LOGINผ่านมาอีกสามวันแล้ว เสิ่นหรงลี่สงสัยว่าเหตุใดตงเฟยเทียนจึงออกห่างจากนางและไม่ค่อยพูดจา ทั้งเวลาที่ต้องจุมพิตเพื่อรับเลือดยังดันตัวนางให้อยู่ห่าง และไม่ค่อยหาเรื่องกลั่นแกล้งนางเหมือนอย่างแต่ก่อน
“พี่เฟยเทียน ท่านเป็นอะไรของท่านกัน กินปลาไปตั้งสามวันแล้วนะเจ้าคะ ยังไม่หายเหม็นอีกหรือ” คุณหนูเสิ่นกวาดสายตาไปมองอย่างหงุดหงิด
ชายผู้นี้จมูกดีเกินไปแล้วหรือไม่ ข้ายอมไม่กินปลามาตั้งหลายวันแล้ว!
“มิใช่เช่นนั้น…”
พูดได้เท่านั้นก็ต้องเงียบไปเพราะจะบอกนางได้อย่างไร ว่าตัวเขามิอาจสลัดภาพเรือนร่างเปลือยเปล่าของนางออกไปจากหัวได้ ห้วงความคิดในยามเผลอไผลก็จะนึกถึงภาพทั้งยามที่นางอยู่ในน้ำ และยามที่นั่งอยู่ตรงข้ามกองไฟโดยมีเพียงเอี๊ยมตัวใน
“ความจริงแล้วเจ้าไม่เคยเหม็นเลย ข้าแค่กลั่นแกล้งเล่นเท่านั้น” เฟยเทียนตอบไปพลางคิดว่าเหตุใดตัวเขาจึงได้หลงใหลมนุษย์ผู้หนึ่งได้มากเพียงนี้
“พี่เฟยเทียนทำเช่นนี้กับสตรีได้อย่างไร ท่านรู้หรือไม่ว่าทำให้ข้ารู้สึกอับอายเพียงใด ใจร้ายยิ่ง”
“ข้ายอมเป็นคนใจร้ายก็ได้ แต่ชายหญิงไม่ควรชิดใกล้ ข้าเพียงแค่อยากรักษาเกียรติของเจ้า”
มันหมดไปตั้งนานแล้วแหละเจ้าค่ะ
เสิ่นหรงลี่ยกมือเล็กขึ้นจับริมฝีปากของตัวเองเบาๆ แล้วมองหน้าตงเฟยเทียนอย่างเอาเรื่อง คล้ายกับจะสื่อผ่านสายตาว่าพูดออกมาได้อย่างไร เมื่อการกลั่นแกล้งของเขาทำให้ทั้งสองใกล้ชิดกันยิ่งกว่าแม่นางและคุณชายที่กำลังดูใจกันเสียอีก หรงลี่สะบัดหน้าเดินหนีออกไป หากแต่เดินออกไปได้เพียงสองก้าวก็ถูกรั้งตัวเข้ามากอดไว้
“พี่เฟยเทียนทำอันใดเจ้าคะ” หรงลี่ตอบด้วยสีหน้าตกใจ
“เจ้าเองก็ไม่ได้ชอบความรุ่มร่ามมิใช่หรือ แล้วเหตุใดจึงต้องทักท้วงเมื่อข้าหยุดการกระทำเหล่านี้” เฟยเทียนปล่อยนางออกจากอ้อมแขน แล้วหมุนตัวนางให้กลับมามองหน้า
หรงลี่เมื่อเห็นว่าตงเฟยเทียนจ้องเข้ามาในดวงตาตนเองก็รู้สึกแปลกใจ “ท่านมองเห็นแล้วหรือ”
เฟยเทียนเพียงแค่พยักหน้ามิได้ตอบรับออกมาเป็นคำพูด สายตาที่มองมามีทั้งความเจ้าเล่ห์และแสดงออกว่าเหนือกว่าซ่อนอยู่
“ตั้งแต่เมื่อใดกันเจ้าคะ”
“ช่วงที่เจ้าไปอาบน้ำ” ตงเฟยเทียนตัดสินใจไม่ปิดบังอีกต่อไป เพราะเมื่ออาการของเขาดีขึ้นเช่นนี้แล้ว รอร่างกายฟื้นตัวอีกเพียงเล็กน้อยก็คงถึงเวลาที่ต้องกลับไปยังที่ของเขา คำตอบจากตัวนางที่มีต่อสถานการณ์นี้จะเป็นตัวช่วยตัดสินใจ ว่าเขาควรจะวางนางไว้ในตำแหน่งใด
“เช่นนี้หมายความว่า…” คุณหนูเสิ่นเห่อร้อนไปทั้งหน้า ใบหน้าแดงก่ำปิดไม่มิด ยามนั้นนางเลือกอาบในจุดที่นางจะมองเห็นเขา เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิด แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเหตุไม่คาดคิดในครั้งนี้ จะเป็นตัวนางที่เปลือยเปล่าต่อหน้าชายผู้ไม่มีสถานะใดต่อกันถึงสองครั้งสองครา
“ต้องการให้ข้ารับผิดชอบหรือไม่ ที่ช่วยเหลือข้ามาทั้งหมดนี้เจ้าต้องการสิ่งใดตอบแทน” เฟยเทียนเอ่ยถามออกไปสีหน้าตึงเครียดเล็กน้อย ตัวเขาอยู่ในตำแหน่งซึ่งผู้ที่ต้องการอำนาจและบารมีย่อมยอมทำสิ่งใดก็ได้เพื่อให้ได้ใกล้ชิด ตัวเขาจึงไม่อาจไว้ใจใครได้ง่ายดาย
“เรื่องนี้หากท่านยอมเก็บเป็นความลับ ไม่แพร่งพรายสิ่งใดออกไป ข้าย่อมไม่ถือโทษเป็นความผิดของท่าน ท่านเองก็คงไม่ทันได้บอก ข้าเองก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะกลับมามองเห็นในยามนั้นพอดี จึงไม่ถือเป็นความผิดของใครทั้งสิ้น เช่นนั้นแล้วไม่มีผู้ใดต้องรับผิดชอบ”
“…”
“ในโลกแห่งนี้ไม่มีที่สำหรับตัวข้าอีกแล้ว ข้าเพียงขอติดตามไปจะเป็นในฐานะบ่าวก็ได้ เพียงแต่การงานอาจต้องฝึกหัดมากหน่อย แต่ข้าสัญญาว่าจะตั้งใจและไม่ทรยศท่าน ข้าจะไม่ใช้เรื่องราวเหล่านี้มาเพื่อบีบบังคับหรือยกสถานะตนเอง ขอเพียงท่านไม่ไล่ข้าไปไหนเท่านี้ก็คงพอแล้ว”
“หวังเพียงเท่านี้ เสื้อผ้าหน้าตาผิวพรรณล้วนไม่ใช่คนชนชั้นบ่าว เจ้าจะทนได้หรือ”
“หากทนไม่ได้แล้วจะทำอย่างไรเจ้าคะ ให้ข้าไปตายเอาดาบหน้าหรือ อย่างน้อยหากเป็นท่าน บุญคุณที่ได้ช่วยเหลือชีวิต คงไม่ทำให้ท่านใจร้ายใจดำกับข้ามากเกินไปนัก”
และท่านก็เป็นภารกิจจากสวรรค์ของข้า ฆ่าตายไปหนึ่ง มีมาให้ช่วยเหลือหนึ่งในทันใด ย่อมต้องช่วยให้ตลอดรอดฝั่ง
เสิ่นหรงลี่ตกอยู่ในภวังค์จึงไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตนเองตกไปอยู่ในอ้อมกอดของชายที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วันเสียแล้ว คางของเขาก้มลงมาเกยอยู่บนศีรษะของนางอย่างเป็นธรรมชาติ
ฟากฝั่งของตงเฟยเทียนเองเมื่อได้ยินคำตอบของนางก็รู้สึกพอใจแต่ก็ขัดใจอยู่ในที นางสามารถใช้เลือดวิเศษมาต่อรองได้แต่นางก็มิได้ทำ ตัวเขารุ่มร่ามกับนางไปก็มาก ทั้งยังเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็นเสียจนหมดแล้ว หรงลี่ก็ยังไม่เรียกร้องสิ่งใด สิ่งนี้ทำให้เขาน้อยใจอยู่บ้าง คิดไปเองว่าหรือนางไม่เห็นเขาเป็นดั่งชายผู้หนึ่งกัน
“ไว้ข้าจะลองคิดดูว่าจะให้เจ้าติดตามไปดีหรือไม่”
เสียงนั้นเรียกให้หรงลี่ออกจากภวังค์ความคิดของตนเอง มือเล็กจึงตีเข้าไปที่บริเวณแขนของเฟยเทียนจนสุดแรง
“ปล่อยข้านะเจ้าคะ” หรงลี่ตัดสินใจเดินหนี
“แล้วเจ้าจะไปไหนนั่น”
“ไปเก็บผลไม้เจ้าค่ะ”
เสิ่นหรงลี่เดินออกมาจากถ้ำหลังน้ำตก หางตาเห็นว่าตงเฟยเทียนเดินตามออกมาก็ไม่ได้ว่าอันใด เพราะเขาเองก็เกือบจะหายสนิทดีแล้ว นางคิดว่าเขาควรขยับตัวบ้างถือเป็นเรื่องดี จะติดก็เพียงแต่บุรุษผู้นี้เดินใกล้ชิดติดนางมากเกินไปหรือไม่ ใบหน้าเล็กจึงหันไปทำหน้างองุ้มใส่
“ชินเข้าไว้ หากเจ้าติดตามข้าไป เมื่อเป็นบ้านของข้า ข้าจะยืนตรงไหน ยืนใกล้ชิดผู้ใดเจ้าย่อมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ”
“เช่นนั้นก็ไม่ต้องเรียกพี่เฟยเทียนแล้วด้วยใช่ไหมเจ้าคะ คุณชายประหลาดนัก สามวันก่อนต้องพูดด้วยสิบประโยคท่านจึงตอบคำหนึ่ง วันนี้มิทันได้พูดอะไรท่านกล่าวมาเป็นสิบ”
“ใครบอกให้เจ้าเลิกเรียกว่าพี่เฟยเทียน หากทำตามที่บอกไม่ได้ เรื่องติดตามคงต้องล้ม…เลิก”
ตงเฟยเทียนที่ยังพูดไม่ทันจบก็ต้องมึนงงที่จู่ๆ คุณหนูเสิ่นก็วิ่งหนีเขาออกไป แต่เมื่อมองตามก็เข้าใจ เพราะวันนี้เดินออกมาไกลกว่าปกติ จึงได้เห็นว่ามีต้นเฉิงจึอยู่สุดสายตา แต่เฟยเทียนก็ยังไม่ได้เดินตามไปในทันที เพราะเห็นท่าทีดีอกดีใจของหรงลี่แล้วก็อยากยืนมองอย่างไม่ละสายตาสักครู่หนึ่ง
“กรี๊ดดดดด” เสียงกรี๊ดดังขึ้นก้องไปทั่วบริเวณ พร้อมกับตัวของเสิ่นหรงลี่ที่หายวับไปในทันใด
ตงเฟยเทียนรีบวิ่งออกไปด้วยความเป็นห่วง เพียงครู่เดียวจากท่าทีที่ร่าเริงแปรเปลี่ยนเป็นเสียงร้องหวาดกลัวได้อย่างไรกัน
_______
เฉิงจึ หมายถึง ส้ม
บทพิเศษ 4 น้ำตกผูกรัก“นี่มัน นี่เหมือนกับน้ำตกที่เราได้พบกันไม่มีผิดเพี้ยน” หานหรงลี่กล่าวออกมาพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอเบ้าขึ้นมา“เป็นอย่างไรชอบหรือไม่ ของขวัญครบรอบหนึ่งพันห้าร้อยปีที่เราได้พบกัน” ตงเฟยเทียนเข้าไปสวมกอดฮองเฮาของตนจากด้านหลัง“ชอบที่สุดเพคะ ไม่คิดว่าแม้แต่วันพบหน้าก็ยังมีของขวัญให้เช่นนี้” หรงลี่หันกลับไปเอ่ยกับสามี“แล้วเจ้าเล่ามีอันใดมาแลกกันหรือไม่” ผู้เป็นองค์มารเอ่ยถาม“ปกติเราไม่เคยฉลองจึงไม่มีเพคะ พี่เฟยเทียนโกรธเคืองหรือไม่” นางช้อนตาขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างออดอ้อน แม้ตำแหน่งจะใหญ่โตแล้ว แต่หรงลี่ก็ยังถือคติว่ากับตงเฟยเทียนแล้วการน่ารักสักหน่อย อ่อนอ้อนเล็กน้อย
บทพิเศษ 3 ไม่คาดคิดว่าจะพบกันหนึ่งเดือนถัดมายามนี้ก็เป็นงานมงคลของหลิวหยางหลงและกงหรูอี้ แน่นอนว่าอี้ฉุนเป็นผู้ดูแลความงามทุกกระเบียดนิ้วในแก่เจ้าสาวรายนี้เช่นกันตัวหรงลี่นั้นเป็นตัวแทนของแดนมารมาร่วมงานมงคลในครั้งนี้ที่จัดขึ้นในวังของหลิวหยาง และเพราะตัวนางเป็นผู้นำขบวนเจ้าสาวจึงมาถึงเป็นกลุ่มสุดท้ายทว่าก่อนจะเริ่มพิธีดวงตาของหรงลี่เหลือบไปเห็นสตรีผู้หนึ่งที่ดูแล้วคุ้นเคยยิ่งนัก ในระหว่างพิธีตัวนางเหลือบมองไปยังคนผู้นั้นอยู่เป็นระยะ บ่าวที่ติดตามมาแจ้งว่านั่นคือองค์ชายเก้าและพระชายา นางจึงพยักหน้ารับและหันกลับไปสนใจบ่าวสาวที่ผลัดกันโยนของลงอ่างน้ำตามธรรมเนียมสมุทร จากนั้นจึงทำพิธีคำนับ ตามด้วยการโยนไม้เสี่ยงทายให้มหาเทพยอมรับ และเมื่องานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้นแล้ว นางก็เ
บทพิเศษ 2 ยินยอมแล้วทุกสรรพเสียงแห่งความคิดของหานหรงลี่สงบลงเมื่อประตูตำหนักถูกเปิดออก หรงลี่เงยหน้ามองผ่านผ้าคลุมหน้าของตนด้วยความประหม่า แม้จะไม่ใช่สาวน้อยที่ไม่รู้ความเรื่องชายหญิงอีกต่อไป แต่เรื่องเล่านั้นก็เพียงรู้ผ่านคำบอกเล่า หรือการเห็นผ่านตาในภพเก่า ยิ่งองค์มารเดินเข้ามาใกล้ใจของหรงลี่ยิ่งสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ“พี่เฟยเทียน” สตรีที่ตำแหน่งฐานะเลื่อนขึ้นมาเป็นฮองเฮาเอ่ยเรียก“รอนานหรือไม่” เฟยเทียนเดินเข้ามาใกล้กับเตียงใหญ่“นานเพคะ เครื่องหัวนี้หนักกว่ายามที่แต่งเข้าวังโลหิตนัก” หรงลี่บ่น“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะนำผ้าคลุมหน้าและเครื่องหัวออกให้บัดเดี๋ยวนี้” องค์มารที่อยู่กับคนรักเพียงลำพังเริ่มพูดจาหยอกล
บทพิเศษ 1 ยกน้ำชางานมงคลของหานหรงลี่สตรีเพียงหนึ่งเดียวที่จะได้เข้าไปอาศัยในวังหลังของวังมารในรัชสมัยนี้ยิ่งใหญ่นัก โชคดีที่ความหวาดระแวงระหว่างดินแดนเบาบางลงมากแล้ว มิเช่นนั้นการแต่งงานครั้งนี้อาจสร้างความระส่ำระสายเหมือนยามที่มีการประกาศหมั้นหมาย แต่ถึงจะกล่าวเช่นนั้นอย่างไรก็เริ่มมีการทาบทามให้องค์หญิงแดนสมุทรที่ยังไร้คู่หมายให้แก่องค์ชายในแดนสวรรค์บ้างแล้วส่วนเด็กคนแรกที่จะเกิดในครรภ์ของหานหรงลี่ก็ถูกทาบทามไว้แล้วด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นองค์หญิงหรือองค์ชายย่อมต้องให้แต่งกับราชวงศ์ของแดนสวรรค์ เพื่อผสานดินแดนใหญ่ทั้งสามไว้ว่าอย่างไรก็ล้วนเป็นเครือญาติกันทั้งสิ้นเรื่องนี้ทำให้แดนพฤกษาสามารถกลับมาวางตัวเป็นกลางไม่เข้าพวกกับแดนใดได้ตามต้องการ แต่ผู้คนที่จับตาย่อมรู้ด
บทที่ 63 องค์มารของเจ้ามานู่นแล้ว“แม่ แม่รีบกดตะกร้าเลย ไลฟ์นี้ก่อนแม่ค้าหยุดยาวกลับจีนน้า ใครตุนได้ตุนเลย” หรงลี่พูดภาษาไทยในแบบที่คนทั่วไปสามารถฟังออกว่าภาษานี้ไม่ใช่ภาษาแม่ของผู้พูด‘แม่ค้าจะหิ้วสครับพส.จีนกลับมาไหมคะ’“หิ้วมาแน่นอน ตัวไหนแมสเอามาหมดแม่ แม่รอกดเลย”หรงลี่กวาดตาอ่านคอมเมนต์ของลูกค้าที่สอบถามเรื่องต่างๆ ในไลฟ์ของแม่ค้าออนไลน์อย่างเธอ อาชีพที่รู้มาก่อนแล้วว่าจะได้ยึดเป็นเครื่องมือหาเงิน หรงลี่ดีดตัวขึ้นมาไลฟ์สดขายของได้เพราะคลิปที่เธอกับจางมี่ถ่ายเล่นในตอนมาเรียนมหาวิทยาลัยในไทย และที่ตัดสินใจมาเรียนในไทยเพราะคะแนนเกาเข่าไม่ดีนัก สองเพื่อนสนิทเลยตัดสินใจมาหาประสบการณ์ในต่างประเทศและเรียนภาษาที่สามที่มีคู่แข่งในตลาดงานน้อยกว่า
บทที่ 62 เกิดใหม่อีกครั้งขบวนเกี้ยวเจ้าสาวสั้นๆ ไม่มีอะไรให้คนตื่นตาถูกหามจากถนนหน้าบ้านของหัวหน้าฝ่ายโก๋ พิธีแต่งงานแบบดั้งเดิมถูกจัดขึ้นอย่างสามัญ ชุดเจ้าสาวก็หยิบยืมมา เครื่องประดับมีเพียงชิ้นเดียวที่ได้ความเมตตาจากว่าที่แม่สามีให้มาใส่เข้าพิธี สินเดิมเป็นข้าวสาร หัวมัน และเผือก ของมีค่ามีเพียงเงินและตั๋วแลกของไม่กี่ใบเท่านั้นจางหรงลี่ถูกปลุกขึ้นมาตั้งแต่เช้ามืดไม่ได้มีเวลาได้ปลุกแม่ของตนเองเพื่อกล่าวลาและขอพรใดด้วยซ้ำ ป้าสะใภ้ลากตัวออกมาเสมือนกลัวว่าหรงลี่จะหนีงานแต่งความคิดที่จะกลืนน้ำลายตนเองกลับไปร่วมทดลองหาเงินให้แม่ได้มีติดตัวต้องพับเก็บไว้ เพราะเจ็ดวันที่ผ่านมาทั้งย่าและป้าไม่อนุญาตให้เธอออกไปไหน ทุกวินาทีมีคนสับเปลี่ยนมาจับตามองอยู่เสมอ แม้ยืนยันเท่าใดว่าไม่คิดห







