"โทรตามอะไรนักหนาวะหนึ่ง" "ก็...หนึ่งมาหาเพลิงที่ห้องแต่กดรหัสเข้าห้องไม่ได้" "เพลิงเปลี่ยนรหัสเอง" "เอ่อ แล้วหนึ่งจะเข้าไปยังไงล่ะหนึ่งอุตส่าห์...." "ก็ไม่ต้องเข้ากลับบ้านไปก่อน" "แต่ว่า..." "แค่นี่นะ" ตู๊ดดดดด ตู๊ดดดดดด เรื่องดราม่าตับพังอีกเช่นเคย ใครที่ตามอ่านนิยายไรท์มาตั้งแต่แรกจะรู้ว่านิยายไรท์เป็นแนวไหนใครชอบแนวนี้กดติดตามได้เลยใครไม่ชอบกดข้ามไปได้เลยจ้าาา งดดราม่ากับเนื้อหาของนิยายเพราะไรท์แต่งตามจินตนาการแต่งตามความชอบและความพอใจ ^^
view moreหลายสิบปีก่อน ณ.สถานเลี้ยงเด็กกรำพร้าแห่งหนึ่ง
"เด็กๆ พวกนี้ทั้งน่ารักทั้งน่าสงสารนะว่ามั้ย เกิดมาพ่อแม่กลับไม่ต้องการเอามาทิ้งไว้ที่นี่บางคนก็พ่อแม่เสียชีวิตไม่มีญาติพี่น้องคนไหนต้องการรับไปเลี้ยงดู เด็กๆ พวกนี้จะรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างสักแค่ไหนกันนะ....ตาพงค์แม่สิตาพวกแกดูเด็กผู้หญิงที่ใส่ชุดสีชมพูคนนั้นสิแม่รู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก" พงค์หันไปมองตามมือผู้เป็นแม่ที่ชี้ไปยังเด็กหญิงตัวเล็กคนหนึ่งอายุน่าจะประมาณสามขวบที่กำลังนั่งทานอาหารกลางวันอย่างเอร็ดอร่อยราวกับอาหารตรงหน้าคืออาหารที่แกไม่เคยได้กินมาก่อน
"เธอล่ะแม่สิตาว่าไง" คุณหญิงพิสมัยหันมาถามลูกสะใภ้ที่ยังไม่ตอบคำถาม
"เอ่อก็...น่ารักค่ะคุณแม่" สิตาตอบแม่สามีแบบขอไปทีทั้งที่ใจจริงแล้วเธอไม่เคยมองว่าเด็กคนนี้หรือเด็กคนอื่นๆ ที่นี่น่ารักอย่างที่แม่สามีบอกเลยสักนิด เธอไม่ชอบและรังเกียจเด็กพวกนี้ ทุกครั้งที่เด็กพวกนี้รู้ว่าครอบครัวของสามีเธอจะมาเลี้ยงอาหารพร้อมกับมอบทุนการศึกษามอบของเด็กกำพร้าน่ารังเกียจพวกนี้จะกระดี้กระด๊าดีใจยกใหญ่วิ่งมากอดมาขอบคุณเพราะจะได้กินของดีๆ ได้เงินได้ขนมได้เสื้อผ้าสวยๆ ใหม่ๆ ไว้ใส่ การมาสถานที่แห่งนี้มันเป็นอะไรที่เธอไม่ชอบเป็นอย่างมาก เธอไม่ชอบให้เด็กเหลือขอพวกนี้มาจับตัวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เธอต้องทำตัวเป็นผู้หญิงแสนดีเป็นหญิงสาวที่รักเด็กมีจิตใจโอบอ้อมอารีเพื่อให้แม่สามีรักเพื่อให้ท่านเห็นว่าเธอเป็นคนจิตใจดี เพราะในสายตาของแม่สามีเธอเป็นผู้หญิงแสนดีอ่อนหวานสุภาพเรียบร้อยเหมาะสมกับเป็นสะใภ้ของท่าน แม้ว่าจริงๆ แล้วมันตรงกันข้ามกับเธอทุกอย่างเพราะเธอไม่ใช่คนจิตใจดีขนาดนั้นยิ่งกับพวกเด็กพวกนี้เธอสุดแสนจะรังเกียจเพราะเคยมีอยู่ครั้งหนึ่งแม่สามีของเธอขอให้เธอลองอุ้มเด็กเผื่อว่าเธอจะท้องซึ่งไม่รู้ว่าเป็นความเชื่อที่สุดแสนจะงมงายแต่เธอก็ต้องยอมทำ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเด็กคนนั้นร้องไห้ไม่หยุดซ้ำยังอาเจียนใส่เธอจนชุดสวยราคาหลักหมื่นของเธอเปรอะไปด้วยคราบนมคราบอาหารของเด็กนรกนั่น
"แกจะว่ายังไงถ้าแม่จะให้พวกแกรับเด็กคนนี้ไปเป็นลูกบุญธรรม"
"แม่ว่าไงนะครับ" พงค์ถามมารดาอีกรอบเพราะเขาคิดว่าตัวเองหูฝาดที่ได้ยินแม่ของตนเองพูดแบบนั้น ส่วนสิตาก็ยืนอึ้งพูดอะไรไม่ออกเมื่อได้ยินเช่นเดียวกับสามี
"ก็ในเมื่อแกกับแม่สิตายังไม่มีหลานให้แม่อุ้มสักที แม่เองก็แก่แล้วแม่อยากอุ้มหลานเร็วๆ ก่อนที่แม่จะตาย"
"สิตาขอโทษนะคะที่มีหลานให้คุณแม่ไม่ได้สักทีทั้งที่แต่งงานกับพี่พงค์มาตั้งหลายปี" สิตาพูดเสียงสั่นแสร้งบีบน้ำตาเพื่อให้แม่สามีเห็นใจ
"ไม่ต้องร้องไห้แม่สิตา แต่ที่แม่อยากให้แกสองคนรับเด็กมาเลี้ยงแม่มีเหตุผลนะ"
"เหตุผลอะไรครับ"
"พวกแกเคยได้ยินเรื่องลูกอิจฉาไหม"
"คะ??"
"ครับ??"
"ถ้าครอบครัวไหนแต่งงานกันแล้วแต่ไม่มีลูกสักทีเค้าว่ากันว่าให้รับเด็กมาเลี้ยงสักคนแล้วอีกไม่นานก็จะท้อง เค้าเรียกว่าลูกอิจฉา เพราะแบบนี้แม่อยากให้พวกแกรับเด็กผู้หญิงคนนี้ไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม"
สองปีต่อมา....
"วันหนึ่งมาหาย่านี่ซิลูก" คุณหญิงพิสมัยกวักมือเรียกหลานสาวบุญธรรมตัวน้อยวัยห้าขวบกว่าที่เพิ่งเลิกเรียนให้เข้ามาหา ท่านยิ้มให้หลานสาวบุญธรรมที่ถึงแม้ว่าแกจะเป็นเพียงเด็กที่ท่านขอมาเลี้ยงจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแต่ท่านก็รักและเอ็นดูวันหนึ่งมากเพราะแกเป็นเด็กนิสัยดีอ่อนน้อมถ่อมตนมารยาทเรียบร้อยแกเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายไม่เคยดื้อเลย ตอนนี้วันหนึ่งเรียนอยู่อนุบาลสามแล้วปีหน้าก็จะขึ้นปอหนึ่ง อยากจะบอกว่าแกเป็นเด็กเรียนดีตั้งใจเรียนกลับมาถึงบ้านก็จะเอาหนังสือมาอ่านหัดเขียนหนังสือแกไม่เคยไปวิ่งเล่นซุกซนเหมือนเด็กคนอื่นๆ เลยพวกตุ๊กตาหรือของเล่นก็ไม่เคยรบเร้าจะอยากได้นอกจากท่านจะซื้อมาฝากเอง ท่านคิดไม่ผิดที่รับวันหนึ่งมาเลี้ยง ซึ่งชื่อนี้ท่านก็เป็นคนตั้งให้เองเพื่อให้เด็กหญิงได้เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่กับชีวิตใหม่
"สวัสดีค่าคุณย่า" เด็กหญิงวันหนึ่งในวัยห้าขวบคลานเข่าเข้ามาหาผู้เป็นย่าที่ห้องรับแขกเด็กหญิงนั่งลงที่พื้นแทนการนั่งบนโซฟา
"ไปนั่งที่พื้นอีกแล้วมานั่งข้างบนนี้กับย่าสิ" คุณหญิงตบโซฟาข้างๆ เพื่อให้หลานสาวขึ้นมานั่ง
"ไม่เป็นไรค่าคุณย่าเด็กไม่ควรนั่งเสมอผู้ใหญ่ค่า" เด็กหญิงบอกกับผู้เป็นย่าแม้เธอจะอายุแค่ห้าขวบแต่เธอก็รู้ว่าอะไรควรไม่ควรเด็กหญิงรู้ตัวเองดีว่าเป็นเพียงเด็กที่ท่านขอมาเลี้ยงเท่านั้นไม่ใช่หลานสาวจริงๆ ของท่านเธอต้องเจียมตัวและรำลึกอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน
"ย่ามีข่าวดีจะบอกหนึ่งด้วยนะลูก^^"
"ข่าวดีอะไรเหรอคะคุณย่า"
"พ่อเราเพิ่งโทรมาบอกข่าวดีว่าตอนนี้แม่เราตั้งท้องแล้วนะ เรากำลังจะมีน้องแล้วนะรู้มั้ยวันหนึ่ง^^"
"มีน้องเหรอคะ"
"ใช่จ๊ะ อีกหน่อยหนึ่งก็จะได้เป็นพี่สาวแล้วนะลูก หนึ่งต้องช่วยพ่อกับแม่ดูแลน้องนะลูกเข้าใจมั้ย"
"เข้าใจค่าคุณย่า^^" เด็กหญิงตอบผู้เป็นย่าอย่างตื่นเต้นและดีใจเมื่อรู้ว่าเธอกำลังจะมีน้อง เรื่องที่จะให้เธอช่วยเลี้ยงน้องเธอยินดีและเต็มใจเป็นอย่างมากที่จะทำแต่...แม่บุญธรรมของเธอท่านอาจจะไม่ยอมเพราะท่านพูดกรอกหูเธอแทบจะทุกวันตั้งแต่เธอถูกขอมาเลี้ยงแม้ว่าตอนนั้นเธอจะอายุเพียงแค่สามขวบกว่าๆ ก็ตาม
"แกจำไว้เลยนะว่าฉันไม่ได้ยินดีและเต็มใจทื่จะรับแกมาเป็นลูกบุญธรรม แล้วถ้าในอนาคตถ้าฉันกับพี่พงค์มีลูกเป็นของตัวเองแกก็คงจะรู้นะว่าแกต้องทำตัวยังไง"
"ค่ะคุณแม่."
"อยู่ที่นี่หัดเจียมกะลาหัวเอาไว้ด้วยแกอย่าลืมว่าแกเป็นแค่เด็กกำพร้าที่ถูกขอมาเลี้ยง ถึงแม้ว่าแกจะได้ชื่อว่าเป็นลูกบุญธรรมของฉันกับพี่พงค์อย่างถูกต้องตามกฎหมายก็ตามแต่กำพืดของแกก็มาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเด็กที่พ่อแม่แท้ๆ ไม่ต้องการ"
".............."
"อ่อ แล้วก็อย่าปากมากไปบอกคุณแม่บอกพี่พงค์ล่ะว่าฉันพูดฉันสอนอะไรแกบ้าง อ่ออีกเรื่อง..ของมีค่าหรือแม้แต่เงินที่คุณแม่หรือญาติคนอื่นๆ เค้าให้แกเป็นการส่วนตัวแกต้องเอามาให้ฉันเก็บไว้เข้าใจไหม"
"เข้าใจค่ะคุณแม่" เด็กหญิงก้มหน้าตอบผู้เป็นแม่บุญธรรม
"ดี ถ้าแกอยากอยู่ที่นี่นานๆ แกก็ต้องเชื่อฟังฉันเข้าใจไหม"
เพลิงกัลป์.....อุ้บ อ้วกกกก อ้วกกกก ผมนั่งอ้วกอยู่ในห้องน้ำนานหลานนาทีเพราะมันไม่หายสักทีส่วนวันหนึ่งก็รีบวิ่งลงไปเอายาดมยาลมยาหอมมาให้ จนประทั่งอาการผมเริ่มดีขึ้นแต่ก็ยังไม่หาย"ไปหาหมอดีกว่ามั้ยเพลิง""ไม่อยากไปไหนอยากนอนกอดเมียอย่างเดียว" ผมดึงเธอเข้ามากอดซึ่งแปลกมากแค่ผมได้กอดได้หอมเธออาการผมกลับดีขึ้นอย่างน่าประหลาด"นอนแบบนี้แล้วมันจะหายเหรอ""หายสิ ตอนนี้เพลิงรู้สึกดีขึ้นมากเลย" จุ๊บ จุ๊บ ฟอด ฟอด ผมทั้งจูบทั้งหอมไปทั่วร่างกายของเมีย แต่เธอกลับทำหน้าไม่ค่อยเชื่อ"มันดีขึ้นจริงๆนะเพลิงไม่ได้โกหก""โรคอะไรแปลกๆ"วันหนึ่ง....เพลิงมีอาการแบบนี้ทุกวันจนไปทำงานไม่ไหวต้องให้พี่เลขาอีกคนของเขาหอบงานมาให้ทำถึงบ้านซึ่งฉันก็ต้องนั่งอยู่ข้างๆเขาตลอดเวลาเพราะเขาไม่ยอมให้ฉันห่างไปไหน เอะอะกอดเอะอะหอมอยู่อย่างนั้นจนฉันอายพี่ที่เอางานมาให้เขาเซ็นต์แต่ทุกคนก็ทำหน้านิ่งๆแต่ฉันรู้ว่าพวกเขากำลังแอบขำกันอยู่ ฉันเล่าเรื่องนี้ให้พี่จุ๋มฟังตอนที่พี่จุ๋มมาเที่ยวหาฉันกับน้องวันใหม่ที่บ้าน ซึ่งนับวันอาการของเขาก็ยิ่งแปลกไปทุกวันเช่นอยากกินอะไรที่เขาไม่เคยกินอย่างส้มตำ ไก่ย่าง หรือพวกอาหารสจัด ผลไม้เปรี้
เพลิงกัลป์.....และแล้ววันแต่งงานของผมกับวันหนึ่งก็มาถึง หลังจากที่ผมขอเธอแต่งงานมานานแล้วก่อนเรียนจบซึ่งเธอก็บอกว่ารอเธอเรียนจบก่อนเธอถึงจะยอมแต่งงานด้วย ซึ่งอยากจะบอกว่าคนที่ร่วมงานของเราเราจะเชิญแค่คนพิเศษและสนิทจริงๆซึ่งคนที่ผมไม่คิดว่าจะมาร่วมงานนี้ก็คือมิย่า เธอมาตามคำเชิญของวันหนึ่งซึ่งตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจจนกระทั่งเธอมาพูดขอโทษผมกับวันหนึ่งกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาและวันนี้เธอก็มากับคนรักใหม่ของเธอและตอนนี้มิย่าก็กำลังท้องด้วยผมแสดงความดีใจกับเธอที่ในที่สุดเธอก็เจอคนที่รักเธอด้วยใจจริงหลังจากที่เราแต่งงานกันแล้วผมกับวันหนึ่งก็พากันมาฮันนีมูนที่ประเทศญี่ปุ่นเพราะมันคือประเทศที่วันหนึ่งเคยบอกว่าเธออยากจะมาเที่ยวสักครั้งซึ่งผมก็ตามใจเธอทุกอย่าง ตั้งแต่ผมได้เธอกลับคืนมาผมไม่เคยขัดใจเธอเลย เธออยากได้อะไรผมก็ให้แต่ส่วนใหญ่เธอไม่ค่อยอยากได้อะไรเป็นผมที่ต้องหามาให้เองผมอยากชดเเชยอยากทนแทนทุกอย่างให้กับเธอ ผมอยากทำให้เธอมีความสุขในทุกๆวันเพราะเมื่อเธอมีความสุขผมก็จะมีความสุขตามไปด้วย"หนึ่งคืนนี้ใส่ชุดนี้นอนนะเพลิงอยากเห็น" ผมยื่นชุดที่เพิ่งซื้อมาจากร้านขายชุดคอสเพลย์มันเป็นชุดแม่บ้านญี่ปุ่
เวลาต่อมา...เพลิงอยากให้ฉันเรียนต่อเขาบอกพอฉันเรียนจบเขาก็จะให้ฉันมาทำงานตำแหน่งเลขาส่วนตัวของฉันเขาก็เลยพาฉันมาสมัครเรียนที่มหาลัยแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด ฉันดีใจมากที่จะได้เรียนต่อ"ขอบคุณนะคะ" ฉันขอบคุณเขาหลังจากขึ้นมาบนรถ"เปลี่ยนคำของคุณเป็นอย่างอื่นได้มั้ยครับ" ฉันรู้ว่าเขาอยากได้อะไรพอมาถึงบ้านฉันก็จัดให้เขาจนเขาพอใจ อยากจะบอกว่าช่วงนี้น้องวันใหม่ไม่ได้อยู่บ้านเพราะคุณแม่ของเพลิงพาแกไปหาคุณตาซึ่งก็คือคุณพ่อของเพลิงที่อเมริกานอกจากนั้นแล้วท่านก็ยังจะพาแกไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาลเพื่อปรึกษาวิธีการรักษาโรคหัวใจของแกที่เป็นอยู่ด้วยคุณแม่บอกว่าคุณหมอที่โน่นเก่งทางด้านนี้ท่านอยากให้หลานไปรักษาตัวที่โน่นมากกว่าซึ่งฉันกับเพลิงก็เห็นด้วยที่ลูกจะได้รักษากับคุณหมอที่เก่งเฉพาะทาง ทำให้ฉันไม่ต้องเครียดหรือกังวลใจอะไรมากเหมือนที่ผ่านมาเพราะตอนนี้ฉันไม่ได้ตัวคนเดียวอีกต่อไปฉันมีครอบครัวที่ใหญ่ขึ้นมีคนรักที่ดีและรักฉันมากอย่างเพลิงแม้ว่าฉันจะไม่มีอะไรเหมาะสมคู่ควรกับเขาเลยก็ตามวันนี้เป็นวันแรกที่ฉันจะได้ไปเรียนที่มหาลัยฉันตื่นเต้นมากเพราะจะได้ใส่ชุดนักศึกษาที่เคยใฝ่ฝันไว้ซึ่งชุดนักศึกษาของฉันเพลิง
เพลิงกัลป์..."วันใหม่ขาวันนี้แม่มีข่าวดีจะบอกกับน้องด้วยนะคะ""เรื่องอารายเหรอค้าแม่""เรื่อง...คุณพ่อของน้องไงคะ^^""คุณพ่อของน้องเหรอค้า??""ใช่ค่ะ น้องอยากเจอคุณพ่อมั้ยคะ""อยากเจอค่า น้องจะบอกว่าน้องรักคุณพ่อที่สุดในโลกเลย" ผมที่นั่งฟังอยู่ข้างๆได้ยินแล้วใจสั่นไปหมด มันบอกไม่ถูกทั้งกลัวทั้งตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะวันหนึ่งบอกว่าจะบอกความจริงกับลูกในวันนี้"คุณพ่อของน้องก็คือ...คุณลุงค่ะ^^""คุณลุง....คุณลุงคือคุณพ่อของน้องเหรอค้าแม่""ใช่ค่ะคุณลุงคือพ่อของน้อง""จริงเหรอค้าคุณลุง""จริง..ครับลุงคือพ่อของน้องครับ""ฮึก ฮึก ฮึก" พอผมกับวันหนึ่งยืนยันกับแกผมก็ได้ยินเสียงแกร้องไห้ผมพยายามคว้าตัวแกมากอดทั้งที่มองไม่เห็น แต่..."ฮือออ ไม่จริงคุณลุงไม่ใช่พ่อของน้อง ฮือออ""วันใหม่ทำไมน้องพูดแบบนี้คะคุณพ่อเสียใจนะคะไหนน้องบอกว่าอยากเจอพ่อไงคะ""น้องไม่มีคุณพ่อ ฮือออ น้องไม่รักคุณลุง คุณลุงไม่ใช่คุณพ่อ ฮืออออ" มือน้อยๆของลูกผลักผมออกผมทำอะไรไม่ถูกจนอยากจะร้องไห้กับท่าทีของลูกที่มีต่อผม"วันใหม่พ่อขอโทษ""น้องเกลียดคุณลุงที่สุด ฮือออออ"ตุบ ตุบ ตุบ ผมได้ยินเสียงวิ่งของลูกจากนั้นวันห
วันหนึ่ง...."ถ้ากลับกันถ้าเป็นหนึ่งที่มองไม่เห็นบ้างเพลิงจะทิ้งหนึ่งไปไหม""ไม่ ไม่มีวันเพลิงจะอยู่ดูแลหนึ่งเพราะเพลิงรักหนึ่งจะไม่มีวันทิ้งหนึ่งไปไหนอีก""ก็เหมือนกันไงเพลิงรักหนึ่งหนึ่งก็รักเพลิงเพราะฉะนั้นเลิกคิดมากได้แล้วแล้วก็หยุดร้องไห้ด้วยไม่อายลูกเหรอถ้าลูกมาเห็นน่ะ" พอฉันพูดว่าลูกมาเขาก็รีบเช็ดน้ำตาตัวเองทันทีจนฉันขำปนสงสารก่อนจะดึงเขาเข้ามาจูบที่ริมฝีปากเบาก่อนจะบอกรักเขา"หนึ่งรักเพลิงนะคะ""เพลิงก็รักหนึ่งเหมือนกันนะครับ" เราสองคนจูบกันอย่างดูดดื่มและก่อนที่อะไรๆจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ลูกสาวของฉันก็ตะโกนเรียกฉันกับเพลิงเสียงดังลั่นบ้านฉันกับเพลิงรีบผละออกจากกันทันที"ไว้คืนนี้เราค่อยมาต่อกันนะ" จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ ฉันกระซิบบอกเขาก่อนจะลุกออกไปหาลูกเพลิงกัลป์....ผมนั่งยิ้มทั้งน้ำตากับคำพูดและคำสัญญาของวันหนึ่งที่พูดกับผมเธอจะไม่ยอมเลิกกับผมเธอยอมลำบากเพราะเธอรักผมมาก เธอดีกับผมรักผมขนาดนี้ผมจะไม่มีวันทำให้เธอเสียใจอีกอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องตาของผมถ้าอีกสักระยะมันยังไม่ดีขึ้นผมอาจจะต้องเข้ารับการผ่าตัดเพราะผมอยากเห็นหน้าลูกเมียไวๆผมจะไม่ยอมตาบอดไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน"คุณลุงเป็นย
วันหนึ่ง...ฉันรับลูกกลับมาถึงบ้านก็เจอว่านกับพัฒน์นั่งคุยกันอยู่ที่ศาลาหน้าบ้าน"อ้าวทำไมมานั่งกันตรงนี้แล้วเพลิงล่ะ""ไอ้เพลิงอยู่ในบ้านกับไอ้โซ่มันบอกมีเรื่องสำคัญจะเคลียร์กับไอ้โซ่พวกฉันก็เลยต้องเดินออกมารอข้างนอก""เรื่องสำคัญอะไรเหรอ""ไม่รู้เหมือนกันแต่ถ้าให้เดาน่าจะเป็นเรื่องของเธอนั่นแล่ะ" ทั้งว่านทั้งพัฒน์มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัดฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าพวกเขาคุยอะไรกันแล้วเพลิงมีเรื่องอะไรต้องเคลียร์กับโซ่งั้นเหรอ ฉันไม่อยากให้ตัวเองมีความสงสัยอะไรอีกก็เลยฝากลูกไว้กับว่านแล้วก็พัฒน์ส่วนฉันมาแอบยืนโซ่กับเพลิงคุยกันอยู่ตรงมุมประตูโดยที่พวกเขาสองคนไม่รู้"กูพูดตามที่กูเห็น ตอนที่มึงคบกันหนึ่งมึงไม่เคยสนใจไม่เคยรักหนึ่งเลยมึงขอเขาเป็นแฟนแต่มึงกลับทิ้งๆ ขว้างๆ เขามึงหลอกให้หนึ่งรักแล้วมึงก็ยังไปเอากับผู้หญิงอื่นอีก แล้วพอมาตอนนี้พอมึงมองไม่เห็นมึงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มึงก็กลับบอกกูว่ามึงรักหนึ่งต้องการอยู่กับหนึ่ง ต่อไปหนึ่งก็ต้องอยู่กับมึงตลอดเวลาคอยดูแลมึงไปไหนไม่ได้ต้องเป็นมือเป็นตีนเป็นตาให้มึง มึงอยากให้คนที่มึงบอกว่ารักลำบากกับมึงเหรอ" "มึงคิดดูเอาเองก็แล้วกันว่าสิ่ง
Mga Comments