เจ้าฉู่หนิงเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ครั้งนี้จะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน เตรียมการไว้ล่วงหน้าอาจลดความเสียหายได้บ้างแต่ฉู่หนิงกลับส่ายศีรษะ เขาขมวดคิ้วกล่าว “เรื่องการลอบสังหาร ลูกก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน ตอนนี้ไม่มีเบาะแสอะไรเลย”ใครจะไปเชื่อ!ฮ่องเต้มองบนทีหนึ่ง “ผู้อื่นจะฆ่าเจ้า แต่เจ้ากลับไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เจ้าคิดว่าเราเชื่อเจ้าหรือ?”ฉู่หนิงลูบปลายจมูก แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “อันที่จริงแรกเริ่มลูกสงสัยองค์รัชทายาทกับเสด็จพี่คนอื่นๆ”“ฮืม? แรกเริ่มสงสัยพวกเขา? เช่นนั้นก็แสดงว่า ตอนนี้เจ้ารู้สึกว่าไม่ใช่ฝีมือของพวกเขา?”ฮ่องเต้จับประเด็นในคำพูดของฉู่หนิงได้ทันที จึงจี้ถามต่อ “เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าไม่ใช่ฝีมือของพวกเขา?”หากสามารถตัดรัชทายาทและคนอื่นออก เรื่องนี้ก็จัดการได้ง่ายขึ้นแล้ว ขอแค่ไม่ใช่พี่น้องเข่นฆ่ากันเอง ก็สามารถปล่อยให้ฉู่หนิงไปสืบสวนเรื่องนี้อย่างเต็มที่เพียงแต่เจ้าหนูฉู่หนิงมั่นใจได้อย่างไรว่าไม่ใช่ฝีมือของรัชทายาทกับองค์ชายคนอื่นๆ?ภายใต้สายตาที่ประหลาดใจของฮ่องเต้ ฉู่หนิงกล่าวเสียงเรียบ “ตอนนั้นลูกอยู่ใกล้ถึงเมืองตุนหวง อีกทั้งข่าวลงนามหนังสือพันธมิตร
“ข้อเรียกร้องสามข้อ?”ฮ่องเต้หรี่พระเนตร จ้องฉู่หนิงเขม็ง พลางขมวดพระขนงแล้วตรัส “มันจะเยอะเกินไปหรือไม่?” “เยอะหรือ?”ฉู่หนิงยักไหล่ แล้วกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ถ้าหากเสด็จพ่อรู้สึกว่าลูกเรียกร้องมากเกินไป เช่นนั้นลูกก็ไม่กล้ารับประกันว่าเรื่องนี้จะไม่รั่วไหลออกไป”เจ้าหนูนี่ถึงกับกล้าขู่เรา!ฮ่องเต้รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งแต่เมื่อนึกถึงผลที่จะตามมาหากเรื่องนี้รั่วไหลออกไป ฮ่องเต้ทำได้เพียงอดกลั้นความไม่สบอารมณ์ พลางเลิกพระขนงแล้วตรัสเสียงเย็น “ลองพูดข้อเรียกร้องของเจ้ามาก่อน”หากข้อเรียกร้องไม่หนักหนาเกินไป ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถตอบตกลงแต่หากฉู่หนิงฉวยโอกาสเรียกร้องมากเกินไป เราจะไม่ตอบตกลงเด็ดขาดฉู่หนิงพลันแสยะยิ้ม “ข้อเรียกร้องแรกของลูกง่ายมาก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากราษฎรของที่อื่นจะมาปิงโจว เสด็จพ่อโปรดอย่าห้าม”ฮ่องเต้ที่เตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องถูกฉู่หนิงขู่รีดถึงกับตะลึงงันทีนทีนี่เรียกข้อเรียกร้องด้วยหรือ?ปิงโจวตั้งอยู่ที่บริเวณชายแดน ถูกทหารแคว้นจ้าวรุกรานตลอดปี ประกอบกับมีที่นาไม่มาก ไม่มีใครอยากไปเจ้าหนูฉู่หนิงกำลังคิดอะไรอยู่ ถึงได้เสนอข้อเรียกร้องที่ไร้
หัวหน้าขันทีจ้าวหมิงที่อยู่ด้านหลัง รีบก้าวเข้ามาพลางแย้มยิ้ม “ฉู่อ๋อง เรื่องนี้โทษฝ่าบาทมิได้นะพ่ะย่ะค่ะ เป็นเพราะการรักษาด้วยการเปลี่ยนถ่ายเลือดนั้นน้อยคนนักจะทำสำเร็จ ฝ่าบาทเพียงแต่กังวลว่าท่านจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน จึงให้เตรียมการไว้ล่วงหน้า”“จริงสิ ฝ่าบาททรงทราบว่าครานี้ท่านอ๋องบาดเจ็บ จึงรับสั่งให้บ่าวไปเลือกของล้ำค่าจากคลังหลวงมาถึงยี่สิบชิ้น”พูดจบ เขาก็ตะโกนไปนอกห้องว่า “ยกเข้ามาให้หมด!”มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก ในมือแต่ละคนล้วนถือถาดที่วางสมบัติล้ำค่าไว้หนึ่งชิ้นจ้าวหมิงหัวเราะแห้ง ๆ พลางเริ่มแนะนำให้ฉู่หนิงฟัง “ท่านอ๋องเชิญชมดู ขวดนี้คือโอสถเพิ่มพลังลมปราณ ส่วนขวดนี้เป็นโอสถเสริมพละกำลัง”“และท่านดูเกราะอ่อนไหมทองผืนนี้ ดาบหรือกระบี่ทั่วไปมิอาจทำอันตรายได้เลย หากภายหน้ามีเหตุลอบสังหารอีก เกราะนี้ย่อมคุ้มครองให้ท่านปลอดภัย”“และยังมี...”“พอแล้ว”ฉู่หนิงโบกมือขัดจังหวะจ้าวหมิงที่ยังตั้งท่าจะกล่าวต่อ พลางเอ่ยยิ้ม ๆ “ในเมื่อเป็นรางวัลจากเสด็จพ่อ ย่อมไม่ใช่ของธรรมดา ข้าขอรับไว้ทั้งหมดก็แล้วกัน!”แล้วหันไปมองเสิ่นหว่านอิ๋ง “รบกวนหว่านอิ๋ง เจ้าพาคนไปจัดเก็บของพวก
ภายในเรือนหลัง จวนฉู่อ๋องกลิ่นหอมจากกระถางกำยานลอยฟุ้งไปทั่วห้อง ทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นที่ชวนให้ใจสงบปลอดโปร่งเสิ่นหว่านอิ๋งมองฉู่หนิงที่กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียง ดวงหน้างดงามจับตาเผยรอยยิ้มออกมาฉู่หนิงในยามปกติมักแสดงท่าทียียวนกวนประสาท ยากนักที่จะได้เห็นเขาสงบนิ่งเช่นนี้ตั้งแต่กลับมาจากหมู่บ้านหลิวอวิ๋น ก็หลับยาวจนตะวันตกดิน หากมิใช่เพราะต้องกินอาหารเย็น ก็คงไม่อาจหักใจมารบกวนเขาเสิ่นหว่านอิ๋งวางถาดอาหารในมือลงข้างเตียง แล้วก้าวเข้าไปข้างเตียง กระซิบเบา ๆ “ท่านอ๋อง ถึงเวลามื้อเย็นแล้วเพคะ”ฉู่หนิงที่หลับอยู่รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นรินผ่านข้างหู ชวยให้หัวใจคันยิบยิบสองตาค่อย ๆ ลืมตา ใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มพร้อมลักยิ้มก็ปรากฏเข้าสู่สายตาใต้แสงเทียนที่ส่องสว่าง กลิ่นหอมจากกระถางกำยานภายในห้องลอยคลุ้งอยู่ด้านหลังของเสิ่นหว่านอิ๋ง มองจากล่างขึ้นบน ดั่งเทพธิดาเสด็จลงสู่ปฐพี เปี่ยมด้วยรัศมีสิริมงคลเพียงแวบแรก ฉู่หนิงก็ถูกภาพตรงหน้าดึงดูดจนถลำลึก ไม่อาจละสายตาได้ นิ่งงันไปทันทีเสิ่นหว่านอิ๋งถูกจ้องจนเริ่มเขินอาย เอ่ยเสียงขุ่นเบา ๆ “มองข้าแบบนี้ทำไม?”ฉู่หนิงหัวเราะเบา
สองมืออันอ่อนนุ่มของเสิ่นหว่านอิ๋งกดเบา ๆ ไปทั่วศีรษะของฉู่หนิง ชายหนุ่มที่ผ่อนคลายลงรู้สึกสงบอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนต่อหน้าผู้อื่น เขาคือบุรุษผู้ระแวดระวังรอบด้าน ไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบแต่ต่อหน้าเสิ่นหว่านอิ๋ง เขายอมปลดเกราะป้องกันในใจลงไม่นาน ก็ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของฉู่หนิงเสิ่นหว่านอิ๋งก้มหน้าลง เห็นฉู่หนิงหลับอยู่บนตักของตน ใบหน้างดงามของนางเผยรอยยิ้มออกมานางถอดผ้าคลุมไหล่ออก ใช้คลุมให้ฉู่หนิงแทนผ้าห่ม สองมือโอบกอดเขาไว้แน่นไออุ่นจากร่างของเขาทำให้เสิ่นหว่านอิ๋งรู้สึกสงบในใจ ความหวาดกลัวและกังวลที่สั่งสมในหลายวันที่ผ่านมา ในที่สุดก็สลายหายไปในยามนี้นางที่ไม่ได้นอนทั้งคืน ในที่สุดก็ทนไม่ไหว ไม่นานก็หลับใหลไปขณะที่โอบกอดฉู่หนิงไว้และในเวลานี้เอง ข่าวการเปลี่ยนเลือดสำเร็จของฉู่หนิงก็ถูกส่งมาถึงพระราชวังภายในตำหนักอิงอู่ฮ่องเต้ไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน ดวงเนตรเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ใบหน้าที่มักเคร่งขรึมฉายแววตะลึงขึ้นมาเล็กน้อยเดิมเขาคิดว่าฉู่หนิงคงตายแน่ ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีชีวิตรอด!ฮ่องเต้ขมวดคิ้วแน่น มององครักษ์เงาในโถงตำหนัก อดไม่ได้ที่จะตรัสถาม “มิใช่ว่า
องค์รัชทายาทได้แต่มองรถม้าของฉู่หนิงแล่นผ่านไปต่อหน้าเพลิงโทสะและความอัดอั้นตันใจท่วมท้นถึงขีดสุด!ไอ้คนบ้าสมควรตายนี่ กล้าจะมาล้างแค้นข้า!ข้าก็ทำไม่สำเร็จแท้ ๆ แต่เขายังยืนกรานไม่ยอมจบเรื่องนี้เสียทีเสบียงสามล้านหาบนั่น ข้าจะไปหาเสบียงมากมายขนาดนั้นจากที่ไหนได้เจ้าคนร้ายกาจผู้นี้ตั้งใจจะทำให้ข้าลำบากแต่ไอ้บ้าฉู่หนิงก็เอ่ยปากแล้วว่า เขาจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ นี่เป็นการเตือนข้าว่า เขาจะไปทูลฟ้องต่อเสด็จพ่อชัด ๆจะทำอย่างไรดี หรือจะฉวยโอกาสสังหารเขาเสียเลย?ไม่ได้แน่ คนข้างกายฉู่หนิงมีมากมาย อีกทั้งหร่านหมิงเป็นยอดแม่ทัพ หากลงมือตอนนี้ย่อมไร้โอกาสชนะหรือจะต้องยอมรับข้อเรียกร้องไร้เหตุผลของเขาจริงหรือ?ในขณะที่องค์รัชทายาทครุ่นคิด รถม้าของฉู่หนิงก็แล่นผ่านเขาไปแล้ว หากชักช้าไปกว่านี้ ฉู่หนิงก็จะจากไปแล้วจริง ๆยามนั้นเอง องค์รัชทายาทหรี่ดวงตา แววเหี้ยมเกรียมแวบผ่าน “น้องสิบแปด เสบียงสามล้านหาบนั้นมากเกินไป ข้าจัดหามากสุดได้สองล้านหาบ!”เพื่อไม่ให้เสด็จพ่อเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ จึงต้องยอมถอยชั่วคราวแม้จะหวั่นใจ แต่เพื่อรักษาตำแหน่งองค์รัชทายาทไว้ จึงจำต้องตอบตกลงข้อเ