เพราะพลังปราณที่ได้รับจากมู่มู่รวมถึงไก่ตุ๋นโสมพันปีที่ท่านย่าส่งมาให้เสี่ยวหงได้กินเพียงเวลาไม่นานร่างกายของนางก็รู้สึกแข็งแรงขึ้นไม่น้อย
แต่ทว่าแม้จะแข็งแรงแต่เรี่ยวแรงบางส่วนก็ยังไม่สามารถเทียบเท่ากับร่างเดิมของนางได้อยู่ดี
เสี่ยวหงที่กำลังถูกอิ๋งเอ๋อร์พยุงเข้ามาภายในเรือนดอกเหมย เรือนใหญ่ของท่านย่า กำลังปรายตามองสองแม่ลูกมหาภัยด้วยแววตายิ้มเยาะ
เมื่อวานค่อนข้างจะกะทันหันทำให้ตัวนางเองไม่ได้ทันสังเกตบรรยากาศรอบๆ วันนี้นางจึงมองดูโดยรอบระหว่างที่เดินมาถึงเรือน
จวนเสนาบดีแห่งนี้ใหญ่โตกว้างขวาง เรือนหลังใหญ่ที่สุดเป็นของท่านย่า เรียกว่าเรือนดอกเหมย สมชื่อจริงๆ บรรยากาศโดยรอบเรียงรายด้วยดอกเหมยหลากสี ตอนนี้เป็นปลายฤดูหนาวแล้วบรรยากาศยิ่งชวนให้เหน็บหนาวเหลือเกิน
ส่วนเรือนปีกซ้ายเป็นเรือนของท่านเสนาบดีกับฮูหยิน เรียกว่าเรือนโบตั๋น แต่ยามนี้ดอกโบตั๋นกลับแห้งตายเพราะความหนาว อิ๋งเอ๋อร์เล่าให้นางฟังว่า ฤดูร้อนดอกโบตั๋นถึงบานอีกครั้งฮูหยินหลิวเฟยชอบมันเป็นชีวิตจิตใจ
ส่วนเรือนปีกขวาเป็นเรือนของเสี่ยวไป๋และเสี่ยวชิงสองพี่น้อง เรียกว่าเรือนเหลียนฮวา(ดอกบัว) แม้จะเป็นเรือนย่อยเล็กแต่ก็แบ่งเขตชายหญิงชัดเจน เสี่ยวไป๋เป็นรองแม่ทัพ เขาแทบจะไม่ค่อยได้กลับเรือนด้วยซ้ำ เท่ากับว่าเรือนนี้แทบจะเป็นของเสี่ยวชิงคนเดียว รอบๆ เรือนต่างมีดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์รายล้อมงดงามยิ่งนัก
ส่วนสุดท้ายเรือนของเสี่ยวหง อยู่ด้านหลังสุดของเรือนใหญ่ คือเรือนกุ้ยฮวา อันที่จริงแล้วนางเองชอบดอกกุ้ยฮวามากเสียด้วยซ้ำ มันทำเป็นขนมก็อร่อย ชงชาก็เลิศรสยิ่งนัก
หลังจากที่เข้ามาในเรือนดอกเหมยแล้วท่านย่าก็เรียกให้นางนั่งลงที่ข้างกาย ก่อนจะกวาดสายตามองไปที่ฮูหยินหลิวเฟยกับเสี่ยวชิง
"ฮูหยินผู้เฒ่าท่านเสนาบดีกับรองแม่ทัพเสี่ยวไป๋มาถึงแล้วเจ้าค่ะ"
นางพยักหน้าน้อยๆ ไม่นานเสนาบดีเสี่ยวกับเสี่ยวไป๋ก็เดินเข้ามาทำความเคารพฮูหยินผู้เฒ่า
"เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือขอรับท่านย่า"
เสี่ยวไป๋หันไปมองท่านแม่กับน้องสาวของเขาก่อนสลับไปมองเสี่ยวหงที่นั่งร้องไห้น้ำตาคลออยู่ข้างกายท่านย่า
"แม่เจ้าตบตีหงเอ๋อร์ ส่วนชิงเอ๋อร์ตบหน้าตัวเองสำนึกผิดจนสติเลื่อนลอย"
"ไม่ใช่นะเจ้าคะ เสี่ยวหงเป็นฝ่ายที่ตบตีข้าสองคนแม่ลูก ท่านพี่ท่านต้องเชื่อข้านะเจ้าคะ นางเป็นปีศาจ เราต้องพาไต้ซือมากำราบนาง"
ฮูหยินหลิวหันไปส่งสายตาอ้อนวอนให้เสนาบดีเสี่ยว เขาขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย แต่ไหนแต่ไรเขาเองก็รู้ดีมาตลอดว่าภรรยากับลูกสาวของเขาทำสิ่งใดกับเสี่ยวหงเอาไว้บ้าง แต่เหตุใดครั้งนี้จึงกระทำการโจ่งแจ้งจนท่านแม่รู้เรื่องเข้า
"เหตุการณ์เพียงเล็กน้อย ท่านแม่ของเจ้ากับชิงเอ๋อร์คงไม่ได้มีเจตนาร้าย เจ้าคงไม่ถือสากระมังเสี่ยวหง"
เสี่ยวหงสบถในใจ นี่ไม่ใช่คำถามที่เห็นใจ แต่เป็นการบังคับให้นางปิดหูปิดตา ยอมทนให้สองแม่ลูกนี่ทุบตีเสีย
"เจ้าค่ะท่านพ่อ"
"อืม เช่นนั้นก็แยกย้ายกันกลับเรือนไปเถิด"
"ไม่ได้!!! เสี่ยวเถียน หงเอ๋อร์เจ็บหนักถึงเพียงนี้เชียวนะ"
"ท่านแม่ ชิงเอ๋อร์ก็เจ็บหนักไม่แพ้เสี่ยวหง นางยังไม่เห็นจะร้องขอความเห็นใจจากท่าน ท่านก็ให้มันแล้วไปเถิด ข้ามีงานราชการต้องทำขอตัวก่อน"
ฮูหยินเฒ่าเหมือนกำลังจะเอ่ยสิ่งใดออกไปแต่ก็ต้องเก็บเอาไว้ ส่วนเสี่ยวหงเองนางก็เดาออกแต่แรกแล้วว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นนี้ นางเป็นเพียงผู้อาศัยจะคาดหวังให้เจ้าบ้านมาเห็นใจได้เช่นไรกันเล่า วันนี้นางก็ได้ทุบตีสองแม่ลูกไปไม่น้อยค่อนข้างระบายแค้นไปได้ครึ่งหนึ่ง
ฮูหยินหลิวกับเสี่ยวชิงค่อยๆ พยุงกันลุกขึ้นมา ก่อนจะเดินจากไปยังไม่ลืมส่งสายตาเกลียดชังส่งมาทิ่มแทงเสี่ยวหง
"หงเอ๋อร์"
"ช่างเถิดเจ้าค่ะท่านย่า ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก เดี๋ยวกลับไปพักผ่อนสักหน่อยคงหายดี"
"ไปเถิดไปเถิด ช่วงนี้มีแต่เรื่อง ย่าเองก็ไม่มีจิตใจจะไปไหว้ขอพรแล้ว เอาไว้ก่อนคงจะดี"
"เจ้าค่ะ"
เสี่ยวหงเดินแยกตัวออกมาจากเรือนดอกเหมยตรงไปที่เรือนกุ้ยฮวา แต่ทว่าระหว่างทางกลับพบกับเสี่ยวไป๋ที่ยืนอยู่ใต้ต้นกุ้ยฮวาด้านหน้าเรือนของนาง
เสี่ยวไป๋เป็นบุรุษชายทหาร ผิวเข้ม องอาจ รูปหน้าคล้ายท่านเสนาบดีเสี่ยวเถียนถึงเจ็ดแปดส่วน เมื่อเห็นว่านางกำลังเดินมาเขาก็รีบหันมาส่งยิ้มให้นาง
"คารวะพี่ใหญ่เจ้าค่ะ"
"น้องหญิงเป็นเช่นไรบ้าง ไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่หรือไม่"
เสี่ยวไป๋ยื่นมือมาจับข้อมือของเสี่ยวหงก่อนจะหมุนตัวนางไปมาจนนางรู้สึกเวียนหัว
"พี่ใหญ่ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ"
เสี่ยวหงดึงมือกลับมาพร้อมกับถอยห่างจากเขา เสี่ยวไป๋ชะงักไปเล็กน้อย เขาถอยห่างออกมาจากนางสองสามก้าว
"ขออภัย ข้าแค่เป็นห่วงเจ้า เห็นเจ้าไม่เป็นอะไรแล้วข้าก็สบายใจ"
เสี่ยวหงเพียงยิ้มออกมาเล็กน้อย นางค่อนข้างแปลกใจไม่น้อยที่พี่ชายต่างสายเลือดของนางผู้นี้ดูเป็นห่วงเป็นใยนางยิ่งนัก
"อะนี่ ข้าซื้อเกาลัดของโปรดเจ้ามาฝากเจ้าด้วย กินตอนร้อนๆ เถิด ข้าไปละ"
เสี่ยวไป๋ยัดห่อเกาลัดใส่มือของนางก่อนจะเดินจากไป สายตาของเสี่ยวหงหันไปมองอิ๋งเอ๋อร์ที่ถอนหายใจออกมาหนักๆ
"อิ๋งเอ๋อร์เจ้าเป็นอะไรไป?"
"คุณหนูจำเรื่องนั้นไม่ได้แล้วหรือเจ้าคะ"
"เรื่องอะไร"
"เมื่อสองเดือนก่อนหลังจากที่ชินอ๋องถอนหมั้น นายน้อยก็สารภาพรักกับคุณหนูจะขอคุณหนูเป็นภรรยาเอก จนทะเลาะกับท่านเสนาบดีกับฮูหยินจนใหญ่โตไงเจ้าค่ะ"
เสี่ยวหงขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำไมนางถึงไม่เห็นภาพความทรงจำนี้ในหัวเลยนะ
"พี่ใหญ่สารภาพรักข้า?"
"เจ้าค่ะ"
"ข้าจำไม่ได้แล้วละ ช่างเถิดกลับเข้าเรือนกันข้าหนาวแล้ว"
เสี่ยวหงเดินนำอิ๋งเอ๋อร์เข้ามาด้านในเรือน นางไม่สนใจเรื่องที่ผ่านมา หากเสี่ยวไป๋ไม่สร้างความรำคาญใจให้กับนาง นางเองก็คร้านที่จะใส่ใจกับเขา
งานแต่งงานของอวิ๋นหลัวซีและหยางซูหนี่ว์ ถูกจัดขึ้น หลังจากพิธีอภิเษกสมรสของหยางซูจวิ้นและอวิ๋นเฟยหนึ่งเดือน นางกับอวิ๋นหลัวซีใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาอย่างมีความสุข หยางซูหนี่ว์ให้กำเนิดบุตรเป็นฝาแฝดชายหญิงให้แก่อวิ๋นหลัวซี เขาดีใจเป็นอย่างยิ่ง อวิ๋นเสวียนเองก็หลงรักหลานแฝดทั้งสองมาก ทุกวันหลังจากเลิกงานเขาก็จะต้องรีบกลับมาหาหลานฝาแฝดน้อยทั้งสองอวิ๋นหลงเยียนเองก็ถูกบิดาจับได้ว่าเขาลอบมีความสัมพันธ์กับหรงจิง อวิ๋นเสวียนในตอนแรกนั้นก็ยอมรับไม่ได้ แต่เมื่อผ่านไปนานวันเข้า เขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากเท่าใดนัก และไม่ได้ด่าทอต่อว่าบุตรชายคนรองเหมือนเช่นเคย อวิ๋นหลงเยียนและหรงจิงก็ช่วยกันดูแลสำนักดูดวงเชียนเซียง จนกิจการรุ่งเรืองไปได้ดีรัชศกเฉิงเยี่ยปีที่60ฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ยทรงสิ้นพระชนม์ ส่วนเหมยฮองเฮาก็ได้ขึ้นเป็นไทเฮา ช่วงชีวิตของนางมีความสุขอยู่กับการเลี้ยงหลานๆ หยางซูจวิ้นเองก็มีพระโอรสถึงสี่องค์ สร้างความมั่นคงแก่ราชวงศ์ไม่น้อยรัชศกซูจวิ้นปีที่5ห้าปีหลังจากที่หยางซูจวิ้นขึ้นครองราชสมบัติเขาได้แต่งตั้งหยางเส้าเฉินขึ้นเป็นชินอ๋อง"ท่านพ่อเจ้าคะ อุ้มข้าหน่อยเจ้าค่ะ"หยางเส้าเฉินมอง
อวิ๋นเสวียนผู้เป็นบิดารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าองค์หญิงผู้นี้จะกล้าเข้ามากอดรัดนัวเนียอยู่กับบุตรชายของเขาอวิ๋นหลัวซีมองบิดาของเขาด้วยสายตาเย็นชาครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากพูด"ลูกเป็นคนพาซูหนี่ว์มาเองขอรับ""อาหลัว เหตุใดเจ้าจึงบังอาจเรียกชื่อองค์หญิงเช่นนี้!!!"อวิ๋นหลัวซีมีสีหน้าเรียบเฉย ส่วนหยางซูหนี่ว์ที่กอดแขนอวิ๋นหลัวซีอยู่นั้นก็จ้องมองอวิ๋นเสวียนด้วยรอยยิ้มตาหยี"ท่านพ่อสามีไม่ต้องเกรงใจไปเจ้าค่ะ ข้ากับอาหลัวเราก็เหมือนคนคนเดียวกัน เรียกชื่อเพียงเท่านี้เรื่องเล็กน้อยเจ้าค่ะ"จินรั่วอวิ๋นลอบปรายตามองหยางซูหนี่ว์ ช่างกล้านัก นางที่เป็นว่าที่คู่หมั้นยังไม่ใจกล้าเท่านางเลย"เอ่อ นี่ก็เย็นมากแล้ว รับสำรับกันเถิด อาหลัวท่านแม่ของเจ้าเล่า?"ท่านแม่ไม่สบายขอรับ กำลังนอนพักอยู่ในเรือน ลูกให้คนนำสำรับเย็นไปให้แล้วขอรับ""อืม เด็กๆ จัดโต๊ะอาหาร"ไม่นานอาหารก็ถูกยกขึ้นมาวางเต็มโต๊ะ อวิ๋นหลัวซีคีบอาหารให้หยางซูหนี่ว์อย่างใส่ใจ จินรั่วอวิ๋นที่เห็นเช่นนั้น ทำได้เพียงลอบกัดฟันกรอด"ท่านพี่หลัว ลองชิมสาลี่นี่ดูหน่อยเถิดเจ้าค่ะ เป็นสาลี่ที่เก็บมาจากบ้านสวนบนเขาของตระกูลจ
หยางซูหนี่ว์ใช้ชีวิตอยู่ในวังด้วยความเบื่อหน่าย วันๆ นางต้องทนเรียนการเย็บปักถักร้อย งานวาดภาพ อ่านตำราสอนหญิง มันเป็นสิ่งที่นางไม่ถนัดและไม่มีใจรักในด้านนี้"องค์หญิงเพคะ อีกครู่หนึ่งแม่นมฉางจะเข้ามาสอนองค์หญิงปักผ้าเช็ดหน้าลายดอกเหมยนะเพคะ"กลอกตาไปมาก่อนจะมองหมิงหยวนด้วยสายตาเบื่อหน่ายอีกครั้ง สำนักดูดวงเชียนเซียงเริ่มเปิดกิจการภายใต้การดูแลของหรงจิง ตอนนี้หมอนั่นฝีมือก้าวหน้าไปไม่น้อย ถึงแม้จะไม่ได้เก่งกาจเท่าหยางซูหนี่ว์ แต่ก็ไม่ไปปล่อยผีออกมาเดินเล่นอย่างคราวก่อนอีก หยางซูหนี่ว์เองก็ไปที่สำนักดูดวงบ้างเป็นบางครั้ง ผู้คนต่างรู้หมดแล้วว่าแท้จริงแม่หมอผู้เก่งกาจคือองค์หญิงหยางซูหนี่ว์ พวกเขาจึงยกย่องนางราวเทพธิดาและแวะเวียนมาที่สำนักดูดวงเชียนเซียงทุกวันหวังจะได้ชื่นชมพระบารมีขององค์หญิง"วันนี้ข้าจะไม่เรียนเย็บปักอะไรทั้งสิ้น ไปเตรียมชุดนางกำนัลมาข้าจะออกนอกวัง""แต่องค์หญิงเพคะ""หากเจ้ายังห้ามข้าอีก ข้าจะสั่งให้ผีมาหลอกเจ้าทั้งวันทั้งคืน!!! ""โอ๊ยย!!! องค์หญิงเพคะ หม่อมฉันยอมแล้วเพคะ""ดีมาก ไปเตรียมชุดให้ข้า หากแม่นมฉางมาบอกให้นางกลับไปก่อนวันนี้ข้าไม่มีอารมณ์เรียน"หยางซูหนี
เสี่ยวหงเดินตามเสียงที่เรียกนางไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางเมฆหมอกที่ขมุกขมัว พลันปรากฏร่างของสตรีนางหนึ่ง แต่งกายงดงามราวกับเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ ใบหน้าละม้ายคล้ายกับนางไม่มีผิดเพี้ยน"เจ้าคือ?""ข้าคือเจ้า และเจ้าก็คือข้า""เจ้าคือเสี่ยวหง?"หญิงสาวตรงหน้าเผยรอยยิ้มอ่อนหวานสะกดสายตา นางส่ายหน้าไปมา ก่อนจะมองเสี่ยวหงอีกครั้ง"ข้าคือหยางซูหนี่ว์ ชื่อของข้าคือหยางซูหนี่ว์ พระธิดาของฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ย"เสี่ยวหงขมวดคิ้วมุ่น นางเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว ฉับพลันความรู้สึกมากมาย เรื่องราวต่างๆ ภาพความทรงจำในอดีตก็ได้หวนกลับมาอีกครั้งแท้จริงแล้วนางคือองค์หญิงหยางซูหนี่ว์ที่หายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน"ข้าสูญเสียความทรงจำจากเหตุการณ์ร้ายแรงในครั้งนั้น""เจ้าจะกลับมาทวงร่างเดิมหรือ?"หยางซูหนี่ว์ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะยื่นมือไปจับมือของเสี่ยวหงเอาไว้"ข้าต้องไปแล้ว ฝากเจ้าดูแลเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ของข้าด้วย ใช้ชีวิตให้มีความสุข อยู่กับชายที่เจ้ารัก เจ้าทำให้ช่วงชีวิตของข้าที่แสนเศร้าและทุกข์ทรมานแปรเปลี่ยนเป็นความงดงามจนข้าเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ขอบใจเจ้ามาก เจ้ารีบกลับไปเถิด"หยางซูหนี่ว์ใช้มือผลักที่ไหล่ข
อวิ๋นหลัวซีพาเสี่ยวหงขึ้นขี่หลังม้าห้อตะบึงจนออกมานอกเขตเมืองหลวงโดยใช้ป้ายรองแม่ทัพของเขาจึงไม่เป็นที่สงสัย พวกเขาสามารถออกมาจากเมืองหลวงได้ทันเวลาก่อนที่หยางเส้าเฉินจะส่งคนตามมาทันจวนตระกูลอวิ๋นถูกสั่งกักบริเวณทันทีหลังจากมีประกาศจับอวิ๋นหลัวซีและเสี่ยวหง อวิ๋นเสวียนเอาแต่โทษตนเองว่าเป็นความผิดของเขาที่บีบบังคับบุตรชายจนต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ส่วนฮูหยินเอกจวนโหวเมื่อทราบข่าวว่าอวิ๋นหลัวซีกลายเป็นนักโทษตามจับของฝ่าบาทก็เป็นลมแล้วเป็นลมอีกจนบ่าวในเรือนต้องช่วยกันดูแลวุ่นวายไปทั้งจวนด้านฮูหยินรองหลันเยียนก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากอย่างมีความสุข ถือโอกาสสาปแช่งทั้งสองแม่ลูกให้ตกตายไปพร้อมกันเสีย จวนตระกูลโหวรวมถึงตำแหน่งซื่อจื่อก็จะได้ตกเป็นของนางกับอวิ๋นหลงเยียนบุตรชายอันเป็นที่รักยิ่งของนาง"ท่านพ่อ ท่านพี่จะปลอดภัยใช่หรือไม่ขอรับ""พี่เจ้าเป็นคนเก่ง เขาจะต้องปลอดภัย พ่อเชื่อมั่นในตัวพี่ชายเจ้าเสมอ"อวิ๋นหลงเยียนพยักหน้า เขาเองก็เชื่อมั่นในตัวของอวิ๋นหลัวซีพี่ชายคนนี้ของเขาเช่นกัน"แย่แล้วขอรับนายหญิง ฮ่องเต้ทรงประกาศจับพวกท่านทั้งสองคนขอรับ"มู่มู่กระโดดออกมาจากต้นไม้ มองดูเสี่ย
หลิวเย่ว์หลีหันมามองหน้าเสี่ยวหงก่อนจะรีบเตรียมผละออกไป เสี่ยวหงร้อนใจเป็นอย่างยิ่งจึงรีบคว้ามือของหลิวเย่ว์หลีเอาไว้"ใจเย็นๆ ก่อนนะ ข้าจะไปดูสถานการณ์ก่อน หากเกิดอะไรขึ้นข้าจะรีบให้คนมาแจ้งแก่เจ้า""เจ้าค่ะ"หลิวเย่ว์หลีพยักหน้าก่อนจะรีบเดินตามนางกำนัลออกมา ระหว่างทางก็สอบถามเรื่องราวไปด้วย"เรื่องราวเป็นมาเช่นไร? รองแม่ทัพอวิ๋นเข้าวังมาขอยกเลิกพระราชทานสมรสด้วยตนเองเชียวหรือ?""เพคะพระชายา รายละเอียดบ่าวเองก็ไม่ทราบแน่ชัดเพคะ"หลิวเย่ว์หลีพยักหน้าด้วยความร้อนใจ นางเองก็จนปัญญาที่จะช่วยเหลือ ในเมื่อเป็นรับสั่งของฝ่าบาทเช่นนั้นคงจะต้องปล่อยให้เป็นไปตามลิขิตของสวรรค์เสียแล้วห้องทรงพระอักษร"เจ้าช่างกล้าดียิ่งนัก คิดว่าเป็นคนโปรดของเรา แล้วจะฝ่าฝืนคำสั่งเช่นไรก็ได้อย่างนั้นหรือ?""หามิได้พ่ะย่ะค่ะ แต่ที่กระหม่อมต้องมาทูลขอความเมตตาจากฝ่าบาทด้วยตนเอง เพราะกระหม่อมมีสตรีในดวงใจอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ""เหลวไหล!!! เจ้าแต่งจินรั่วอวิ๋นเป็นฮูหยินเอก แล้วเจ้าก็ค่อยแต่งสตรีผู้นั้นเป็นอนุก็ย่อมได้!!!""ทูลฝ่าบาท กระหม่อมต้องการแต่งสตรีผู้นั้นเป็นภรรยาเพียงคนเดียวพ่ะย่ะค่ะ!!!"ฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ยวา
ฮ่องเต้หยางเฉิงเยี่ยมองชินอ๋องกับพระชายาเอกด้วยแววตาตำหนิ มู่มู่ ที่เห็นเช่นนั้น จึงกระโดดหายไปอย่างไร้ร่องรอย เสี่ยวหงถอยหลังออกมาก้าวหนึ่งเพื่อทำความเคารพหยางเฉิงเยี่ย"ถวายพระพรเสด็จพี่พ่ะย่ะค่ะ"ชินอ๋องที่หน้าบวมเหมือนหัวหมูโค้งกายคำนับหยางเฉิงเยี่ยด้วยท่าทีกระดากอายไม่ต่างจากพระชายาของตนเอง หยางเฉิงเยี่ยแม้จะรู้สึกไม่ชอบใจกับการกระทำของน้องชายตนเองเท่าใด แต่ก็ไม่ได้ติดใจเอาความเท่าใดนัก แต่ไหนแต่ไรมาน้องชายของเขาผู้นี้ก็นิยมชมชอบความรุนแรงมาโดยตลอด "เจ้าเข้ามาถวายพระพรเสด็จแม่หรือ?""พ่ะย่ะค่ะ เฉียวฟางเฟยตั้งครรภ์แล้ว กระหม่อมจึงจะมากราบทูลข่าวดีต่อเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ""เช่นนั้นเจ้าก็ไปเถิด คราวหน้าคราวหลังอย่าทำขายหน้าต่อบ่าวไพร่เช่นนี้อีก""พ่ะย่ะค่ะ"ชินอ๋องหยางเทียนฉีปรายตามองเสี่ยวหงด้วยความขุ่นเคืองใจ หึ!!! เจ้ารอดจากเงื้อมมือข้าไปได้อีกแล้ว ระวังตัวเอาไว้เถิด ข้าจะต้องหาทางเอาคืนเจ้าให้สาสมเป็นแน่เสี่ยวหงก้มหน้าพยายามกลั้นขำอย่างสุดกำลัง มู่มู่ก็ช่างรุนแรงเสียจริง ทำให้หน้าตาหล่อเหลางดงามของชินอ๋องกลายเป็นหัวสุกรไปเสียได้"เจ้าเองก็เช่นกัน หากยังอยากมีชีวิตรอดอยู่ในวังหลวง
ไป๋หลางยกจานข้าวขึ้นมาหวังจะฟาดใส่เสี่ยวหง นางยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะยื่นมือไปกระชากศีรษะนางกำนัลผู้หนึ่ง มารับจานใบนั้นแทนนาง ส่วนนางก็เบี่ยงตัวหลบอย่างสบายใจ"อ๊าาา!!!"พวกนางกำนัลลิ่วล้อต่างอ้าปากค้างมองสหายของตนที่ใบหน้าและลำตัวมีแต่เศษอาหารและหน้าผากปูดนูนอย่างหวาดวิตก เสี่ยวหงหันไปมองพวกนางด้วยสายตาอำมหิตจนพวกนางกำนัลเหล่านั้นเย็นสันหลังวาบ"ช่างอวดเก่งนักนางตัวดี"ไป๋หลางพุ่งเข้ามาหาเสี่ยวหงอย่างรวดเร็ว เสี่ยวหงหรี่ตามองไป๋หลาง ก่อนจะยกเท้าขึ้นถีบไปที่ยอดอกของนาง ไป๋หลางตัวลอยกระเด็นไปกระแทกกับกำแพง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งด้วยความจุกแน่นที่บริเวณหน้าอกอย่างเจ็บปวด นางมองเสี่ยวหงด้วยสายตาเกลียดชังนางหลงรักหยางเส้าเฉินจึงยอมเข้ามาเป็นนางกำนัลในวังหลวงแห่งนี้ เดิมทีนางเป็นบุตรสาวของชาวนาจนๆ ผู้หนึ่ง นางได้พบกับหยางเส้าเฉินระหว่างที่เขาออกมาเยี่ยมเยียนความเป็นอยู่ของราษฎร นางจึงตกหลุมรักเขาตั้งแต่วันนั้น และตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องเข้าวังหลวงเพื่อให้ได้พบกับเขานางไม่หวังจะได้เป็นชายาเอกหรือชายารอง สถานะของนางต่ำต้อยเหลือเกิน ขอเพียงเขายอมรับนางเป็นสตรีบำเรอบนเตียงนางก็ยินยอ
พระราชวังใหญ่โต โอบล้อมด้วยตำหนักน้อยใหญ่ มีสระน้ำที่สวยงามทำให้รู้สึกสดชื่นน่าอยู่ไม่น้อย แต่ใครเล่าจะรู้ว่าแท้จริงแล้วสถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนกรงทองเอาไว้กักขังผู้คนมากมายให้ตกตายอยู่ภายในวังหลวงแห่งนี้เสี่ยวหงถอนหายใจอย่างปลงไม่ตก นางเองเคยใช้ชีวิตอย่างอิสระ ไม่เคยถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวดังเช่นตอนนี้ นางเองยังคงปรับตัวไม่ได้เท่าใดนัก"ถวายพระพรฮองเฮา ขอฮองเฮาทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปีเพคะ""ลุกขึ้นเถิด""เป็นพระกรุณาเพคะ"เหมยฮองเฮาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เป็นนางเองที่ทูลขอต่อฝ่าบาทให้เสี่ยวหงมารับใช้นางในตำหนักเฟิ่งหวงแห่งนี้ เสี่ยวหงถือเป็นผู้ที่มีบุญคุณช่วยชีวิตนางเอาไว้ในตอนนั้น ทำความดีความชอบไม่น้อย นางเองก็ตัดใจส่งนางไปยังที่ลำบากตรากตรำไม่ลง"ข้าจะส่งเจ้าไปฝึกอบรมกับชิวหมัวหมัวเสียก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าเจ้าถนัดทำสิ่งใดบ้าง ข้าจะได้คอยให้เจ้ามารับใช้ข้าได้ถูกที่ถูกทาง""เป็นพระกรุณาเพคะฮองเฮา"เหมยฮองเฮาโบกมือเล็กน้อย เสี่ยวหงมองเห็นชิวหมัวหมัวนางหนึ่งมาพานางเดินออกไปจากตำหนักเฟิ่งหวง เสี่ยวหงลอบพิจารณามองดูก็พบว่าเป็นหมัวหมัวที่ค่อนข้างแก่ชราไม่น้อย แต่ความน่าเกรงขามของนา