“จังสั้นเจ้าเฮ็ดเลยคำพูน ข่อยสิล่อมันเอง”
ห้าวเสกมนตร์ ใส่ร่างของโตเว็น มันเลยมาสนใจเขาแทน สองพี่น้องช่วยกันจับดาบหอก และวิ่งไปและแทงเข้าไปที่รูก้นของโตเว็น มันร้องด้วยความเจ็บปวดและล้มลงไปแบบไม่เป็นท่า ทั้งสองกดจนมิดด้าม เจ้าโตเว็นตายคาที่ ดิสมัสมองอย่างรู้สึกสมเพชเวทนา เขาไม่คิดเลยเอลฟ์จะต้องมาตายทุเรศแบนี้ จริงอยู่เจ้านี่อาจไม่ใช่เอลฟ์เผ่าเดียวกับเขา แต่ก็เป็นเอลฟ์เหมือนกันจริงเห็นแบบนี้ก็คงจะอดที่จะหดหู่ไม่ได้ เขาเลยกระชากดาบหอกออกมา และดิสมัสเรียกอุมปากลับไป
“ชาร์ล็อต” เขาเรียกแมงมุมยักษ์ออกมา ให้มันพ่นใยคลุมร่างของโตเว็นเพื่อกันไม่ให้มีอะไรมากินศพ และเอาดาบหอกปักข้าง ๆ เขาหันไปบอกกับคนดงว่า
“อยากจะทำอะไรกับร่างของมันก็ทำไปซะนะ ข้าทำได้แค่นี้” เมื่อเจ้าหัวหน้าตาย พวกคนดงก็มองทุกคนอย่างหวาดกลัว ดิสมัสเดินนำไป พวกเขารีบหลีกทางให้ มีบางคนคิดจะเล่นงานเขาแต่ก็ชะงักไปเพราะว่าเกิดคิดได้สู้ไปก็เหมือนฆ่าตัวเปล่า ๆ
“เฮดหยังต้องเฮดศพให้มันหน่ำ” คำแพงถามขึ้นมา
“เขาตายแล้วนะ ข้าไม่อยากให้เขากลายเป็นเหยื่อแร้งกาหรอก อีกอย่างเขาก็ต่อสู้อย่างสมศักดิ์ศรี ก็ควรได้รับการจัดการศพสิ”
หลังจากที่ช่วยมาได้ คำแพงโดนนายฮ้อยคำแหงบ่นไปชุดใหญ่
“เจ้านี่ หาเรื่องเดือดร้อนใส่โตนได้ตลอด อีห่า เกิดอีหยังขึ้นกับเจ้า พ่อสิไปตอบแม่เจ้าได้จังได๋”
“อีพ่อข่อยขอโทษหลาย ๆ แต่วางใจได้ พวกมันบ่ได้แตะตัวข่อยดอก ข่อยนี่สั่งสอนไปหลายโตนแล้ว”
“ปากเก่งนักนะ ดูแลโตนเองดี ๆ ก็แฮ้วกัน พ่อดีใจหลายที่เจ้าปลอดภัย คำพูนวันนี้เจ้าสิกล้าหาญมากที่ตามไปช่วย บักห้าวขอบใจเจ้าหลาย ๆ ที่ไปช่วย”
“โอย สบายแฮ ข่อยเก่งกะด้อ แต่เจ้ายังสิไว้ใจบักด่อนนี่ได้อีกบ่ ก็เบ่งแฮ้วนี่”ห้าวเองก็ยังมองดิสมัสไม่ค่อยดีอยู่เหมือนเดิม นั่นล่ะเลยรีบใส่ไฟ
“ฮ่วย บักห่านี่เขาเพิ่งซอยลูกข่อยมา ยังสิสงสัยอีหยังอีก” นายฮ้อยคำแหงตัดบททันที ห้าวเลยหันไปบอกกับดิสมัสว่า
“ข่อยสิถ้าเบ่งเจ้า ไอ้ด่อน”
ส่วนมิ่งกับจ้อยก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกับดิสมัสยิ่งกว่าเดิมซะอีก เบต้าเลยพูดกับเขาว่า
“เจ้าคิดว่าจะทำไงต่อไปดีล่ะ หรือจะลองใช้วิธีเดียวกับเจ้าโตเว็น”
“พูดบ้า ๆ ถึงข้าจะเรียนมนตร์ดำมา แต่จะให้มาฆ่าคนมั่ว ๆ เพื่อใช้กับคาถาที่ตัวเองไม่รู้จักเนี่ยข้าไม่เอาด้วยหรอกนะ”
“งั้นแปลว่าเจ้าจะไม่กลับเหรอ” เบต้าถาม ดิสมัสนิ่งไปแล้วตอบว่า
“ป่านนี้ข้าจะเหลือบ้านให้กลับอีกหรือเปล่าไม่รู้นะ”
เช้าวันต่อมา คณะเดินทางกินอาหารเช้ากัน ดิสมัสนั่งร่วมวงกับพวกมิ่ง จ้อย แก่น ฝ้าย อาหารคราวนี้เป็นกะปอมและต้มไก่ และไม่มีใครยอมกินเนื้อเค็มดิสมัสเหมือนเคย การเดินทางเริ่มสะดวกขึ้น เพราะมีถนนที่ทำมาดีขึ้น และยังพบกับทัพควายทัพอื่น ๆ มากขึ้น
“อ๋อ ! สิเข้าเขตเมืองพรพรหมแล้วบ่ ดีเลยหวังว่าคงจะขายควยได้หลาย ๆ แน่” ไปร่งพูด
เมืองพรพรหม เป็นเมืองใหญ่ ที่คึกคักที่สุด ตอนที่เกิดสงครามกับพวกการอทเมื่อหลายปีก่อน เมืองนี้ถูกโจมตีหนักที่สุด และเสียหายหนักที่สุดแล้ว แต่หลังจากสงครามเสร็จ เชื่อพระวงศ์ก็เปิดศึกอยู่หลายปี จนกระทั่งได้กษัตริย์องค์ปัจจุบัน ซึ่งกษัตริย์ของเมืองนี้จะต้องใช้พระนามว่า พระเจ้าพรหมทัต กันทุกพระองค์ จากที่บ้านเมืองเสียหายขนาดหนักจากสงครามครั้งนั้น ทำต้องมีการปรับเปลี่ยนหลายอย่าง จากเมืองที่มีกำลังทหารมากที่สุดก็ต้องลดลงไป ไปเน้นด้านการเกษตรและการค้าขาย ทำให้บ้านเมืองเจริญมากขึ้นมาก จนกลายเป็นแหล่งการค้าใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปนี้ ตลาดที่นี่จะคับคั่งไปด้วยผู้คนเต็มไปหมด มนุษย์และอมนุษย์ที่มาซื้อขายสินมากมาย พวกของนายฮ้อยคำแหงได้พาควายที่จุดขายสัตว์
จุดขายสัตว์ ซึ่งที่นี่มีสัตว์ขายหลายชนิดแต่หลัก ๆ คือ วัวควาย มีคนเลือกซื้อกันจำนวนมาก เพราะใกล้ถึงฤดูทำนาของที่นี่แล้ว วัว ควายคือ กำลังสำคัญในการไถนาของพวกเขา ซึ่งตอนนี้ฝ้าย กับ แก่นได้แสดงฝีมือในการเรียกลูกค้าเต็มที่ ทำให้ดิสมัสรู้เลยว่าการนำควายมานั้นต้องมีคน คนที่พูดเก่ง ๆ และเป็นพ่อค้าด้วย ถึงจะคุ้มค่า
“เบื่อบ่ บักมัด ถ้าจังสั้น เจ้าออกไปเดินเล่นก่อนติ ” นายคำแหงพูด ดิสมัสพยักหน้า คำแพง คำพูนเลยรีบเดินตามไปด้วย ทั้งสองตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็น ที่นี่นอกจากร้านค้าแล้วยังมีบ่อนไก่ให้คนเสี่ยงโชค และยังเป็นแหล่งที่มีเวทีมวยมากอีก คำพูนเห็นเวทีมวยที่กำลังมีนักมวย ชกกันอยู่ เขารู้สึกว่าอยากลองดูสักครั้ง เลยเดินไปสมัครทันที
“ไอ้หนุ่มจะเอาด้วยเหรอ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะโวย” คนในสนามมวยพูดขึ้นมา
“แม่นแล้ว ข่อยอยากลองขึ้นชกดูสักเทือ”
“แต่ตอนนี้นักมวยว่างแค่คนเดียวนะ และก็ตัวใหญ่กว่าเอ็งมากเลย เอ็งจะตายซะเปล่า ๆ”
“ข่อยบ่แพ้ดอกให้ ข่อยสู้เถอะ” คำพูนพูดเสียงหนักแน่น
คราวนี้ทำให้เจ้าออร์คเริ่มมีแผลและมึนงงแล้ว คำพูนกับคำแพงมองหน้ากระโดดใส่เข่าเข้าที่หน้าของออร์คนั้นเต็ม ๆ สองแรงทำให้มันล้มลงไป คำพูนเอามีดออกมาแทงมันเข้าที่คอเลือดไหลพุ่งออกมาราวกับน้ำ มันวิ่งไปด้วยความเจ็บปวด คำแพงเหวี่ยงหินไปโดนมันซ้ำเข้าที่หัว คราวนี้ทำให้ล้มลงไปได้ สองพี่น้องมองหน้ากัน และตัดสินใจกลับไปหาพ่อนายฮ้อยคำแหงดวลดาบกับซีดาน ส่วนนายไปร่งต่อสู้กับล็องกี ซึ่งเชิงดาบของทั้งสองพอ ๆ กัน แต่ไม่ว่าจะเสกอะไรมา ก็โดนทำลายไปหมด จนในที่สุดไปร่งก็ตัดสินใจ ร่ายมนตร์บทหนึ่ง นายฮ้อยคำแหงได้ยินก็ตะโกนห้าม“อย่าเฮ็ดจั๋งซัน”แต่สายไปแล้ว ไปร่งร่ายมนตร์แล้ว เหล่าหุ่นพยนต์มารวมอยู่ที่ร่างของเขากลายเป็นเสื้อเกราะ ไปร่งเข้าต่อสู้ทันที คราวนี้เขาต้านพลังของล็องกีได้หมด และเข้าประชิดตัวและชกล็องกีกระเด็น มันรู้สึกเจ็บ ไปร่งยังคงออกหมัดไปไม่หยุด ล็องกีเหวี่ยงคถาไปทันทีโดนร่างของไปร่ง เขากระเด็น “ให้ตายสิไม่ได้สู้ระยะประชิดนานแล้วนะเนี่ย แต่ว่า ข้าก็ไม่ชอบอยู่ดี ลมหายใจมังกร”ไฟถูกยิงออกมาจากคถาของมัน เมื่อโดนร่างของไปร่ง ความเจ็บปวดแผ่เข้ามา แต่ไปร่งยังพยายามเข้าไปต่อสู้ แต่ว่าไฟยิ
ดิสมัสต้องเหวี่ยงหินและใช้กะโหลกเพลิง ยิงสกัดพวกมันเ แต่พวกมันยังคงวิ่งเข้ามา ไม่หยุด ดิสมัสเลยเอาไม้แหลมที่เขาเหลาเอาไว้ ร่ายคำสาปเคลือบเอาไว้ ขว้างไป มันปักเข้าที่ร่างของพวกออร์คทำให้มันเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แต่แค่ไม้จะทำอะไรพวกมันได้ มีตัวหนึ่งเขามาประชิดตัวเขาได้ และกำลังจะเอาดาบฟันหมายจะฟันให้ขาดสองท่อน แต่บากีร่ากระโดดตะครุบร่างของเจ้าออร์คตนนั้นเอาไว้ ดาบหลุดจากมือของมัน ดิสมัสได้โอกาสแล้ว รีบคว้าดาบเล่มนั้นเอามาเป็นอาวุธของตัวเอง เขาฟาดฟันมันอย่างชำนาญ ทำให้สังหารออร์คไปได้หลายตัว เขาดูดาบเล่มนี้ชัด ๆ แม้มันจะดูเก่า แต่เขาก็จำได้ว่าเป็นฝีมือการตีดาบของพวกโดวาฟ ! “อย่าให้ใช่เลย”ดิสมัสพูด พวกออร์ดที่เหลือกำลังจะเข้ามารุมเขา ดิสมัสเลยร่ายคาถา “จงรวบรวม แขน ขา และวิญญาณเพื่อรับใช้ข้า ลุกขึ้นมา !”เมื่อคาถาจบศพของพวกออร์คก็ระเบิดกลายเป็นโครงกระดูกยืนอยู่ตรงหน้า พวกออร์คเห็นแล้วก็รู้สึกกลัว“ไม่ได้ทำแบบนี้มานานแล้วนะ ชีวิตสงบ ๆ คงไม่ใช่สำหรับข้า ฆ่ามัน” พวกโครงกระดูกเข้าต่อสู้กับพวกออร์คที่เหลือทันที นายฮ้อยคำแหง มาถึงก็ต้องตกตะลึง ที่น
“ลงน้ำโลด อ้ายมัด” คำแพงร้องบอก ดิสมัสรีบทำตาม หลังจากจัดการมดแดงได้แล้ว เขาก็ขึ้นมาจากน้ำ ทุกคนมองดิสมัสแปลก ๆ เบต้าพยายามกลั้นขำ “มีอะไรเหรอ” “อ้ายก็ลองเบ่งแขนเจ้าของดิ” คำแพงพูดขึ้นมา ดิสมัสมองดูเขาตกใจมาก มันมีจุดแดง ๆ เต็มไปหมดหมด และเขาคล้ำหน้าตัวเองรู้เลยว่าต้องมีจุดแดง ๆ เหมือนกัน ยิ่งเขาเป็นคนผิวขาวสีซีดแล้วจุดพวกนี้ยิ่งชัดเข้าไปอีก เขาทั้งเจ็บทั้งอาย และทั้งขำในเวลาเดียวกัน นี่อาจเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ได้ที่ไม่ได้สวมเกราะเลยทำให้มีแผลมากขนาดนี้ เบต้าเลยบินมารักษาให้กับเขา แต่ดิสมัสไม่ได้รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นยังคงไปแหย่ไข่มดแดงกับทุกคนต่อ วันนี้ ดิสมัสได้ทั้งปลาและไข่มดแดงจำนวนมาก และยังได้ลองกินไข่มดแดงเป็นครั้งแรกด้วย รส ชาตของมันทั้งมันทั้งเปรี้ยว แต่ก็ถูกปากเขาเหมือนกัน การมาหาอาหารกันเป็นกลุ่มใหญ่แบบนี้ทำให้เขานึกถึงตอนไปเก็บเสบียง แต่มันต่างกันมากเพราะว่า ตอนไปเก็บเสบียงนั้นไม่สนุกแบบนี้ ไม่ได้มีเสียงหัวเราะแบบนี้ บางครั้งมันก็แลกมาด้วยน้ำตาของเจ้าของอาหารที่ถูกบังคับให้ส่งเสบียงให้ด้วยซ้ำ ดิสมัสเดินออกจากวงข้า
“ครับข้ากลับมาแล้ว”เย็นวันนั้น ดิสมัสจัดการถอดเกราะออกและมองมัน เขารู้สึกว่ามันช่างหนักเหลือเกินเขาไม่อยากจะสวมมันอีกแล้ว “อ้ายมัด” เสียงของคำแพงดังขึ้นมา ดิสมัสหันมองนางแล้วถามว่า “มีอะไรเหรอ” “อีแม่ให้มาชวนเจ้าไปกินข้าวด้วยกันหน่ำ” ซึ่งเขาก็ไม่ปฎิเสธมาตามคำเชิญ แถมยังเอาเนื้อเค็มติดมือมาด้วย ซึ่งคำแพงเห็นแล้วก็บอกว่า “เจ้าเก็บไว้กินผู้เดียวเถอะ บ่ฮู้ว่าทนกินเข้าไปได้ไง” ดิสมัสเลยพยักหน้าแล้วพูดว่า “มื้อหน้าข้าจะจับตัวอะไรไปให้แม่เจ้าปรุงก็แล้วกันนะ” ดิสมัสพูด และเดินตามคำแพงไป คำแพงแอบมองดิสมัส ตั้งแต่ที่เขาไปช่วยชีวิตนาง นางก็รู้สึกกับเขาในแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน รูปร่างที่สูงใหญ่ของเขาทำให้เธอรู้สึกว่าปลอดภัยตลอดเวลาที่เขาอยู่ “ถึงแล้วนะ” ดิสมัสพูด ทำให้นางหลุดจากภวังค์และรีบเดินนำเข้าไปในบ้าน คราวนี้อาหาร มี ลาบ ต้มแซ่บ ไก่ย่าง เป็นอาหารหลักแม้จะเป็นอาหารง่าย ๆ แต่เขากลับรู้สึกว่ามันน่ากินมาก “กินได้แล้ว บักมัดบ่ต้องเกรงใจเด้อ” นายฮ้อยคำแหงพูด ดิสมัสกินอาหาร มันรสชาติดีมากจนเขาพูดขึ้นมา
“เอ็งชื่ออะไรวะ” คนในสนามพูด “คำพูน จากโนนต้นติ้ว แต่ข่อยขอใช้ชื่อ คำพูน ลูกคำแหง” เขาตอบ อีกฝ่ายหยักหน้า แล้วพูดว่า “มีเงินเดิมพันมั้ย ถ้ามีก็ขึ้นชกได้”คำพูนเอาเงินออกมาพบว่ามันน้อยเกินไป “โอยแค่นี้เองเหรอไม่พอ ไปหามาอีก ถ้าไม่มีก็ไปให้พ้น ๆ เลย” คำพูนรู้สึกเสียดาย จะไปขอเงินจากนายฮ้อยคำแหงก็คงจะไม่ได้ ดิสมัสเห็นเข้าพอดีเลยเอาเงินมาวางให้ “อ้ายมัด” “อย่าชกแพ้ล่ะ ถ้าแพ้นี่ข้าหมดตัวเลยนะ” ดิสมัสพูดขึ้นมา คำพูนเลยตอบว่า “ไว้ใจข่อยได้ ข่อยสิต้องชนะ” คู่ต่อสู้ของคำพูนนั้นเป็นนักมวยร่างสูงใหญ่ ผิวเข้ม ดูแล้วตัวใหญ่กว่าคำพูนพอสมควร เขาชื่อว่า เด่นธรณี ศิษย์พระกาฬ ส่วนคำพูน นั้นใช้ชื่อว่า คำพูน ลูกคำแหง เสียงปี่ดังขึ้น ทั้งสองออกท่าร่ายรำทำให้ ดิสมัสงงมาก “มวยสยาม สิต้องไหว้ครูบาอาจารย์ก่อนชก เป็นการแสดงความเคารพครูมวย และยังเป็นการอบอุ่นร่างกายอีกหน่ำ” คำแพงอธิบาย ดิสมัสพยักหน้ารับรู้ “ชกกันหนึ่งกะลาจมน้ำใครลุกไม่ขึ้นก่อนเป็นฝ่ายแพ้” เสียงกรรมการประกาศและเอากะลาลงไปในน้
“จังสั้นเจ้าเฮ็ดเลยคำพูน ข่อยสิล่อมันเอง”ห้าวเสกมนตร์ ใส่ร่างของโตเว็น มันเลยมาสนใจเขาแทน สองพี่น้องช่วยกันจับดาบหอก และวิ่งไปและแทงเข้าไปที่รูก้นของโตเว็น มันร้องด้วยความเจ็บปวดและล้มลงไปแบบไม่เป็นท่า ทั้งสองกดจนมิดด้าม เจ้าโตเว็นตายคาที่ ดิสมัสมองอย่างรู้สึกสมเพชเวทนา เขาไม่คิดเลยเอลฟ์จะต้องมาตายทุเรศแบนี้ จริงอยู่เจ้านี่อาจไม่ใช่เอลฟ์เผ่าเดียวกับเขา แต่ก็เป็นเอลฟ์เหมือนกันจริงเห็นแบบนี้ก็คงจะอดที่จะหดหู่ไม่ได้ เขาเลยกระชากดาบหอกออกมา และดิสมัสเรียกอุมปากลับไป “ชาร์ล็อต” เขาเรียกแมงมุมยักษ์ออกมา ให้มันพ่นใยคลุมร่างของโตเว็นเพื่อกันไม่ให้มีอะไรมากินศพ และเอาดาบหอกปักข้าง ๆ เขาหันไปบอกกับคนดงว่า “อยากจะทำอะไรกับร่างของมันก็ทำไปซะนะ ข้าทำได้แค่นี้” เมื่อเจ้าหัวหน้าตาย พวกคนดงก็มองทุกคนอย่างหวาดกลัว ดิสมัสเดินนำไป พวกเขารีบหลีกทางให้ มีบางคนคิดจะเล่นงานเขาแต่ก็ชะงักไปเพราะว่าเกิดคิดได้สู้ไปก็เหมือนฆ่าตัวเปล่า ๆ “เฮดหยังต้องเฮดศพให้มันหน่ำ” คำแพงถามขึ้นมา “เขาตายแล้วนะ ข้าไม่อยากให้เขากลายเป็นเหยื่อแร้งกาหรอก อีกอย่างเขาก็ต่อสู้อย่างสมศัก