นแมวพันธุ์ใหม่“นายนี่ไม่มีความรู้เรื่องศิลปะเอาเสียเลย” คนสวยเชิดหน้าให้ ถึงคนอื่นจะมองไม่ออกว่านี่คือแมว แต่ปิติญาดามองออกมีอะไรไหม แต่อยู่ๆ เธอกลับนั่งตัวแข็งทื่อเมื่อคณินยื่นมือมาใกล้ ชายหนุ่มเช็ดคราบดินที
ภายในร้านกาแฟที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม บรรยากาศรอบข้างกำลังเย็นสบาย เพราะที่เกาหลีตอนนี้ย่างเข้าหน้าหนาวแล้ว ใบไม้ทั่วเมืองกำลังเปลี่ยนสี โรแมนติกเสียยิ่งกระไร ขณะนั่งรอบรรดาเพื่อนๆ ซึ่งตอนนี้เป็นขาช้อปในตลาดเมียงดง ต้องหทัยก็สั่งโกโก้ร้อนมาดื่มฆ่าเวลา วันนี้หญิงสาวปวดท้องเพราะรอบเดือนเล่นงาน จึงขอนั่งพักไม่เดินช้อปปิ้งอย่างเช่นทุกครั้งที่มาที่นี่ในมือมีกล้องถ่ายรูปที่สามารถซูมได้ทั้งใกล้ ไกล ชัดแบบไม่เกรงใจใครอยู่หนึ่งตัว แม้จะตัวใหญ่ไปหน่อยก็ตามที แต่เธอมักจะพกติดตัวไว้ถ่ายสถานที่ท่องเที่ยวที่ชื่นชอบ พร้อมกันนั้นก็เอาไว้ถ่ายรูปหนุ่มๆ ที่หล่อเข้าตา เป้าหมายจะได้ไม่สงสัยว่าเธอกำลังมองอยู่นั่นเอง“เฮ้อ! บรรยากาศชวนให้อยากมีแฟน” คนโสดอีกคนถอนหายใจออกมา เพราะมองไปมุมไหนก็เห็นแต่หนุ่มสาวชาวเกาหลีหน้าตาสวยหล่อเดินจับมือจูงแขนกันทั้งนั้น บางคู่ก็แอบเก๋ด้วยการใส่เสื้อ กางเกง รองเท้าให้เหมือนกันบ้าง จะว่าไปในกลุ่มตอนนี้เหลือสาวโสดเพียงสองคนนั่นคือเธอกับปิติญาดา สงสัยงานนี้จะขึ้นคานเป็นแพคคู่ชัวว์!คิดเรื่องคนรักที่ไม่มีวี่แว
“เปล่า...ฉันต้องไปแล้ว เผอิญนัดเพื่อนไว้”“คุณจะอยู่ที่นี่อีกกี่วัน” ลายเจ้าชู้ไก่แจ้เริ่มทำงานอีกครั้ง คนอย่างเขตไทยไม่เคยมีวันไหนที่จะไม่บริหารเสน่ห์ หญิงสาวคนนี้ก็ถือว่าหน้าตาสวยแบบสาวหมวยตาชั้นเดียวแต่เก๋ตรงกรีดอายไลน์เนอร์ให้ดวงตาสวยคมขึ้นเป็นกอง รูปร่างอ้อนแอ้น ตัวเล็กดูบอบบาง ผิวก็ขาวเหมือนหยวก แต่ติดที่ไม่ค่อยแต่งตัวสักเท่าไหร่ ดูจะขอสวยแบบธรรมชาติเสียมากกว่า“ถามทำไมคะ” น้ำเสียงของต้องหทัยดูจะแข็งขึ้นเล็กน้อย ถึงจะหล่อแค่ไหนแต่เจ้าชู้ไก่แจ้เธอก็ไม่ขอเล่นด้วยหรอกนะ เพราะไม่อยากเป็นของเล่นของใครหรือตบตีเพื่อแย่งแค่ผู้ชายให้เสียเวลา“ผมแค่อยากเลี้ยงข้าวตอบแทนกับเรื่องที่คุณช่วยผมไว้”“ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย”“เอาเป็นว่าผมอยากเลี้ยงข้าวแล้วกัน คุณสะดวกวันไหน” เขตไทยรุกตามขั้นตอน ก่อนจะส่งสายตาพิฆาตอันมีเสน่ห์มัดใจสาวไปยังต้องทหัย หวังให้เธอใจอ่อนและแสดงท่าทางขัดเขินออกมา แต่ทุกอย่างกลับผิดคาดเมื่อหญิงสาวยังนั่งน
“คุณเขตทำงานอะไรคะ” ปิ่นแก้วเอ่ยถามขึ้น เพราะอยากรู้ข้อมูลส่วนตัวของชายหนุ่มนั่นเอง โชคดีหน่อยที่เธอนั่งติดกับเขา“ผมมีโรงงานเซรามิคที่ลำปางครับ นี่ก็มาติดต่อลูกค้า”“ว้าว...อย่างนั้นเหรอค่ะ” คนถามทำเสียงตื่นเต้น แต่อีกสามสาวเฉยๆ ปล่อยให้ทั้งคู่คุยกันไป ส่วนพวกเธอก็เลือกอาหารก่อนจะเรียกพนักงานมารับออเดอร์“แล้วนี่ทุกคนมาเที่ยวหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้น เขาสบตากับปิ่นแก้วแต่หางตานั้นกลับมองไปยังต้องหทัย“ใช่ค่ะ พวกเราเป็นสาวกเกาหลี มาที่นี่บ่อยมากเหมือนบ้านหลังที่สองก็ว่าได้” ปิ่นแก้วเอ่ยตอบ หญิงสาวขัดเขินกับแววตาของเขตไทยไม่น้อย ตีความเอาเองว่าชายหนุ่มก็สนใจเธอ มาคราวนี้สงสัยจะได้กิ๊กกลับไปเมืองไทยด้วยแน่ๆ เพราะเธอนั้นมีแฟนแล้วเป็นตัวเป็นตน แต่ถ้ากิ๊กน่าสนใจกว่าแฟนเธอก็ทิ้งแฟนแล้วมาคบกับกิ๊กได้แบบไม่ต้องคิดมาก“ถ้าอย่างนั้นก็รู้ทุกซอกทุกมุมของที่นี่แล้วสิครับ”“ถ้าเป็นเรื่อง
ต้องทหัยนั้นสั่งตัวเองให้ใจแข็งเข้าไว้ ไม่ยอมเผลอใจไปกับท่าทีหมาหยอกไก่ของชายหนุ่มง่ายๆ ถึงลึกๆ จะชอบเขาเป็นทุนเดิม แต่ใช่ว่าเขาจะชอบเธอตอบเสียหน่อย และดูท่าว่าชายหนุ่มเองก็เสน่ห์แรงไม่เบา เพราะบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งเกาหลีและต่างชาติ ต่างจับจ้องมาที่ชายหนุ่มที่นั่งกับเธอคนนี้เป็นระยะๆ และดูท่าเขาจะชอบเป็นเป้าสายตาของบรรดาสาวๆ เสียด้วย ยังไม่ทันจะได้เริ่มหญิงสาวก็ถอดใจเสียแล้ว คู่แข่งเยอะแบบนี้ สู้เธอชอบกับผู้ชายธรรมดาๆ มองเธอเพียงคนเดียวจะดีเสียกว่าแต่สำหรับเขตไทย คืนนี้เขาไม่ได้จงใจหว่านเสน่ห์ให้ผู้หญิงอื่นนอกเสียจากผู้หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาในเวลานี้ ชายหนุ่มพยายามงัดเสน่ห์ที่มีทุกอย่างมาใช้กับเธอ ทั้งการพูดคุย หยอกล้อ แต่กลับไม่เป็นผล เพราะต้องทหัยยังนิ่ง คล้ายไม่สนใจเขาเสียด้วยซ้ำ ชายหนุ่มจึงรู้สึกเสียหน้านิดๆ ถ้าคณินรู้ว่าเขาจงใจจีบหญิง แต่จีบไม่ติดเพราะหญิงคนนั้นไม่สนใจ ได้หัวเราะดังไปสามบ้านแปดบ้านแน่นอน“นี่ก็ดึกแล้ว ฉันขอตัวก่อนดีกว่า”“ผมขึ้นไปส่ง” ชายหนุ่มเอ่ยอาสา แต่ต้องทหัยกลับเลี่ยงเพราะไ
“ปล่อยเธอได้แล้วเสี่ย” เสียงของคณินดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเสี่ยโกศลลงเรือไปแล้ว“เออ...” เสี่ยโกศลยอมทำตามสัญญาของลูกผู้ชาย แม้ลึกๆ ยังอยากได้ตัวประกันไว้กับตัว เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะรอดจากตำรวจได้จริงๆ แต่พอมาคิดดูปิติญาดาจะเป็นภาระในการหนีเสียมากกว่า และมั่นใจว่าวิธีหนีทางน้ำของตนนั้นต้องได้ผลแน่ เนื่องจากมีจุดลับขึ้นฝั่งไว้ในใจ ซึ่งทางตำรวจต้องคิดไม่ถึงเสี่ยโกศลใช้ปลายปืนแตะหลังของปิติญาดาให้เดินกลับขึ้นไป หญิงสาวค่อยๆ เดินเข้าหาฝั่ง เมื่อถึงคณินก็ยื่นมือมารับ ทั้งคู่กอดกันกลม หัวใจของปิติญาดาเต้นแรงพอๆ กับหัวใจของคณิน เขาโล่งอกที่เธอปลอดภัยแต่สถานการณ์กลับเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อเสียโกศลเลือกที่จะเอาคืนปิติญาดาให้หายเจ็บใจ จังหวะที่บังคับเรือเพื่อจะหลบหนีกลับเล็งปลายกระบอกปืนมายังหญิงสาว หวังจะยิงแก้แค้นที่กล้าสมรู้ร่วมคิดกับตำรวจซ้อนแผนจับเขาแบบนี้ปัง!เสียงปืนดังขึ้นอีกหนึ่งนัด ปิติญาดาสะดุ้งเพราะเมื่อครู่เธอถูกเหวี่ยงให้มาหลบอยู่ในอ้อมกอดของคณิน ชายหนุ่มรับกระสุนปืนนัดนี้แทนเธอ ร่างหนาถึงกับทรุด&ld
ปัง!เสียงปืนที่ดังขึ้นหนึ่งนัด ทำให้เสี่ยโกศลไหวตัว เพราะเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ ส่งของวันนี้ก็รู้สึกเสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก จะหมุนตัวกลับแต่รถก็อยู่ไกลเกินไป ถ้าถูกจับได้จะไม่คุ้มเสี่ยง จึงต้องหาตัวประกัน ซึ่งจะมีใครเหมาะกับตำแหน่งนั้นไปเสียไม่ได้ นอกเสียจากปิติญาดาเมื่อคิดแบบนั้น จึงตรงเข้าไปหาเป้าหมายซึ่งเธอยืนนิ่งอย่างไม่รู้ตัว คณินเห็นว่าเสี่ยโกศลเดินตรงไปหาปิติญาดาแล้วและรู้ว่าต้องมีแผนไม่ดีแน่แต่เขากลับขยับตัวช้าไป เพราะตอนนี้เสี่ยโกศลถึงตัวหญิงสาวเสียแล้ว พร้อมกับปืนที่นำมาจ่อข้างขมับเธอ“พี่คิงส์”“ทำอะไรนะเสี่ย...ปล่อยเธอ!” สีหน้าของคณินบ่งบอกว่าชายหนุ่มโกรธมากที่เสี่ยโกศลเลือกใช้วิธีนี้ แต่มีหรือคนถูกสั่งจะยอมทำตามง่ายๆ ถ้าไม่มีอะไรก็ดีไป แต่ถ้ามีขึ้นมาเขาต้องไม่ถูกจับ ต้องรอดออกไปจากที่นี่ให้ได้ สิ่งที่เสี่ยโกศลทำในตอนนี้เหมือนย้ำในความผิดของตนให้ชัดขึ้น ถ้าไม่ร้อนตัวก็คงไม่หาทางออก“ปล่อยให้โง่น่ะสิวะ พวกมึงคิดจะจับกูเหรอ ไม่มีทาง”“จับอะไร ผมไม่รู้เร
งานด้านนอกที่ได้รับหมอบหมายนั้นเหมือนจะไม่มีอะไรมาก ก็แค่การจัดเตรียมของใส่สายพานให้เคลื่อนเข้าไปภายในเท่านั้น แม้จะถามคนที่ทำงานด้วยว่าด้านในมีอะไรแต่ก็ไม่มีใครพอจะให้คำตอบอนุภพได้เลยสักคน ขณะทำงานก็คอยสังเกตรอบๆ ตัวไปด้วย แต่ก็นึกอะไรขึ้นได้ ร้อยตำรวจเอกอนุภพถือวิสาสะเดินเข้าไปภายในส่วนต้องห้ามทันที พอเห็นว่าด้านในทำอะไรอยู่เขาถึงกับตะลึง เพราะตรงหน้าคือขั้นตอนการลักลอบนำเฮโรอีนใส่ไว้ใต้ฐานเซรามิคที่จะส่งออก ในที่สุดเขาก็รู้จนได้“เอ็งเข้ามาทำอะไรในนี้ รีบออกไป” ดำเอ่ยสั่งเสียงห้วน เพราะไม่อยากให้เสี่ยโกศลมาเห็น เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะคนที่เข้ามาในนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นตายมานักต่อนักแล้ว“ขอโทษทีพี่ดำ ฉันลืมเอาเงินค่าส่งยานี่ให้พี่”“เออๆ เสร็จแล้วเอ็งก็ออกไป ไป!” ขณะพูดก็ดันหลังอนุภพให้กลับออกไปด้วย นายตำรวจหนุ่มก็ยอมทำตามอย่างไม่อิดออด อย่างน้อยตอนนี้เขาก็รู้ขั้นตอนที่สำคัญเข้าให้แล้ว ที่เหลือก็แค่จับกุมเสี่ยโกศลในวันส่งของให้ได้คาหนังคาเขา คล้อยหลังที่อนุภพเดินกลับออกไปเสี่ยโกศลก็เดินออกมา“ใครดำ”
หลังจากสร้างข่าวและทำตัวให้เป็นที่น่าสนใจนานพอสมควรหมิงต้าก็เริ่มขยับตัวอีกครั้ง โดยเริ่มจากการรับนัดมิสเตอร์จางเป็นคนแรก การพูดเริ่มต้นแบบไม่มีอ้อมค้อม เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่าต่างฝ่ายต่างทำอะไรในธุรกิจมืด ฟังผิวเผินจะเหมือนการต่อรองธุรกิจทั่วๆ ไป แต่สินค้าที่พวกเขาหมายถึงนั่นคือเฮโรอีน ด้วยความที่มิสเตอร์จางอยากได้หมิงต้าคนนี้เข้าร่วมกลุ่มด้วยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การเจรจาซื้อขายจึงดูจะง่ายสำหรับนายตำรวจนอกเครื่องแบบมาก“แล้วนี่คุณจะนำของจากไทยเข้าจีนได้ยังไงกัน” แม้จะรู้ช่องทางแต่หมิงต้าก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ มิสเตอร์จางคลี่ยิ้มก่อนจะยอมบอกเพราะเห็นว่าเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกัน“ง่ายจะตายไป วิธีง่ายๆ ที่ใครก็คิดไม่ถึง”“อืม…ผมชักอยากจะเห็นกับตาแล้วสิว่าวิธีที่ว่านั่นคืออะไร” หมิงต้าอมยิ้ม สบตามิสเตอร์จางให้เห็นว่าเขาเป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู“วันรับของก็รู้เองครับ”“ผมจะรอวันนั้น” มิสเตอร์จางพยักหน้ารับ คิดไม่ผิดที่ขอพบหมิงต้า เพราะเขาสั่งซื้อในจำนวนมหาศาลจริงๆ ลูกค้าเก่าเทียบไม่ได้สักคน ถ้าได้ทำงานด้วยหลายคร
“แน่ใจเหรอครับ”“คิงส์!” เพ็ญแขผุดขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่แทบจะทันที ก่อนจะมองหน้าสามีเลิ่กลัก มงคงปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะเอ่ยถาม หวังให้ลูกชายไม่ได้ยินการสนทนาของเขากับภรรยาเมื่อครู่ แต่เหมือนจะไม่เป็นผล“มาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก”“ก็นานพอที่จะได้ยินพ่อกับแม่คุยกันเรื่องคลุมถุงชนอะไรนั่น ตกลงแล้วพ่อของน้ำมนต์ยังไม่เสียชีวิตใช่ไหมครับ เจ้าหนี้บ้าๆ นั่นก็คงไม่มี เรื่องทั้งหมดก็แค่การจัดฉากให้ผมกับเธอแต่งงานกัน” คณินมองพ่อและแม่สลับกันไปมา ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมถึงคิดทำเรื่องใหญ่โตแบบนั้นได้ ในเมื่อความลับไม่เป็นความลับอีกต่อไป มงคลจึงเอ่ยตามความจริง“ที่พ่อกับแม่ทำก็เพราะหวังดีทั้งนั้น ถ้าไม่ทำแบบนี้ลูกกับหนูน้ำมนต์ก็คงไม่ได้แต่งงานกัน”“ความหวังดีมีอีกตั้งมากที่จะแสดงออก แล้วที่สำคัญพ่อกับแม่รู้ได้ยังไงว่าผมกับเธอจะไปด้วยกันได้จริงๆ”“แต่ตอนนี้พ่อกับแม่ก็คิดไม่ผิดไม่ใช่เหรอ แกกับหนูน้ำมนต์กำลังรักกันอยู่” คำพูดของพ่อคณินไม่ปฏิเสธ แต่ถ้าผลที่
“ได้ข่าวน้ำมนต์หรือยังค่ะพี่วศิน” นี่คือประโยคที่ภคมณมักจะถามสามีของเธอเป็นประจำ“ยังเลยครับ แต่ไม่มีข่าวร้ายเข้ามา เราก็คงโล่งอกไปได้บ้าง” วศินโอบรอบเอวภรรยา ที่พักนี้ดูจะมีน้ำมีนวลมากขึ้น แต่ก็ไม่กล้าทักเพราะกลัวภคมณจะงอน ตีความหมายคำว่ามีน้ำมีนวลของเขาเป็นว่าเธออ้วน งานได้เข้าแน่ๆ“เฮ้อ!” ภคมณถอนหายใจออกมาเพราะกลุ้มใจเรื่องนี้ ทุกวันที่ผ่านไปหญิงสาวกังวลแต่เรื่องของปิติญาดาจนลืมสังเกตความผิดปกติที่เกิดกับร่างกายของตัวเอง เมื่อเธอเข้าไปนั่งในห้องรับแขกเด็กรับใช้ที่บ้านก็ถือถาดมะม่วง มะยมและอีกสารพัดของเปรี้ยวของมาให้นายสาวตามคำสั่งคนท้องซึ่งยังไม่รู้ตัวหยิบผลไม้รสเปรี้ยวเข้าปาก ขณะเคี้ยวสีหน้าไม่ได้แสดงอาการว่าเปรี้ยวแต่อย่างใด แต่คนมองอย่างวศินกลับรู้สึกเสียวฟันเสียเอง แต่สักพักก็ตาโตก่อนจะวิ่งขึ้นไปห้องนอนที่อยู่ชั้นบน ควานหากล่องอะไรสักอย่างในลิ้นชัก เมื่อพบก็รีบวิ่งลงมาหาภคมณที่ชั้นล่างซึ่งยังไม่ละมือจากของเปรี้ยวตรงหน้า“เข้าห้องน้ำ” เสียงตื่นเต้นของวศินเอ่ยบอก หัวใจเข้าเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ
หลังจากถูกจับตัวมานานหลายชั่วโมง ปิติญาดาก็ถูกปล่อยตัวให้กลับบ้านได้ เธอตั้งมั่นในใจว่านี่ต้องเป็นการถูกตำรวจจับครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายของเธอ แต่ก่อนจะเข้าบ้านคณินแวะไปดูความเรียบร้อยที่โรงงาน แต่สั่งให้หญิงสาวนั่งรออยู่ในรถเท่านั้น จามรถูกเรียกตัวเข้าพบก่อนที่ผู้เป็นเจ้านายจะสั่งการอะไรบางอย่าง แม้จะไม่รู้อะไรมาก แต่จามรก็พยักหน้ารับหลังจากเสร็จธุระที่โรงงาน คณินก็ขับรถพาปิติญาดากลับบ้าน แต่ก็มาพบอีกหนึ่งหนุ่มที่นั่งรอหน้าเครียดอยู่ คณินดุนหลัง ปิติญาดาให้เข้าไปในบ้านก่อน หญิงสาวก็ยอมทำตามเพราะรู้สึกเหนื่อยมากแล้วนั่นเอง เขตไทยได้แต่มองตาม เพราะรู้ว่าเขาจะถามเอาความจริงจากเพื่อนได้“วันนี้เกิดอะไรขึ้นวะไอ้คิงส์”“เปล่า”“เปล่าอะไร ป้าชื่นบอกข้าว่าวันนี้ตำรวจไปจับน้องน้ำมนต์ถึงโรงงาน เรื่องบ้าอะไร ถ้ายังเห็นว่าข้าเป็นเพื่อนรักอยู่ละก็ เล่ามาให้หมด”“ข่าววงในจริงนะเอ็ง” คณินส่ายหน้า เขาอุตส่าห์กำชับคนทั้งโรงงานว่าให้เก็บเรื่องนี้ไว้อย่าพูดเด็ดขาดหรือถ้าจะพูดก็ให้พูดในเรื่องที่เขาแต่งขึ
เมื่อมาถึงสถานีตำรวจ เธอก็ถูกนำตัวให้มานั่งอยู่ในนี้คนเดียวอยู่นาน ปิติญาดานั่งตัวสั่นภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ได้กว้างนัก ไม่มีใครเข้ามาพูดด้วยหรือบอกว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น ตำรวจที่พาตัวเธอมาก็ไม่รู้หายกันไปไหนหมด หญิงสาวกระวนกระวายใจเป็นที่สุด คิดไปต่างๆ นานา ถึงสาเหตุที่เธอถูกจับมาที่นี่ แต่ก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ จึงเลือกที่จะนั่งอยู่นิ่งๆขณะที่ภายนอก นายตำรวจชุดที่ไปบุกจับปิติญาดามานั้นก็กำลังนั่งปรึกษาหารือกันอยู่ พวกเขาไม่ได้วู่วาม แต่ทำตามคำสั่งของเบื้องบนจากกรมตำรวจเช่นเดียวกัน เพราะคดีนี้โยงใยไปหลายประเทศ พยายามควานหาตัวผู้เกี่ยวข้อง และคนที่พวกเขาจับมาวันนี้ดูจะหาตัวง่ายที่สุด ซึ่งเรื่องนี้นายตำรวจคนหนึ่งเกิดความสงสัยอยู่ในใจว่าปิติญาดาจะเกี่ยวข้องจริงหรือแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น เมื่อปรึกษากันเรียบร้อยจึงเปิดประตูเข้าไปภายใน“ตกลงจะบอกดิฉันได้หรือยังคะ ว่านี่เกิดอะไรขึ้น” แม้จะหวาดกลัวแต่ปิติญาดาก็พยายามคุมสติไว้ เธอต้องรู้ให้ได้ว่าถูกพาตัวมาที่นี่เพราะอะไร หญิงสาวจ้องนายทำตรวจทั้งสามเขม่ง“รู้ตัวว่าผิดก็รับผิดมาซะเถอะ โทษหนักจะ
แต่มรสุมอีกลูกกำลังถาโถมใส่ปิติญาดา เพราะขณะนี้ร้อยตำรวจเอกอนุภพได้ข่าวทางลับของเสี่ยโกศล หลังจากตามสืบมานาน นายตำรวจหนุ่มลงทุนปลอมตัวเข้าไปเป็นคนงานในโรงงานของเป้าหมาย กว่าจะได้ข่าวนี้มาไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ เขาเอาชีวิตไปเสี่ยงดีๆ นี่เอง แต่ด้วยหน้าที่รับใช้ชาติเขาก็ต้องทำอย่างสุดความสามารถ สืบไปสืบมาถึงได้รู้ว่าเสี่ยโกศลทำอะไรไว้บ้าง แต่ที่น่าหนักใจคือเรื่องนี้เกี่ยวกับคณินด้วยนี่สิ“ไอ้คิงส์เข้าไปเกี่ยวด้วยได้ยังไงวะ” นายตำรวจหนุ่มคิ้วขมวด เพราะสินค้าต้องสงสัยถูกส่งมาจากโรงงานของคณิน หรือเพราะเหตุนี้คณินถึงได้ไว้วานให้เขาตามสืบเสี่ยโกศลลับๆ แต่อนุภพก็ต้องรายงานข้อมูลที่ได้ให้ผู้บังคับบัญชารับรู้ เพื่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับคนร้านค้ายาเสพติดรายนี้แต่ก่อนที่คำสั่งจากเบื้องบนจะลงมา นายตำรวจหนุ่มก็รีบเข้าไปหาคณินที่บ้านทันที เพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงแม้ด้วยหน้าที่เขาจะไม่สามารถบอกอะไรได้ก็ตาม แต่ความเป็นเพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อน เพราะมั่นใจว่าคณินไม่รู้เรื่องนี้แน่นอน แต่เหมือนจะเอะใจขึ้นมาได้ ผู้กองหนุ่มจึงห