แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามากระทบใบหน้าของจางเหว่ยที่ตอนนี้ใบหน้าเริ่มแดงจนถึงใบหู เสี่ยวเอ๋อรู้สึกถึงลมหายและเสียงหัวใจขององค์รัชทายาทเต้นแรงและดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อนางหันหน้าขึ้นไปมองก็เห็นใบหน้าที่แดงระเรื่อของเขา หรือนางจะตาฟาดไป นางจึงรีบผลักตัวออกจากอกของเขา
“ข้าต้องขอภอัยด้วยเจ้าคะ ข้าไม่ทันได้ระวังเลยเดินชนท่าน”
เขารีบหันหน้าไปอีกฝั่งเพื่อปกปิดความรู้สึกของตนเองไว้
“เป็นเพราะข้าที่หยุดอย่างกระทันหันทำให้แม่นางไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่ถือว่าเป็นความผิดของแม่นางแต่อย่างใด ไม่ต้องเก็บไปคิดมาก"
"ขอบคุณในน้ำใจของคุณชายจางเหว่ย"
"ข้าคิดว่าเวลานี้เจ้าควรจะกลับจวนได้แล้ว น้ำค้างเริ่มลงเดี๋ยวร่างกายของเจ้าจะเจ็บป่วยเอาได้ นี่ก็ดึกมากแล้วเส้นทางก็เปลี่ยวสตรีเพียงสองนางกลับกันเองคงจะไม่ปลอดภัย เดี๋ยวข้ากับองครักษ์จะเดินไปส่งเจ้าที่จวนเอง"
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้ากลับกันเองได้ข้าไม่อยากให้ท่านลำบาก" เสี่ยวเอ๋อรีบปฎิเสธทันทีแม้ว่านางเองก็กลัวเช่นกัน ใจคนยากแท้หยั่งถึงแต่นางก็ไม่อาจให้ผู้ที่สูงส่งอย่างองค์รัชทายาทไปส่งนางได้
"ข้าไม่ได้ขอเจ้า แต่เป็นคำสั่งเจ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าช่วงนี้มีโจรออกปล้นฆ่าชาวบ้านที่ยังจับตัวไม่ได้ หญิงสองคนอย่างเจ้าโจรพวกนั้นคงจัดการได้ในทันที" เสี่ยวเอ๋อรีบหันไปมองหาสาวใช้ของนางเพื่อขอความคิดเห็น เมื่อหยางหยางได้ยินนางก็เริ่มหวาดกลัวทันทีนางลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิท นางจึงพยักหน้าให้เสี่ยวเอ๋อทันที
"ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าจะให้คุณชายจางเหว่ยไปส่งก็ได้บุญคุณครั้งนี้ข้าจะขดใช้ให้ภายหลัง "
เสี่ยวเอ๋อกันกลับมาบอกจางเหว่ยก่อนที่ทั้งสี่คนจะเดินตามกันไปที่จวนของหลินเฟิ่ง
จางเหว่ยได้ยิ้มออกมาอย่างดีใจที่แท้เขาแค่แต่งเรื่องขึ้นมาเท่านั้นไม่ได้มีโจรปล้นฆ่าแต่อย่างใด เขาเพียงอยากใช้เวลาอยู่กับแม่นางเสี่ยวหลินให้นานขึ้นแม้ว่าอยากให้นางเดินเล่นอยู่ภายในงานเทศกาลนานๆก็กลัวร่างกายที่อ่อนแอของนางจะจับไข้ เขาจึงคิดอุบายหาเรื่องที่จะเดินเคียงคู่กับนางจนถึงจวนหลินเฟิ่ง
ฝั่งด้านหลินเฟิ่งที่กลับมาจากข้างนอกเขาก็ได้พบเจอกับท่านแม่ที่มาหาเขาที่ห้องพร้อมยาสมุนไพร่บำรุงร่างกายมาให้เขา
"มาแล้วรึ" เมื่อหลินเฟิ่งมาถึงห้องแม่ของเขาก็ถามทันทีพร้อมยกชาเทใส่แก้วให้แก่ลูกชายนาง
"ท่านแม่มีเรื่องอันใดถึงมาหาข้าที่ห้องแล้วนี่ถุงยาของผู้ใดกัน" เขานั่งลงและจิบชาที่ท่านแม่เทไว้ให้
"ยาของเจ้านะสิหลินเฟิ่ง แม่ของเจ้าก็เริ่มแก่ขึ้นทุกเวลาเหตุใดเจ้าไม่รีบมีหลานตัวเล็กๆมาให้แม่คนนี้ได้ชื่นชมเสียที ยาสมุนไพรที่ดีแม่ก็ได้มอบให้เสี่ยวหลินนางได้ต้มดื่มแล้วท่านหมอบอกไม่เพียงกี่วันก็สามารถมีบุตรได้แต่ทำไมตอนนี้นางถึงไม่ตั้งครรภ์เสียที หรือเป็นเพราะร่างกายเจ้าแม่เลยเอายาสมุนไพรมาให้เจ้าต้มดื่มด้วยเช่นกัน " เมื่อหลินเฟิ่งได้ยินคำพูดของท่านแม่ เขาก็นึกถึงเรื่องของวันนั้นได้ทันที เขาคิดว่าเสี่ยวเอ๋อเป็นผู้หญิงแพศยาจอมวางแผนและคิดว่านางอยากตั้งใจท้องเพื่อไม่ต้องออกไปจากจวนของเขา แต่เมื่อเขาได้รู้ความจริงความรู้สึกผิดของเขาก็ก่อตัวขึ้นทันที เขาต่อว่านางสารพัดถ้าเขาไปขอโทษนาง นางจะให้อภัยเขาหรือไม่ เมื่อเสี่ยวเฟิ่งคิดได้ดังนั้นเขารีบลุกขึ้นเพื่อจะไปหาเสี่ยวเอ๋อที่ห้องของนาง
"ขอบคุณท่านแม่ที่เอายาสมุนไพรมาให้ข้า ส่วนเรื่องบุตรข้าจะพยายามให้เต็มที่ขอให้ท่านแม่วางใจ ตอนนี้ข้าขอตัวไปหาเสี่ยวหลินก่อนเจ้าค่ะ"
เขาลุกขึ้นเดินออกไปทันทีโดยไม่ได้หันมาสนใจท่านแม่ของเขาที่ตอนนี้กำลังนั่งหัวเราะในความเร่งรีบของลูกชายตนเอง
เขามาถึงห้องของเสี่ยวเอ๋อมองซ้ายมองขวาไม่มีแม้แต่เงาของนางในใจของเขาเริ่มว้าวุ่นทันที เมื่อเห็นคนใช้ที่ดูแลห้องของนางจึงเรียกมาถามด้วยความร้อนใจ
"นี่เจ้า เจ้ารู้ไม่ว่าแม่นางเสี่ยวหลินอยู่ที่ใด หรือไปที่ใด" สาวใช้รีบตอบคำถามของเขาทันที
"ข้าน้อยได้ยินมาว่าสาวใช้ของนางชวนนางไปเที่ยวเล่นที่งานเทศกาลหมู่บ้านข้างๆนี่เจ้าค่ะ ข้าน้อยรู้เพียงเท่านี้"
"เจ้าไปทำงานของเจ้าต่อได้" จากที่เขาตั้งใจจะมาขอโทษนางกลับกลายเป็นเขาต้องมาเป็นห่วงนางมากกว่าเดิม แม้กายของเขาจะคัดค้านการมีตัวตนแทนพี่สาวของนาง แต่เขาต้องทำตามคำสั่งเสียสุดท้ายของสตรีที่เขารักที่สุดเพื่อให้นางสบายใจ แต่ทำไมภายใจในของเขาถึงว้าวุ่นเป็นห่วงนางเช่นนี้ เขาจึงเดินไปรอนางอยู่ที่หน้าจวน แม้อยากจะตามไปหานางที่งานเทศกาลก็กลัวจะคลาดกัน เขาจึงทำได้เพียงแค่ยืนรอนางกลับมาเท่านั้น
เวลาก็ผ่านไปหลายชั่วยามจากท้องฟ้าที่มีแสงก็เริ่มมืดลงอากาศก็เริ่มเย็นลง หลินเฟิ่งเองก็เริ่มหงุดหงิดใจปานนี้ทำไมนางถึงยังไม่กลับจวนเสียทีแถมยังออกไปเที่ยวกันแค่เพียงสตรีสองนางถ้าเกิดอะไรขึ้นนางคงรับมือไม่ได้ เขาจึงสั่งให้บ่าวรับใช้ไปเตรียมม้ามาให้เขาทันที
"เจ้าไปเตรียมม้าออกมาให้ข้าโดยเร็ว ข้าจะรออยู่ที่นี่"
"ข้าน้อยจะรีบไปเดี๋ยวนี้ขอรับคุณชาย" บ่าวรับใช้รีบวิ่งไปทันทีที่ได้รับคำสั่งของคุณชาย
หลินเฟิ่งรอม้าอยู่นั้นสายตาของเขาก็มองไปยังหนทางที่ตอนนี้มีแสงสว่างส่องมาเรื่อยๆ เขาก็ได้พบกับหยางหยางสาวใช้ประจำกายของเสี่ยวเอ๋อที่ถือโคมไฟเดินนำหน้ามาแต่ทว่าเขามองดูข้างหลังนางกลับพบว่านางไม่ได้มาเพียงสองคนแต่กลับมีบุรุษที่เดินเคียงข้างเสี่ยวเอ๋อมาอีกคน แม้เขาจะไม่ชอบนางแต่นางก็ขึ้นชื่อว่าเป็นฟูเหรินของเขา เขาเริ่มกำมือยืนตัวสั่นด้วยความโมโหค่ำคืนเช่นนี้เหตุใดนางถึงออกไปเที่ยวเล่นกับชายหนุ่มที่มิใช่สามีของตนเอง
แต่เมื่อนางเดินมาใกล้หน้าจวนคนที่มาส่งนางนั้นหลินเฟิ่งก็จำได้อย่างแม่นยำ นั้นคือองค์รัชทายาทแถมยังเป็นสหายคนสนิทของเขาเสียด้วย
เสี่ยวเอ๋อที่เดินมาพร้อมกับจางเหว่ยเขาได้ถามความเป็นอยู่ของนางรวมทั้งสุขร่างกายของนางตอนนี้ นางได้พูดคุยกับจางเหว่ยจนลืมตัวเลยว่าตอนนี่ถึงหน้าจวนของหลินเฟิ่งแล้ว แต่ที่นางแปลกใจคือชายที่ยืนอยู่หน้าจวนมองมาที่นางทำท่าทีที่พร้อมจะตำหนินางอยู่ตลอดเวลา นางจึงรีบถอยห่างจางเหว่ยโดยเร็ว
"ถึงจวนของข้าแล้ว ขอให้ท่านเดินทางกลับปลอดภัยนะเจ้าคะขอบคุณที่ท่านมาส่งข้ากับสาวใช้ของข้า ผ้าคุมของท่านโปรดรับคืนไปด้วยเจ้าคะ" เสี่ยวเอ๋อรีบบอกเขาก่อนที่จะถึงหน้าจวน นางไม่อยากให้เสี่ยวเฟิ่งได้เห็นจางเหว่ยนางไม่อยากฟังคำพูดที่ทำร้ายน้ำใจนางอีกต่อไปแต่ก็ไม่ทันการเมื่อจู่ๆ หลินเฟิ่งก็เดินเข้ามาทักทายจางเหว่ย
"ข้าขอคำนับองค์รัชทายาท "
"ไม่ต้องพิธีการกับข้านักหรอก เจ้าก็เป็นสหายข้าทำตัวเหมือนเช่นเคยเถอะในเมื่อตอนนี้ข้าอยู่นอกวัง"
"ว่าแต่ข้าขอถามท่านได้หรือไม่ทำไมท่านถึงอยู่กับฟูเหรินของข้าได้ " หลินเฟิ่งหันไปมองหน้าเสี่ยวเอ๋อที่ตอนนี้นางไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ
"เผอิญข้าพบแม่นางเสี่ยวหลินที่งานเทศกาลจะให้นางกลับมาที่จวนกับสาวใช้เพียงสองคนข้าก็เป็นห่วงกลัวเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ข้าจึงอาสามาส่ง ข้ามีเรื่องต้องไปทำต่อในเมื่อมาส่งแม่นางเสี่ยวหลินถึงจวนแล้วข้าก็ขอกลับไปทำเรื่องของข้าต่อ วันหลังข้าจะเรียกเจ้ากับฟูเหรินของเจ้าไปดื่มน้ำชาที่วัง งั้นข้าไปก่อนนะ" จางเหว่ยเดินออกมาควบม้าที่องค์รักษ์ของเขาได้จูงมาให้และควบออกไปจากจวนหลินเฟิ่ง เมื่อเห็นจางเหว่ยได้กลับไปแล้วเสี่ยวเอ๋อนางเลยรีบเดินกลับไปที่ห้อง แต่ก็ต้องถูกหบิรเฟิ่งจับแขนไว้เพื่อถามเรื่องราวทั้งหมด เขาไม่ชอบใจเลยที่เห็นเสี่ยวเอ๋ออยู่ใกล้จางเหว่ย
ลมหนาวพัดโบกโบยมากระทบผิวกายของเสี่ยวเอ๋อที่ยืืนดูชาวบ้านช่วยกันเก็บเกี่ยวข้าวของเมื่อถึงฤดูหนาวอีกครา ตอนนี้นางได้มาเที่ยวที่บ้านเกิดของแม่ขององค์รัชทายาทเพื่อมาพักเหนื่อยกับงานที่นางได้มอบหมาย นางคิดว่าเมื่อเป็นพระชายาแล้วจะสบายแต่ก็ยังมีงานที่พระชายาต้องทำอีกมากมายตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานางได้เรียนรู้และทำเต็มที่มาตลอด จางเหว่ยจึงพานางออกมาเที่ยวเพื่อพักผ่อนบ้าง เมื่อมาอยู่ที่เงียบสงบเช่นนี้ทำให้นางได้นึกย้อนไปยังอดีต ถ้านางยังทนอยู่กับหลินเฟิ่งจะเป็นอย่างไร แต่นางก็เพียงคิดได้เพียงเท่านั้นก็ถูกโอบกอดทางด้านหลังด้วยแขนอันอบอุ่นของจางเหว่ย นางจึงเอนตัวไปพึงอกแกร่งของเขา"เจ้าไม่หนาวหรือไง ""ไม่หนาวหรอกเจ้าค่ะตอนนี้ข้ามีผ้าห่มที่แสนจะอบอุ่นที่สุดในใต้หล้า""ผ้าห่มอันใดกัน""ก็อ้อมกอดท่านไงเจ้าคะ""ข้าต้องรู้สึกดีใจใช่หรือไม่" จางเหว่ยพูดด้วยน้ำแผ่วเบาเต็มไปด้วยความน้อยใจอยู่ลึกๆ"ทำไมถึงพูดเช่นนั้นกันเจ้าคะ""ก็ตลอดเวลาที่เจ้าอยู่กับข้าในฐานะพระชายาข้ายังไม่เคยรับรู้ความรู้สึกของเจ้าที่มีต่อข้าเลย ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่เจ้าทำดีกับข้าอยู่ทุกวันนี้เพราะว่าหน้าที่พระชายาหรือว่าเจ้ามีความ
เสี่ยวเอ๋อเมื่อกลับมาคืนนั้นนางก็ได้ไตร่ตรองเรื่องราวที่ผ่านมานางจะไม่แก้แค้นอีกต่อไป ต่อจากนี้นางจะหาความสุขให้ตนเองบ้าง หากนางจะแก้แค้นกันไปมาก็ไม่มีวันสิ้นสุด แถมตอนนี้นางเองก็มีเรื่องที่ต้องทำอีกมากมายเช่นวันนี้ที่นางกำลังถูกเหล่านางในสวมเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับมากมายแถมยังรุมกันเติมเครื่องประทินที่หนาเตอะจนนางหนักที่ใบหน้า "พระชายาวันนี้ท่านสวยมากเลยนะเจ้าค่ะ"หยางหยางหยิบกระจกขึ้นมาให้เสี่ยวเอ๋อส่องมองตนเอง"ใช่ข้าจริงหรือหยางหยาง ""ใช่สิเจ้าคะ วันนี้เป็นวันของท่านข้าดีใจมากๆจนแทบจะร้องไห้แล้วเจ้าค่ะ " หยางหยางนางก้มลงปาดน้ำตาด้วยความปิติยินดีต่อคุณหนูของนางที่วันนี้จะเป็นพระชายาเต็มตัว"เจ้านี่ขี้แยยิ่งนักฟู่หลางในวันข้างหน้าเจ้าช่วยพาหยางหยางขี้แยผู้นี้ไปฝึกวรยุทธกับเจ้าด้วยสิ ข้าละไม่ชอบเห็นน้ำตาของนางเลย""ข้าคงสอนนางไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ""ทำไมกัน" "ก็เพราะตอนนี้นางมีผู้ที่ปกป้องนางได้และคอยดูแลนางตลอดทุกฝีก้าว""เอ๊ะ!!ใครกันทำไมข้าถึงไม่รู้ ""ก็องครักษ์เฉินอ้ายไงเจ้าค่ะ" ฟู่หลางพูดไปยิ้มไปที่ได้แหย่หยางหยางเล่น"นี่ฟู่หลางเจ้าหยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ " หยางหยางอายจนหน้าแด
ในค่ำคืนที่เหน็บหนาวลมพัดเยือกเย็นจนแล่นเขาสู่หัวใจของหลินเฟิ่งเขาเองแม้จะทำใจเรื่องเสี่ยวเอ๋อได้แล้ว แต่ทว่าเขายังคงคิดถึงนางเสมอมา คืนนี้เขานอนไม่หลับจึงลุกออกมายืนชมจันทร์อยู่ที่ด้านนอก เมื่อเขารู้สึกง่วงนอนจึงจะเดินเข้าไปที่ห้องก็ต้องเห็นว่ามีคนสองคนที่กำลังแอบออกไปนอกจวน เขาเริ่มเอะใจเลยจะเดินไปถามแต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆกลับพบว่าเป็นซูหมิงและฟางเยี่ยสาวรับใช้ของนาง"ดึกขนาดนี้แล้วนางจะพากันไปที่ใด ทั้งๆที่ตั้งครรภ์อยู่ช่างไม่รู้ความเสียจริง" หลินเฟิ่งจึงตามออกมาอย่างเงียบๆ เขาไม่รู้เลยว่าที่ตามออกมาวันนี้จะทำให้เขาได้รู้ความจริงว่าที่แท้จริงแล้ว ลูกในท้องของซูหมิงนั้นไม่ใช่ลูกของตนเอง เพราะว่าตอนนี้เขาได้ยินเต็มสองหูจากปากของนางเอง เมื่อนางออกมานั้นเพราะนางนัดพบกับชายชู้ หลิ่นเฟิ่งที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมดเขาโกรธแค้นซูหมิงอย่างมากที่หลอกลวงตระกูลของเขา ความแค้นนี้หลินเฟิ่งจึงคิดจะสะสางในค่ำคืนนี้เสียให้สิ้นซากเมื่อเขาถูกชายที่ไร้หัวนอนปลายเท้าย่ำยีศักดิ์ศรีถึงเพียงนี้ เขาจึงได้ตามชายผู้นั้นไปเมื่อทั้งสามคนแยกย้ายกัน "หืมข้าล่ะชอบจริงๆกลิ่นของเงินนี้ เจ้าอย่าคิดว่าจะหนีจากข้าไปได้
หลายวันผ่ามาเสี่ยวเอ๋อได้เข้ามาที่วังหลวงเรียนรู้มารยาทและแข่งกับบุตรของเสนาบดีฝ่ายซ้ายและเก็บคะแนนในรอบต่างๆ แต่เมื่อใจขององค์รัชทายาทอยู่ที่ใครมันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะเลือกว่าใครคือพระชายาเพียงแต่ต้องทำตามลำดับพิธีเท่านั้น เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นและผลออกมาว่าบุตรสาวของตระกูลเสี่ยว เสี่ยวเอ๋อได้รับเลือกเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทและจะจัดพิธีแต่งตั้งอีกไม่กี่วัน ทำให้เสนาบดีฝ่ายซ้ายไม่พอใจและเริ่มที่จะทำตามแผนที่วางไว้ แต่ก็ต้องถูกเปิดโปงและถูกจับในที่ว่าราชการลับนั้นโดยมีคนขององค์รัชทายาทจับกุมมาครบทุกคน และหลินเฟิ่งเองก็ได้นำหลักฐานการก่อกบฏมายื่นต่อฮ่องเต้ ทำให้คนชั่วเหล่านั้นถูกประหารและครอบครัวต้องถูกเนรเทศออกจากแคว้นแห่งนี้ไป รวมถึงตระกูลของซูหมิงด้วยเพราะวันนั้นพ่อขอฃนางก็อยู่ที่นั้นด้วย แต่ซูหมิงถูกหลินเฟิ่งขออภัยโทษจากฮ่องเต้ให้และบอกว่านางไม่รู้เรื่องอันใดของครอบครัวเลย จึงทำให้นางรอดออกมาหลินเฟิ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อมีความดีความชอบให้เขาได้เป็นรับตำแหน่งเป็นเสนาบดีกรมพระคลัง เพราะความจงรักภักดีของเขาเลยได้ตำแหน่งนี้มาจางเหว่ยได้เข้ามาหาเสี่ยวเอ๋อที่ตำหนักของนางที่ถูกแ
หลินเฟิ่งโยนซูหมิงลงที่เตียงของนางอย่างแรงก่อนจะเดินไปปิดประตูห้องเพื่อไม่ให้ใครเข้ามา"ท่านพี่ข้าเจ็บนะเจ้าคะ""หึ !! แล้วเสี่ยวหลินนางไม่เจ็บรึไงนางโดนโบยไปที่หลังโดนเนื้อนางจนเลือดไหลออกมาเจ้าว่าเจ็บหรือไม่" หลินเฟิ่งตวาดใส่ซูหมิงจนนางเงียบไปสักพักก่อนจะตอบเขาคืน"ทำไมท่านพี่ถึงมาพูดกับข้าเช่นนี้เล่าเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ทำอันใดผิดเสียหน่อย" นางยังคงหาคำแก้ต่างให้ตนเอง"เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะโง่เชื่อเจ้าเหมือนท่านแม่ของข้า เรื่องทั้งหมดมันเป็นแผนของเจ้า" หลินเฟิ่งเข้ามาบีบที่ไหล่เล็กของซูหมิงจนนางรู้สึกถึงแรงบีบว่าเขาโมโหนางขนาดไหนจนตัวนางสั่นไปหมด"ท่านพี่ทำไมพูดปรักปรำข้าเช่นนี้ ของข้าหายจริงๆนะเจ้าคะ" ซูหมิงน้ำตาบีบน้ำตาออกมาให้หลินเฟิ่งเห็นว่านางไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ"เจ้าจะให้ข้าเอายาที่เจ้าเอาไปให้เสี่ยวหลินไปตรวจหรือไม่ ยาตัวนั้นมีเพียงตระกูลเจ้าเท่านั้นที่มี อีกอย่างวันก่อนข้าเข้าไปหาเสี่ยวหลินที่ห้องของนาง นางได้บอกกับข้าว่าเจ้าไปต่อว่านางเรื่องคืนเข้าหอ เรื่องนี้เจ้าว่านางจะพูดโกหกข้าหรือ" แรงบีบที่แขนของซูหมิงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเหมือนกับว่าหลินเฟิ่งจะบีบบังคับให้นางพูดความจ
ซูหมิงเก็บอารมณ์เอาไว้นางไม่ได้ไปหาฮูหยินใหญ่แต่กลับห้องของนางพร้อมบอกฟางเยี่ให้ทำตามแผนที่วางเอาไว้ รุ่งเช้าของอีกวันเสี่ยวเอ๋อกับหยางหยางก็เดินชมดอกไม้ตามปกติของนาง แต่จู่ๆก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อฮูหยินใหญ่และซูหมิงที่เดินเข้ามาหานางอย่างกับมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น"ท่านแม่มาหาข้าแต่เช้ามีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ" "เจ้าเห็นแหวนประจำตระกูลของซูหมิงหรือไม่""ข้าไม่เคยเห็นนะเจ้าคะ ""แต่ซูหมิงบอกว่าของนางได้หายไปหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอข้าให้คนใช้หาจนทั่วจวนแล้วมีเพียงห้องของเจ้าที่ยังไม่ได้หา""ข้าไม่เคยเห็นจริงๆนะเจ้าค่ะ""งั้นเจ้าก็ให้คนใช้ของข้าเข้าไปหาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิใจของเจ้าเถอะ" ฮูหยินใช้สายตาสั่งคนใช้ของนางให้เข้าไปค้นห้องของเสี่ยวเอ๋อเสี่ยวเอ๋อนางไม่รู้จริงๆว่าแหวนประจำตระกูลของซูหมิงเป็นเช่นไร ต่อให้หาที่ห้องของนางเช่นไรก็หาไม่เจอแน่ๆ สักพักคนใช้ของฮูหยินใหญ่ก็ตะโกนออกมาจากด้านใน"ข้าเจอแล้วเจ้าค่ะ ใช่อันนี้มั้ยเจ้าคะ"คนใช้ถือถุงยาที่ซูหมิงเอามาให้เสี่ยวหลินเมื่อวานนี้ออกมา สีหน้าของเสี่ยวเอ๋อเปลี่ยนไปทันที หรือทั้งหมดนี่จะเป็นแผนของซูหมิง"มันอยู่ในห่อยานี่เจ้าค่ะ" ฟางเมิงสาว