แชร์

๒ บุรุษผู้ใจดี

ผู้เขียน: วอลจู
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-14 01:57:11

ถึงสภาพของนางจะใบหน้าจะเปรอะเปื้อนสกปรกมากเพียงใดหรืออาภรณ์ขาดรุ่ยร่ายมีคราบเลือดติดแห้งจนส่งกลิ่นเหม็นแสบจมูก ทว่าเฟิ่งหมิงกับไม่แตะต้องหรืออยู่เกี่ยวกับร่างกายของสตรีผู้นี้แม้แต่ปลายนิ้ว

เขาเป็นแพทย์ทหารหน้าที่ของเขาคือรักษาผู้บาดเจ็บให้หายเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นหาใช่หน้าที่ที่ต้องทำ

ขณะเดียวกันนั้นภายในกระโจมหลังนี้กำลังมีบุรุษผู้นี้ยืนกอดอกขมวดคิ้วมุ่นสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้จินหัวเอาแต่ขบคิดว่าสตรีผู้นี้สำคัญจริง ๆ หรือ…เหตุใดถึงนำพากลับมาแล้ว

ทว่ายังไม่ทันข้ามวันก็ทิ้งไว้ข้างหลังส่วนผู้นำกลับมาโดยหายไปทันที

“เจ้าว่านางเป็นเมียกบฏจริงหรือไม่เฟิ่งหมิง” องครักษ์หนุ่มตามด้วยความสงสัย

หากสังเกตดูแล้วถึงใบหน้าของสตรีบนเตียงแม้ในยามนี้จะไม่น่ามองเท่าไหร่นัก แต่กับมีความงามให้เห็นอยู่เจ็ดส่วนเท่านั้น ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้ม คิ้วโก่งดั่งภูเขา ริมฝีปากที่ถึงแม้จะซีดเซียวราวกับซากศพทว่ากับอวบอิ่ม

เฟิ่งหมิงหรี่ตามอง “หาใช่เรื่องของข้าที่ต้องอยากรู้”

ไม่ว่าสตรีผู้นี้จะมีฐานะเป็นอะไรหรือมีความสำคัญมากเพียงใด หน้าที่ของเขาคือต้องรักษานางให้ฟื้นคืนเท่านั้น!

เพียงนึกถึงนัยน์แข็งกร้าวของผู้เป็นนายเมื่อหลายวันก่อนเฟิ่งหมิงพลันขนลุกซู่ จู่ ๆ จึงหันขวับไปมองอีกครั้ง“เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่ตรงนี้ไม่ใช่ตามติดแม่ทัพหลีเป็นเงามิใช่หรือไร”

พอนึกถึงเรื่องนี้จินหัวถอนหายใจเฮือกใหญ่ทันที

สายตาเพ่งมองสตรีบนเตียง “นั่นไงเหตุผลข้า” ก่อนจะ ชี้นิ้วไปยังเมียกบฏด้วยความหดหู่ “แล้วเหตุอันใดข้าต้องเฝ้านาง!”

เฟิ่งหมิงพยักหน้าเข้าใจ

“…..”

จากนั้นถึงเดินมาตบไหล่สหาย “เอาเถอะ! คิดดูว่านางมีความสำคัญมากเพียงไรถึงแม้ท่านแม่ทัพจะไม่อยู่ยังทิ้งเจ้าไว้คอยเฝ้านางไม่ห่าง”

จินหัวกลอกตามองบน กระแทกเสียงไม่พอใจ “เหอะ!”

เฟิ่งหมิงหัวเราะเสียงเย็น

“รักษาชีวิตเจ้าไว้ให้ดีจินหัว อีกไม่นานคงต้องเปลี่ยนจากดูแลผู้เป็นนายต้องมาตามประกอบคุณชายน้อยแทน”

!!!

พอได้ยินประโยคนี้องครักษ์ตกใจแทบเป็นลม “ไม่รู้หรือไรว่าแม่ทัพหลีรังเกียจสตรี” จินหัวแย้ง

“งั้นหรือ” เฟิ่งหมิงตอบก่อนจะปรายตาไม่พอสตรีบนเตียง

“…..”

“แล้วเหตุใดถึงพานางกลับมา?”

ครั้นเมื่อลืมตาขึ้นมา…ลู่อันพลันรู้สึกถึงความปวดร้าวเจ็บไปจนถึงกระดูกจนนัยน์เอ่อคลอด้วยน้ำตา แพขนตาสั่นระริก นางเริ่มหอบหายใจถี่ หัวใจเต้นกระหน่ำเร็วขึ้น ในห้วงของความทรงจำครั้งสุดท้ายนั้นนางกำลังวิงวอนร้องขอชีวิตกับบุรุษผู้หนึ่ง แต่เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ถูกของแหลมแทงเสียแล้วไม่รู้ว่ามาจากทิศทางใด

สายตาของนางพร่ามัว ลู่อันกะพริบตาตั้งสติ

จากนั้นจึงกวาดสายตามองรอบข้างไม่รู้ว่ายามนี้ตัวของนางนั้นกำลังอยู่ในสถานที่เช่นใดกัน

ภายในนี้ล้วนตกแต่งด้วยความเรียบง่าย โต๊ะน้ำชาตัวหนึ่ง เตียงอีกตัวหนึ่งเท่านั้น ทว่าสิ่งที่ทำให้นางต้องเริ่มหวาดกลัวนั้นคือหอกและดาบแหลมคมมากมายที่เรียงรายเป็นระเบียบ

ต้องเป็นกระโจมของหัวหน้าพวกกบฏแน่!

นางไม่อยากตกเป็นสตรีบำเรอของพวกคนชั่ว!

ด้วยสัญชาตญาณลู่อันลุกขึ้นจากเตียงด้วยความเร่งรีบ ความเจ็บปวดจากบาดแผลจึงแผ่ซ่านกระจายไปทั่วตัวอีกครั้ง จนต้องนอนลงดังเดิม ใบหน้าคนงามเหยเกด้วยความเจ็บ

“ฟื้นแล้วหรือ”

!!!

แย่แล้ว!

ความคิดของนางเป็นจริงไม่มีผิดเพี้ยน จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงทุ้มของบุรุษดังอยู่ไม่ห่าง

ลู่อันโอดครวญในใก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง จากนั้นจึงปรากฏร่างของบุรุษหล่อเหล่าผู้หนึ่งอยู่ตรงหน้า “ปล่อยข้าไปเถอะ” นางยังไม่อยากเป็นสตรีของผู้ใด

“ตื่นมาก็จำข้าไม่ได้แล้วงั้นหรือ”

เหตุใดน้ำเสียงนี้ฟังแล้วคุ้นหูนัก

บุรุษผู้นั้นช่วยนาง?

“ท่าน!” แท้จริงแล้วก็เป็นคนใจดีผู้นี้ แม้ถ้อยคำในครานั้นที่นางได้ยินจะโหดเหี้ยมเพียงใดก็ตามสุดท้ายแล้วเขาช่วยนางไว้

หลีหลงเว่ยยื่นอยู่หน้ากระโจม สายตายังคงจับจ้องเรือนร่างของสตรีผู้นั้นไม่มีจิตใจจะเข้าไปช่วย “หากไม่ข้าแล้วจะเป็นผู้ใด” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นนิ่ง ๆ ก่อนจะหยุดอยู่ข้างเตียง

“…..”

น้ำเสียงแห้งเหือดผู้ขึ้น “ขอบคุณ..”

หลีหลงเว่ยไม่ได้ต้องการคำเอ่ยขอบคุณ ทั้งชีวิตนี้เขาล้วนได้รับมันมามากพอแล้ว

“ข้าช่วยชีวิตเจ้าให้รอดพ้นจากความตาย แล้วแม่นางมีอันใดจะตอบแทนข้าหรือ” มุมปากหนาหยักยิ้มเจ้าเลห่

แต่ถึงแบบนั้นในใจของหลีหลงเว่ยก็ยังคงไม่ชมชอบสตรี ซ้ำนางยังอยู่ห่างไกลจากความงามในความคิดของแม่ทัพหนุ่ม

ลู่อันมองตาปริบ ๆ ไม่รู้จะเอ่ยอันใด เกิดควาทรู้สึกระอักกระอ่วนในใจ “ท่านต้องการให้ข้าทำสิ่งใดตอบแทนเล่า” รอยยิ้มเจื่อน ๆ ปรากฏบนใบหน้าน

ทั่วทั้งใต้หล้านี้นางโดดเดี่ยวไร้คนข้างกาย ไม่ว่าจะครอบครัวหรือพี่น้อง…ย่อมบาดเจ็บล้มตายไปหมดสิ้น มีคนช่วยชีวิตไว้ก็ดีมากแล้ว

“ขออภัยขอรับ!”

น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยขึ้นของคนผู้หนึ่ง เฟิ่งหมิงเร่งปรี่พุ่งตรงเข้ามาไม่คาดคิดว่าจะพบเจอแม่ทัพหลีหรือขัดจังหวะของคนทั้งคู่ซ้ำยังไม่รู้จะต้องใจสิ่งใดก่อน เมื่อพบว่าสตรีที่เขารักษามาอย่างยากลำบากฟื้นคืนชีพแล้ว

หลีหลงเว่ยปรายตามอง “ฝีมือไม่เลว” แม่ทัพหนุ่มออกปากชมแพทย์ทหารของตน

เฟิ่งหมิงคนผู้นี้นับว่าเป็นทายาทสายตรงของท่านหมอที่เขารู้จักมาเนิ่นนานและฝีย่อมเทียบเคียงเสมือนเป็นคน ๆ เดียว “เกรงว่าผู้ตาเฒ่านั้นคงภูมิใจในตัวเจ้าไม่น้อย” หลีหลงเว่ยผู้ขึ้น

“แต่ข้าชอบดื่มสุรามากกว่ารักษาผู้คน” เฟิ่งหมิงตอบ

!!!

ลู่อันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ ๆ บุรุษแปลกหน้าก็พลันโน้มตัวเข้าใกล้ชิดนางเพียงนี้

“ขออภัยแต่ข้าเป็นหมอที่รักษาแม่นาง” เฟิ่งหมิง

“….” หลายครั้งหลายคราที่นางรอดมาได้ไม่ถูกจับไปเป็นสตรีบำเรอของพวกเดนทหาร นางจึงรู้สึกไม่ไว้วางใจคนผู้นี้

หลีหลงเว่ยพยักหน้า “คนผู้นั้นรักษาเจ้า”

ลู่อันนางไม่ปริปากอันใด สายตากำลังจ้องมองบุรุษแปลกหน้าผู้นี้ด้วยสายตาแน่นิ่งจนกระทั่งเฟิ่งหมิงตรวจดูบาดแผลเสร็จแล้วจึงขยับกายออกห่าง เอ่ยขอบคุณ “ขอบคุณคุณชาย” นางยกยิ้มเล็กน้อย

สำหรับเฟิ่งหมิงแล้วจะขอบคุณหรือไม่ เขาล้วนทำตามหน้าที่หาได้คิดเล็กคิดน้อย “ล้วนเป็นหน้าที่ของข้า”

สายตาของหลีหลงเว่ยยังคงจดจ้องบริเวณบาดแผลที่เริ่มสมานดีก่อนจะเลื่อนขึ้นไปเล็กน้อย อาภรณ์ของนางขาดรุ่ยร่ายเผยผิวขาวนวลดุจหิมะแรกมองดูแล้วช่างเย้ายวน

“อีกสามสี่วันนางก็หายแล้วขอรับ” เฟิ่งหมิงรายงาน

หลีหลงเว่ยเพียงพยักหน้าเท่านั้น

“ถอดเสื้อผ้าของเจ้าออกซะ!”

ลู่อัน “…..”

เฟิ่งหมิง “…..”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • สตรีหลังจวนของท่านแม่ทัพ   ๑๔ ปรนนิบัติ

    ยามเว่ย (13.00-15.00)หลีหลงเว่ยนั่งอยู่ศาลากลางน้ำบรรยากาศเงียบสงบมีสายลมโชยพัดผ่านมาเบา ๆ เย็นสบาย แม้สายตากำลังจับจ้องม้วนกระดาษในมือแต่จิตใจกับล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว“ว่าอย่างไรหลงเว่ย”“สตรีบรรณาการ” เขาเลิกคิ้วถามพร้อมกับเงยหน้ามองบุรุษตรงหน้าเชิงคำถามว่านี้คงไม่ผิดเพี้ยนกระมัง“เจ้าคิดจะทำอะไรฉีเซียว”ฮ่องเต้หนุ่มรู้สึกทำตัวไม่ถูกนัก “ใช่! สตรีต่างแคว้นบรรณาการสงบศึกทางสงคราม” ว่ากันตามตรงแล้วเขาเผยออกไปไม่หมดเมื่อหลายวันก่อนมีกีฎาฉบับหนึ่งถูกส่งมาทางตอนเหนือของแคว้น ฉีฮ่องเต้เพียงแค่เห็นภาพวาดหนึ่งส่งมาพอคลี่ออกมาดูแล้วสตรีผู้นั้นงดงามดังเทพธิดาใบหน้ารอยยิ้มเคลิ้มเคลิบเพ้อฝันไม่รู้ตัวมุมปากเหยียดยิ้ม “บัลลังก์ของเจ้าสั่นคลอนหรือไรกัน ฉีเซียวแต่นั่นช่างประไรไม่ว่าอย่างไรย่อมมีข้าแบกรับไว้” หลีหลงเว่ยเลือกหนทางนี้ตั้งแต่ช่วยเหลือซู่กั๋วกงฉีเซียวสังหารฮ่องเต้องค์ก่อนออกศึกทำสงครามปกป้องความมั่นคง“คิดว่าข้าปกป้องเจ้าไม่ได้แล้วหรือฉีเซียว”ประโยคของบุรุษตรงหน้าทำให้ฮ่องเต้หนุ่มทำตัวไม่ถูกนักเขาปรึกษาเพื่อชั่งน้ำหนักในใจแต่ไหนเลยจะเคว้งคว้างสับสนแทน สายตาเยือกเย็นจ้องมองส

  • สตรีหลังจวนของท่านแม่ทัพ   ๑๓ ห้วงคะนึงหา

    บรรยากาศในยามเช้าตรู่ พระอาทิตย์เริ่มสาดส่องแสง อ่อน ๆ ทะลุผ้าม่านที่พริ้วไสวตามสายลมพัดโชยมาอ่อน ๆ ร่างของคนผู้หนึ่งที่กำลังนอนหลับสบายบนเตียงเริ่มขยับตัวพลิกไปพลิกมาด้วยความรำคาญก่อนที่จะรู้สึกถึงความผิดแปลกลู่อันสะดุ้งตัวตื่นขึ้นเบิกตากว้างตกใจนางหนักเพียงนี้เลย!แรงกอดรัดแน่นช่วงท้องจนรู้สึกอึดอัดแทบหายใจไม่ออก!!!!นางหันหน้ามองซ้ายมองขวาก็จะพบเข้ากับใบหน้าหล่อ คมคายที่แนบชิดกายอยู่ ลู่อันสะดุ้งตกใจอีกครั้งจนต้องรีบผลักออกไม่ทันได้สังเกตให้แน่ชัดว่าเป็นผู้ใด“กรี๊ดดดด!!...” นางหวีดร้องโวยวายสุดเสียงหลีหลงเว่ยค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นช้า ๆ สายตาเต็มไปด้วยความงุนงงไม่เข้าใจ ใบหน้าแฝงความเหนื่อยเต็มส่วน “หุบปากเจ้าหน่อยล่กอันข้ากำลังนอน”หลีหลงเว่ย!ลู่อันเบิกตากว้าด้วยความตกใจแทบขวัญผวาพอเห็นเสี้ยวใบหน้าหล่อ ๆ กระทบกับแสงแดดให้นางเห็นชัด ลู่อันกระจ่างแจ้งในใจทันทีแต่แล้วเหตุใดเขามาอยู่ในห้องของนาง..บนเตียงเดียวกัน มิหนำซ้ำประโยคแรกที่ปริปากขึ้นราวกับไม่มีอันใดแปลก“กับผีน่ะซิ!”นางลุกขึ้นจากเตียงด้วยความรวดเร็ว สถบคำหยาบคายออกมาด้วยตวามโมโห กลายเป็นว่าในตอนนี้นางตื่นเต็มทันทีหลีหลง

  • สตรีหลังจวนของท่านแม่ทัพ   ๑๒ ความโหดร้าย

    ข่าวลือเรื่องถูกโจรบุกปล้นระหว่างทางค้าขายสินค้ามีมายาวนานก่อนจะเกิดสงครามด้วยจนกระทั่งช่วงหนึ่งเดือนก่อนหน้านั้นกลับย่ำแย่ลงไปอีก ไม่ว่าจะกีฏาที่ส่งมาอยู่บ่อยครั้งจนเริ่มเกิดความรำคาญใจฉีฮ่องเต้จึงมอบหมายให้แม่ทัพกล้าอย่างหลีหลงเว่ย ลงมาปราบปรามให้สิ้นซากไม่มีที่ไปที่มาอย่างแน่ชัดมีเพียงข่าวลือเท่านั้น ซ้ำยังไม่พบรายละเอียดมากนัก นี่ไม่ต่างหาเข็มเล่มหนึ่งในทะเลหลีหลงเว่ยใช้เวลาเดินทางขึ้นไปตอนเหนือของแคว้นอยู่หลายวันแต่กลับไม่พบความผิดปกติใด ๆ ระหว่างทางทว่ายิ่งสถานการณ์ยิ่งปกติมากเท่าไหร่กับยิ่งเห็นหางที่โผล่ออกจนปิดไม่มิด ในเมื่อครั้งนี้เงียบเชียบเกินไปมิสู้แสดงตัวอย่างโจ้งแจ้งให้เป็นที่น่าจับตามองไม่ดีกว่าหรือภายหลังส่งจินหัวองครักษ์ข้างกายไปพบนายอำเภอของตำบลคราแรกไม่ยอมเปิดปากเอาแต่ข่มขู่บ่ายเบี่ยงเรื่องความอดทนเช่นนี้ไม่ยากเกินความสามารถของจินหัว บุรุษหนุ่มนำพักอยู่จวนนายอำเภอพูดจาหว่านล้อมอยู่นานถึงสองสามวันก่อนจะได้ความกลับมารายงานผู้เป็นนายนายอำเภอผู้นี้รับสินบนจากโจรป่าตัดสินโทษส่งเมืองหลวงตามคำบอกเล่าของนายอำเภอผู้นั้นแล้วโจรป่ามักดักรอปล้นอยู่บริเวณนี้ หลีหลงเว่ยซุ่

  • สตรีหลังจวนของท่านแม่ทัพ   ๑๑ บุญคุณต้องตอบแทน

    ลู่อันยังไม่เข้าใจกระจ่างแจ้งกับสถานการณ์ตรงหน้า นางกวาดสายตามองจวนหลังนี้มีขนาดใหญ่โตโอ่อ่าด้วยความตกตระลึงเกรงว่าคงร่ำรวยไม่น้อย และหากเทียบกับบ้านของนางเมื่อคราวก่อนแล้วล้วนเป็นบ้านของขอทานให้เมืองหลวงเท่านั้นพอนึกถึงเรื่องราวเช่นนั้นลู่อันพลันรู้สึกจุกออกจนขอบตาร้อนผ่าวอีกครั้งตอนนี้นางไม่มีบ้านให้กลับอีกแล้ว“นี่แม่บ้านอิ๋น” จินหัวปรายสายตามองสตรีข้างกายที่จิตใจล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พลางกระซิบกระซาบกับหญิงวัยกลางคนตรงหน้า “นางสติไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักแม่บ้านอิ๋น”แม่บ้านอิ๋นได้ยินเช่นนั้นจึงยกมือทาบอกตกใจ“ข้าไม่ได้หูหนวก” ลู่อันตั้งสติ หันขวับจ้องเขม่ง“เอาล่ะข้าไม่ได้มีเวลาว่างมาเล่นกับเจ้าทั้งวันนี้” จินหัว ทอดถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “แม่บ้านอิ๋นนี่คือลู่อัน”“…..” แม่บ้านอิ๋นโน้มศีรษะเล็กน้อย สายตาของนางกำลังจ้องมองสังเกตสตรีตรงหน้า ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มหรือรูปร่างอรชรเห็นส่วนโค้งส่วนเว้า…ทว่าคนผู้นี้หรือจะมาเป็นบ่าวรับใช้ได้แม่บ้านอิ๋นเผลอขมวดคิ้วมองอย่างมิไม่มิด“…..” นางมองด้วยความไม่เข้าใจ มีอะไรผิดแปลกหรือ?เขายังคงพูดไม่จบ “สาวเจ้า! นี่คือแม่บ้านอิ๋น”ลู่อันพยักเข้าใจแ

  • สตรีหลังจวนของท่านแม่ทัพ   ๑๐ แม่ทัพหลีหัวแตก

    ท่ามกลางบรรยากาศความเงียบสงบของศาลากลางน้ำ ฮ่องเต้หนุ่มนั่งอย่างสง่าผ่าเผย สายลมที่พักดโชยมาเบา ๆ พร้อมกับแสงแดดยามบ่ายที่สาดส่องกระทบใบหน้าของฉีฮ่องเต้ เมื่อมองดูจากระยะไกลแล้วความหล่อเหล่านั้นไม่ต่างจากเทพเซียนผู้หนึ่งม้วนกระดาษหลายม้วนถูกวางเรียงรายจนเต็มโต๊ะ ภายในนั้นมีคำกล่าวรายงานเต็มหนากระดาษด้วยตัวอักษรเล็ก ๆ ฉีฮ่องเต้มีใบหน้าตึงเตรียดหม่นหมองสามส่วนสายตาของฮ่องเต้หนุ่มกำลังจดจ้องอ่านแต่ระบรรทัดอย่างละเอียดถีถ้วน ภายในใจเกิดความเบื่อหน่ายในขณะเดียวกันนั้นฉีฮ่องเต้กำลังจดจ้องมองม้วนกระดาษอย่างไม่ลดละสายตา เสียงฝีเท้าของผู้หนึ่งเดินเข้ามาอย่างแผ่วเบาและมั่นคงสายตาแข็งกร้าวของหลีหลงเว่ยยังคงจับจ้องที่คนผู้นั้น“ข้าตาบอดอยู่หรือไร” น้ำเสียงทุ้มพูดขึ้นดวงตาคมกริบของฮ่องเต้หนุ่มยังคงจับจ้องกีฏาไม่วางตาแต่ทว่ากับรับรู้และสัมผัสได้ว่าคนผู้นั้นหรือหลีหลงเว่ยสหายใน วัยเยาว์ “ไฉนข้าถึงได้กลิ่นสตรีกัน”หลีหลงเว่ยนิ่งเงียบไม่ปริปาก เขาก้มศีรีษะเคารพเล็กน้อยก่อนจะนั่งตรงหน้ากับฮ่องเต้หนุ่ม“…..”“ขันทีเสี่ยวมีสตรีย่างกายเข้ามาในตำหนักของข้างหรือ” ฉีฮ่องเต้เงยหน้าขึ้นปรายสายตาไปตามขันที

  • สตรีหลังจวนของท่านแม่ทัพ   ๙ ร่วมเตียงอีกครั้ง

    เรียวแขนทั้งสองข้างนางถูกตราตรึงไว้เหนือศีรษะ เรือนร่างถูกคร่อมทับด้วยบุรุษตัวโตกว่า ลู่อันไม่มีทางยอมให้เหตุการณ์ซ้ำซ่อนแน่“ปล่อยข้า!” นางโวยวายลู่อันพยายามดีดดิ้นให้เป็นอิสระแต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดหรือจะสู้แรงมหาศาลจากบุรุษซ้ำคนผู้นั้นยังเป็นแม่ทัพกล้า!พอยิ่งเห็นนางโวยวายเท่าไหร่ หลีหลงเว่ยยิ่งสนุกสนาม“ไร้ประโยชน์” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นนิ่ง ๆลู่อันจ้องมองตาขวาง “ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”มุมปากหนาหยักยิ้ม “เจ้าเป็นเมียข้ามิใช่หรือ” หลีหลงเว่ยโน้มใบหน้าเข้าใกล้นางพลางสูดดมกลิ่นหอมจากกายอย่างลุ่มหลงโดยไม่รู้ตัวกลิ่นกายราวกับดอกไม้ผลิบาน“เช่นนั้นก็ทำหน้าที่ของเจ้าเสีย”ใบหน้าของนางขมวดคิ้วมุ่นทันที “ท่านเสียสติไปแล้ว!” ท่าทางของบุรุษตรงหน้าทำเอานางขนลุกซู่นางยอมแลกชีวิตหากต้องอยู่ใต้พันธะการอีกครั้ง!สายตาของแม่ทัพหนุ่มจับจ้องริมฝีปากอวบอิ่มของนางที่พร่ำโวยวายไม่หยุดก่อนจะค่อย ๆ ไล่ต่ำตามลำคอระหงษและหัวไหล่ขาวเนียนอึก!“อ่าาส์!..” ลู่อันสะดุ้งตกใจหลีหลงเว่ยฉ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status