Home / รักโบราณ / สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง / บทที่ 1 ย้อนเวลามาอยู่ในร่างของนางร้าย

Share

บทที่ 1 ย้อนเวลามาอยู่ในร่างของนางร้าย

last update Last Updated: 2025-04-22 14:18:37

ไป๋มู่หลานค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา นางรู้สึกว่าศีรษะของตนเองปวดหนึบราวกับจะระเบิดออกมา เมื่อนางตั้งสติให้ดีและมองไปโดยรอบ ก็พบว่ายามนี้ตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียง ไป๋มู่หลานขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะครุ่นคิดในใจ

ทำไมการตกแต่งมันดูแปลกประหลาดพิลึกแบบนี้วะ อย่างกับหลงมาอยู่ในซีรีส์จีนโบราณ

เอ๊ะ!! หรือว่าพระเอกซีรีส์ในดวงใจผ่านมาเห็นว่านางตกเขา เขาจึงอุ้มนางมาพักในกองถ่าย

ไป๋มู่หลานที่คิดได้เช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี แต่ทว่าเมื่อนางได้ยินเสียงของใครบางคนเข้า ก็ชะงักไปชั่วขณะ

"ฟื้นได้แล้วหรือ ข้าคิดอยู่แล้ว สตรีชั่วช้าเช่นเจ้า ไม่ตายง่ายๆ หรอก ถึงตายก็คงจะเป็นวิญญาณเร่ร่อนไม่มีที่ไป!!!"

ไป๋มู่หลานรีบหันไปมองทันที ก่อนจะต้องตกใจจนดวงตาเบิกกว้าง

นั่นมัน!!! ผู้ชายคนนั้นที่อยู่ในฝันของนางนี่นา

ฝันอีกแล้วอย่างนั้นหรือ?

ไป๋มู่หลานที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบหลับตาลง พร้อมกับนับหนึ่งสองสาม แล้วจึงลืมตาขึ้นอีกครา แต่ก็ยังพบกับหยางเจ๋อหยวนที่ยืนกอดอกจ้องมองนางด้วยแววตาที่ไม่เป็นมิตร

เพียะ!!!

ตื่นสิโว้ย!!

ไป๋มู่หลานตบหน้าตนเองจนปวดแสบระบมไปหมด หยางเจ๋อหยวนที่ได้เห็นเช่นนั้นก็หรี่ตามองนางคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย

"ไป๋เหมยเหม่ย เจ้ากำลังเล่นละครงิ้วให้ข้าดูอย่างนั้นหรือ"

ไป๋เหมยเหม่ย!

ไป๋มู่หลันที่ได้ยินเช่นนั้น จึงเอ่ยถามหยางเจ๋อหยวนทันที

"เมื่อครู่นี้เรียกฉันว่าอะไรนะคะ"

หยางเจ๋อหยวนขมวดคิ้วมุ่น เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ไป๋เหมยเหม่ยกำลังเสแสร้งทำสิ่งใดอยู่ จึงเอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

"เจ้าจำชื่อตนเองไม่ได้หรือ ไป๋เหมยเหม่ย"

"ไป๋เหมยเหม่ย?"

ไป๋มู่หลานอุทานออกมา ก่อนจะลนลานพลางมองไปโดยรอบ แล้วจึงพบเข้ากับกระจกบานหนึ่ง นางคว้ามันขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา ก่อนจะจ้องมองเข้าไปในกระจกบานนั้น เมื่อได้เห็นภาพสตรีตรงหน้า ไป๋มู่หลานก็ตัวชาไปในทันที

เรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย นี่เราย้อนกลับมาเกิดในร่างของสตรีที่ฝันถึงมาตลอดหลายเดือนอย่างนั้นหรือ!!

สตรีที่มีใบหน้าเหมือนเธอราวกับฝาแฝด!!!

ไป๋มู่หลานพยายามครุ่นคิดเท่าใดก็คิดไม่ออก ฉับพลันนั้นภาพความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมก็ย้อนกลับมาในห้วงความคิดของนางจนเต็มไปหมด

"ข้าคือไป๋เหมยเหม่ยบุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่ไป๋"

"ผู้ใดขัดใจ ข้าตบไม่เลี้ยง"

"ท่านอาจารย์หยางช่างหล่อเหลายิ่งนัก ข้าจะต้องแต่งกับเขาให้จงได้"

"สตรีใดคิดยั่วยวนหยางเจ๋อหยวน ข้าจะฆ่ามันเสีย"

ไป๋มู่หลานยกมือขึ้นมากุมขมับตนเอง ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่านางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของสตรีที่มีนามว่าไป๋เหมยเหม่ยจริงๆ อีกทั้งสตรีนางนี้ยังไม่มีข้อดีอันใดเลยนอกจากจิตใจที่มีแต่ริษยา เจ้าคิดเจ้าแค้น และเป็นมือตบหมายเลขหนึ่งของเมืองหลวง

เดิมทีก็คิดว่าตนเองตบตีเก่งแล้ว มาเจอร่างนี้นางขอคารวะเลย!!!

หยางเจ๋อหยวนจ้องมองไป๋เหมยเหม่ยที่มีท่าทีประเดี๋ยวยิ้มอย่างสิ้นหวัง ประเดี๋ยวก็มีท่าทีว่าจะร้องไห้ ก็ครุ่นคิดในใจคราหนึ่ง

นางคงศีรษะฟาดขอบโต๊ะจนสติเลอะเลือนไปหมดแล้วสินะ!!!

เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงหันไปเอ่ยกับเหล่าสาวใช้ทันที

"พวกเจ้าเฝ้านางเอาไว้ให้ดี หากนางคลุ้มคลั่งก็มัดนางเอาไว้"

ไป๋มู่หลานที่ยามนี้กลายเป็นไป๋เหมยเหม่ยไปแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงหันขวับไปมองหยางเจ๋อหยวนทันที

โห!! นี่คิดจะมัดกันเลยเหรอ

หยางเจ๋อหยวนเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้เหล่าสาวใช้นั่งตัวสั่นอยู่ในห้องเพราะไม่กล้าล่วงเกินผู้เป็นนาย

ไป๋มู่หลานถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง นับจากวันนั้นนางก็เก็บตัวเงียบเพื่อทบทวนสิ่งต่างๆ จนทำให้นางเริ่มทำใจยอมรับได้แล้ว แม้จะรู้สึกมึนงงสับสนอยู่บ้าง แต่ก็ต้องเดินหน้าต่อไป

เอาเถิด เป็นไป๋เหมยเหม่ยก็ได้ ในเมื่อมันไม่สามารถแก้ไขสิ่งใดได้แล้ว

เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงหันไปมองสาวใช้น้อยนางหนึ่งที่กำลังนั่งก้มหน้างุดไม่เอ่ยสิ่งใดอยู่

"นี่เจ้า"

"เจ้าคะ!!!"

สาวใช้น้อยนางหนึ่งที่ถูกเรียกพลันตกใจจนสะดุ้งตัวโยน พาให้ไป๋เหมยเหม่ยสะดุ้งตกใจตามไปด้วย นางถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดในใจ

ไป๋เหมยเหม่ย เจ้าชั่วร้ายจนผู้คนไม่อยากเข้าใกล้แล้วรู้หรือไม่

"เจ้าชื่ออะไร เอ่อ ภาษาโบราณพูดว่าไงนะ อ้อ เจ้าชื่ออันใด"

สาวใช้น้อยเงยหน้ามาจ้องมองไป๋เหมยเหม่ยคราหนึ่ง รู้สึกตื่นตระหนกไม่น้อย ที่เห็นเจ้านายตนมีท่าทีประหลาดเช่นนี้

ท่าทางคล้ายพูดกับตนเองนั่นมันช่างน่ากลัวยิ่งนัก!

"ไม่ตอบล่ะ ชื่ออันใด"

"เอ่อ ฮูหยินน้อยจำบ่าวไม่ได้หรือเจ้าคะ บ่าวชื่อเฉียวเหลียนเจ้าค่ะ เป็นบ่าวที่ติดตามฮูหยินน้อยมาจากจวนท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ"

ไป๋เหมยเหม่ยมีสีหน้าครุ่นคิดคราหนึ่ง ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ พลันเรื่องราวเก่าก่อนก็ปรากฏขึ้นในหัวของนาง

"ฮือ ฮูหยินน้อยเจ้าคะ บ่าวไม่กล้าแล้ว!!!"

"นังบ่าวสารเลว กล้าดีอย่างไรไม่เชื่อฟังข้า หรือว่าเจ้าเห็นนังฟ่านกุ้ยอิงเป็นเจ้านายใหม่ไปแล้ว ฮะ!!! ถีบสักคราคงจะหลาบจำมากขึ้น"

"ฮือ ฮูหยินน้อยโปรดเมตตาบ่าวด้วย"

"ไสหัวไป!!!"

ไป๋เหมยเหม่ยยิ้มแห้งออกมาคราหนึ่งราวกับคนสิ้นหวัง เมื่อได้เห็นภาพในอดีตของสตรีนางนี้ว่าชั่วร้ายเพียงใด

นอกจากนิสัยแย่แล้วยังเจ้าอารมณ์อีกด้วย!!

เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงเอ่ยกับเฉียวเหลียนทันที

"พาฉัน เอ่อ ข้าหิวน่ะ เจ้าไปหาของกินมาให้ข้าหน่อย"

เฉียวเหลียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าอย่างรีบร้อน ก่อนจะหายไปครู่หนึ่ง แล้วกลับมาพร้อมกับอาหารในมือ 

"เอ่อ ฮูหยินน้อยเจ้าคะ ยามนี้มีเพียงแค่หมูสามชั้นตุ๋นน้ำแกง เอ่อ เพราะว่าบ่าวรับใช้ในครัวยังจัดสำรับไม่แล้วเสร็จ ขอฮูหยินน้อยได้โปรดอย่าโมโหเลยนะเจ้าคะ"

ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่นคราหนึ่ง

ให้ตายเถอะ เพียงแค่สำรับเสร็จไม่ทันเวลา นางก็ทุบตีคนแล้วอย่างนั้นหรือ

นางจ้องมองอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า ก่อนจะนึกถึงคำพูดของเฉียวเหลียนขึ้นมา

"เฉียวเหลียน ข้าไม่ชอบกินหมูสามชั้นหรือ"

เฉียวเหลียนที่ได้ยินไป๋เหมยเหม่ยเอ่ยถามเช่นนั้นก็ตื่นตระหนกไม่น้อย ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ

"เอ่อ ฮูหยินน้อยเคยบอกว่ามันมีเนื้อมันมากไปทำให้กินไม่อร่อย ยิ่งนำมาตุ๋นน้ำแกงแล้วรสชาติเฮงซวยยิ่งนัก ฮูหยินน้อยชอบกินเนื้อมากกว่า ไม่ชอบหมูสามชั้นติดมันเช่นนี้เจ้าค่ะ"

ไป๋เหมยเหม่ยคนใหม่ถึงกับถอนหายใจปลงตกออกมาคราหนึ่ง

สตรีหน้าโง่!! เจ้าไม่รู้จักของดีซะแล้ว หมูสามชั้นนี้ถ้าได้นำไปย่างแล้วละก็รับรองว่าสุดยอด!!!

"อืม ช่างเถิด ข้าจะกินข้าวแล้ว ส่วนเจ้าก็ไปหาข้าวกิน ไม่ต้องมานั่งเฝ้าข้า"

ไป๋เหมยเหม่ยเอ่ยกับเฉียวเหลียนด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร แต่ทว่าเฉียวเหลียนกลับไม่กล้าขยับไปไหนจนไป๋เหมยเหม่ยต้องเอ่ยถามด้วยความสงสัย

"เหตุใดไม่ไปกินข้าวเล่า"

"เอ่อ ฮูหยินน้อยเคยบอกว่า หากฮูหยินน้อยยังกินไม่อิ่ม ห้ามบ่าวไพร่คนใดไปกินข้าวเด็ดขาดเพคะ ต้องรอให้ฮูหยินน้อยอิ่มก่อนจึงจะไปได้ หากผู้ใดฝ่าฝืนจะโบยให้ตายเจ้าค่ะ"

ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตื่นตระหนกไม่น้อย

กฎระเบียบอะไรกันวะเนี่ย ตัวเองกินไม่อิ่มก็ห้ามคนอื่นกิน เจ้าอารมณ์ไม่พอ ยังโรคจิตเสียด้วย!!!

ไป๋เหมยเหม่ยวางตะเกียบในมือลง ก่อนจะเอ่ยกับเฉียวเหลียน

"นับแต่นี้ไปยกเลิกกฎเช่นนี้ไปเสีย เจ้าไปกินข้าวได้ไม่ต้องกลัวข้าโบยหรอก"

"จริงหรือเจ้าคะ"

"จริงสิ"

"เอ่อ"

"มีอันใดอีก"

"ที่นายน้อยหยางบอกว่าฮูหยินน้อยล้มจนศีรษะกระแทกโต๊ะ แล้วทำให้สติฟั่นเฟือนนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเจ้าคะ"

ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รู้จะเอ่ยตอบเช่นไร 

"ฮือ ฮูหยินน้อย ถึงท่านจะทุบตีบ่าว แต่บ่าวก็ภักดีไม่เปลี่ยนแปลง บ่าวอยู่กับท่านมาตั้งแต่วัยเยาว์ บ่าวรักท่านที่สุด ทูนหัวของบ่าว"

ไป๋เหมยเหม่ยที่ถูกเฉียวเหลียนคลานมากอดเข่าก็รู้สึกกินอาหารไม่ลงไปชั่วขณะ นางจ้องมองบ่าวรับใช้ตรงหน้า ก่อนจะยื่นมือไปลูบศีรษะของเฉียวเหลียนคราหนึ่ง

"ทำไม ข้าสติฟั่นเฟือนเช่นนี้แล้วดีกับเจ้า เจ้าไม่ชอบหรือ หรือว่าชอบข้าคนเก่า"

"ฮึก ต่อให้ฮูหยินน้อยจะเป็นเช่นไร บ่าวก็ชอบทั้งนั้นเจ้าค่ะ"

ไป๋เหมยเหม่ยยิ้มออกมาคราหนึ่ง นึกอิจฉาไป๋เหมยเหม่ยคนเก่าที่มีบ่าวภักดีเช่นนี้อยู่ข้างกาย

"เช่นนั้นเจ้าก็ไปกินข้าวเสีย ให้สาวใช้คนอื่นๆไปกินด้วยกันเสียเลย”

"เจ้าค่ะ บ่าวจะรีบกลับมานะเจ้าคะ"

"อืม"

เมื่อเฉียวเหลียนออกไปแล้ว ไป๋เหมยเหม่ยก็รีบใช้ตะเกียบคีบหมูสามชั้นในชามขึ้นมากัดกินคำหนึ่ง ก่อนจะรับมือกับเรื่องราวที่ต้องเผชิญย่อมต้องมีแรงเสียก่อน

แต่ทว่าเมื่อหมูสามชั้นถูกนางกินเข้าไปแล้ว ไป๋เหมยเหม่ยก็ชะงักครู่หนึ่ง รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

บัดซบจริง!!! เทถังเกลือลงไปหรือไรกัน เค็มมากเลย!!!

แต่ช่างเถอะ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง กลืนมันลงไปเสียไป๋เหมยเหม่ย กลืนลงไปเดี๋ยวนี้!!!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 2 ภรรยารองของหยางเจ๋อหยวน

    หลายวันหลังจากนั้น ไป๋เหมยเหม่ยก็เริ่มคุ้นชินกับร่างนี้มากขึ้นแล้ว อีกทั้งนางยังนึกถึงความทรงจำของร่างเดิมได้มากขึ้นอีกด้วยเริ่มแรกก็คือนางเป็นบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่รักษาดินแดน ยามนี้อายุได้สิบเจ็ดปีเต็มแล้ว มีพี่ชายหนึ่งคนและน้องชายหนึ่งคน บิดาของนางนับว่ามีอำนาจทางการทหารในมือ อีกทั้งยังเป็นกำลังสำคัญที่ผลักดันฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจนขึ้นเป็นฮ่องเต้ได้อย่างราบรื่น และยังเป็นที่ไว้วางใจของฝ่าบาทอีกด้วยเวลานี้คือรัชศกเหลียนไห่ปีที่สี่สิบ แคว้นนี้คือแคว้นไท่หยาง เป็นแคว้นที่ใหญ่ที่สุดในใต้หล้าและมีอำนาจมากที่สุด ส่วนหยางเจ๋อหยวนผู้ที่นางแต่งงานด้วยนั้น เป็นบุตรชายของจวนราชครู อายุยี่สิบห้าปีเต็ม ท่านปู่ของเขาเป็นพระอาจารย์ขององค์ชายหลายพระองค์ เมื่อท่านปู่ตายจากไป บิดาของหยางเจ๋อหยวนก็ใช้ความสามารถของตนจนได้รับตำแหน่งราชครูเฉกเช่นบิดาตน ส่วนหยางเจ๋อหยวนนั้นเมื่อสามปีก่อนในการสอบเค่อจวี่เขาสอบได้อันดับที่หนึ่ง ความสามารถเก่งกาจทั้งตำรา การคัดอักษรและพิณ เป็นบุรุษรูปงามมากความสามารถที่สตรีในเมืองหลวงใฝ่ฝัน จนได้เข้ามาเป็นอาจารย์สอนที่สำนักศึกษาหลวงกั๋วจื่อเจี้ยนยามนั้นไป๋เหมยเหม่ยมีอายุเพ

    Last Updated : 2025-04-22
  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 3 หย่าขาดสามี

    หยางเจ๋อหยวนก้าวเดินเข้ามา ก่อนจะตรงเข้าไปประคองฟ่านกุ้ยอิงให้ลุกขึ้นมา ท่าทีของเขาที่มีต่อฟ่านกุ้ยอิงนั้นดูอ่อนโยนเป็นอย่างมาก ไป๋เหมยเหม่ยจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาที่เรียบเฉยคราหนึ่ง พร้อมกับลอบเบ้ปากคราหนึ่ง ฟ่านกุ้ยอิงแสร้งทำเป็นซวนเซจนแทบจะเป็นลมล้มลง นางเซถลาเข้าไปในอ้อมกอดของหยางเจ๋อหยวน เขาเอ่ยกับเขาอย่างออดอ้อน หยางเจ๋อหยวนปฏิบัติต่อหานกุ้ยอิงอย่างทุถนอม ก่อนจะหันมาเอ่ยกับไป๋เหมยเหม่ย"สตรีเช่นเจ้าคงทำความดีไม่เป็น ชอบแต่รังแกผู้อื่น จิตใจริษยาเป็นที่สุด น่าเกลียดน่าชัง!!"ไป๋เหมยเหม่ยถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"ฉัน เอ่อ ข้าไม่ได้ทำอันใดนางเลยนะเจ้าคะ""หุบปาก ข้าเห็นอยู่ว่าฟ่านกุ้ยอิงล้มลงไปต่อหน้าต่อตาข้า หากเจ้าไม่ผลักนาง นางจะล้มได้เช่นไร!!!""เช่นนั้นท่านเห็นหรือไม่เล่าว่าข้าเป็นคนทำให้นางล้มลง เห็นตอนข้าผลักนางหรือไม่ หรือว่าความรักบดบังจนตามืดบอด มองไม่เห็นผิดถูกไปเสียแล้ว"หยางเจ๋อหยวนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปชั่วขณะ หากจะให้เอ่ยตามจริงแล้ว เขาไม่เห็นตอนที่ไป๋เหมยเหม่ยผลักฟ่านกุ้ยอิงล้มลงเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะจิตใจของเขาเกลียดชังไป๋เหมยเหม่ยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

    Last Updated : 2025-04-22
  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 4 วางแผนทำการค้า

    จวนตระกูลไป๋ไป๋เหมยเหม่ยยืนมองดูตั๋วเงินและของมีค่ามากมายที่หยางเจ๋อหยวนมอบให้นาง ได้ยินว่าบิดาเขาไม่พอใจเป็นอย่างมากที่เขาตัดสินใจเช่นนี้ จึงส่งคนนำของมามอบให้นางเพื่อเป็นการไถ่โทษ เพราะไม่อยากมีปัญหากับคนตระกูลไป๋ไปมากกว่านี้ นางพยักหน้าอย่างพึงพอใจคราหนึ่ง การตัดสินใจหย่าในครั้งนี้นับว่าคุ้มค่าใช้ได้เลย"เหมยเหม่ยลูกพ่อ เจ้าต้องกลายเป็นสตรีหม้าย เช่นนี้เป็นความผิดของพ่อเอง หากวันนั้นพ่อไม่พาเจ้าไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนตระกูลหยาง เจ้าก็ไม่ต้องกลายเป็นหญิงหม้ายเช่นในยามนี้"ไป๋เหมยเหม่ยหันไปมองดูแม่ทัพใหญ่ไป๋ซึ่งก็คือบิดาของเจ้าของร่างนี้คราหนึ่ง หลังจากนางกลับมาจวนเดิมทีคิดว่าคงจะถูกด่าทออยู่บ้าง เพราะอย่างไรเสียนางก็ได้ชื่อว่าเป็นน้ำที่ถูกสาดออกไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะถูกไล่ออกจากจวนหรือไม่ แต่ทว่าคนในจวนทั้งท่านพ่อท่านแม่ของนางกลับไม่เอ่ยวาจาให้นางรู้สึกเป็นทุกข์เลยสักประโยคเดียว อีกทั้งยังสั่งให้เหล่าสาวใช้ทำอาหารมาต้อนรับนางอีกด้วย ไม่มีการดุด่าต่อว่า มีเพียงแม่ทัพใหญ่ไป๋ที่เอาคร่ำครวญว่าเป็นความผิดของตนเพียงผู้เดียวเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้นางได้รู้ว่าในความโชคร้ายของไป๋เหมยเหม่ย ก็ยัง

    Last Updated : 2025-04-22
  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 5 พบกันอีกครา

    ไป๋เหมยเหม่ยยิ้มออกมาคราหนึ่ง รอยยิ้มของนางมีความเศร้าอยู่ไม่น้อยชาติที่แล้วนางวิ่งตามเขาแทบตาย ทนยอมปีนขึ้นเขาเพื่อตามถ่ายรูปเขา บางครานางอยากให้เขาได้ลองชิมอาหารที่นางทำเองสักมื้อ แต่ทว่ากลับไม่ได้ นางทำได้เพียงมองเขาเป็นดวงดาวอยู่บนฟ้า นางหลงรักเขาจนหมดหัวใจ แต่ทว่าเขาและนางราวกับว่าอยู่กันคนละโลก โลกของเขาช่างงดงามเปล่งประกาย เป็นถึงดาราดัง แต่ทว่านางกลับเป็นเพียงพนักงานบริษัทบ้านจนคนหนึ่งเท่านั้นเมื่อย้อนเวลากลับมาในโลกอดีต นางได้พบเจอเขาอย่างไม่คาดคิด แต่โชคชะตาก็ช่างเล่นตลกเหลือเกิน เขาเป็นถึงจวิ้นอ๋องผู้สูงศักดิ์ แต่ทว่านางกลับเป็นเพียงสตรีหม้ายที่ถูกสามีมอบหนังสือหย่า!!ไป๋เหมยเหม่ยถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"พี่ใหญ่ ข้าอยากเดินเล่นแล้ว""ได้สิ เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเถิด"ไป๋เหมยเหม่ยพยักหน้า ก่อนจะเดินตามไป๋จินเซียงไป รอบๆ ด้านนั้นมีของกินของเล่นมากมาย นางรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มองเห็นสิ่งเหล่านี้ ไป๋จินเซียงมองน้องสาวตนที่ร่าเริงก็ยิ้มออกมาคราหนึ่ง แต่ไหนแต่ไรน้องสาวไม่ชอบมาเดินเล่นในสถานที่เช่นนี้ นางบอกว่ามันเป็นสถานที่ที่สำหรับพวกไพร่เดิน นางไม่มีทางมาเดินเป็นแน่ แต่

    Last Updated : 2025-04-22
  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 6 หมูสามชั้นผัดพริกเกลือ

    เมื่อมาถึงโรงหมอ ท่านหมอก็ตรวจอาการของไป๋เหมยเหม่ยอย่างละเอียด ก่อนจะเอ่ยกับจางเหยียนเหว่ย"ทูลท่านอ๋อง ก่อนหน้านี้ศีรษะนางได้รับความกระทบกระเทือนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"จางเหยียนเหว่ยหันมองไป๋จินเซียงคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย“ท่านถามเขาเถิด เขาเป็นพี่ชายของนาง” เมื่อได้ยินเช่นนั้นท่านหมอชราจึงรอคอยคำตอบจากไป๋จินเซียง ไป๋จินเซียงยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"ใช่ขอรับท่านหมอ ไม่นานมานี้นางศีรษะกระแทกขอบโต๊ะจนสลบไป"ท่านหมอพยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"ข้าเข้าใจแล้ว เพราะไม่ได้รับการรักษาต่อเนื่องทำให้ข้ามองเห็นรอยโลหิตจ้ำๆ เป็นจุดที่บาดแผลบนศีรษะของนาง ร่างกายของนางยังไม่แข็งแรงดี เมื่อออกมาเดินจนร่างกายเหนื่อยล้า จึงหมดสติไป ข้าจะจัดยาให้สักสองเทียบ แล้วมาตามที่ข้านัดพบอีกครา มิทราบว่าพวกท่านจะสะดวกหรือไม่"จางเหยียนเหว่ยหันไปมองไป๋จินเซียงคราหนึ่ง เรื่องนี้เขาไม่อาจตัดสินใจได้ ทำได้เพียงให้ไป๋จินเซียงเป็นคนให้คำตอบกับท่านหมอเพียงเท่านั้นไป๋จินเซียงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะตอบ“เช่นนั้นรบกวนท่านหมอไปตรวจนางที่จวนตระกูลไป๋ได้หรือไม่ ข้าไม่อยากให้นางออกมาตากลมเกรงว่าอาการจะหายช้าไปอีก"“อืม ได้

    Last Updated : 2025-04-22
  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 7 เจอศัตรูเก่า

    หลายวันต่อมาอากาศค่อนข้างเย็นสบายไม่น้อย ไป๋เหมยเหม่ยตื่นขึ้นมาในยามเช้า หลังจากกินอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว นางก็ดื่มยาที่ท่านหมอจัดให้ ซึ่งเฉียวเหลียนเป็นคนต้มให้นาง ไป๋เหมยเหม่ยเบ้หน้าคราหนึ่ง เพราะรสชาติยานั้นขมจนนางอยากจะอาเจียนออกมา เฉียวเหลียนยื่นผลไม้เชื่อมให้นางหนึ่งชิ้นด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ ไป๋เหมยเหม่ยรับมันมาอมไว้ในปาก ทำให้นางรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย สองสามวันมานี้นางเริ่มคุ้นชินกับภาษาและการใช้ชีวิตของคนในยุคนี้มากขึ้น นางค้นพบว่าโลกโบราณเช่นนี้ก็ไม่ได้น่าเบื่ออย่างเช่นที่นางคิดเลยสักนิด"เหมยเหม่ย""พี่ใหญ่"ไป๋เหมยเหม่ยหันไปยิ้มให้ไป๋จินเซียงคราหนึ่ง ไป๋จินเซียงที่เห็นว่าสีหน้าของน้องสาวดูสดใสขึ้นมากก็เบาใจลงไปไม่น้อย"อาการของเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง ดีขึ้นแล้วกระมัง"ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นจึงยิ้มให้ไป๋จินเซียงคราหนึ่ง พลางเอ่ยตอบ"ดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ ข้าไม่เป็นอันใดแล้ว ติดตรงที่ยาขมไปหน่อย"ไป๋จินเซียงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันมองนางคราหนึ่ง ไป๋เหมยเหม่ยที่ถูกพี่ชายตนจ้องมองก็สงสัยไม่น้อย"พี่ใหญ่ ท่านมองเช่นนั้นด้วยเหตุใดกันเจ้าคะ"ไป๋จินเซียงยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"พี

    Last Updated : 2025-04-22
  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 8 ข่าวลือ

    เย่เพ่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็แข้งขาอ่อนไปโดยพลัน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ"หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจนะเพคะ เอ่อ หม่อมฉันไม่อยากเป็นอนุคนที่หนึ่งร้อยของพระองค์เพคะ!!"“เช่นนั้นก็เป็นคนที่หนึ่งร้อยหนึ่งดีหรือไม่?”“ไม่เพคะ!!!”เย่เพ่ยส่ายหน้าไปมาอย่างถี่ระรัว นางเคยได้ยินเรื่องเล่าของจวิ้นอ๋องผู้อยู่ในสนามรบมาไม่น้อย ผู้คนเล่าลือว่าเขามีใบหน้าหล่อเหลา และรบเก่งจนศัตรูยอมพ่ายแพ้ แต่ทว่ากลับมีจิตใจอำมหิต เคยมีเรื่องเล่าว่ายามอยู่ชายแดนมีอนุนางหนึ่งทำไม่ถูกใจเขา เขาจึงบีบคอนางตายในคืนที่นางเข้ามาปรนนิบัติ เหล่าทหารลากศพนางไปฝังที่นอกด่านอย่างน่าเวทนานางไม่อยากถูกเขาบีบคอตาย!!!เมื่อเห็นท่าทีหวาดกลัวของเย่เพ่ย จางเหยียนเหว่ยก็ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง ตั้งแต่เขากลับมาเมืองหลวงก็ได้ยินข่าวลือหนึ่ง บอกว่าเขามีจิตใจอำมหิต ฆ่าอนุ ข่มเหงสตรี ก็ไม่รู้ว่าผู้ใดกันที่มันกล้าใส่ร้ายเขา เมื่อเห็นเย่เพ่ยหวาดกลัวเขาเช่นนี้ เขาก็พอจะเดาทิศทางได้ จึงเอ่ยกับนางอย่างเบื่อหน่าย“เช่นนั้นเจ้าก็ไสหัวไปเถิด อย่าเอ่ยเรื่องราวเมื่อครู่ไปทั่วอีกเล่า มิเช่นนั้นข้าคงต้องรับเจ้าเข้าจวนเป็นอนุแล้ว เพื่อปิดปากไม่ให้

    Last Updated : 2025-04-22
  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 9 จ่ายก่อนค่อยด่า

    หลายวันต่อมา ร้านของไป๋เหมยเหม่ยก็ปรับปรุงเสร็จเรียบร้อย ยามนี้เป็นช่วงที่นางกำลังจัดแต่งร้านให้ดูงดงาม นางใช้ดอกไม้ตามฤดูกาลที่มีอยู่ประดับตกแต่งไปทั่วทั้งร้าน ร้านค้าของนางเป็นร้านที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่ถ้าหากกิจการไปได้ดี นางเองก็ตั้งใจที่จะขยายกิจการเพิ่มไป๋เหมยเหม่ยยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อตน ก่อนจะยื่นมือไปรับถ้วยชาจากเฉียวเหลียนขึ้นมาดื่ม ยามนี้ร้านของนางตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงเปิดขายเท่านั้น "คุณหนูเจ้าคะ ท่านจะตั้งชื่อร้านว่าอย่างไรดีเจ้าคะ"ไป๋เหมยเหม่ยหันไปมองเฉียวเหลียนคราหนึ่งก่อนจะเอ่ย"หม้อไฟคนงาม""เอ""ทำไม ข้าไม่อยากตั้งชื่อเหมือนคนอื่น เอาชื่อนี้แหละ ไปๆ เจ้ากับข้าไปเลือกซื้อวัตถุดิบกันเถิด วันนี้พี่ใหญ่ไม่มาด้วย เราคงต้องไปกันสองคนแล้ว""เจ้าค่ะ"เฉียวเหลียนยิ้มตาหยี นางชื่นชอบคุณหนูที่สมองกระทบกระเทือนเช่นนี้เป็นที่สุด เพราะนางจะไม่ต้องถูกทุบตีเช่นแต่ก่อนอีก ยามนี้คุณหนูของนางอารมณ์ดี ไม่ทุบตีบ่าวไพ่่ บ่าวในเรือนก็เริ่มไม่หวาดกลัวคุณหนูอีกแล้วเฉียวเหลียนเดินตามไป๋เหมยเหม่ยมาซื้อของที่ตลาดอย่างสนุกสนาน ระหว่างทางไป๋เหมยเหม่ยก็แบ่งขนมให้นางกิน ไม่รู้ว่าเมื

    Last Updated : 2025-04-22

Latest chapter

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   ตอนพิเศษ

    งานแต่งงานผ่านพ้นไปได้ร่วมเดือนแล้ว ยามนี้จางเหยียนเหว่ยเข้ามาอยู่ที่จวนของไป๋เหมยเหม่ยอย่างเต็มตัวในฐานะบุตรเขยแล้ว เขาไม่ได้กลับไปพักที่โรงน้ำชาอีกเมื่อแต่งงานกันกิจการต่างๆ ของเขาก็ยกให้ไป๋เหมยเหม่ยทั้งหมด ไม่เหลือสิ่งใดที่เป็นของตนเลยแม้แต่น้อย มีคราหนึ่งเขาออกเดินทางไปที่นอกเมืองหลวง พบสตรีน้อยนางหนึ่งมาบอกรักเขา บอกว่ายินดีจะเคียงคู่เป็นภรรยาของเขาไปชั่วชีวิต เขากลับตอบเพียงว่า“ขออภัยด้วย เงินข้าอยู่กับภรรยาหมดแล้ว ไม่มีปัญญาเลี้ยงดูเจ้าหรอก ลำพังตัวข้าเองยังต้องขอเงินนางเลย เจ้าไปหาสามีคนอื่นเถิด ข้าจนมากทุกวันนี้ยังอาศัยบ้านภรรยาอยู่เลย”สตรีน้อยนางนั้นรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก นางมองเขาด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์ไม่เสื่อมคลายจางเหยียนเหว่ยคร้านจะสนใจสิ่งใดอีก วันนี้เขาไปพบท่านแม่มาและนำยาบำรุงไปให้นาง หน้าตาท่านแม่ดูสดใสขึ้นมาก อีกทั้งยังบอกให้เขารีบมีหลานเร็วๆ จางเหยียนเหว่ยเพียงยิ้ม ก่อนจะรีบกลับจวนมาหาไป๋เหมยเหม่ยทันที ระหว่างนั้นเขาพบกับไป๋กู้ชวนที่กำลังวุ่นวายอยู่ในครัว ได้ยินว่าระยะหลังมานี้เขามักสนใจการทำอาหารเป็นอย่างมากในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากทักไป๋กู้ชวนอยู

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 44 บทส่งท้าย

    จางเหยียนเหว่ยเดินมาพร้อมกับไป๋เหมยเหม่ย ในขณะที่กำลังจะขึ้นรถม้าก็พลันเห็นฮ่องเต้จางเหลียนไห่ที่กำลังเดินลงมาจากรถม้า ชายชราชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะจ้องมองคนทั้งสองด้วยแววตาที่วูบไหวจางเหยียนเหว่ยไม่เอ่ยสิ่งใด อีกทั้งยังไม่คิดจะบอกเรื่องราวของท่านแม่ให้คนผู้นี้ได้รับรู้ คนเช่นเขานี่คือการลงโทษที่ดีที่สุดแล้ว ให้เขาคิดว่าท่านแม่ตายไปแล้ว จมอยู่กับความทุกข์ใจของตนไปเช่นนี้ก็ดีไม่น้อยฮ่องเต้จางเหลียนไห่เพิ่งกลับมาจากที่ฝังศพของหลัวหลินฮวา คิดจะแวะมาไหว้พระที่วัดไป๋หวา แต่ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอบุตรชายของตนเข้า ไป๋เหมยเหม่ยที่เห็นเช่นนั้นก็ทำความเคารพเขาอย่างนอบน้อม"อาเหยียน"ฮ่องเต้จางเหลียนไห่เอ่ยเรียกบุตรชายตนอย่างอ่อนโยน จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"ไม่คิดว่าคนเช่นท่านจะเข้าวัดด้วย คิดจะมาสนทนาธรรมหรือสารภาพบาปกันเล่า"ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็กระตุกแขนเสื้อจางเหยียนเหว่ยคราหนึ่งพลางส่งสายตาห้ามปรามเขา ฮ่องเต้จางเหลียนไห่คร้านจะใส่ใจคำพูดประชดประชันของลูกชายตน จึงเอ่ยตอบ"เจ้าจะแต่งงานแล้วนี่ ไม่คิดบอกข้าสักคำหรือ""ไม่จำเป็น ข้าจัดงานเองไ

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 43 พบกันอีกครา

    เรือนหลังหนึ่งท้ายวัดไป๋หวายามนี้แม่นมหลัวกำลังพาจางเหยียนเหว่ยและไป๋เหมยเหม่ยมาที่เรือนหลังหนึ่งซึ่งอยู่ด้านหลังวัดไป๋หวา เรือนหลังนี้ค่อนข้างเล็ก เขามองไปโดยรอบก่อนจะครุ่นคิดเหตุใดเขาจึงไม่เคยรู้เลยว่ามีเรือนเช่นนี้อยู่ในวัดไป๋หวาด้วย"พระชายาอยู่ที่นี่เจ้าค่ะ นางอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว"จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็มือสั่นเทาไม่น้อย เขาแทบจะไร้เรี่ยวแรง ยื่นมือไปเปิดประตูบานนั้นออก ความกลัวเริ่มปกคลุมในจิตใจ เขาเกรงว่าหากเขาเปิดประตูเข้าไปแล้วพบกับท่านแม่ นางจะรังเกียจเขาหรือไม่ นางจะด่าทอทุบตีเขาหรือไม่ระหว่างทางที่มาแม่นมหลัวเล่าว่าในวันที่ท่านแม่ป่วยตายนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น ท่านแม่ให้แม่นมหลัวไปหายาชนิดหนึ่งมา ยานั้นหากกินเข้าไปแล้วจะหลับสนิท ไร้ลมหายใจราวกับตาย ต้องรีบใช้ยาแก้ภายในสองชั่วยาม มิเช่นนั้นจะตายจริงๆเขาเพิ่งเข้าใจในวันนี้ว่าเพราะเหตุใดแม่นมหลัวจึงเร่งให้นำศพของท่านแม่ไปฝัง จากนั้นเขาก็ไม่ได้ติดตามความเป็นไปของท่านแม่อีก ไม่ได้รับรู้ว่าคนของท่านแม่แยกย้ายไปอยู่ที่ใดกันบ้างหลังจากนำศพไปฝัง แม่นมหลัวก็นำคนที่ไว้ใจได้มาขุดหลุมศพและช่วยท่า

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 42 แม่นมหลัว

    จางเหยียนเหว่ยที่กลับมาถึงเมืองหลวงก็รีบมาหาไป๋เหมยเหม่ยทันที เมื่อได้พบนางอีกคราเขาก็ปวดใจไม่น้อย คล้ายว่านางจะผอมลงไปมาก"เหมยเหม่ย""เหยียนเหยียน"เขารีบสั่งให้คนเปิดประตูคุกหลวงออก ก่อนจะรีบโผเข้าไปกอดนางทันที ไป๋เหมยเหม่ยที่เห็นว่าจางเหยียนเหว่ยกลับมาแล้วก็ดีใจจนร้องไห้โฮออกมาราวกับเด็กน้อย "ท่านกลับมาแล้ว ฮึก ข้ากลัวมากเลย มีแต่คนมารังแกข้า ฮือ"จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกผิดเหลือเกิน เขาไม่ได้บอกแผนการนี้กับนาง ทำได้เพียงปล่อยให้เรื่องราวเป็นเช่นนี้ เพราะว่าอะไรน่ะหรือ ก็เพื่อความปลอดภัยของนาง หากนางยังอยู่สุขสบาย คนตระกูลฟ่านย่อมไม่มีทางตายใจจนโผล่หางตนออกมา อีกทั้งยังอาจส่งคนมาลอบสังหารและทำร้ายนางกับครอบครัวอีกด้วย เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงยกมือขึ้นลูบศีรษะนาง ก่อนจะเอ่ย"ข้าขอโทษ ข้าขอโทษที่ไม่ได้บอกเจ้านะ"ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นจึงผละออกจากเขาทันที จางเหยียนเหว่ยยิ้มให้นางก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้นางฟัง ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ทั้งโมโหทั้งดีใจในคราเดียวกัน"ท่านไม่บอกข้า!!! ข้าจะตีท่าน""ตีเลย ตีเลย ขอเพียงเจ้าหายโกรธข้าก็พอ"ไป๋เหมยเหม่ยยิ้ม

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 41 จุดจบฟ่านกุ้ยอิง

    วันคืนผ่านไปเช่นนี้คืนแล้วคืนเล่า ไป๋เหมยเหม่ยไม่อาจรับรู้ข่าวคราวจากภายนอกได้เลยแม้แต่เรื่องเดียว จวบจนคืนหนึ่งที่ฟ่านเหลียนมาพบกับนาง เขาสั่งให้คนเปิดประตูห้องขังออก ก่อนจะก้าวเดินเข้ามาหานาง ฟ่านเหลียนจ้องมองนางด้วยแววตาที่เย้ยหยัน ก่อนจะเอ่ย"เป็นเช่นไรบ้างเล่าน้องเหมยเหม่ย รู้สำนึกแล้วหรือยัง หากว่าเจ้าเลือกข้าตั้งแต่วันนั้น เจ้าก็ไม่ต้องพบจุดจบเช่นวันนี้ เมื่อใดที่หลักฐานว่าบิดาและพี่ชายเจ้ายอมมอบข้อมูลทางการทหารให้แคว้นเซียวชัดเจน เจ้าจะถูกประหารทั้งตระกูล เฮ้อ!!! น่าเสียดายความงามของเจ้ายิ่งนัก"ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง ทำราวกับไม่สนใจคำพูดของฟ่านเหลียน ฟ่านเหลียนที่เห็นว่านางยังคงเฉยชาก็เริ่มมีโทสะ เขายื่นมือไปบีบคอของนาง ก่อนจะเอ่ย"อย่าอวดเก่งให้มากนัก!! ข้าจะให้หนทางรอดแก่เจ้า หากเจ้ายอมเป็นของเล่นของข้าและจางหลิงหยาง ข้ารับรองว่าจะหาทางช่วยเจ้า เป็นเช่นไร ข้อเสนอดีหรือไม่ รีบตัดสินใจเสียสิ เจ้าจะได้บุรุษมาครอบครองทีเดียวสองคนเลยนะ ไม่ดีหรือ อ้อ หรือว่าเจ้าจะรอว่าที่สามีใหม่ที่เป็นถึงท่านอ๋องมาช่วย โอ้ว เขาจะมาทันหรือ ยามนี้จะตายอยู่ในสนามรบ

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 40 ถูกจับ

    ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าซีดเผือด ด้านจางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะรีบหันมามองไป๋เหมยเหม่ยในทันที"เรารีบไปดูกันเถิด"ไป๋เหมยเหม่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะรีบกลับไปที่จวนตระกูลไป๋พร้อมจางเหยียนเหว่ยในทันที เมื่อมาถึงก็พบว่ายามนี้จวนตระกูลไป๋ถูกปิดล้อมเอาไว้หมดแล้ว เหล่าทหารจากวังหลวงยามนี้กำลังบุกเข้าไปในจวน ก่อนจะจับตัวคนในจวนออกมาทั้งหมด"ท่านแม่ กู้ชวน!!!"ไป๋เหมยเหม่ยร้องเรียกไป๋ฮูหยินและไป๋กู้ชวนที่ยามนี้ถูกจับตัวเอาไว้ ส่วนเหล่าบ่าวไพร่ในจวนล้วนถูกกักบริเวณไม่สามารถออกไปที่ใดได้ จางเหยียนเหว่ยจ้องมองทหารเหล่านั้นด้วยแววตาที่เย็นเยียบ ก่อนจะเอ่ย"ผู้ใดสั่งให้เจ้าบุกมาจับคนเช่นนี้ คำสั่งฝ่าบาทเช่นนั้นหรือ""ท่านอ๋องโปรดวางใจ หากการตรวจสอบพบว่าคนตระกูลไป๋บริสุทธิ์ ย่อมถูกปล่อยตัวในเร็ววัน"จางเหยียนเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นจึงปรายตามองไปที่ด้านหน้าตนคราหนึ่ง พบว่าเป็นเสนาบดีฟ่านฉีนั่นเอง เขาขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถาม"เสด็จลุงส่งท่านมาหรือ"เสนาบดีฟ่านฉียิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เป็นรับสั่งของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ หรือว่าท่านอ๋องคิดจะขัด

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 39 ความคิดของหยางเจ๋อหยวน

    หากนับย้อนไปเมื่อเกือบสิบปีก่อน ยามนั้นเขายังเป็นองค์รัชทายาทแคว้นเซียว แคว้นเซียวนั้นแต่เดิมรุ่งเรืองและรักสงบ อีกทั้งยังเป็นพันธมิตรกับแคว้นไท่เหลียง ยามที่จางเหยียนเหว่ยมาทำสงครามรบกับแคว้นเยี่ยนนั้น เขาก็ได้พบกับสหายผู้นี้โดยบังเอิญ นับแต่นั้นคนทั้งสองก็สนิทสนมกันเรื่อยมา ชายแดนแคว้นเซียวและแคว้นไท่เหลียงอยู่ใกล้กัน ทำให้เขามาพบเจอกับจางเหยียนเหว่ยได้ทุกเมื่อ อีกทั้งบางครายังช่วยส่งทหารมาร่วมรบต่อต้านกบฏด้วยกันแต่ทว่าสถานการณ์กลับพลิกผัน สามปีก่อนชายแดนสงบ แต่ทว่าแคว้นเซียวกลับไม่เป็นเช่นนั้น เซียวหลิ่น น้องชายต่างมารดาลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อ และสังหารเสด็จแม่ของเขา ใช้กำลังคนไล่ล่าทำร้ายเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาพ่ายแพ้เพราะไม่ได้เตรียมการรับมือ ท้ายที่สุดเซียวหลิ่นก็ขึ้นเป็นฮ่องเต้แคว้นเซียวพระองค์ใหม่ ความละโมบทำให้เซียวหลิ่นคิดก่อสงคราม สังหารผู้คนไปทั่ว แคว้นใดไม่ยอมศิโรราบก็บุกตีแคว้นนั้นจนราบคาบ ไฟสงครามคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ในขณะที่เขาเองทำได้เพียงมองดูภาพนั้นอย่างโศกเศร้าโดยที่ไม่อาจทำสิ่งใดได้เขาหนีไปซ่อนตัวหลายต่อหลายแห่ง คนที่ภักดีล้วนตายเพราะปกป้องเขา ครั้นจะกลับไปหาจ

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 38 สหายที่หายตัวไป

    วันเวลาล่วงเลยมาร่วมเดือน จวบจนเข้าสู่ช่วงปลายฤดูหนาวอีกครา ไป๋เหมยเหม่ยมองดูหิมะที่ตกลงมาประปราย ก่อนจะถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ป่านนี้ไม่รู้ว่าท่านพ่อและพี่ชายของนางจะเป็นเช่นไรบ้างด้านจางเหยียนเหว่ยนั้นนางกับเขาได้พบกันบ้าง แต่ระยะหลังมานี้เขามีเรื่องให้ต้องจัดการมากมาย จึงไม่ได้มาพบหน้านางหลายวัน นางเองก็ไม่ได้รบเร้าสิ่งใดจากเขาเพราะเข้าใจว่าเขามีเรื่องที่ต้องจัดการ ส่วนนางเองก็กำลังวุ่นวายอยู่กับการดูแลกิจการหม้อไฟทั้งสองสาขา ยามนี้ร้านของนางขยายกิจการแล้ว บางคราก็มีเย่เพ่ยมาคอยช่วยเหลือ นางกับเย่เพ่ยสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย ทุกๆ วันเย่เพ่ยมักจะมาเที่ยวหานางทั้งที่จวนและที่ร้านหม้อไฟ "คุณหนูเจ้าคะ ระวังเป็นหวัดนะเจ้าคะ อย่าออกไปตากหิมะเลย"เฉียวเหลียนเดินเข้ามาหานางก่อนจะส่งเตาอุ่นมือมาให้ พร้อมกับหาผ้าคลุมมาคลุมกายให้ความอบอุ่นแก่นาง ไป๋เหมยเหม่ยยิ้มให้เฉียวเหลียนคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"ขอบใจเจ้ามาก""วันนี้คนเข้าร้านไม่น้อยเลยเจ้าค่ะ""อืม ดูแลลูกค้าให้ดีเล่า""เจ้าค่ะ"เฉียวเหลียนพยักหน้าก่อนจะกลับไปทำหน้าที่ของตนเอง ไป๋เหมยเหม่ยมองออกไปที่นอกร้าน พบว่ายามนี้หิมะเริ่มตกหนักเ

  • สตรีหม้ายนางนี้ข้าจะเกี้ยวเอง   บทที่ 37 สมคบคิดกบฏ

    จวนตระกูลไป๋ยามนี้ไป๋เหมยเหม่ยกำลังนั่งอยู่ข้างจางเหยียนเหว่ย นางกำมือแน่นไม่รู้จะเอ่ยสิ่งใด ไป๋จินเซียงเล่นถีบประตูห้องโผล่เข้าไปในขณะที่เขาและนางกำลังพลอดรักกัน นางจึงไม่อาจแก้ตัวได้แม่ทัพใหญ่ไป๋จ้องมองจางเหยียนเหว่ยคราหนึ่ง แม้ในใจจะโกรธแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยวาจาใด ทำได้เพียงหันไปกระซิบกับไป๋จินเซียงที่นั่งอยู่ข้างกัน"เจ้าแน่ใจนะว่าท่านอ๋องรังแกนาง ไม่ใช่นางไปฉุดท่านอ๋องหรอกนะ"เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มีหรือเขาจะไม่รู้นิสัยของบุตรสาวตน ไป๋เหมยเหม่ยหากอยากได้สิ่งใดย่อมต้องทำทุกวิถีทางจนได้มาครอบครอง เขาเกรงว่าครั้งนี้นางจะใช้อุบายหลอกจางเหยียนเหว่ยเสียมากกว่าไป๋จินเซียงที่ได้ยินเช่นนั้นก็แทบจะพ่นชาร้อนออกมาจากปาก เขาขมวดคิ้วพร้อมกับทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ย"ข้าก็ไม่แน่ใจขอรับ แต่ตอนที่ข้าเข้าไปก็เห็นอาเหยียนอยู่บน ส่วนเหมยเหม่ย เอ่อ นางนอนอยู่ข้างล่าง สองมือโอบรอบคอของอาเหยียนเอาไว้และส่งเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานเลยขอรับ"แม่ทัพใหญ่ไป๋ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจไม่น้อย ก่อนจะเอ่ย"เจ้ามองเห็นชัดหรือไม่ โอบลำคอแน่หรือ ไม่ใช่รัดคอหรอกนะ!!!"ไป๋จินเซียงที่ถูกบิดาตนเอ่ยถามเช่นนั้นก็เร

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status