LOGINย้อนกลับไปเมื่อช่วง ม.4
“แม่ฝากซื้อเข็มหมุดปักบอร์ดหน่อยลูก” เข็มหมุดที่ว่านั่นแม่จะเอาไปปักโพสอิทให้ลูกค้าเขียนในวันวาเลนไทน์ จำได้แม่นเลยว่าเข็มหมุดที่ซื้อวันนั้นเป็นสีชมพูพิง ซึ่งมันควรจะไปปักที่บอร์ด แต่....ระหว่างทางที่กำลังกลับคาเฟ่พักพิงนั้น มันกลับไปปักอยู่ที่ล้อรถมอเตอร์ไซต์เวสป้าคันสีดำคันหนึ่ง คิดว่าน่าจะพึ่งออกใหม่ซะด้วยสิ ดูจากสีรถ เงาวับสะท้อนเเสงระยิบระยับแยงตาไปหมด ส่วนตัวฉันนั้นได้นั่งพับเพียบยิ้มแห้งงงงงให้เจ้าของรถ “ขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจอ่ะ เราสะดุดล้มเข็มหมุดมันก็......เลยกระโดดไปไกล.....ไปหน่อย แฮะๆ” คิดว่าไม่หน่อยนะเกลื่อนถนนเลย ปักล้อรถเขาน่าจะถึง 10 อัน ได้มั่ง ^^! “ขอโทษด้วยค่ะ” ฉันรีบลุกวิ่งไปเก็บหมุดก่อนเลย เพราะว่ากลัวรถคันอื่นจะเหยียบเข้าอีก ยังดีที่ถนนช่วงเวลานี้ไม่ค่อยมีรถขับผ่าน “หื้มมม?” “เดี๋ยวช่วยเก็บ” “ไม่เป็นไร นายรอก่อนนะเดี๋ยวเราจะโทรหาแม่เรียกช่างเอารถไปส่วนค่าซ่อมเรารับผิดชอบเอง” ฉันก้มเก็บหมุดไปพูดไป “ขาเธอ เลือดออก” “ห๊ะ อ้าววว.... T^T….เจ็บ” พอก้มลงดูแผลเท่านั้นแหละเจ็บขึ้นมาเลย ฮือออออน้ำตาซึมค่ะงานนี้ ทว่า แขนบางถูกคลองด้วยมือของชายหนุ่มตรงหน้า “ไปนั่งเถอะ” เขาพาฉันมานั่งโต๊ะข้างร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ ก่อนที่มือใหญ่จะหยิบถุงผ้าจากมือฉัน วิ่งไปเก็บต่อจากฉันจนหมด ใจดีจัง “ขอบคุณนะ” ฉันหยิบถุงผ้าจากมือเขาคืน “รอตรงนี้แปปนึง” และเขาก็วิ่งไปอีกแล้ว แต่คราวนี้วิ่งเข้าร้านสะดวกซื้อแฮะ ระหว่างรอ ฉันเลือกที่จะกดโทรหาแม่ “แม่คะ ฟอนต์ทำรถมอเตอร์ไซค์คนอื่นพัง แม่มาช่วยฟอนต์หน่อยได้ไหม” “ฟอนต์ไม่เป็นไรค่ะแม่” “ค่ะ แม่รีบมานะ” “จะแสบหน่อยนะ “คะ ?” ฉันก้มลงมองชายหนุ่มตรงหน้าที่เข้าไปซื้อของเมื่อกี้ อย่าบอกนะไปซื้อยามาทำแผลให้ฉันน่ะ และใช่ เขานั่งลงที่พื้นก่อนจะหยิบสำลีชุบน้ำเกลือล้างแผลซับเลือดตรงเข่าให้ฉัน ......ใจดีจัง...... แต่...... “แสบ” เพียงแค่เริ่มเช็ดด้วยน้ำเกลือก็แสบซะแล้ว “ฟู่~ ฟู่~ หายไหม” ที่ไม่คาดคิดไปกว่านั้นคือเขาเป่าแผลเพื่อให้ความแสบบรรเทาลง เล่นทำใจฉันอุ่นวาบขึ้นมาซะดื้อๆ อะไรกันความอบอุ่นนี้....... “อืม” ฉันพยักหน้าตอบนายใจดี และแล้วก็จบด้วยการแปะปลาสเตอร์ลายเมโลดี้สีชมพู น่ารักๆ “ขอบคุณนะนายใจดี และก็ขอโทษด้วยที่ทำรถนายใจดีพัง” “นายใจดี?” “ใช่ นายใจดี” มือเธอชี้ไปที่คนตรงหน้า “ธีร์ เราชื่อธีร์” คนตรงหน้าเผยรอยยิ้มบางๆ แค่แว็บเดียว แต่เป็นแว็ปเดียวที่น่ามอง.....และกลับทำให้ฉันจดจำจนต้องเผลอยกยิ้มกลับให้ธีร์บ้าง “ฟอนต์เราชื่อฟอนต์นะ ยินดีที่ได้รู้จัก” หลังจากที่เจอกันครั้งนั้น โชคชะตาก็นำพาให้เรามาเจอกันอีก ธีร์ย้ายมาอยู่โรงเรียนเดียวกับฉัน แถมยังอยู่ห้องด้วยกันอีก แถมเราสองคนก็ยังงงๆ มาสนิทกันจนเป็นเพื่อนสนิทกันไปอีก จนตอนนี้ ม.6 กันแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเข็มปักหมุดกับเวสป้าจะนำพาพวกเรามาสนิทกัน แฮะๆ ฟังดูมันน่าจะเข้ากันที่ไหนล่ะ ณ สนามบาส “แกว่าธีร์จะมาป่ะ” เอ๊ะ! เสียงอะไรที ธีร์นะ ฉันหยิบหนังสือขึ้นปิดบังหน้าตัวเองเอาไว้ แอบเอียงหูฟังกลุ่มข้างๆ เม้าท์กัน “มาสิ ฉันส่องธีร์มาทั้งอาทิตย์เเล้ว ธีร์เขามาเล่นทุกวัน” “วันนี้แหละฉันต้องได้ธีร์มาเป็นแฟนให้ได้เลย” “............” ใช่แน่ๆ ธีร์ที่ว่าคือ ไอบ้าใจดีของฉันแน่ๆ “แกสวยเว้ยฟ้า เชื่อฉัน ธีร์ต้องชอบแกแน่ๆ” “จริงเหรอแก” “มันต้องแน่อยู่แล้วป่ะ สวยๆ รวยๆ แบบแกอ่ะผู้ชายคนไหนจะไม่ชอบบ้าง แถมเมื่อวันศุกร์ฉันเห็นพวกแกคุยกันด้วยนี่ แม๋ๆดูน่ารักเชียวนะย่ะ” “น่ารักกับผีนะสิ!” คุยกันด้วยเหรอไม่เห็นไอเวสป้าเล่าให้ฟังเลย หื้ยยย…. ขวับ! เชี่ยเผลอหลุดปาก ทำทั้งกลุ่มนางหันมองฉันตาขว้างเลยทีเดียว “เอ่อ...แฮะๆ หนังสือนี่ดีนะ น่ารักเป็นบ้า” “หนังสือทำขนม? น่ะเหรอ” จ้ะหนังสือนี่ไม่มีหรอก ฉันพูดว่าพวกเธอเอง พูดได้พูดไปนานแล้ว นั้นอะ 5 รุม 1 เลยนะเว้ย อย่าปากเก่งโว้ยฟอนต์อยู่เฉยๆ ดีกว่า “โอ๊ะ นักกีฬามากันแล้ว” “ไหนอะ อ้อ งื้อออออ ธีร์น่ารักเนาะ หล่อเป็นบ้าเลยอ่ะ” พวกเธอเลิกสนใจฉันหันไปสนใจไอบ้าเวสป้าแทน ธีร์หันมายิ้มโบกมือมาฝั่งนี้ แน่นอนฉันรีบก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เอา “แกรรร เขาโบกมือให้ฉันป่ะ ธีร์ยิ้มด้วยอะแก เขิลอ่าาาา” “หล่ออ่ะฟ้า” “ไม่ต้องเลยยัยโอ๋ เขาเป็นของฉันย่ะ” ‘ของเธอเลยเหรอ’ คิ้วฉันกระตุกยิกๆ รำพันภายในใจ “แต่ธีร์จะเหมาะกับฟ้าเหรอ เหมือนฉันจะได้ยินว่าที่บ้านธีร์กำลังมีปัญหาเรื่องเงินนะ แบบว่าล้มละลายน่ะ” “ช่างสิ คบเล่นๆ ไปก็ได้นี่ เบื่อค่อยทิ้งก็ได้” (-__-) บทสนทนาที่เริ่มจะฟังดูไม่เข้าหูมันทำให้ฉันต้องละจากหนังสือ พ้นลมหายใจขยับถอยออกมาให้ห่าง เพราะไม่อยากได้ยินบทสนทนาเน่าๆ พวกนี้ หยิบหูฟังขึ้นมาฟังเพลง พลางกับกินขนมที่ธีร์ซื้อมาให้ มองไปที่สนามบาสนักกีฬาเริ่มทยอยออกมาวอมกันแล้ว เขาแค่ล้ม.....ก็ทิ้งเขาได้ง่ายๆ เลยเหรอ ดูใจร้ายจังนะ เป็นเธอต่างหาก....ที่ไม่เหมาะกับธีร์ของฉั ฟึบ ฟึบ “...” ฉันขมวดคิ้วเอียงคอมองมือที่โบกไปมาตรงหน้าฉัน “หวัดดี” ฉันถอดหูฟังข้างหนึ่ง มองคนตรงหน้าที่ถือวิสาสะขยับมานั่งข้างๆ ฉัน เรารู้จักกันด้วยเหรอ? การซ้อมช่วงแรกที่แค่เริ่มต้นก็ดูดุเดือดขึ้นเสมือนลงเเข่งขันจริง นักกีฬาทุกคนต่างจดจ่ออยู่กับลูกบาสทำยังไงมันถึงจะมาอยู่ในมือและชู๊ตมันลงห่วงฝ่ายตรงข้ามให้ได้ และในที่สุดมันก็มาอยู่ในมือเขาจนได้ ธีร์เลี้ยงลูกบาสขึ้นฝั่งตรงข้ามพร้อมจะชู้ตบาสลงห่วงฝ่ายตรงข้าม ทว่า.... “ไอ้ธีร์ เอาเลย ชู้ตเลยเว้ย” จังหวะนั้นสายตาเขามันดันไปเห็นคนตัวเล็กที่ควรจะนั่งอ่านหนังสือทำขนมอยู่ กลับไม่ได้นั่งเพียงคนเดียว คิ้วหนาขมวดคิ้วเมื่อเห็นใครอีกคนนั่งข้างเธอ เสือกนั่งใกล้ชิดเธอด้วยสิ แม่ง! “มันเป็นใคร” “ไม่รู้ว่ะ แต่ลูกนี้กูขอนะเพื่อน” ผมปล่อยลูกบาสให้หลุดมือไปได้อย่างง่ายดาย รีบวิ่งไปหาโค้ช “ไอธีร์มึงจะวิ่งมาทำไม ไปซ้อมต่อ แล้วลูกง่ายๆ ทำไมไม่ชู้ตห๊ะ ปกติฝีมือระดับเทพ ทำไมวันนี้มึงเล่นกากวะธีร์” (-__-) ตาแกนี่บ่นเป็นชุดหมูกะทะเลย “ขอพักครึ่งแรกนะโค้ช ใจไม่ได้อยู่ที่ลูกบาสครับตอนนี้” “สัตว์ มึงพึ่งลง ห่าใจกูนี่แหละจะวาย เห๊ย...ไอ้ธีร์” ไม่อยู่ฟังตาแก่บ่นนาน ผมรีบวิ่งไปหาฟอนต์ก่อนเลย ไอ้เชี่ยนั้นมันเป็นใครวะ อยู่มาตั้งนานไม่เคยเห็น ไม่รู้หรือไงว่าคนนี้ห้ามยุ่ง! “เราชื่อเต้นะ เธอชื่อไรอะ” “......” ฉันเขยิบเว้นระยะห่างจากเต้หน่อย ก่อนจะยกหนังสือขึ้นมาอ่านอย่างไม่สนใจ คือไม่ใช่ว่าหยิ่งนะ แต่ฉันไม่อยากรู้จักนาย แค่ความรู้สึกมันบอกมาแบบนั้น “ชอบทำขนมเหรอ” “...” “เรารู้จักครูที่สอนทำขนมเก่งๆ ด้วยนะ” “เห้อ” ฉับพับหนังสือลง หันมองนายเต้สายตาจริงจัง ว่าจะไม่สนใจแล้วนะ.... “แนะนำหน่อยสิ” ^^ งื้มมมมมม ช่วงนี้นอกจากอ่านหนังสือทำขนมแล้ว ฉันยังสนใจเรื่องการทำขนมอีก ตอนนี้คือกำลังดูๆ สถานที่สอนทำขนมที่น่าสนใจอยู่ “เราไม่ค่อยรู้รายละเอียดเท่าไรอะดิ ไว้จะถามแม่ให้นะ เพื่อนแม่เราเปิดสอนทำขนมเค้กอ่ะ” “อ่า.....ขอบคุณนะ” คำตอบที่ดูไม่มีน้ำหนัก เหมือนจะเชื่อไม่ได้เลยแฮะ แล้วทำไมต้องขยับมาใกล้ๆ กันด้วย นี่เธอถอยจนจะตกที่นั่งแล้วนะ “งั้นเอางี้ดีกว่า เราขอไลน์เธอไว้ได้ป่ะ ไว้เราจะส่งรายละเอียดไปให้” “ไม่ดีกว่า เราหาที่เรียนเองก็ได้” ฉันไม่ค่อยจะเชื่อที่นายคนนี้พูดสักเท่าไร แล้วอีกอย่างฉันเริ่มอึดอัดแล้วด้วยสิ “เรารู้จักจริงๆนะ เดี๋ยวเปิดรูปให้ดูเลย” เต้ก็ยังพยายามไล่หารูปมายืนยันกับฉัน....แต่จังหวะนั้นเสียงทุกอย่างในหูฉันมันกลับดับ เงียบลงทันควัน มีเพียงเสียงเดียวเท่านั้นที่ฉันได้ยินมันชัดเจน เปรียบเสมือนมันดังก้องในหัวว่ายวนอยู่ซ้ำๆ “เราชอบธีร์นะ” “!!!!!” “...”ย้อนกลับไปเมื่อช่วง ม.4 “แม่ฝากซื้อเข็มหมุดปักบอร์ดหน่อยลูก” เข็มหมุดที่ว่านั่นแม่จะเอาไปปักโพสอิทให้ลูกค้าเขียนในวันวาเลนไทน์ จำได้แม่นเลยว่าเข็มหมุดที่ซื้อวันนั้นเป็นสีชมพูพิง ซึ่งมันควรจะไปปักที่บอร์ด แต่....ระหว่างทางที่กำลังกลับคาเฟ่พักพิงนั้น มันกลับไปปักอยู่ที่ล้อรถมอเตอร์ไซต์เวสป้าคันสีดำคันหนึ่ง คิดว่าน่าจะพึ่งออกใหม่ซะด้วยสิ ดูจากสีรถ เงาวับสะท้อนเเสงระยิบระยับแยงตาไปหมด ส่วนตัวฉันนั้นได้นั่งพับเพียบยิ้มแห้งงงงงให้เจ้าของรถ “ขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจอ่ะ เราสะดุดล้มเข็มหมุดมันก็......เลยกระโดดไปไกล.....ไปหน่อย แฮะๆ” คิดว่าไม่หน่อยนะเกลื่อนถนนเลย ปักล้อรถเขาน่าจะถึง 10 อัน ได้มั่ง ^^! “ขอโทษด้วยค่ะ” ฉันรีบลุกวิ่งไปเก็บหมุดก่อนเลย เพราะว่ากลัวรถคันอื่นจะเหยียบเข้าอีก ยังดีที่ถนนช่วงเวลานี้ไม่ค่อยมีรถขับผ่าน “หื้มมม?” “เดี๋ยวช่วยเก็บ” “ไม่เป็นไร นายรอก่อนนะเดี๋ยวเราจะโทรหาแม่เรียกช่างเอารถไปส่วนค่าซ่อมเรารับผิดชอบเอง” ฉันก้มเก็บหมุดไปพูดไป “ขาเธอ เลือดออก” “ห๊ะ อ้าววว.... T^T….เจ็บ” พอก้มลงดูแผลเท่านั้นแหละเจ็บขึ้นมาเลย ฮือออออน้ำตาซึมค่ะงานนี้ ทว่า แขนบางถ
ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว “ธีร์ยิ้มหน่อยยยยย” แชะ แชะ “ชิ ยิ้มให้กล้องหน่อยก็ได้นะเวสป้า” ร่างบางในชุดนักเรียนมอปลาย ผมทักเปียมัดรวบขึ้นผูกโบสีขาว ในมือเธอถือกล้องถ่ายรูปอันใหม่ที่เธอรักมาก เพราะพ่อซื้อให้เป็นรางวัลที่เธออัพเกรดได้สูงขึ้นกว่าเทอมที่แล้ว และเธอกำลังเห่อของชิ้นนี้มาก ซึ่งตอนนี้เธอกำลังยู่ปาก ขมวดคิ้วบ่นเขาอยู่ “ยิ้มให้ฟอนต์หน่อยไม่ได้เหรอ นะ น้าาา พลีสสสส~” “ถ้าธีร์ยิ้มธีร์จะได้อะไร” “โห้ มันยากขนาดนั้นเลยรึเจ้าคะ” “งั้นไม่ยิ้ม” “อ่าาาาา ก็ได้ว่ามา” ถ้าไม่ใช่เพราะว่า โมโม่หรือเจ้าจอม ห้อง 7 ขอมานะ ฉันจะไม่ยอมแลกเด็ดขาด หื้ย! ย้อนกลับไปเมื่อตอนพักกลางวัน ในขณะที่เธอกำลังรอธีร์ไปซื้อน้ำให้อยู่นั้น....... “ฟอนต์จ้า โมโม่รู้นะว่าช่วงนี้ฟอนต์อยากได้ มัมมี่ฮา” ฟุดฟิด (-__-) กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหูฉันพร้อมเป่าลมเข้าจมูก ทุกคนฟังไม่ผิดหรอกค่ะ จมูกฉันจริงๆ ไม่ใช่หู กลิ่นใบกะเพราเต็มๆ กูจะไม่กินผัดกะเพราไปตลอดชีวิต “มันนี่รึเปล่าโมโม่ money” “yessss โมโม่มีงานให้ทำ” แกไปแปรงฟันก่อนไหมยัยโมโม่ แต่ไม่เป็นไรเพื่อเงิน เอ๊
ตุบ ปัง! เอี๊ยดดดดดดดดดด! ผมกำลังคุยกับไอ้ติน จู่ๆก็เกิดเสียงกระแทกบางอย่างดังขึ้น ไอ้ตินกำพวงมาลัยเเน่น เหยียบเบรกพยายามควบคุมรถ ในขณะที่ไฟจราจรได้แจ้งสัญญาณไฟเขียวอยู่นั้น ก็ได้มีรถฝั่งตรงข้ามพุ่งชนเข้าด้านขวารถอย่างแรง ยังดีที่มันประคองรถไว้ได้ “เชี่ยยยยย! ซวยแล้ว คุณธีร์เป็นอะไรไหมครับ” “ไม่เป็นไร มึงละบาดเจ็บตรงไหนไหม” “ไม่เป็นไรครับคุณธีร์.....อ้าว คูณธีร์หาย” เขาที่เห็นว่าตินปลอดภัยแล้ว แต่เหมือนว่ารถที่พุ่งชนรถเขานั้นดูท่าจะไม่ดี เลยรีบวิ่งลงจากรถทุบกระจกเรียกคนขับข้างใน ตุบ ตุบๆ ๆๆ “คุณ คุณ! ได้ยินเสียงผมไหม” ตุบ ตุบ ตุบ “คุณตื่น! ปลดล็อกประตู!” ผมตะโกนเรียก เคาะกระจกประตูรถเรียกคนข้างในอย่างร้อนรน เพราะกระจกรถดำทึบ ผมมองเห็นได้แค่เพียงแค่ร่างคนฟุบอยู่กับพวงมาลัยรถ คิดว่าน่าจะบาดเจ็บจากเเรงกระแทกเมื่อกี้ เอาไงดีวะทุบกระจกเลยดีไหม “รถกู้ภัยกำลังมาครับคุณธีร์” ไอ้ตินรีบวิ่งตามผมหน้าตื่น “ตินถอย กูจะพังกระจก” “ห๊ะ คุณธีร์จะพังยังไงครับ อย่าบอกนะ เชี่ยเอ๊ย!” มันสถบออกมาอย่างไม่เชื่อ ใช่ครับผมจะทุบมันให้แตกด้วยมือเปล่า เพราะผมรอไม่ได้แล้ว ไม่รู้สิครับค
ณ สนามบิน ผมกำลังเดินลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากทางออก มองภาพตรงหน้านิ่งภายใต้แว่นตาสีชา “คุณธีร์ ทางนี้ครับ” ได้ยินเสียงไอตินร้องเรียกเสียงดัง มันเห็นผมยกยิ้มร่ารีบเดินเข้ามาใกล้ “ไง ตินไม่เจอกันนานเลย สบายดีนะ” “สบายดีครับคุณธีร์ โห้ ไปอยู่ต่างประเทศตั้งหลายปี หล่อขึ้นนะครับ แต่น้อยกว่าผมนิดหนึ่ง” “เออยอมวะ มึงหล่อ” ผมยิ้มส่ายหน้ายอมใจกับมันที่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ความหลงตัวเองไม่เปลี่ยน “ฮ่าฮ่าฮ่า ไปกันครับคุณท่านบ่นคิดถึงคุณธีร์ทุกวันเลย” “ที่พูดมา มึงคิดแล้วใช่ไหม” ผมเลิกคิ้วถามไอติน อย่างพ่อผมน่ะเหรอบ่นคิดถึง หึ ขนลุกว่ะ “ไปถึงนายก็จะรู้เองครับ” ว่าเสร็จตินรีบช่วยผมยกกระเป๋าไปเก็บข้างในรถ อ่า...พ่อจัดรถใหม่อีกแล้ว ครั้งนี้เล่นของแรงซะด้วย BMW 8 “คันใหม่ของคุณท่านเป็นไงครับ อย่างงามเป็นบุญไอตินมากที่ได้ขับ” “เฉยๆ วะ กูชอบนินจามากว่า” “เชื่อครับ เล่นข้นมาจากสวิตเซอร์แลนด์ตั้ง 3 คัน” “แค่ 3 คันเหรอวะ” ผมให้เอามาไทย 6 คันนะ อย่าบอกนะว่าปู่ให้เอามาแค่นี้ เชี่ยแต่กูขอแล้วไง “ครับ ตอนนี้จอดอยู่ที่บ้าน” “จอดอยู่บ้านทำเชี่ยอะไร” ทำไมไม่มาจอดอยู่คอนโดกูวะ กูส
เพี๊ยะ! หน้าฉันหันไปตามแรงตบของคนเป็นพ่อ พ่อตบฉัน ตบฉันเพื่อปกป้องมันเนี่ยนะ หึ! ตลกสิ้นดี ฉันหันมองหน้าพ่อด้วยสายตาที่ปนไปด้วยน้ำตาคลอเบ้า พยายามฟื้นไม่ให้ไหลต่อหน้าคนพวกนี้ “เขาเป็นแม่แกนะ” กรอด~ “มันไม่ใช่แม่ฟอนต์” “นี่แก!!!!” “คุณคะ ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ หนูฟอนต์คงไม่ได้ตั้งใจพูดนะคะ” เมย์แสร้งทำเป็นบีบน้ำตาน่าเศร้าห้ามไม่ให้พ่อทำร้ายฉัน แต่ภาพที่ฉันเห็น เธอและลูกยกยิ้มสะใจที่เห็นฉันพ่อตบ สม-น้ำ-หน้า มีนขยับปากไร้เสียงเผยบอกฉันหลับหลังพ่อ “ฟอนต์มีแม่เพียงคนเดียวเท่านั้น คนที่พ่อเอาเข้ามามันไม่ใช่ครอบครัวของฟอนต์ ฟอนต์ไม่นับญาติ! กับพวกมัน ถ้ามันอยากเปิดร้านขายซื้อผ้าก็ให้มันไปหาเงินมาเปิดเองสิ ไม่ใช่เอาที่ของแม่ฟอนต์ไปขายแล้วเปิดให้มัน” “....” ทุกสายตาดูจะหลาดใจกับคำพูดของฉัน ที่ฉันรู้เรื่องนี้ “เหอะ! ทำไมฟอนต์จะไม่รู้ว่าขายที่ของแม่ไปทำอะไร สมบัติของพ่อฟอนต์ไม่สนใจอยู่แล้ว แต่คาเฟ่พักพิงนั้นเป็นสิ่งที่แม่สร้างกับมือ ฟอนต์จะไม่ยอมให้พ่อเอาไปให้พวกปลิงแบบนี้” “ฮึก...พี่ฟอนต์พูดเกินไปหรือเปล่าคะ” อีกแล้วเหรอ เหอะ ขอร้องเถอะมีน น้ำตาอีกแล้ว....แสร้งสะเทือนใจกับคำ
ณ บ้าน ธาราเมธินทร์ “1 เดือนแล้วสินะ ไม่ได้เข้ามาที่นี่เลย” ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สายตาว่างเปล่าทอดมองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้า บ้านหลังนี้เป็นบ้านฉันเอง บ้านที่ฉันเคยอยู่และ......เคยมีความสุข ฟอนต์ ชื่อของฉันเองค่ะ ฉันเป็นลูกสาวแท้ๆ คนเดียวของตระกูลธาราเมธินทร์ ทำไมถึงใช้คำว่าลูกสาวแท้ๆ เหรอ ก็นะ! ครอบครัวที่แสนอบอุ่นของฉันที่ใครๆ หลายๆ คนต่างอิจฉานั้น ดันไม่เหมือนกับที่คนภายนอกเห็นนะสิ ครอบครัวที่ควรจะมีกัน แค่ 3 คน พ่อ แม่ ลูก ที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข Happy Ending แต่กลับไม่ใช่! “จะกลับมาอีกทำไม!” เพียงแค่ฉันก้าวเท้าข้ามผ่านประตูเข้าบ้านยังไม่ทันไร เสียงของผีบ้านผีเรือนที่เดินมาใบหน้ายิ้มแย้มกล่าวทักทายฉันด้วยวาจาสุภาพ! สุภาพกับผีนะสิ “...” “พี่ฟอนต์กลับมาแล้วเหรอ มีนก็นึกว่าพี่จะไม่กลับมาแล้วซะอีก” และนี่อีกคน หญิงสาวที่อายุน้อยกว่าฉัน 2 ปี ถึงปากเรียกฉันว่าพี่แต่สายตากับใบหน้า แสดงออกชัดเจนว่าเธอนะเกลียดฉันเข้าไส้ ขอแนะนำตัวมารในชีวิตฉันแล้วกัน เธอสองคนแม่ลูกเป็นผู้อาศัยในบ้านหลังนี้ค่ะ พึ่งย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ได้ 3 ปีกว่าๆ พวกเธอเข้ามาได้หลังจากที่แม่ฉันเสีย







