ปฐมบท ตอนที่ 2ช่วยชีวิต
สายลมอ่อนพัดกลีบดอกบัวแห้งปลิวลงสู่ลานหินกรวดของวัดสุ่ยเหอ ภายในศาลาเล็ก ซ่งหว่านอวี้นั่งคุกเข่าอยู่หน้าป้ายวิญญาณไม้จันทร์ กลิ่นกำยานลอยกรุ่นเคล้าความเงียบ นางจ้องมองอักษรแกะสลักชื่อมารดาไม่วางตา ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ท่านแม่… ข้ามาถึงเมืองหลวงแล้ว… จากนี้ท่านไม่ต้องห่วงข้าอีก” แววตานางหม่นเศร้า ดวงตาร้อนวาบ ภาพในอดีตผุดขึ้นในใจ ไม่นาน เสียงฝีเท้าเบากังวานดังใกล้เข้ามา ถิงหลัน สาวใช้คนสนิทก้าวมาหยุดยืนด้านข้าง ก้มตัวเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อม “คุณหนู… ได้เวลาแล้วเจ้าค่ะ” ซ่งหว่านอวี้พยักหน้ารับ ลุกขึ้นยืน ก่อนก้าวออกจากศาลา ถิงหลันตามติดไม่ห่าง นางเดินทอดสายตาชมสวนไผ่และสระบัวรอบ ๆ วัด ทว่าสายตากลับสะดุดที่เงาดำไหววูบในพุ่มไม้ด้านไกล “ถิงหลัน” “เจ้าคะ” เมื่อได้ยินคุณหนูของตนนางก็หันไปสบตาด้วยความงุนงง ซ่งหว่านอวี้ไม่รีรอ ก้าวฉับมุ่งไปทางพุ่มไม้ “คุณหนู… รอด้วยเจ้าค่ะ!” ถิงหลันรีบเร่งฝีเท้าตาม เพียงครู่ ทั้งสองก็หยุดอยู่เบื้องหน้าบุรุษชุดสีเข้มที่ล้มลงพิงข้างพุ่มไม้หนา ใบหน้าซีดเซียว เสื้อผ้าเปื้อนเลือด ซ่งหว่านอวี้คุกเข่าลง ใช้ปลายนิ้วเรียวแตะชีพจร แล้วพึมพำแผ่วเบา “เขายังไม่ตาย…” ถิงหลันทรุดตัวลงข้าง ๆ สีหน้าเคร่งเครียด “คุณหนู… เราไปกันเถิดเจ้าค่ะ แผลเต็มตัวเช่นนี้ อาจเป็นโจรก็เป็นได้” ซ่งหว่านอวี้พยักหน้ารับช้า ๆ แต่ยังคงนิ่ง มือเล็กเอื้อมไปแตะใบหน้าบุรุษตรงหน้า พลิกใบหน้าเขาขึ้นเพื่อจะได้ดูอย่างชัด ๆ ดวงตากลมโตราวกับถูกสะกดเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นโครงหน้าคมสันนั้น นางกลับรู้สึกหัวใจเต้นรัวอย่างไม่ทันตั้งตัว ปลายนิ้วเรียวเลื่อนแตะบริเวณหางตาของเขาเบา ๆ สังเกตเห็นรอยเส้นเลือดสีคล้ำแตกกระจายใต้ผิว นางพึมพำอย่างแผ่วเบา “พิษหลัวเหอ…” ถิงหลันสาวใช้คนสนิทสะกิดแขนเสื้อนางอย่างร้อนรน “คุณหนู…” ซ่งหว่านอวี้เงยหน้ามองสาวใช้เพียงชั่ววูบ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “พาเขาไปที่รถม้า” นางยังไม่ละสายตาจากใบหน้าหล่อเหลานั้น ดวงตาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ ไม่นานนัก รถม้าก็เคลื่อนตัวออกจาวัดสุ่ยเหออย่างเชื่องช้า … ณ เรือนร้างฮวาซิ่ว เรือนไม้เงียบสงบ สายลมเย็นพัดลอดช่องหน้าต่างไม้ เข้ามาปะทะร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงไม้ กลิ่นสมุนไพรต้มอุ่น ๆ คลุ้งอบอวล เจิ้งอันอ๋องค่อย ๆ รู้สึกตัว ความปวดร้าวแล่นไปทั่วร่างกาย เขาค่อยลืมตาขึ้น แต่กลับยังมืดสลัว มือใหญ่ยกขึ้นแตะผ้าผันแผลที่ปิดตา “ท่านฟื้นแล้วหรือ… ไม่ต้องห่วง อีกสามวันท่านก็จะมองเห็นได้ปกติ” เขาค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า เสียงฝีเท้าเบาของสตรีดังใกล้เข้ามา ซ่งหว่านอวี้ถือถ้วยยาอุ่นในมือ ก้าวมาหยุดอยู่เบื้องหน้า ยื่นถ้วยยานั้นให้บุรุษบนเตียงด้วยแววตาสงบ “ยานี้จะช่วยขับพิษได้” เจิ้งอันอ๋องเพียงพยักหน้า รับถ้วยยามาจากริมฝีปาก กลิ่นขมของสมุนไพรแตะจมูกก่อนรสจะซึมลงลำคอ เขายื่นถ้วยคืน นางรับไปวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง จากนั้นขยับเข้าใกล้เขา ยื่นมือเล็กหมายจะปลดเสื้อเขาออก มือใหญ่คว้าข้อมือนางไว้แน่น พร้อมเอ่ยน้ำเสียงเข้ม “ทำอะไร!” ซ่งหว่านอวี้เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เอ่ยด้วยเสียงนุ่ม “คุณชาย ข้าเพียงจะเปลี่ยนยาให้” ความแข็งกร้าวในฝ่ามือค่อยคลายลง “ข้าทำเอง…” กล่าวจบ เจิ้งอันอ๋องก็ปลดเสื้อตนออกเอง เผยให้เห็นร่องรอยบาดแผลและรอยฟกช้ำ นางจึงก้าวเข้ามา ใช้นิ้วเรียวแกะผ้าพันแผลออก แล้วทายาสมุนไพรใหม่อย่างชำนาญ ปลายนิ้วเคลื่อนไปอย่างระมัดระวัง “ท่านเป็นหมอหรือ” เขาเอ่ยถามเสียงเรียบ ซ่งหว่านอวี้เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมตรงหน้าพร้อมเผยรอยยิ้มบาง “จะว่าเช่นนั้นก็ได้ เพิ่งเรียนมาไม่นาน… ท่านคือคนไข้คนแรกของข้า” เจิ้งอันอ๋องพยักหน้ารับ โดยไม่ได้เอื้อนเอ่ย ไม่นานนัก ถิงหลันก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมห่อผ้าในมือ “คุณหนู ของที่ท่านต้องการเจ้าค่ะ” “อืม” ซ่งหว่านอวี้ตอบโดยไม่หันมอง จนกระทั่งทำแผลเสร็จ นางจึงลุกขึ้น ก้าวถอยออกเล็กน้อย “คุณชาย ท่านนอนพักก่อน เดี๋ยวข้าจะไปเตรียมอาหารให้” “ขอบคุณ แม่นาง” เขาสวมเสื้อคืนอย่างเงียบงัน ขณะที่นางเพียงยิ้มบางแล้วหมุนกายก้าวออกไปจากห้องพร้อมถิงหลันสาวใช้คนสนิท โดยไม่ล่วงรู้เลยว่า ในเงามืดด้านนอก มีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องพวกนางอยู่ …. ฝากติดตามเรื่องใหม่ด้วยนะคะ🙏🥰 และฝากกดเข้าชั้นเวลาไรท์อัพนิยาย จะได้ไม่พลาดตอนใหม่กันนะ ฝากกดหัวใจ❤️ให้ไรท์ด้วยนะตอนที่ 24 ซ่งหว่านอี้แสงอาทิตย์ยามสนธยาสาดลอดหน้าต่างไม้เก่าจนเกิดแสงสีทองตกกระทบลงบนใบหน้าของ ซ่งเหยียนเอ๋อร์ นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้น พบว่าตนเองกับหานอี้ถูกมัดแน่นไว้กับเสาไม้ ร่างกายอ่อนแรงไร้เรี่ยวแรงหานอี้ที่เพิ่งได้สติก็ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ สูดลมหายใจแผ่วเบา ก่อนเปล่งเสียงเรียกด้วยน้ำเสียงแหบพร่า“พี่เหยียนเอ๋อร์… ”ซ่งเหยียนเอ๋อร์หันมองเด็กชายข้างกายแล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน หากน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว“ไม่ต้องกลัว… ท่านอ๋องต้องมาช่วยเราแน่”หานอี้พยักหน้าเบา ๆ ในขณะนั้น ซ่งหว่านอี้ที่ยืนอยู่ข้างหลัง หัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างดูแคลนไม่ใยดีซ่งเหยียนเอ๋อร์หันมาทางนาง ดวงตาเต็มไปด้วยความชิงชัง“ซ่งหว่านอี้… เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกันแน่!”ซ่งหว่านอี้มิได้ตอบในทันที หากยกมีดเล่มเล็กขึ้น ปลายนิ้วเรียวลูบคมมีดช้า ๆ ใบหน้าราบเรียบ แววตาแฝงไปด้วยความอำมหิต นางก้าวอ้อมมายืนตรงหน้าของทั้งสองหานอี้จ้องมองนาง เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย“แล้วพี่ชายข้าล่ะ… หานมู่ เขาอยู่ที่ใด!”ซ่งหว่านอี้คลี่ยิ้มจาง สีหน้าเย็นชาจนน่าสะพรึง“หานมู่หรือ”นางพึมพำชื่อออกมา ก่อนจะหัวเราะราวคนเสียสติ ก่อนจ
ตอนที่23 กลับเมืองหลวง จวนเจิ้งอันอ๋องณ สวนหลังจวน ดอกโบตั๋นผลิบานละลานตา สีชมพูแดงอร่ามราวเนรมิตขึ้นจากภาพวาด ซ่งเหยียนเอ๋อร์ก้าวเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าสง่างาม โดยมีชิงอีสาวใช้คนสนิทติดตามไม่ห่าง นางเดินตรงไปยังศาลาไม้กลางสวน ภายในศาลานั้นมีเด็กชายผู้หนึ่งนั่งอยู่ เขาก้มหน้าก้มตา วาดภาพอยู่บนแผ่นกระดาษอย่างตั้งอกตั้งใจซ่งเหยียนเอ๋อร์ก้าวไปหยุดยืนอยู่ข้างตัวเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะนั่งลงเบื้องหน้า มองภาพที่ค่อย ๆ ปรากฏเป็นเค้าโครงใบหน้าใครบางคน นางจึงเอ่ยถามเสียงเรียบ“เจ้ากำลังวาดรูปผู้ใดอยู่หรือ”ชิงอีที่ยืนอยู่ด้านหลัง ก้าวเข้ามายกกาน้ำชาขึ้นรินน้ำชาลงใส่ถ้วยชาใบเล็ก แล้ววางถ้วยชานั้นอย่างนุ่มนวลลงเบื้องหน้าซ่งเหยียนเอ๋อร์หานอี้เงยหน้า ตอบอย่างตั้งใจ“ข้ากำลังวาดรูปพี่ชายข้า… ข้ามาอยู่ที่นี่หลายวันแล้ว แต่ยังหาเขาไม่พบ ข้าคิดว่าถ้าวาดรูปเขาออกมาชัด ๆ เวลาออกตามหาอาจง่ายขึ้นกว่าเดิม”ซ่งเหยียนเอ๋อร์พยักหน้าเบา ๆ พลางยกถ้วยชาขึ้นจิบ“อืม”หานอี้วางพู่กันลง ก่อนจะหยิบภาพขึ้นยื่นให้ ซ่งเหยียนเอ๋อร์ พร้อมเอ่ยเสียงแผ่ว“พี่เหยียนเอ๋อร์ ท่านลองดูหน่อย… คุ้นหรือไม่”ซ่งเหยียนเอ
ตอนที่ 22 ทำลายโรคระบาดเจิ้งอันอ๋องก้าวเข้าสู่โรงหมอ โดยมีเจ้าเมืองต้าเฉิง หมอหลวงหยางซุน และทหารองค์รักษ์อีกสามนายติดตามมาด้วยเมื่อก้าวล่วงถึงประตูด้านใน กลิ่นอสมุนไพรขมปร่าก็ลอยมาแตะจมูก ผู้ป่วยต่างต่อแถวยาวเพื่อรอลงอ่างน้ำยาสมุนไพรต้ม ชาวบ้านต่างช่วยกันยกถังยาสมุนไพรและตัดแจกจ่ายแก่ผู้ป่วยอย่างขะมักเขม้นซ่งเหยียนเอ๋อร์ซึ่งกำลังนั่งเขียนใบสั่งยาอยู่ที่โต๊ะไม้ เงยหน้ามาเห็นพระสวามีของตนก็ยกมือเล็กขึ้นโบกเบา ๆ ดวงหน้ายิ้มระเรื่อ“ท่านอ๋อง”เจิ้งอันอ๋องได้ยินเสียงนั้นจึงหันไป ดวงตาจับจ้องไปยังใบหน้างามที่กำลังยิ้มแย้มของชายาตน แล้วก้าวตรงไปหานาง เพียงไม่นานร่างสูงของเขาก็ก้าวมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้านางซ่งเหยียนเอ๋อร์ส่งยิ้มบางให้พลางยื่นใบสั่งยาที่เขียนมาใหม่ให้แก่เขา“ท่านดูสิ… ตำรับยาใหม่นี้ ใช้ได้ผลดีทีเดียว”กล่าวจบ นางหันไปมองเด็กชายด้านข้างที่กำลังแยกสมุนไพร เจิ้งอันอ๋องเหลือบสายตามองตามสายตาของนางก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบ“เขาเป็นใคร?”“หานอี้”นางตอบพร้อมยิ้มแย้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ“ท่านนั่งลงก่อนเถิด”เจิ้งอันอ๋องจึงนั่งลงเบื้องหน้านาง ซ่งเหยียนเอ๋อร์หันไปสบสาย
ตอนที่ 21 ยาแก้รถม้าค่อย ๆ ชะลอล้อ ก่อนจะหยุดนิ่งตรงหน้าป้ายไม้เก่า ที่เขียนตัวอักษรด้วยหมึกสีดำ โรงหมอเมืองต้าเฉิงซ่งเหยียนเอ๋อร์แหวกผ้าม่านก้าวลงจากรถม้า ชิงอีรีบก้าวมารับประคองร่างบางของคุณหนูของตนหานอี้ก้าวตามมาชิดด้านหลัง ดวงตากลมโตของเด็กชายกวาดมองรอบ ๆ อย่างสนใจทันทีที่ก้าวล่วงเข้าประตูไม้เก่า กลิ่นสมุนไพรต้มปนกลิ่นเหงื่อชื้นก็โถมเข้าโสตประสาท เหล่าชาวบ้านนอนเรียงรายบนฟูกฟาง บ้างตัวร้อนจัดจนใบหน้าแดงก่ำ บ้างไอหอบจนหน้าเขียวคล้ำหมอหลวงในชุดผ้าฝ้ายสีหม่นและหมอชาวบ้านในเสื้อผ้าซีดสีเก่า ต่างถือถ้วยยาสมุนไพรเดินส่งให้ผู้ป่วยทีละคน เสียงกระซิบปลอบโยนและเสียงช้อนกระทบถ้วยดังแทรกอยู่ในความวุ่นวายหานอี้กวาดตามองภาพเบื้องหน้าครู่หนึ่ง ก่อนจะหยุดก้าว มือเล็กดึงชายแขนเสื้อซ่งเหยียนเอ๋อร์เอาไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า“พี่เหยียนเอ๋อร์… นี่คือโรคไข้พิษจากแมลง”ซ่งเหยียนเอ๋อร์ชะงักฝีเท้าลง หันมามองด้วยแววตาสงสัยเด็กชายพยักหน้าช้า ๆ เพื่อย้ำความแน่ใจ“เจ้ารู้จักหรือ”นางเอ่ยถาม“อืม รู้จักสิ ข้าเคยเห็นในตำราของท่านแม่”“แม่!”ซ่งเหยียนเอ๋อร์ย้ำด้วยใบหน้าแปลกใจ ก่อนจะเ
ตอนที่ 20 โรคระบาดยามซวีจวนเจ้าเมืองต้าเฉิงบานประตูไม้ถูกผลักออกอย่างแผ่วเบา เจิ้งอันอ๋องก้าวเข้ามาในห้องของชายาตน กลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยมาตามสายลมเย็น ภาพเบื้องหน้าคือ ร่างบางของซ่งเหยียนเอ๋อร์ กำลังฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ ข้างตัวมีตระกร้าไม้เล็กบรรจุผ้าผืนเล็กจำนวนหนึ่งไว้อย่างเป็นระเบียบเขาขยับปิดประตู ก่อนจะก้าวตรงไปหาร่างของนาง เขาหยุดยืนเคียงข้าง ยื่นมือใหญ่หยิบผืนผ้าที่ค้างอยู่ในมือเล็กของนางออกอย่างแผ่วเบา ไออุ่นจากฝ่ามือใหญ่ทำให้ร่างบางค่อย ๆ ขยับ ลืมตาขึ้นอย่างงุนงงซ่งเหยียนเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองเงาร่างสูงใหญ่ข้างกายตน แสงตะเกียงสะท้อนให้เห็นใบหน้าคมชัดของเขา นางเอ่ยเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความอุ่นใจ“ท่านอ๋อง… ”นางค่อย ๆ นั่งตัวตรง เก็บผ้าผืนเล็กที่ยังวางอยู่บนโต๊ะใส่ในตระกร้าอย่างเรียบร้อยเจิ้งอันอ๋องยกผ้าในมือขึ้น ทอดมองก่อนจะเอ่ยถาม“นี่คืออะไร”ซ่งเหยียนเอ๋อร์มองเขา แววตาครุ่นคิดว่าจะอธิบายอย่างไร เพราะในชาติก่อน ที่นางติดโรคระบาดและได้หมอเทวดาหานซิ่วอิงช่วยไว้ หมอเทวดาผู้นั้นส่วมผ้าปิดครึ่งหน้านี้ไว้เพื่อป้องกันเชื้อโรคนางหยิบผ้าผืนหนึ่งขึ้นมาผูกที่ใบหน้าตนเอง แล้
ตอนที่19 เมืองต้าเฉิง สายลมอ่อนพัดแผ่ว กระทบผิวกายบอบบางของซ่งเหยียนเอ๋อร์ ผู้ยังหลับอยู่บนรถม้า เสียงล้อบดกับพื้นและแรงสั่นสะเทือนเบา ๆ ทำให้นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้น สายตาแลรอบด้วยความฉงนทันใดนั้น ม่านประตูรถม้าก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย“คุณหนู ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”น้ำเสียงใสของชิงอีสาวใช้คนสนิทดังขึ้นซ่งเหยียนเอ๋อร์เพียงมองนาง ก่อนจะยกมือเล็กขึ้นปัดม่านหน้าต่างรถม้าออก แล้วทอดสายตาออกไปสำรวจทิวทัศน์ด้านนอก เห็นเรือนชาวบ้านเรียงรายเงียบสงบ มีเพียงไม่กี่คนที่ยังเดินผ่านไปมา ร้านค้าต่างก็ปิดประตูแน่นนางหันกลับมาถามสาวใช้ของตน“ท่านอ๋องเล่า?”ชิงอีขยับเข้ามานั่งเคียงข้าง แล้วยื่นห่อผ้าในมือซึ่งอุ่นด้วยกลิ่นซาลาเปาให้คุณหนูของตน ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ แล้วเอ่ยขึ้น“บ่าวก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ ท่านอ๋องเพียงแต่ให้บ่าวพาท่านกลับมาพักผ่อนก่อนเจ้าค่ะ”นางพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยถามอีก“ที่นี่… คือเมืองต้าเฉิงหรือ?”“ใช่เจ้าค่ะ… เมืองนี้มีผู้ติดโรคระบาดเยอะมากเลยเจ้าค่ะ”ชิงอีตอบเสียงแผ่วซ่งเหยียนเอ๋อร์พยักหน้าตอบ แล้วหยิบซาลาเปาขึ้นมากัดคำหนึ่ง ก่อนจะหยิบอีกลูกขึ้นแล้วยื่นให้ชิ