เสี่ยวไป๋มองนางเดินหายไปจนลับตา เขาทำได้เพียงถอนหายใจออกมาหนักๆ ครั้งหนึ่ง
เขาหลงรักเสี่ยวหงมาตั้งแต่เยาว์วัย เขาทนมองดูนางถูกทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากมารดาและน้องสาว แต่เขากลับยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือนางไม่ได้แม้แต่น้อย
และครั้งนั้นที่เสี่ยวหงถูกชินอ๋องทอดทิ้ง เขาเองอยากปลอบใจอยากดูแลนาง อยากแต่งงานกับนาง แต่ท่านพ่อท่านแม่ต่างขัดขวางเขา ขู่เขาว่าจะทำร้ายเสี่ยวหงจนตกตาย เขาจึงทำได้เพียงถอยห่างจากนางคอยดูนางอยู่เพียงไกลๆ
ต้นฤดูใบไม้ผลิมาเยือนความหนาวเริ่มจางหายไป เสี่ยวหงรู้สึกดีไม่น้อย นางไม่ชอบฤดูหนาวเป็นที่สุด นางชอบบรรยากาศเย็นสบายๆ ท่ามกลางแสงแดดเรืองรองเช่นนี้ยิ่งนัก
เสี่ยวหงที่รับสำรับเช้าเรียบร้อยแล้ว เดินออกมาย่อยอาหารที่ริมสระบัว นางขมวดคิ้วน้อยๆ เหตุใดวันนี้ที่จวนจึงเงียบยิ่งนัก
"ทำไมเงียบจังนะ"
"คุณหนูเจ้าคะ วันนี้ท่านเสนาบดี พาฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินหลิวกับคุณหนูไปขอพรที่วัดบนเขาเจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าฝากห่อตำลึงนี่ให้คุณหนูเจ้าค่ะ ฝากบ่าวมาบอกคุณหนูว่าหากอยากออกไปเที่ยวนอกจวนก็ได้เจ้าค่ะ แต่ต้องกลับก่อนฟ้ามืดนะเจ้าคะ"
เสี่ยวหงรับถุงจากมือของอิ๋งเอ๋อร์ก่อนจะเปิดออกดู ว้าว!!! เงินหลายสิบตำลึงเชียว
"อิ๋งเอ๋อร์เจ้าพาข้าไปเที่ยวนอกจวนเร็วเข้า"
เสี่ยวหงจัดแจงเปลี่ยนจากชุดนอน เป็นชุดกระโปรงยาวสีชมพูลายดอกกุ้ยฮวาที่งดงาม จะว่าไปเจ้าของร่างเดิมก็มีเสื้อผ้าจำกัดจนน่าสงสารเหลือเกิน
เสียงผู้คนจอแจไปมาตามทางเดิน นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ออกมาเที่ยวชมรอบเมืองด้านนอกตั้งแต่ข้ามมิติมาที่นี่
"นายหญิง อีกไม่นานท่านจะได้พบกับคนพิเศษที่ท่านตามหา"
"ใครหรือ?"
เสี่ยวหงสนทนาผ่านกระแสจิตกับมู่มู่ มันส่งเสียงปริศนาไว้แต่นางมองไม่เห็นร่างมันแม้แต่น้อย
ชิ!!! มาหลอกให้สงสัยแล้วก็จากไป
"อะ คุณหนูเจ้าคะตรงนั้นมีการละเล่นว่าวเจ้าค่ะ"
ว่าวเหรอ? นางชอบมันที่สุดเลย!!!
ตอนเรียนมหาวิทยาลัยมีการแข่งขันทำว่าว นางสามารถทำว่าวที่สวยงามจนเอาชนะมาเป็นอันดับที่หนึ่งได้
เสี่ยวหงเดินเข้าไปหาเถ้าแก่ร้านขายว่าว ก่อนจะมองดูว่าวลวดลายต่างๆ ไปมา
"แม่นางสนใจลวดลายไหนบอกข้าได้ขอรับ"
"เถ้าแก่ มีอุปกรณ์ที่ทำว่าวเองได้หรือไม่"
"เอ่อ อุป อะไรนะขอรับ"
เสี่ยวหงตบหน้าผากตนเองฉาดหนึ่งอย่างลืมตัว ให้ตายสิ!!!นางต้องบอกเถ้าแก่ผู้นี้ว่าเช่นไรดี
"ข้าอยากทำว่าวเอง"
"ได้ๆ ที่ร้านของข้ามีของที่ใช้ทำว่าวพร้อมแม่นางเชิญเลือกดูเถิด"
เสี่ยวหงเดินไปดูของที่นางต้องการ ก่อนจะยิ้มออกมาตาหยี
"คุณหนูเจ้าคะ ท่านจะลำบากเปลืองแรงไปไยกันเจ้าคะ พวกเราจ่ายตำลึงซื้อก็ได้นี่เจ้าคะ"
"ซื้อมาเล่นไม่ตื่นเต้นเท่าทำเองหรอก มานี่มา เจ้ามาช่วยข้าหน่อย"
เวลาเพียงไม่นานเสี่ยวหงก็ทำว่าวที่นางต้องการจนเสร็จ
"คุณหนู!!! งามมากเจ้าค่ะ ท่านเก่งจังเลย"
อิ๋งเอ๋อร์มองว่าวขนาดใหญ่อันหนึ่งเป็นรูปดอกเหมยงดงามเหมือนดอกไม้จริง อีกอันหนึ่งเป็นรูปมังกรมีหางยาวงดงามอย่างน่าอัศจรรย์
"ว่าวดอกเหมยนี่ข้าให้เจ้า"
"ขอบคุณเจ้าค่ะคุณหนู"
"พวกเราพามันไปบินเล่นบนฟ้ากันเถิด"
อิ๋งเอ๋อร์ยิ้มตาหยีพลางวิ่งตามเสี่ยวหงออกไป
"เรียนทุกท่าน เทศกาลละเล่นว่าวปีนี้ ทางเรามีการประกวดว่าว ว่าวของใครสวยแปลกตาได้คะแนนมากที่สุดจะได้เป็นผู้ชนะในปีนี้!!! เงินรางวัลห้าร้อยตำลึง"
เสี่ยวหงดวงตาเป็นประกาย นางพาอิ๋งเอ๋อร์ไปลงชื่อร่วมแข่งขัน
การแข่งขันว่าวในปีนี้เริ่มต้นขึ้นแล้ว อวิ๋นหลัวซี ซื่อจื่อจวนโหว บุตรชายท่านแม่ทัพใหญ่อวิ๋นเสวียนก็พามารดาที่ป่วยเรื้อรังมานานปีออกมาชมเทศกาลนี้ด้วย
"ท่านแม่กลับจวนดีหรือไม่ขอรับ"
"อาหลัว ดูว่าวมังกรกับว่าวดอกเหมยนั่นสิ!!! งามนักแม่ชอบเหลือเกิน เจ้าไปขอซื้อมันมาให้แม่ได้หรือไม่"
เสียงปรบมือชื่นชมยินดีลอยมาไม่ขาดสาย เขามองไปด้านหน้า ก็พบกับหญิงสาวนางหนึ่งที่ยิ้มจนตาหยีอยู่ท่ามกลางผู้คน
"ยินดีกับแม่นางด้วย ท่านคือผู้ชนะในปีนี้"
"แม่นาง ว่าวดอกเหมยกับว่าวมังกรใหญ่ยักษ์เสมือนจริงนั่นท่านทำเองกับมือเลยรึ"
"ใช่น่ะสิ!!! ข้าเห็นนางนั่งทำกับสาวใช้นางนั้น"
"แม่นางเป็นคุณหนูตระกูลไหนหรือช่างเก่งกาจยิ่งนัก"
"ข้าชื่อเสี่ยวหง เป็นบุตรสาวท่านเสนาบดีเสี่ยวเถียน"
"โอ้!!! นางเพิ่งจะถูกชินอ๋องถอนหมั้นไปใช่หรือไม่ น่าเสียดายนักนางดูฉลาด เก่งออกปานนี้"
ชินอ๋องหยางเทียนฉีที่ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนปรายตามองเสี่ยวหงสลับกับว่าวของนาง ตั้งแต่ที่เขารู้จักนางมาไม่เคยเห็นนางชอบออกมานอกจวน ไม่เคยมีความสามารถใดนอกจากอ่อนแอไปวันๆ นางควรที่จะต้องเสียใจร้องไห้เพราะเขา ไม่ใช่ออกมาทำตัวร่าเริงเช่นนี้
"ข้าขอซื้อในราคาห้าร้อยตำลึงได้รึไม่!!"
เสียงซู้ดปากดังขึ้นไม่ขาดสาย บุรุษหน้าตาเคร่งขรึมผู้หนึ่งก้าวเดินมาข้างหน้าเสี่ยวหงก่อนจะยื่นตำลึงมาตรงนาง
"ข้าซื้อว่าวทั้งสองอันของเจ้าห้าร้อยตำลึง"
"นั่นมันซื่อจื่อจวนโหวมิใช่หรือ"
"เขาจะเอาว่าวไปทำสิ่งใดกัน"
"เขาออกมานอกจวนแล้วหรือ ข้าได้ยินว่าเขาป่วยหนักทางจิต"
เสี่ยวหงเงยหน้าไปมองบุรุษตรงหน้านาง นางตื่นตะลึงไม่น้อย เหตุใดเขาจึงหน้าเหมือนรักแรกของนางยิ่งนัก
อวิ๋นหลัวหยาง!!! ช่างเหมือนอวิ๋นหลัวหยางยิ่งนัก นี่หรือคนพิเศษที่มู่มู่บอกนาง!!!
"แม่นางว่าอย่างไรเล่า"
เสี่ยวหงตื่นจากภวังค์ นางมองไปที่อวิ๋นหลัวซีไม่วางตา
"อาหลัวหากนางไม่ยอมขายให้ เจ้าก็อย่าบังคับนางเลยแม่ไม่อยากได้แล้ว แม่นางน้อยป้าขออภัยด้วย อาหลัวพวกเรากลับจวนกันเถิด"
"เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ"
เสียงเรียกของเสี่ยวหงทำให้อวิ๋นหลัวซีกับท่านแม่ของเขาหันกลับไปมองเล็กน้อย
"ท่านป้าชอบว่าวอันไหนของข้าหรือเจ้าคะ"
ฮูหยินจวนโหวเม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะชี้ไปที่ว่าวดอกเหมย นางไอออกมาเล็กน้อย เสี่ยวหงลอบสังเกตลักษณะของนางก่อนจะพบว่าชะตาของฮูหยินกับบุรุษผู้นี้มีคุณไสยมนตร์ดำกดทับอยู่
"ว่าวอันนี้ข้าลอยมันออกไปแล้วการลอยว่าวเหมือนกับการลอยทุกข์ของเจ้าของว่าว คงไม่เหมาะที่จะให้ท่านป้า แต่ว่าข้าสามารถทำว่าวดอกเหมยอันใหม่ให้ท่านได้นะเจ้าคะ"
"เจ้าพูดจริงหรือ?"
"เจ้าค่ะ"
เสี่ยวหงไม่รอช้านางหยิบอุปกรณ์ที่เหลือทำว่าวดอกเหมยอันใหม่ให้ฮูหยินจวนโหวทันที
อวิ๋นหลัวซีลอบมองนางอย่างไม่ละสายตา หญิงสาวตรงหน้าเขานี้ ช่างดูสดใจยิ่งนัก นางดูร่าเริงไม่เหมือนกับหญิงสาวที่เพิ่งถูกถอนหมั้นมาด้วยซ้ำ
เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของนางมาบ้าง นางเป็นบุตรสาวของเสนาบดีเสี่ยวเถียน อ่อนแอ ขี้โรค แต่วันนี้ที่เขาเห็นเองกับตานางดูร่าเริงแข็งแรงสดใสเหลือเกิน ไม่เหมือนกับคนป่วยแม้แต่น้อย
"นายหญิงท่านจะทำสิ่งใด!!! การแก้เวทไสยดำใช้พลังมหาศาลท่านอย่าสอดมือเข้าไปยุ่งจะดีกว่า!!!"
เสียงของมู่มู่ลอยมาตามสายลม เสี่ยวหงถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
"นี่คือยันต์พรางตาคุ้มครอง ไม่ใช่ยันต์แก้เวทไสยดำสักหน่อย เร็วเข้าเจ้าปล่อยพลังปราณคุ้มครองช่วยข้าที "
มู่มู่ทำได้เพียงส่ายหางไปมาอย่างจนใจ พลังปราณสีขาวสายหนึ่งสว่างวาบเข้ามาที่ว่าวดอกเหมยโดยที่ไม่มีผู้ใดมองเห็น
"นี่คือว่าวมงคลดอกเหมยเจ้าค่ะ ข้าขออวยพรให้ท่านป้ามีสุขภาพแข็งแรง นำมันไว้ใกล้ๆ ท่านจะช่วยให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรงเจ้าค่ะ"
"งามนัก ข้าชอบมาก!!! แม่นางเจ้าคิดกี่ตำลึงกัน"
"ข้าไม่คิดเงินเจ้าค่ะ ข้ารู้สึกถูกชะตากับท่านป้าเจ้าค่ะ"
มู่มู่ลอบบิดเบ้มุมปาก ข้าถูกชะตากับบุตรชายท่านป้า น่าจะใช้คำนี้มากกว่า!!!
"ขอบใจแม่นางมาก หากมีสิ่งใดที่ข้าช่วยได้เจ้าก็ไปแจ้งแก่พ่อบ้านที่จวนอวิ๋นได้ทุกเมื่อ"
"เจ้าค่ะ เอ่อเดี๋ยวก่อน ท่านมีนามว่าอะไรเจ้าคะ"
"ข้านาม อวิ๋นหลัวซี ซื่อจื่อจวนโหว"
อวิ๋นหลัวซี อวิ๋นหลัวหยาง!!!
ที่แท้เขาเป็นต้นตระกูลของอวิ๋นหลัวหยางหรือ?
เสี่ยวหงมองอวิ๋นหลัวซีกับมารดาของเขาเดินไกลไปจนลับสายตา ก่อนที่นางกับอิ๋งเอ๋อร์จะแยกตัวเดินออกมาจากเทศกาลว่าวเพื่อกลับจวน
"องค์รัชทายาทถูกพระทัยว่าวของแม่นางผู้นั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ"
หยางเส้าเฉิน องค์รัชทายาทต้าโจวผู้สง่างาม เขามองเสี่ยวหงเดินจากไปไกลจนลับสายตา มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
"นางเป็นบุตรสาวตระกูลใด"
"ทูลองค์รัชทายาท นางเป็นบุตรสาวคนโตของเสนาบดีเสี่ยวเถียนพ่ะย่ะค่ะ"
"นางเคยเป็นอดีตคู่หมั้นชินอ๋องท่านอาของข้า"
"พ่ะย่ะค่ะ"
เหตุใดชินอ๋องถึงมีตาหามีแววไม่เช่นนี้ หญิงสาวตรงหน้าดูร่าเริงสดใส และนางยังเป็นผู้ชนะแข่งว่าวในปีนี้อีกด้วย ในต้าโจวแห่งนี้ไม่เคยมีสตรีใดที่ทำว่าวได้งดงามเช่นนางมาก่อน
"คอยจับตาดูนางไว้"
"เอ๋? พระองค์จะจับตาดูนางไปทำไมกันพ่ะย่ะค่ะ"
"หญิงสาวที่ข้าตามหา คู่ควรจะเป็นฮองเฮาของข้าคงมีแต่นางเท่านั้น"
"แต่พระชายาเอกเพิ่งแต่งเข้ามานะพ่ะย่ะค่ะ"
"หุบปาก!!! เจ้าไม่มีสิทธิ์มาออกความคิดเห็นเรื่องของข้า!!!"
ชายาเอกเช่นนั้นหรือ? แต่งได้เขาก็ปลดนางได้
งานแต่งงานของอวิ๋นหลัวซีและหยางซูหนี่ว์ ถูกจัดขึ้น หลังจากพิธีอภิเษกสมรสของหยางซูจวิ้นและอวิ๋นเฟยหนึ่งเดือน นางกับอวิ๋นหลัวซีใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาอย่างมีความสุข หยางซูหนี่ว์ให้กำเนิดบุตรเป็นฝาแฝดชายหญิงให้แก่อวิ๋นหลัวซี เขาดีใจเป็นอย่างยิ่ง อวิ๋นเสวียนเองก็หลงรักหลานแฝดทั้งสองมาก ทุกวันหลังจากเลิกงานเขาก็จะต้องรีบกลับมาหาหลานฝาแฝดน้อยทั้งสองอวิ๋นหลงเยียนเองก็ถูกบิดาจับได้ว่าเขาลอบมีความสัมพันธ์กับหรงจิง อวิ๋นเสวียนในตอนแรกนั้นก็ยอมรับไม่ได้ แต่เมื่อผ่านไปนานวันเข้า เขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากเท่าใดนัก และไม่ได้ด่าทอต่อว่าบุตรชายคนรองเหมือนเช่นเคย อวิ๋นหลงเยียนและหรงจิงก็ช่วยกันดูแลสำนักดูดวงเชียนเซียง จนกิจการรุ่งเรืองไปได้ดีรัชศกเฉิงเยี่ยปีที่60ฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ยทรงสิ้นพระชนม์ ส่วนเหมยฮองเฮาก็ได้ขึ้นเป็นไทเฮา ช่วงชีวิตของนางมีความสุขอยู่กับการเลี้ยงหลานๆ หยางซูจวิ้นเองก็มีพระโอรสถึงสี่องค์ สร้างความมั่นคงแก่ราชวงศ์ไม่น้อยรัชศกซูจวิ้นปีที่5ห้าปีหลังจากที่หยางซูจวิ้นขึ้นครองราชสมบัติเขาได้แต่งตั้งหยางเส้าเฉินขึ้นเป็นชินอ๋อง"ท่านพ่อเจ้าคะ อุ้มข้าหน่อยเจ้าค่ะ"หยางเส้าเฉินมอง
อวิ๋นเสวียนผู้เป็นบิดารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าองค์หญิงผู้นี้จะกล้าเข้ามากอดรัดนัวเนียอยู่กับบุตรชายของเขาอวิ๋นหลัวซีมองบิดาของเขาด้วยสายตาเย็นชาครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากพูด"ลูกเป็นคนพาซูหนี่ว์มาเองขอรับ""อาหลัว เหตุใดเจ้าจึงบังอาจเรียกชื่อองค์หญิงเช่นนี้!!!"อวิ๋นหลัวซีมีสีหน้าเรียบเฉย ส่วนหยางซูหนี่ว์ที่กอดแขนอวิ๋นหลัวซีอยู่นั้นก็จ้องมองอวิ๋นเสวียนด้วยรอยยิ้มตาหยี"ท่านพ่อสามีไม่ต้องเกรงใจไปเจ้าค่ะ ข้ากับอาหลัวเราก็เหมือนคนคนเดียวกัน เรียกชื่อเพียงเท่านี้เรื่องเล็กน้อยเจ้าค่ะ"จินรั่วอวิ๋นลอบปรายตามองหยางซูหนี่ว์ ช่างกล้านัก นางที่เป็นว่าที่คู่หมั้นยังไม่ใจกล้าเท่านางเลย"เอ่อ นี่ก็เย็นมากแล้ว รับสำรับกันเถิด อาหลัวท่านแม่ของเจ้าเล่า?"ท่านแม่ไม่สบายขอรับ กำลังนอนพักอยู่ในเรือน ลูกให้คนนำสำรับเย็นไปให้แล้วขอรับ""อืม เด็กๆ จัดโต๊ะอาหาร"ไม่นานอาหารก็ถูกยกขึ้นมาวางเต็มโต๊ะ อวิ๋นหลัวซีคีบอาหารให้หยางซูหนี่ว์อย่างใส่ใจ จินรั่วอวิ๋นที่เห็นเช่นนั้น ทำได้เพียงลอบกัดฟันกรอด"ท่านพี่หลัว ลองชิมสาลี่นี่ดูหน่อยเถิดเจ้าค่ะ เป็นสาลี่ที่เก็บมาจากบ้านสวนบนเขาของตระกูลจ
หยางซูหนี่ว์ใช้ชีวิตอยู่ในวังด้วยความเบื่อหน่าย วันๆ นางต้องทนเรียนการเย็บปักถักร้อย งานวาดภาพ อ่านตำราสอนหญิง มันเป็นสิ่งที่นางไม่ถนัดและไม่มีใจรักในด้านนี้"องค์หญิงเพคะ อีกครู่หนึ่งแม่นมฉางจะเข้ามาสอนองค์หญิงปักผ้าเช็ดหน้าลายดอกเหมยนะเพคะ"กลอกตาไปมาก่อนจะมองหมิงหยวนด้วยสายตาเบื่อหน่ายอีกครั้ง สำนักดูดวงเชียนเซียงเริ่มเปิดกิจการภายใต้การดูแลของหรงจิง ตอนนี้หมอนั่นฝีมือก้าวหน้าไปไม่น้อย ถึงแม้จะไม่ได้เก่งกาจเท่าหยางซูหนี่ว์ แต่ก็ไม่ไปปล่อยผีออกมาเดินเล่นอย่างคราวก่อนอีก หยางซูหนี่ว์เองก็ไปที่สำนักดูดวงบ้างเป็นบางครั้ง ผู้คนต่างรู้หมดแล้วว่าแท้จริงแม่หมอผู้เก่งกาจคือองค์หญิงหยางซูหนี่ว์ พวกเขาจึงยกย่องนางราวเทพธิดาและแวะเวียนมาที่สำนักดูดวงเชียนเซียงทุกวันหวังจะได้ชื่นชมพระบารมีขององค์หญิง"วันนี้ข้าจะไม่เรียนเย็บปักอะไรทั้งสิ้น ไปเตรียมชุดนางกำนัลมาข้าจะออกนอกวัง""แต่องค์หญิงเพคะ""หากเจ้ายังห้ามข้าอีก ข้าจะสั่งให้ผีมาหลอกเจ้าทั้งวันทั้งคืน!!! ""โอ๊ยย!!! องค์หญิงเพคะ หม่อมฉันยอมแล้วเพคะ""ดีมาก ไปเตรียมชุดให้ข้า หากแม่นมฉางมาบอกให้นางกลับไปก่อนวันนี้ข้าไม่มีอารมณ์เรียน"หยางซูหนี
เสี่ยวหงเดินตามเสียงที่เรียกนางไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางเมฆหมอกที่ขมุกขมัว พลันปรากฏร่างของสตรีนางหนึ่ง แต่งกายงดงามราวกับเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ ใบหน้าละม้ายคล้ายกับนางไม่มีผิดเพี้ยน"เจ้าคือ?""ข้าคือเจ้า และเจ้าก็คือข้า""เจ้าคือเสี่ยวหง?"หญิงสาวตรงหน้าเผยรอยยิ้มอ่อนหวานสะกดสายตา นางส่ายหน้าไปมา ก่อนจะมองเสี่ยวหงอีกครั้ง"ข้าคือหยางซูหนี่ว์ ชื่อของข้าคือหยางซูหนี่ว์ พระธิดาของฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ย"เสี่ยวหงขมวดคิ้วมุ่น นางเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว ฉับพลันความรู้สึกมากมาย เรื่องราวต่างๆ ภาพความทรงจำในอดีตก็ได้หวนกลับมาอีกครั้งแท้จริงแล้วนางคือองค์หญิงหยางซูหนี่ว์ที่หายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน"ข้าสูญเสียความทรงจำจากเหตุการณ์ร้ายแรงในครั้งนั้น""เจ้าจะกลับมาทวงร่างเดิมหรือ?"หยางซูหนี่ว์ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะยื่นมือไปจับมือของเสี่ยวหงเอาไว้"ข้าต้องไปแล้ว ฝากเจ้าดูแลเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ของข้าด้วย ใช้ชีวิตให้มีความสุข อยู่กับชายที่เจ้ารัก เจ้าทำให้ช่วงชีวิตของข้าที่แสนเศร้าและทุกข์ทรมานแปรเปลี่ยนเป็นความงดงามจนข้าเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ขอบใจเจ้ามาก เจ้ารีบกลับไปเถิด"หยางซูหนี่ว์ใช้มือผลักที่ไหล่ข
อวิ๋นหลัวซีพาเสี่ยวหงขึ้นขี่หลังม้าห้อตะบึงจนออกมานอกเขตเมืองหลวงโดยใช้ป้ายรองแม่ทัพของเขาจึงไม่เป็นที่สงสัย พวกเขาสามารถออกมาจากเมืองหลวงได้ทันเวลาก่อนที่หยางเส้าเฉินจะส่งคนตามมาทันจวนตระกูลอวิ๋นถูกสั่งกักบริเวณทันทีหลังจากมีประกาศจับอวิ๋นหลัวซีและเสี่ยวหง อวิ๋นเสวียนเอาแต่โทษตนเองว่าเป็นความผิดของเขาที่บีบบังคับบุตรชายจนต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ส่วนฮูหยินเอกจวนโหวเมื่อทราบข่าวว่าอวิ๋นหลัวซีกลายเป็นนักโทษตามจับของฝ่าบาทก็เป็นลมแล้วเป็นลมอีกจนบ่าวในเรือนต้องช่วยกันดูแลวุ่นวายไปทั้งจวนด้านฮูหยินรองหลันเยียนก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากอย่างมีความสุข ถือโอกาสสาปแช่งทั้งสองแม่ลูกให้ตกตายไปพร้อมกันเสีย จวนตระกูลโหวรวมถึงตำแหน่งซื่อจื่อก็จะได้ตกเป็นของนางกับอวิ๋นหลงเยียนบุตรชายอันเป็นที่รักยิ่งของนาง"ท่านพ่อ ท่านพี่จะปลอดภัยใช่หรือไม่ขอรับ""พี่เจ้าเป็นคนเก่ง เขาจะต้องปลอดภัย พ่อเชื่อมั่นในตัวพี่ชายเจ้าเสมอ"อวิ๋นหลงเยียนพยักหน้า เขาเองก็เชื่อมั่นในตัวของอวิ๋นหลัวซีพี่ชายคนนี้ของเขาเช่นกัน"แย่แล้วขอรับนายหญิง ฮ่องเต้ทรงประกาศจับพวกท่านทั้งสองคนขอรับ"มู่มู่กระโดดออกมาจากต้นไม้ มองดูเสี่ย
หลิวเย่ว์หลีหันมามองหน้าเสี่ยวหงก่อนจะรีบเตรียมผละออกไป เสี่ยวหงร้อนใจเป็นอย่างยิ่งจึงรีบคว้ามือของหลิวเย่ว์หลีเอาไว้"ใจเย็นๆ ก่อนนะ ข้าจะไปดูสถานการณ์ก่อน หากเกิดอะไรขึ้นข้าจะรีบให้คนมาแจ้งแก่เจ้า""เจ้าค่ะ"หลิวเย่ว์หลีพยักหน้าก่อนจะรีบเดินตามนางกำนัลออกมา ระหว่างทางก็สอบถามเรื่องราวไปด้วย"เรื่องราวเป็นมาเช่นไร? รองแม่ทัพอวิ๋นเข้าวังมาขอยกเลิกพระราชทานสมรสด้วยตนเองเชียวหรือ?""เพคะพระชายา รายละเอียดบ่าวเองก็ไม่ทราบแน่ชัดเพคะ"หลิวเย่ว์หลีพยักหน้าด้วยความร้อนใจ นางเองก็จนปัญญาที่จะช่วยเหลือ ในเมื่อเป็นรับสั่งของฝ่าบาทเช่นนั้นคงจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามลิขิตของสวรรค์เสียแล้วห้องทรงพระอักษร"เจ้าช่างกล้าดียิ่งนัก คิดว่าเป็นคนโปรดของเรา แล้วจะฝ่าฝืนคำสั่งเช่นไรก็ได้อย่างนั้นหรือ?""หามิได้พ่ะย่ะค่ะ แต่ที่กระหม่อมต้องมาทูลขอความเมตตาจากฝ่าบาทด้วยตนเอง เพราะกระหม่อมมีสตรีในดวงใจอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ""เหลวไหล!!! เจ้าแต่งจินรั่วอวิ๋นเป็นฮูหยินเอก แล้วเจ้าก็ค่อยแต่งสตรีผู้นั้นเป็นอนุก็ย่อมได้!!!""ทูลฝ่าบาท กระหม่อมต้องการแต่งสตรีผู้นั้นเป็นภรรยาเพียงคนเดียวพ่ะย่ะค่ะ!!!"ฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ยวา
ฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ยมองชินอ๋องกับพระชายาเอกด้วยแววตาตำหนิ มู่มู่ ที่เห็นเช่นนั้น จึงกระโดดหายไปอย่างไร้ร่องรอย เสี่ยวหงถอยหลังออกมาก้าวหนึ่งเพื่อทำความเคารพหยางเฉิงเยี่ย"ถวายพระพรเสด็จพี่พ่ะย่ะค่ะ"ชินอ๋องที่หน้าบวมเหมือนหัวหมูโค้งกายคำนับหยางเฉิงเยี่ยด้วยท่าทีกระดากอายไม่ต่างจากพระชายาของตนเอง หยางเฉิงเยี่ยแม้จะรู้สึกไม่ชอบใจกับการกระทำของน้องชายตนเองเท่าใด แต่ก็ไม่ได้ติดใจเอาความเท่าใดนัก แต่ไหนแต่ไรมาน้องชายของเขาผู้นี้ก็นิยมชมชอบความรุนแรงมาโดยตลอด "เจ้าเข้ามาถวายพระพรเสด็จแม่หรือ?""พ่ะย่ะค่ะ เฉียวฟางเฟยตั้งครรภ์แล้ว กระหม่อมจึงจะมากราบทูลข่าวดีต่อเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ""เช่นนั้นเจ้าก็ไปเถิด คราวหน้าคราวหลังอย่าทำขายหน้าต่อบ่าวไพร่เช่นนี้อีก""พ่ะย่ะค่ะ"ชินอ๋องหยางเทียนฉีปรายตามองเสี่ยวหงด้วยความขุ่นเคืองใจ หึ!!! เจ้ารอดจากเงื้อมมือข้าไปได้อีกแล้ว ระวังตัวเอาไว้เถิด ข้าจะต้องหาทางเอาคืนเจ้าให้สาสมเป็นแน่เสี่ยวหงก้มหน้าพยายามกลั้นขำอย่างสุดกำลัง มู่มู่ก็ช่างรุนแรงเสียจริง ทำให้หน้าตาหล่อเหลางดงามของชินอ๋องกลายเป็นหัวสุกรไปเสียได้"เจ้าเองก็เช่นกัน หากยังอยากมีชีวิตรอดอยู่ในวังหลวง
ไป๋หลางยกจานข้าวขึ้นมาหวังจะฟาดใส่เสี่ยวหง นางยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะยื่นมือไปกระชากศีรษะนางกำนัลผู้หนึ่ง มารับจานใบนั้นแทนนาง ส่วนนางก็เบี่ยงตัวหลบอย่างสบายใจ"อ๊าาา!!!"พวกนางกำนัลลิ่วล้อต่างอ้าปากค้างมองสหายของตนที่ใบหน้าและลำตัวมีแต่เศษอาหารและหน้าผากปูดนูนอย่างหวาดวิตก เสี่ยวหงหันไปมองพวกนางด้วยสายตาอำมหิตจนพวกนางกำนัลเหล่านั้นเย็นสันหลังวาบ"ช่างอวดเก่งนักนางตัวดี"ไป๋หลางพุ่งเข้ามาหาเสี่ยวหงอย่างรวดเร็ว เสี่ยวหงหรี่ตามองไป๋หลาง ก่อนจะยกเท้าขึ้นถีบไปที่ยอดอกของนาง ไป๋หลางตัวลอยกระเด็นไปกระแทกกับกำแพง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งด้วยความจุกแน่นที่บริเวณหน้าอกอย่างเจ็บปวด นางมองเสี่ยวหงด้วยสายตาเกลียดชังนางหลงรักหยางเส้าเฉินจึงยอมเข้ามาเป็นนางกำนัลในวังหลวงแห่งนี้ เดิมทีนางเป็นบุตรสาวของชาวนาจนๆ ผู้หนึ่ง นางได้พบกับหยางเส้าเฉินระหว่างที่เขาออกมาเยี่ยมเยียนความเป็นอยู่ของราษฎร นางจึงตกหลุมรักเขาตั้งแต่วันนั้น และตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องเข้าวังหลวงเพื่อให้ได้พบกับเขานางไม่หวังจะได้เป็นชายาเอกหรือชายารอง สถานะของนางต่ำต้อยเหลือเกิน ขอเพียงเขายอมรับนางเป็นสตรีบำเรอบนเตียงนางก็ยินยอ
พระราชวังใหญ่โต โอบล้อมด้วยตำหนักน้อยใหญ่ มีสระน้ำที่สวยงามทำให้รู้สึกสดชื่นน่าอยู่ไม่น้อย แต่ใครเล่าจะรู้ว่าแท้จริงแล้วสถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนกรงทองเอาไว้กักขังผู้คนมากมายให้ตกตายอยู่ภายในวังหลวงแห่งนี้เสี่ยวหงถอนหายใจอย่างปลงไม่ตก นางเองเคยใช้ชีวิตอย่างอิสระ ไม่เคยถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวดังเช่นตอนนี้ นางเองยังคงปรับตัวไม่ได้เท่าใดนัก"ถวายพระพรฮองเฮา ขอฮองเฮาทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปีเพคะ""ลุกขึ้นเถิด""เป็นพระกรุณาเพคะ"เหมยฮองเฮาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เป็นนางเองที่ทูลขอต่อฝ่าบาทให้เสี่ยวหงมารับใช้นางในตำหนักเฟิ่งหวงแห่งนี้ เสี่ยวหงถือเป็นผู้ที่มีบุญคุณช่วยชีวิตนางเอาไว้ในตอนนั้น ทำความดีความชอบไม่น้อย นางเองก็ตัดใจส่งนางไปยังที่ลำบากตรากตรำไม่ลง"ข้าจะส่งเจ้าไปฝึกอบรมกับชิวหมัวหมัวเสียก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าเจ้าถนัดทำสิ่งใดบ้าง ข้าจะได้คอยให้เจ้ามารับใช้ข้าได้ถูกที่ถูกทาง""เป็นพระกรุณาเพคะฮองเฮา"เหมยฮองเฮาโบกมือเล็กน้อย เสี่ยวหงมองเห็นชิวหมัวหมัวนางหนึ่งมาพานางเดินออกไปจากตำหนักเฟิ่งหวง เสี่ยวหงลอบพิจารณามองดูก็พบว่าเป็นหมัวหมัวที่ค่อนข้างแก่ชราไม่น้อย แต่ความน่าเกรงขามของนา