ตอนนี้ในหัวใยไหมว่างเปล่า เธอไม่มีแผนอะไรของชีวิตเลยหลังจากนี้ มันมืดแปดด้านไปหมด ก่อนออกมายังรู้สึกดีใจลึก ๆ อยู่เลยที่หลุดพ้นออกมาได้ แต่ทำไมตอนนี้แค่ไม่กี่ชั่วโมง เธอถึงไร้ทางออกขนาดนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว
ทางเดียวที่เธอจะอยู่รอดคือเธอต้องมีเงิน ไม่ต้องพูดถึงบัตรเครดิตที่พ่อให้เธอใช้ ป่านนี้ท่านคงระงับการใช้งานไปหมดแล้ว เงินสดเธอมีติดตัวแค่ไม่กี่ร้อย ในธนาคารก็น้อยนิดเพราะเธอไม่เคยเก็บ ได้มาเท่าไหร่ใช้หมดตลอด นึกแล้วก็โมโหตัวเองที่ไม่รู้จักเก็บเงินไว้ใช้ยามจำเป็นบ้าง มือเล็กเลื่อนโทรศัพท์ดูยอดเงินในบัญชีที่มีเพียงหลักพัน มันไม่พอให้เธอดำเนินชีวิตได้เกินหนึ่งอาทิตย์ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเช่าห้อง ที่ไม่รู้ว่าเงินแค่นี้พอจะจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟหรือเปล่า นี่ถ้าพ่อให้รถเธอมาคงจะดีกว่านี้ เธอคงจะเอาไปขายเพื่อเอาเงินมาใช้จ่ายได้ แต่ก็อย่างว่านะพ่อคงคิดทุกอย่างมาดีแล้ว ท่านต้องการตัดวงจรการดำรงชีวิตทุกอย่างเพื่อให้เธอไปต่อไม่ได้ แล้วซมซานกลับไปหาท่าน พลันในหัวก็ฉายภาพลูกติดของแม่เลี้ยงที่ยืนยิ้มเยาะเย้ยเธอเหมือนผู้ชนะ และเธอกำลังแพ้ ข้อเสนอที่เขาให้มามันเชื่อถือได้แค่ไหนกัน เธอเคยได้ยินเรื่องผู้หญิงที่เป็นของเดิมพันในการแข่งรถมาบ้าง แต่ไม่รู้รายละเอียดที่แน่ชัดว่าผู้หญิงพวกนั้นทำไปเพื่ออะไร "เอวา..." "หืม?" "มึงรู้เรื่องผู้หญิงที่ไปเป็นของเดิมพันในสนามแข่งรถไหมว่ะ" "ถามไปทำไม? มึงคงไม่ได้คิดอะไรที่ไม่เข้าท่าอยู่ใช่ไหมอีไหม" "มึงตอบมาเถอะน่า กูขอข้อมูลที่ใกล้เคียงความจริงที่สุด" "ที่กูได้ยินส่วนใหญ่ผู้หญิงพวกนั้นไม่เต็มใจหรอก บางคนก็ถูกหลอก น้อยคนที่จะยอมจริง ๆ แต่ก็น่าจะมีเหตุผลที่ทำแบบนั้น" "แบบกูนี่ไปเป็นของเดิมพันได้ไหมว่ะ" "มึงหยุดนะอีไหม มึงบ้าไปแล้วเหรอ!!! จะเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายทำไมว่ะ" เอวาขึ้นเสียงใส่เพื่อนทันทีด้วยความโมโห ที่เพื่อนพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมา เธอรู้ว่าเพื่อนคงกำลังจนตรอกเพราะไม่มีหนทางจะไปต่อ แต่ไม่อยากกลับไปง้อคนเป็นพ่อ แต่ไม่คิดว่าเพื่อนจะอยากทำเรื่องอันตรายแบบนี้ "อันตรายแค่ไหน?" "ถ้าเกิดไปเป็นของเดิมพันของคนไม่ดี มึงไม่ยิ่งตกนรกกว่ากลับไปหาพ่อมึงเหรอ ในสนามแข่งรถมึงคิดว่าทุกคนดีหมดหรือไง" "แต่ไอ้คีย์มันรับปากกูว่าจะหาคนที่ช่วยกูได้นะ" "คีย์ คีย์ไหน อย่าบอกนะว่า..." เอวาหันขวับมาทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ ชื่อคงไม่ซ้ำกันขนาดนั้นหรอก คงเป็นคีย์เดียวที่เธอได้ยินเพื่อนพูดถึงบ่อย ๆ และใยไหมก็พยักหน้าเพื่อยืนยันทันทีว่าเธอเข้าใจไม่ผิด "มึงจะบ้าไปแล้วเหรออีไหม ใช้สมองส่วนไหนคิด ถึงไปไว้ใจคนแบบมัน มึงบอกกูเองว่ามันจ้องจะเครมมึงตลอดเวลา แต่มึงกลับไปเชื่อคำพูดคนพรรค์นั้นนี่นะ" "....." "ถ้ามึงไม่โง่ ก็ต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ มันหลอกมึงอยู่นะ อย่ามาพูดแบบนี้ให้กูได้ยินอีกนะ" เอวาโมโหผุดลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนไป ทิ้งให้เธอนั่งขบคิดจนหัวสมองแทบแตกอยู่ที่เดิม เข้าใจว่าเพื่อนเป็นห่วง เข้าใจว่าเธอกำลังคิดอะไรโง่ ๆ ที่เพื่อนพูดมาถูกทุกอย่าง เธอไม่คิดโกรธเพื่อนสักนิดที่ต่อว่าเธอ แต่มันคงเป็นทางเดียวที่เธออยากลองเสี่ยง ถ้าเกิดเธอมีบุญอาจจะไปเจอคนดี ๆ ก็ได้ แค่นอนกับเขาแลกที่อยู่ แลกเงินจนกว่าเธอจะเรียนจบ มันจะเป็นไรไป ไหน ๆ ชาตินี้เธอคงไม่มีวันสมหวังในรักอยู่แล้ว ถือว่าซื้อประสบการณ์เพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นก็เป็นความคิดที่ดี แต่ตอนนี้ติดปัญหาอยู่ที่เอวาคงไม่ยอมให้เธอทำแบบนั้นแน่ และเธอก็ไม่อยากโกหกเพื่อนด้วย “มึงเลิกคิดที่จะไปเป็นของเดิมพันนั่นได้เลยนะ ไม่ต้องมามองหน้ากูเหมือนอยากพูดอะไรด้วย” เอวาดักทางเพื่ิอนสนิท ขณะกำลังนั่งกินข้าวด้วยกัน คบกันมากี่ปี รู้ไส้รู้พุงกันขนาดไหน ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเพื่อนเธอคนนี้ดื้อขนาดไหน ไม่รู้จะทำให้ชีวิตตัวเองลำบากทำไม เรื่องที่บ้านของใยไหมเธอก็พอจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เห็นสมควรที่เพื่อนจะออกมาจากบ้านมาตอนนี้ “มึงไม่เคยลำบากอีไหม ถึงพ่อมึงจะรักหลงแม่เลี้ยงหรือไอ้ลูกติดแม่เลี้ยงมึงยังไง แต่เขาก็รับผิดชอบชีวิตมึงดีนะ มึงมีเงินใช้ไม่ขาดมือ รถก็มีขับ ถึงจะขาดอิสระในชีวิตไปบ้าง แต่ทน ๆ เอาหน่อยไม่ได้เหรอว่ะ” เรื่องที่จะพูดกับเอวา เธอจำต้องเก็บเอาไว้ก่อน ตอนนี้เพื่อนคงไม่ยอมเข้าใจอะไรง่าย ๆ เพราะขนาดตัวเธอเองตอนนี้ยังไม่เข้าใจเลยว่าเรื่องราวเดินทางมาถึงตอนนี้ได้อย่างไร ในหัวมันคิดสับสนวุ่นวายไปหมด การจะใช้ชีวิตด้วยตัวเองทำไมมันถึงได้ยากขนาดนี้ “ถึงไม่ใช่กู เป็นอีนับหรืออีหม่อนมันก็ไม่ยอมให้มึงทำแบบนี้แน่ ถ้ามึงไม่อยากยืมเงินพวกกู มึงก็ต้องหาวิธีอื่น ที่ไม่ใช่วิธีที่จะเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายแบบนี้” “กูรู้ว่าพวกมึงเป็นห่วงกู แต่กูอยากพยายามด้วยตัวเองก่อน กูลั่นวาจากับพ่อไปแล้ว ไม่อยากกลับไปให้แม่เลี้ยงกูสมน้ำหน้า อีกอย่างตอนออกมากูก็ดักขามันจนหน้ากระแทกพื้นไปแล้ว ไม่รู้มันเสียโฉมหรือเปล่า ตอนนี้มันคงเป่าหูให้พ่อกูเกลียดกูฉิบหายหมดแล้ว มึงยังจะให้กูกลับไปอีกเหรอว่ะ” “แต่วิธีที่มึงใช้มันไม่ได้เรียกว่ามึงพยายามนะไหม วีธีนั้นมันคือทางลัดที่อันตรายต่างหาก มึงไม่ได้อยู่ในวงการนี้ พวกเราไม่เคยเข้าใกล้หรือเฉียดไอ้วงการแข่งรถนี่เลยนะ เราจะรู้ได้ยังไงว่ามึงจะไปเจอคนดี ๆ มึงอย่าทำอะไรให้ตัวเองแย่กว่าที่เป็นอยู่เลย” “…..” “คิดง่าย ๆ นะ คนดีที่ไหนจะมาแข่งรถเดิมพันแย่งผู้หญิงกันว่ะ เราไม่ใช่สิ่งของนะโว้ย!!! คนสวยแบบมึงโพสเฟซบุ๊กหาคนเลี้ยงยังง่ายกว่ามึงทำแบบนั้นเลยนะ เอาไหมกูจะทำให้” ใยไหมถอนหายใจออกมารอบที่ล้าน เขาบอกว่ายิ่งถอนหายใจมากเท่าไหร่ จะยิ่งแก่เร็วมากเท่านั้น ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ตอนนี้เธอคงอายุเกือบร้อยปีได้แล้วมั้ง เพราะเธอถอนหายใจมานับไม่ถ้วนแล้ว ไม่อยากยอมรับว่าที่เพื่อนพูดมามันคือเรื่องจริงทุกอย่าง และเข้าใจในมุมของเพื่อนด้วย ถ้าเธอเป็นเพื่อนก็คงไม่ยอมให้เพื่อนทำแบบนั้น แต่ในมุมของตัวเองเธอก็เข้าใจเหมือนกัน “การไปโพสเฟซบุ๊กหาคู่แบบนั้น มันต่างกันตรงไหนกับไปเป็นของเดิมพัน วิธีมันแค่ต่างกันเอวา แต่เราก็ต้องลุ้นเหมือนกันว่าจะเจอคนดีหรือไม่ดี อีกอย่างคนในมหาลัยก็ต้องรู้หมดสิ กูอาย” “กูรู้ว่ามึงอ่ะดื้ออีไหม คนแบบมึงมันดื้อเงียบ ดื้อตั้งแต่ที่ไม่รู้จักใช้ความสวยของตัวเองให้เป็นประโยชน์ คนมาจีบเป็นสิบเป็นร้อยมึงไม่สนใจ ไปปักใจรักคน ๆ เดียวอยู่ได้” ใยไหมอ้าปากเหวอ ไม่คิดมาก่อนว่าเพื่อนจะรู้เรื่องนี้ เธอคิดมาตลอดว่าไม่เคยปริปากเล่าให้เพื่อนฟังสักคน และไม่เคยแสดงออกด้วยซ้ำว่าเธอแอบชอบใครอยู่“เชื่อได้เหรอว่ะ สนามใหญ่ขนาดนั้น จะมีการแข่งโดยเอาผู้หญิงเป็นเดิมพัน”ใบหม่อนส่ายหน้าออกมาทันทีอย่างไม่เชื่อ “จริง กูคิดเหมือนอีหม่อน”นับหนึ่งเสริมทัพด้วยอีกคน ยังเหลือเอวาที่ยังนั่งอ่านข้อมูลของสนามอยู่ สักพักก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าเธอ “พวกมึงว่าชื่อเจ้าของหุ้นส่วนคนที่สอง นามสกุลคุ้น ๆ ไหม” ทั้งสามคนก้มลงไปมองหน้าจอโทรศัพท์ของเอวาทันที เป็นใยไหมที่หน้าถอดสีก่อนใครเพื่อน เพราะเธอจำได้ดีว่าเป็นนามสกุลของใคร เธอแอบชอบเขามาเกือบสี่ปีแล้ว ทำไมจะไม่รู้ข้อมูลส่วนตัวของเขาบ้าง อีกอย่างก็เรียนคณะเดียวกันด้วย “นามสกุลคงแค่เหมือนกันแหละ กูยังเคยมีเพื่อนสมัยประถมนามสกุลเหมือนกัน โดยที่ไม่รู้จักกันได้เลย”ใบหม่อนพูดไปตามสิ่งที่เคยเจอมา เธอมองว่าไม่มีทางที่จะบังเอิญขนาดนั้น “ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นนะ”ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เอวาก็คอยมองใยไหมที่ยังนั่งเงียบอยู่ เหมือนสติหลุดออกจากร่างไปแล้ว“มึงคงไม่คิดว่าเขาจะเป็นพี่น้องหรือญาติกับไอ้โซลหรอกนะ” “ปะ เปล่า กูคิดเหมือนอีหม่อน มันคงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง”แม้จะพยายามพูดเพื่อปลอบใจตัวเอง แต่ก็คลางแคลงใจว่าในประเทศนี้นามสกุลบวรกิจวัฒนาจะโหลขนาดนั้นเลยเ
“มึงคิดว่าพวกกูไม่รู้เหรอ เป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้วไหม ที่พวกกูไม่พูดไม่ได้แปลว่าไม่รู้ แค่ไม่อยากพูดทำลายกำลังใจของมึง” “งั้นเจ้าตัวเขาจะรู้เปล่าว่ะ”หรือว่าวันนี้ที่เขามองเธอแปลกไปเพราะเขาเองก็รู้เหมือนกันว่าเธอแอบชอบเขา ไม่ใช่เพื่อนในกลุ่มที่เขาแกล้งบอกเธอ “น่าจะไม่รู้นะ พวกกูเองก็เพิ่งรู้ตอนจะจบปีสองแล้ว กูสงสัยว่าทำไมใครมาจีบมึง ถึงไม่โดนใจมึงสักคน หล่อ รวยระดับไหน มึงก็เมินเฉยกับเขา บวกกับมึงชอบให้กลุ่มเรานั่งใกล้กับกลุ่มโซลทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเวลาเรียนหรือเวลานั่งเล่นใต้อาคารเรียน” “แค่นี้เหรอ แล้วทำไมมึงถึงคิดว่าเป็นโซลล่ะที่กูชอบ” “สายตามึงมองแค่คน ๆ เดียว เด็กอนุบาลก็ต้องรู้เปล่าว่ะ” “….” “กูจะบอกไรให้นะ ตอนปีหนึ่งกูเคยเห็นโซลมันพาผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นคอนโดมันบ่อย ๆ นะ แต่สักพักผู้หญิงคนนั้นก็มาเป็นแฟนยีนส์ แล้วหลังจากนั้นก็เหมือนที่พวกเราสงสัย กลุ่มของพวกมันแยกเป็นสองกลุ่ม เหมือนมีเรื่องทะเลาะกัน เพิ่งจะกลับมาดีกันปีที่แล้วใช่ไหม หรือกูจำผิด” “เรื่องนี้กูรู้แล้ว มึงเคยบอกแล้ว จะบอกกูอีกทำไม”ใยไหมทำหน้างอที่เพื่อนพูดเหมือนย้ำความรู้สึกเธอ “ไม่ใช่เรื่องนี้ กูแค่ย้อนไปนิด
ตอนนี้ในหัวใยไหมว่างเปล่า เธอไม่มีแผนอะไรของชีวิตเลยหลังจากนี้ มันมืดแปดด้านไปหมด ก่อนออกมายังรู้สึกดีใจลึก ๆ อยู่เลยที่หลุดพ้นออกมาได้ แต่ทำไมตอนนี้แค่ไม่กี่ชั่วโมง เธอถึงไร้ทางออกขนาดนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว ทางเดียวที่เธอจะอยู่รอดคือเธอต้องมีเงิน ไม่ต้องพูดถึงบัตรเครดิตที่พ่อให้เธอใช้ ป่านนี้ท่านคงระงับการใช้งานไปหมดแล้ว เงินสดเธอมีติดตัวแค่ไม่กี่ร้อย ในธนาคารก็น้อยนิดเพราะเธอไม่เคยเก็บ ได้มาเท่าไหร่ใช้หมดตลอด นึกแล้วก็โมโหตัวเองที่ไม่รู้จักเก็บเงินไว้ใช้ยามจำเป็นบ้าง มือเล็กเลื่อนโทรศัพท์ดูยอดเงินในบัญชีที่มีเพียงหลักพัน มันไม่พอให้เธอดำเนินชีวิตได้เกินหนึ่งอาทิตย์ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเช่าห้อง ที่ไม่รู้ว่าเงินแค่นี้พอจะจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟหรือเปล่า นี่ถ้าพ่อให้รถเธอมาคงจะดีกว่านี้ เธอคงจะเอาไปขายเพื่อเอาเงินมาใช้จ่ายได้ แต่ก็อย่างว่านะพ่อคงคิดทุกอย่างมาดีแล้ว ท่านต้องการตัดวงจรการดำรงชีวิตทุกอย่างเพื่อให้เธอไปต่อไม่ได้ แล้วซมซานกลับไปหาท่าน พลันในหัวก็ฉายภาพลูกติดของแม่เลี้ยงที่ยืนยิ้มเยาะเย้ยเธอเหมือนผู้ชนะ และเธอกำลังแพ้ ข้อเสนอที่เขาให้มามันเชื่อถือได้แค่ไหนกัน เธอเคยได้ยิ
คีย์ยังเกลี่ยกล่อมเธอไม่เลิก เขามั่นใจว่าเธอต้องเลือกทางนี้แน่นอน เขาวางแผนไว้แล้วว่าจะไปลงแข่งเอาเธอเป็นของเดิมพัน เขาจะเลือกคู่แข่งที่สูสีกับเขาเพื่อเอาชนะและเอาเธอมาเป็นของเขาให้ได้ “มึงออกไปได้แล้ว กูไม่สนใจข้อเสนอเลว ๆ เห็นแก่ได้ของมึง” “มึงไม่ได้ยินที่พ่อมึงตัดขาดกับมึงเหรอ คิดว่าถ้ามึงออกจากบ้านนี้แล้วไปไม่รอด ซมซานกลับมา เขาจะช่วยมึงไหม ทางเดียวที่มึงไม่ต้องเป็นฝ่ายแพ้ คือมึงต้องมีคนดูแล อีกไม่กี่เดือนมึงก็เรียนจบแล้วนิ แค่ไปเป็นของเดิมพันไม่นาน มึงก็ได้ใช้ชีวิตอิสระของมึงแล้วไง" ใยไหมทำเป็นไม่สนใจที่คีย์พูด แต่ทว่าในใจเธอหยุดฟังเขาตั้งแต่คำว่าอีกไม่กี่เดือนเธอจะเรียนจบ ถึงตอนนั้นเธอคงมีทางออกให้ตัวเอง แค่อยากเอาชนะคนเป็นพ่อตอนนี้ ไม่อยากบากหน้ากลับมาให้ท่านสมน้ำหน้า หรือว่าทางนี้คือทางที่เธอต้องเลือกจริง ๆ "มึงออกไปตอนนี้ อย่างมากมึงก็ไปนอนบ้านเพื่อนได้ไม่เกินสองวัน แล้วหลังจากนั้นล่ะ มึงจะไปอยู่ที่ไหน หรือมึงจะไปทำงานพาร์ทไทม์วันละไม่กี่ร้อยส่งเสียตัวเองเรียนล่ะ แบบนั้นก็ได้นะ ถ้ามึงคิดว่าจะอยู่รอดในสังคมนี้ได้" ริมฝีปากหนาดำคล้ำยกขึ้นยิ้มอย่างคนที่เหนือกว่า แม้ภายนอกหญ
นับหนึ่งพาใยไหมมาเอารถที่ผับเสร็จก็รีบกลับไปทันที ส่วนเธอก็ขับรถกลับบ้านด้วยใจที่ห่อเหี่ยว เวลาที่เธอไม่อยากให้ถึงในแต่ละวันมาถึงอีกแล้ว ในชีวิตนี้ตั้งแต่แม่เสียไป เธอก็ไม่เคยมีช่วงเวลากับครอบครัวที่มีความสุขอีกเลย ช่วงเวลาเดียวที่เธอมีความสุขคือช่วงเวลาที่อยู่กับเพื่อน เพราะเธอต้องมาอยู่กับพ่อที่แต่งงานมีภรรยาใหม่ตั้งแต่แม่เธอเพิ่งเสียไปได้เพียงสองเดือน พอจะเข้าใจนะว่าพ่อคงไม่ได้มีความเสียใจหรือรักแม่ของเธอมากพอ และคงเป็นสัจธรรมของชีวิตว่าเราคงไม่สามารถอยู่กับความเสียใจไปตลอด ชีวิตต้องดำเนินต่อไป เธอเองก็ไม่ได้โกรธเคืองพ่อขนาดนั้น หากว่าครอบครัวใหม่ของพ่อไม่ได้มีลูกติดมาด้วย และแถมคนเป็นแม่เลี้ยงก็ไม่ได้รักใคร่ใยดีเธออีกต่างหาก ทุกอย่างที่ผู้หญิงคนนั้นแสดงออกว่าเอ็นดูเธอ ก็เป็นเพียงภาพลวงตาที่แสดงต่อหน้าพ่อเธอเท่านั้น เพราะลับหลังพ่อ ผู้หญิงคนนั้นไม่เคยพูดจาดีกับเธอ มีแต่พูดจาส่อเสียดเธอตลอดเวลา ลูกติดของผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อคีย์ก็ด้วย อายุแก่กว่าเธอสามปี เรียนจบแล้วแต่ก็ยังทำตัวลอยไปลอยมา เที่ยวเล่นดื่มกิน ไร้สาระไปวัน ๆ ชอบแข่งรถเป็นชีวิตจิตใจ และที่สำคัญลูกติดแม่เลี้ยงคนนี้ชอบพอ
“อืม เธอล่ะ” “ยังไม่มาเหมือนกัน สงสัยเมื่อคืนกลับกันดึกไปหน่อย”ใยไหมตอบเสียงเบา เธอยืนชั่งใจอยู่นานว่าจะเข้ามาทักทายเขาดีไหม เพราะปกติเวลาเจอกันไม่ว่าจะในห้องเรียนหรือนอกห้องเรียน เราสองคนไม่เคยคุยกันสักคำ อีกอย่างเขาก็เป็นผู้ชายที่ฮอตไม่ใช่เล่น กลัวว่าหากเธอเดินมาทักทายเขาแล้วเขาจะไม่อยากคุยกับเธอ “วิชาอาจารย์โหด คงไม่มีใครกล้าขาดหรอกมั้ง”เธอพูดปลอบใจตัวเอง เพราะเมื่อคืนพวกเธอทั้งกลุ่มนัดไปดื่มกันที่ผับ เผลอลากยาวจนตีหนึ่ง เลยนึกกลัวว่าวันนี้เพื่อนจะลอยแพเธอทิ้งให้นั่งเรียนคนเดียว “ก็ไม่แน่หรอก” “แล้วเพื่อนนายมากันไหมล่ะ”เธอถามถึงเพื่อนเขาบ้าง เพราะตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็ยังไร้วี่แววของเพื่อนเขาเหมือนกัน “ไม่รู้เหมือนกัน”โซลตอบเสียงเรียบ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูช่องแชทกลุ่ม ปรากฎว่ายังคงว่างเปล่า ข้อความที่เขาส่งไปยังไม่มีใครเปิดอ่านสักคน ได้แต่คิดในใจว่า.... พวกมันคงไม่ขาดเรียนพร้อมกันขนาดนี้หรอกนะ อย่างน้อย ๆ ไอ้คีรินมันก็ต้องมา มันเป็นคนรักการเรียนยิ่งกว่าอะไร ไม่เห็นเคยขาดเรียนสักครั้ง “หึ ฉันว่าเพื่อนเราสองคนคงไม่มาหรอก” “เธอรู้ได้ไง?” “ปกติฉันจะเห็นคีร