พอหลีหลงเว่ยกลับมาถึงกองทัพท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว
ทั่วทั้งบริเวณค่ายทหารจุดคบเพลิงจนไฟสว่างวาบ ทั่วบริเวณ หน้าประตูค่ายมีนายทหารเวรยามคอยเฝ้าหน้าประตูทางเอาไว้แต่จู่ ๆ พลันได้ยินเสียงควบม้าวิ่งพุ่งตรงมาทางนี้ ด้วยความตื่นตระหนกเกรงว่าเป็นพวกกบฏที่จะลอบกัดบุกรุกยามค่ำคืนจึงตะโกนร้องเรียกเหล่าทหารกล้าเป็นเสียงดังจนมีหลายสิบนายหน้าต่างตื่นวิ่งชักดาบออกมาอย่างเร่งรีบ “เฝ้าระวังให้ดี!” สุ้มเสียงขอคนผู้หนึ่งร้องก้อง ขณะนั้นเองก็ปรากฏแสงสะท้อนจากเสื้อเกราะเงิน สว่างวาบมาไกล ที่แท้เป็นท่านแม่ทัพนี้เอง! เหล่าทหารกล้าจึงถอนหายใจโล่งอก วันนี้ตั้งแต่รุ่งสางจนพระอาทิตย์ตกดินยังไม่ทันจะได้พักก็ต้องหยิบดาบขึ้นมาต่อ สู้อีกแล้ว ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้คงได้พ่ายแพ้แน่ “เดี๋ยวก่อน!” แต่ทว่าจู่ ๆ พอได้ยินเสียงเช่นนี้ เหล่าทหารที่ลดดาบลงไปแล้วกลับต้องยกขึ้นสูงอีกครั้ง สายตานับสิบคู่ต่างเป็นเพ่งมองตรงหน้าเป็นตาเดียวถึงแม้จะคุ้นเคยว่าเป็นท่านแม้ทัพหากแต่ไม่เห็นด้วยตาก็ไม่อาจวางใจได้ ในที่สุดระยะทางที่ไกลโพ้นก็สิ้นสุดลงเสียงที หลีหลงเว่ยปล่อยมือข้างหนึ่งจากยังเหี่ยน ผ่อนแรงควบ ม้าลงก่อนจะเดินมาหยุดลงอยู่ที่หน้ากองทัพท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ “แม่ทัพหลี!” ผู้คนต่างร้อง แต่เป็นอันว่าต้องชะงักอีกครั้ง เมื่อม้าค่อย ๆ เดินเข้าแสงไฟเรื่อย ๆ พลันสังเกตเห็นเงาดำพาดพิงอยู่บนอก จนกระทั่งพอเข้าใกล้แสงไปเรื่อย ๆ จึงปรากฏเรือนร่างสตรีอาบเลือดผู้หนึ่ง จินหัวองครักษ์ข้างกายตกใจจนร่างแข็งทื่อ อ้ำอึ้งพูดไม่ออกสักคำ “ท่าน..แม่ทัพ” มองดูอย่างไรก็เป็นเมียกบฏแน่! “ให้ข้าจับนางไปขังไว้ที่กรง..” “ตามหมอไปที่กระโจมข้า” น้ำเสียงเปี่ยมด้วยอำนาจออกคำสั่งโดนไม่ฟังถ้อนคำก่อนหน้านั้ร ในยามนี้หลีหลงเว่ยไม่สนใจสายตาของผู้คนที่จะมองด้วยความตกใจตะลึงหรือคำถามมากมายก็ตาม สิ่งที่เขากำลังให้ความสนใจในนามนี้คือช่วยเหลือนางให้รอดพ้นจากประตูผี ‘ช่วยข้า…” น้ำเสียงแห้งเหือดอ้อนวอนร้องขอชีวิตของสตรีผู้นี้ยังดังก้องจนเขาไปอาจลืมเลือนไปได้ “ท่านแม่ทัพบาดเจ็บหรือ?” องครักษ์หนุ่มตะโกนถาม เขาจังคงยืนอยู่ที่เดิมราวกับถ้อนคำสั่งเมื่อครู่เป็นเพียงแค่ลมปาก “บัดเดี๋ยวนี้!” น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นความเกรี้ยวกราด สายตาแข็งกร้าวของแม่ทัพหนุ่มสังเกตมองสตรีผู้นี้ไม่ละสายตาก่อนจะพบว่าเลือดนั้นไหลออกมาจนชุ่มอาภรณ์ไปหมดแล้ว เหล่าทหารได้ยินเช่นนั้น จึงฉุกละหุกวิ่งวุ่นตามหาทหารแพทย์โดยด่วนทันที ผู้ใดบ้างอยากจะพบเจอกับมัจจุราชยามโมโหไม่แน่ว่าคงพลั้งมือสังหารผู้ใดได้ จินหัวถาม “เมียกบฏผู้นี้ท่านจับได้มาหรือ” แต่ในแต่ไรมาผู้เป็นนายกระทำทุกอย่างตามใจตนเองโดยไม่ฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ทว่าความสงสัยนี้หากไม่ได้รับการคลี่คลายเกรงว่าจินหัวคงไม่อาจข่มตาหลับลงได้ แม่ทัพหนุ่มไม่คิดจะปริปากอธิบายหรือร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ใด เขาพลันควบม้าเร็วเข้าไปในค่ายทหารโอบอุ้มนางในอ้อมกอดอย่างเบามือเกรงว่าจะบุบสลายไป ใบหน้าคนงามซีดเซียวเสมือนว่านรกได้พรากวิญญาณนางไปแล้ว “เจ้าติดหนี้บุญคุณข้า” หลีหลงเว่ยพูดกับคนไม่ได้สติ จากนั้นจึงกระโดดลงจากหลังท่านพานางเดินกระโจมหายลับไปทันที คงเป็นเพราะอยู่ในสนามรบมานาน เมื่อเห็นบาดแผลที่ถูกแทงเหวอะหวะหรือแม้แต่จะขาดออกจากกันเป็นสองส่วน เฟิ่งหมิงยังคงมีสีหน้าและท่าทางสงบเสงี่ยมไม่ตื่นตะหนก ทันทีที่ได้เรียกตัวรักษาคนบาดเจ็บนั้นทำให้เขาตกตระลึงยิ่งกว่าเห็นผีซะอีก ไม่ใช่หลีหลงเว่ยรังเกียจสตรีมิใช่หรือ? เฟิ่งหมิงเก็บอุปกรณ์ใส่กล่องไม้ “นางปลอดภัยแล้วขอรับ” น้ำเสียงทุ้มเรียบเฉยเอ่ยขึ้น ต่อให้นางจะเจ็บเจียนตายแต่ในเมื่อผู้เป็นนายนำพากลับสมควรต้องรักษายื้อชีวิตไว้ให้ได้ สายตาคมกริบยังคงมองสตรีบนเตียงไม่ปริปาก หลีหลงเว่ย เพียงพยักหน้าเท่านั้น “แน่ใจหรือว่านางจะไม่ตาย” จินหัวหรี่ตามองสตรีบนเตียงเพราะไม่ว่าจะมองดูอย่างไรก็เสมือนร่างที่วิญญาณ หลีหลงเว่ยถอนหายใจ หันหลังไปอีกทาง “นางจะฟื้นเมื่อไหร่” แน่นอนว่าเขาไม่อนุญาติให้นางตาย “ข้ามีหน้าที่เพียงรักษานางหาได้เป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของนางขอรับ” เพียงแค่ฉุดรั้งชีวิตนางกลับคืนมาได้ก็เกินความสามารถของของเขาแล้ว ไหนเลยเฟิ่งหลิงจะสามารถทำให้ นางฟื้นได้ทันที จินหัวหันขวับไปมองสหายตาขวางทันที เพ่ย! เจ้าคนผู้นี้ดูพูดเข้า “ท่านแม่ทัพนำเมียกบฏผู้นี้กลับค่ายมาย่อมมีความ สำคัญแน่” จินหัวยังคงหว่านล้อมถามต้อนเอาคำตอบให้จงได้ แต่ทว่าสายตานั้นกลับหันไปกล่าวท่านหมอหนุ่ม “ช่างประจบประแจง” เฟิ่งหมิงส่ายหน้าเอือมระอา จากนั้นจึงปริปากพูดอีก “แม่ทัพหลีวางใจเถอะ ยามนี้นางปลอดภัยแล้วอีกเพียงสองสามวันคงฟื้นไม่ตายอย่างแน่นอน” เฟิ่งหมิงเป็นคนเที่ยงตรงนึกคิดสิ่งใดย่อมพูดจนหมดเปลือก แม้เขาจะเป็นคนนิสัยเงียบขรึมไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจากและไม่ค้าสมาคมกับผู้ใดแต่รับรองได้ว่ามือการรักษานั้นดุจหมอเทวดา หลีหลงเว่ยขานรับไม่ได้หันไปมอง “อืม” สายตาแข็งกร้าวกำลังจดจ้องคมดาบแหลมคมที่เลอะเต็มไปด้วยคราบเลือดเกินจะคาดเดาได้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ “มีดของเจ้าคมเพียงใดเฟิ่งหมิง” “เพียงแทงคนทีหนึ่งก็ตายแล้วขอรับ” สถานการณ์เช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน แม้จินหัวจะอยู่เคียงข้างหลีหลงเว่ยมาเนิ่นนานหลายปีแต่ไหนเลยจะคุ้นชินกับความเย็นชาจนขนลุกซู่เช่นนี้ มุมปากหนาหยักยิ้ม ก่อนจะเหลียวตัวกลับมาพร้อมทั้งยกปลายดาบชี้หน้าไปยังเฟิ่งหมิง “สตรีผู้นั้นต้องรอด” หมายความอย่างไรกันทั้งท่าทางและคำพูด เฟิ่งหมิงกลับนิ่งเฉยไม่ตื่นตระหนก เขาประสานมือคารวะทีหนึ่งก่อนจะจากไป “หมดหน้าที่ขอข้าแล้ว” จู่ ๆ หลีหลงเว่ยหัวเราะเสียงเย็นราวกับเป็นเรื่องตลก “ข้าแทงนางเอง” !!!!ยามเว่ย (13.00-15.00)หลีหลงเว่ยนั่งอยู่ศาลากลางน้ำบรรยากาศเงียบสงบมีสายลมโชยพัดผ่านมาเบา ๆ เย็นสบาย แม้สายตากำลังจับจ้องม้วนกระดาษในมือแต่จิตใจกับล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว“ว่าอย่างไรหลงเว่ย”“สตรีบรรณาการ” เขาเลิกคิ้วถามพร้อมกับเงยหน้ามองบุรุษตรงหน้าเชิงคำถามว่านี้คงไม่ผิดเพี้ยนกระมัง“เจ้าคิดจะทำอะไรฉีเซียว”ฮ่องเต้หนุ่มรู้สึกทำตัวไม่ถูกนัก “ใช่! สตรีต่างแคว้นบรรณาการสงบศึกทางสงคราม” ว่ากันตามตรงแล้วเขาเผยออกไปไม่หมดเมื่อหลายวันก่อนมีกีฎาฉบับหนึ่งถูกส่งมาทางตอนเหนือของแคว้น ฉีฮ่องเต้เพียงแค่เห็นภาพวาดหนึ่งส่งมาพอคลี่ออกมาดูแล้วสตรีผู้นั้นงดงามดังเทพธิดาใบหน้ารอยยิ้มเคลิ้มเคลิบเพ้อฝันไม่รู้ตัวมุมปากเหยียดยิ้ม “บัลลังก์ของเจ้าสั่นคลอนหรือไรกัน ฉีเซียวแต่นั่นช่างประไรไม่ว่าอย่างไรย่อมมีข้าแบกรับไว้” หลีหลงเว่ยเลือกหนทางนี้ตั้งแต่ช่วยเหลือซู่กั๋วกงฉีเซียวสังหารฮ่องเต้องค์ก่อนออกศึกทำสงครามปกป้องความมั่นคง“คิดว่าข้าปกป้องเจ้าไม่ได้แล้วหรือฉีเซียว”ประโยคของบุรุษตรงหน้าทำให้ฮ่องเต้หนุ่มทำตัวไม่ถูกนักเขาปรึกษาเพื่อชั่งน้ำหนักในใจแต่ไหนเลยจะเคว้งคว้างสับสนแทน สายตาเยือกเย็นจ้องมองส
บรรยากาศในยามเช้าตรู่ พระอาทิตย์เริ่มสาดส่องแสง อ่อน ๆ ทะลุผ้าม่านที่พริ้วไสวตามสายลมพัดโชยมาอ่อน ๆ ร่างของคนผู้หนึ่งที่กำลังนอนหลับสบายบนเตียงเริ่มขยับตัวพลิกไปพลิกมาด้วยความรำคาญก่อนที่จะรู้สึกถึงความผิดแปลกลู่อันสะดุ้งตัวตื่นขึ้นเบิกตากว้างตกใจนางหนักเพียงนี้เลย!แรงกอดรัดแน่นช่วงท้องจนรู้สึกอึดอัดแทบหายใจไม่ออก!!!!นางหันหน้ามองซ้ายมองขวาก็จะพบเข้ากับใบหน้าหล่อ คมคายที่แนบชิดกายอยู่ ลู่อันสะดุ้งตกใจอีกครั้งจนต้องรีบผลักออกไม่ทันได้สังเกตให้แน่ชัดว่าเป็นผู้ใด“กรี๊ดดดด!!...” นางหวีดร้องโวยวายสุดเสียงหลีหลงเว่ยค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นช้า ๆ สายตาเต็มไปด้วยความงุนงงไม่เข้าใจ ใบหน้าแฝงความเหนื่อยเต็มส่วน “หุบปากเจ้าหน่อยล่กอันข้ากำลังนอน”หลีหลงเว่ย!ลู่อันเบิกตากว้าด้วยความตกใจแทบขวัญผวาพอเห็นเสี้ยวใบหน้าหล่อ ๆ กระทบกับแสงแดดให้นางเห็นชัด ลู่อันกระจ่างแจ้งในใจทันทีแต่แล้วเหตุใดเขามาอยู่ในห้องของนาง..บนเตียงเดียวกัน มิหนำซ้ำประโยคแรกที่ปริปากขึ้นราวกับไม่มีอันใดแปลก“กับผีน่ะซิ!”นางลุกขึ้นจากเตียงด้วยความรวดเร็ว สถบคำหยาบคายออกมาด้วยตวามโมโห กลายเป็นว่าในตอนนี้นางตื่นเต็มทันทีหลีหลง
ข่าวลือเรื่องถูกโจรบุกปล้นระหว่างทางค้าขายสินค้ามีมายาวนานก่อนจะเกิดสงครามด้วยจนกระทั่งช่วงหนึ่งเดือนก่อนหน้านั้นกลับย่ำแย่ลงไปอีก ไม่ว่าจะกีฏาที่ส่งมาอยู่บ่อยครั้งจนเริ่มเกิดความรำคาญใจฉีฮ่องเต้จึงมอบหมายให้แม่ทัพกล้าอย่างหลีหลงเว่ย ลงมาปราบปรามให้สิ้นซากไม่มีที่ไปที่มาอย่างแน่ชัดมีเพียงข่าวลือเท่านั้น ซ้ำยังไม่พบรายละเอียดมากนัก นี่ไม่ต่างหาเข็มเล่มหนึ่งในทะเลหลีหลงเว่ยใช้เวลาเดินทางขึ้นไปตอนเหนือของแคว้นอยู่หลายวันแต่กลับไม่พบความผิดปกติใด ๆ ระหว่างทางทว่ายิ่งสถานการณ์ยิ่งปกติมากเท่าไหร่กับยิ่งเห็นหางที่โผล่ออกจนปิดไม่มิด ในเมื่อครั้งนี้เงียบเชียบเกินไปมิสู้แสดงตัวอย่างโจ้งแจ้งให้เป็นที่น่าจับตามองไม่ดีกว่าหรือภายหลังส่งจินหัวองครักษ์ข้างกายไปพบนายอำเภอของตำบลคราแรกไม่ยอมเปิดปากเอาแต่ข่มขู่บ่ายเบี่ยงเรื่องความอดทนเช่นนี้ไม่ยากเกินความสามารถของจินหัว บุรุษหนุ่มนำพักอยู่จวนนายอำเภอพูดจาหว่านล้อมอยู่นานถึงสองสามวันก่อนจะได้ความกลับมารายงานผู้เป็นนายนายอำเภอผู้นี้รับสินบนจากโจรป่าตัดสินโทษส่งเมืองหลวงตามคำบอกเล่าของนายอำเภอผู้นั้นแล้วโจรป่ามักดักรอปล้นอยู่บริเวณนี้ หลีหลงเว่ยซุ่
ลู่อันยังไม่เข้าใจกระจ่างแจ้งกับสถานการณ์ตรงหน้า นางกวาดสายตามองจวนหลังนี้มีขนาดใหญ่โตโอ่อ่าด้วยความตกตระลึงเกรงว่าคงร่ำรวยไม่น้อย และหากเทียบกับบ้านของนางเมื่อคราวก่อนแล้วล้วนเป็นบ้านของขอทานให้เมืองหลวงเท่านั้นพอนึกถึงเรื่องราวเช่นนั้นลู่อันพลันรู้สึกจุกออกจนขอบตาร้อนผ่าวอีกครั้งตอนนี้นางไม่มีบ้านให้กลับอีกแล้ว“นี่แม่บ้านอิ๋น” จินหัวปรายสายตามองสตรีข้างกายที่จิตใจล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พลางกระซิบกระซาบกับหญิงวัยกลางคนตรงหน้า “นางสติไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักแม่บ้านอิ๋น”แม่บ้านอิ๋นได้ยินเช่นนั้นจึงยกมือทาบอกตกใจ“ข้าไม่ได้หูหนวก” ลู่อันตั้งสติ หันขวับจ้องเขม่ง“เอาล่ะข้าไม่ได้มีเวลาว่างมาเล่นกับเจ้าทั้งวันนี้” จินหัว ทอดถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “แม่บ้านอิ๋นนี่คือลู่อัน”“…..” แม่บ้านอิ๋นโน้มศีรษะเล็กน้อย สายตาของนางกำลังจ้องมองสังเกตสตรีตรงหน้า ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มหรือรูปร่างอรชรเห็นส่วนโค้งส่วนเว้า…ทว่าคนผู้นี้หรือจะมาเป็นบ่าวรับใช้ได้แม่บ้านอิ๋นเผลอขมวดคิ้วมองอย่างมิไม่มิด“…..” นางมองด้วยความไม่เข้าใจ มีอะไรผิดแปลกหรือ?เขายังคงพูดไม่จบ “สาวเจ้า! นี่คือแม่บ้านอิ๋น”ลู่อันพยักเข้าใจแ
ท่ามกลางบรรยากาศความเงียบสงบของศาลากลางน้ำ ฮ่องเต้หนุ่มนั่งอย่างสง่าผ่าเผย สายลมที่พักดโชยมาเบา ๆ พร้อมกับแสงแดดยามบ่ายที่สาดส่องกระทบใบหน้าของฉีฮ่องเต้ เมื่อมองดูจากระยะไกลแล้วความหล่อเหล่านั้นไม่ต่างจากเทพเซียนผู้หนึ่งม้วนกระดาษหลายม้วนถูกวางเรียงรายจนเต็มโต๊ะ ภายในนั้นมีคำกล่าวรายงานเต็มหนากระดาษด้วยตัวอักษรเล็ก ๆ ฉีฮ่องเต้มีใบหน้าตึงเตรียดหม่นหมองสามส่วนสายตาของฮ่องเต้หนุ่มกำลังจดจ้องอ่านแต่ระบรรทัดอย่างละเอียดถีถ้วน ภายในใจเกิดความเบื่อหน่ายในขณะเดียวกันนั้นฉีฮ่องเต้กำลังจดจ้องมองม้วนกระดาษอย่างไม่ลดละสายตา เสียงฝีเท้าของผู้หนึ่งเดินเข้ามาอย่างแผ่วเบาและมั่นคงสายตาแข็งกร้าวของหลีหลงเว่ยยังคงจับจ้องที่คนผู้นั้น“ข้าตาบอดอยู่หรือไร” น้ำเสียงทุ้มพูดขึ้นดวงตาคมกริบของฮ่องเต้หนุ่มยังคงจับจ้องกีฏาไม่วางตาแต่ทว่ากับรับรู้และสัมผัสได้ว่าคนผู้นั้นหรือหลีหลงเว่ยสหายใน วัยเยาว์ “ไฉนข้าถึงได้กลิ่นสตรีกัน”หลีหลงเว่ยนิ่งเงียบไม่ปริปาก เขาก้มศีรีษะเคารพเล็กน้อยก่อนจะนั่งตรงหน้ากับฮ่องเต้หนุ่ม“…..”“ขันทีเสี่ยวมีสตรีย่างกายเข้ามาในตำหนักของข้างหรือ” ฉีฮ่องเต้เงยหน้าขึ้นปรายสายตาไปตามขันที
เรียวแขนทั้งสองข้างนางถูกตราตรึงไว้เหนือศีรษะ เรือนร่างถูกคร่อมทับด้วยบุรุษตัวโตกว่า ลู่อันไม่มีทางยอมให้เหตุการณ์ซ้ำซ่อนแน่“ปล่อยข้า!” นางโวยวายลู่อันพยายามดีดดิ้นให้เป็นอิสระแต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดหรือจะสู้แรงมหาศาลจากบุรุษซ้ำคนผู้นั้นยังเป็นแม่ทัพกล้า!พอยิ่งเห็นนางโวยวายเท่าไหร่ หลีหลงเว่ยยิ่งสนุกสนาม“ไร้ประโยชน์” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นนิ่ง ๆลู่อันจ้องมองตาขวาง “ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”มุมปากหนาหยักยิ้ม “เจ้าเป็นเมียข้ามิใช่หรือ” หลีหลงเว่ยโน้มใบหน้าเข้าใกล้นางพลางสูดดมกลิ่นหอมจากกายอย่างลุ่มหลงโดยไม่รู้ตัวกลิ่นกายราวกับดอกไม้ผลิบาน“เช่นนั้นก็ทำหน้าที่ของเจ้าเสีย”ใบหน้าของนางขมวดคิ้วมุ่นทันที “ท่านเสียสติไปแล้ว!” ท่าทางของบุรุษตรงหน้าทำเอานางขนลุกซู่นางยอมแลกชีวิตหากต้องอยู่ใต้พันธะการอีกครั้ง!สายตาของแม่ทัพหนุ่มจับจ้องริมฝีปากอวบอิ่มของนางที่พร่ำโวยวายไม่หยุดก่อนจะค่อย ๆ ไล่ต่ำตามลำคอระหงษและหัวไหล่ขาวเนียนอึก!“อ่าาส์!..” ลู่อันสะดุ้งตกใจหลีหลงเว่ยฉ