แชร์

๓ หลีหลงเว่ย

ผู้เขียน: วอลจู
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-14 01:57:48

ลู่อันได้ยินแล้วจึงตกตระลึงร่างกายแข็งทื่อไม่กระจ่างแจ้ง นัยน์ตากลมโตจดจ้องบุรุษตรงหน้าด้วยท่าทางไม่ไว้วางใจสามส่วน “ข้า..ข้าคิดว่าท่านยังเป็นคนดีผู้หนึ่ง” น้ำเสียงหวานแฝงความผิดหวัง

เป็นนางที่หลงเชื่อคนง่ายไปหรือมองคนไม่ออกกันแน่

“เกรงว่าบาดแผลที่กำลังจะสมานคงแย่ลงขอรับ” เฟิ่งหมิงพูด เขาหาได้จะช่วยเหลือนางแต่ตอนนี้เขากำลังช่วยตนเองต่างหาก

เพียงแค่งานภายในค่ายทหารที่ต้องรักษาคนป่วยไม่เว้นวันก็วุ่นวายพอแล้วไหนเลยจะต้องสละเวลาพักผ่อนร่ำสุรามารักษาสตรีผู้นี้ไม่จบสิ้น

หลีหลงเว่ยหันขวับมอง “ออกไป!” น้ำเสียงทุ้มออกคำสั่ง

“……” เฟิ่งหมิงถอนหายใจ

ผู้มีฐานะต่ำกว่าหรือจะต่อรองได้

ในกระโจมหลังนี้จึงเหลือเพียงนางและบุรุษผู้หน้าเนื้อใจเสือเท่านั้น “ได้โปรดอย่าทำอันใดข้าเลย” ร้องวิงวอนของความเมตตาจากเขาอีกครั้ง

มุมปากหน้าหยักยิ้ม “ข้าไม่เคยบอกว่าตนเองเป็นคนดี”

หลีหลงเว่ยค่อย ๆ ก้าวเท้าตามสตรีตรงหน้าขณะที่นางกำลังเดินถอยหลังหนี “รู้หรือไม่ว่าข้าสังหารคนมานับไม่ถ้วนแล้ว” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาราวกับภาคภูมิใจ

ลู่อันส่ายหน้า ความหวาดกลัวเริ่มกัดกินจิตใจอีกครั้ง

แม่ทัพหนุ่มหัวเราะเสียงเยือกเย็น

พรึ่บ!

เพียงพริบตาเดียวกันนั้น หลีหลงเว่ยพลันคว้าอาภรณ์ผืนหนึ่งจากหีบผ้าโยนใส่สตรีตรงหน้าไม่แรงนัก “ถือว่าเป็นความเมตตาจากข้า” สตรีผู้นี้ไม่รู้หรือไรว่าทั่วทั้งกองทหารเต็มไปด้วยบุรุษไหนเลยจะสวมใส่อาภรณ์ขาดรุ่ยร่ายยั่วยวนบุรุษเพศได้

นางได้แต่มองตาปริบ ๆ ขมวดคิ้วมุ่น

“ว่ากันว่าสตรีเป็นสิ่งที่หายากกว่าทองคำในยามสงคราม”

ลู่อันพยักหน้าเห็นด้วย สองมือกอบผ้าไว้แน่น

“สถานที่แห่งนี้คือค่ายทหารล้วนเต็มไปด้วยบุรุษดิบเถื่อนมากมาย หากเจ้าอยากออกไปล่อลวงหรือปนเปรอคนพวกนั้นย่อมขึ้นอยู่กับเจ้า” หลีหลงเว่ยกล่าวด้วยความรำคาญ

ก่อนที่จู่ ๆ จะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เช่นนั้นก็ดีไม่น้อยบุญคุณช่วยชีวิตเจ้าจะได้ตอบแทน”

ลู่อันเบิกตากว้าง พลางกล่าว “ขอบคุณ! แต่ข้าเพียงแค่อยากตอบแทนบุญคุณท่านที่ช่วยชีวิตข้าไว้เท่านั้น” นางยืนกราดด้วยน้ำเสียงหนักเน้น “งานทุกอย่างข้าล้วนทำได้…” ก่อนจะค่อย ๆ ช้อนสายตามองบุรุษตรงหน้า

“ขอเพียงเรื่องนั้นเกี่ยวข้องกับท่าน”

หลีหลงเว่ยได้ยินแล้วภายในใจพึงพอในคำตอบเหลือเกิน

แม้นิสัยและวาจาแข็งกระด้างแต่ยังคงเป็นคนดี

นั้นความความคิดของนางยามมองบุรุษตรงหน้า

“ตามใจเจ้า” ถือว่าเขายื่นข้อเสนอให้นางแล้ว

ยามค่ำคืนแสงจันทร์ทราลอยเด่นสาดส่องแสงสว่าง บนท้องฟ้าปรากฏแสงระยิบระยับของกลุ่มหมู่ดาวประดับประดาเคียงข้าง

ภายใต้บรรยากาศที่เงียบสงบแต่สายลมพัดผ่านมาเบา ๆ หอบเอาความหนาวเหน็บและกลิ่นคาวเลือดจากสมรภูมิรบพลันให้หวนนึกถึงเสียงร้องโหยหวนและเสียงคมดาบฆ่าฟันกัน

ค่ำคืนนี้ค่ายทหารจึงจัดการดื่มสุราคลายหนาวซ้ำยังปลุกใจเหล่าทหารกล้าที่เริ่มอ่อนแรงลง หวังเพียงว่าสุราแรงจะช่วยลบเลือนความรู้สึกย่ำแน่เหล่านี้ได้

“ดื่ม!”

“แม้สุรารสฝาดยังต่อดื่มต่อไป!”

จินหัวยกสุราไหใหญ่ลุกขึ้นยืน สายตากวาดมองเหล่าทหารกล้าที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าเต็มที “พรุ่งนี้ยังต้องสังหารพวกมันให้หมดสิ้น” หากแต่หน้าที่ของทหารที่ปกป้องแคว้นยังคงต้องทำสงครามไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ชัยชนะสงคราม

“ดื่มหมดไห!”

ภายหลังประโยคปลุกใจเหล่าทหารจึงตะโกนโห่ร้องสนุกสนานพลันคลายความเหนื่อยล้า หลงลืมความคิดถึงบ้านและครอบครัวที่จากมาไกลชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น

ขณะเดียวกันนั้นเอง ตรงตรอกข้างกระโจมมุมลับมุมหนึ่งที่หลีกเลี่ยงสายตาของผู้คนมากมาย ลู่อันโผล่หน้าออกมาลอบสังเกตเมื่อเห็นว่าปลอดภัยจึงออกมาจากกระโจม ทันใดนั้นสายตามองเห็นสบเข้ามาบุรุษผู้นั้นจึงเอ่ยขึ้น“ข้านั่งด้วยได้หรือไม่”

“…..” หลีหลงเว่ยปรายสายตาอมอง

ในเมื่อบุรุษผู้นั้นไม่ตอบและไม่ได้ออกมาขับไล่ ลู่อันจึงถือว่าเขาอนุญาตแล้ว “ข้าชื่อลู่อันไม่มีแซ่” นางระบายยิ้มจาง ๆ ถึงอย่างไรก็สมควรรู้จักกันไว้

นางจึงค่อย ๆ นั่งลงข้าง ๆ ทันใดนั้นก็มีไหสุราหนึ่งยื่นมาตรงหน้าราวกับคาดการไว้แล้ว

“ข้าไม่ดื่ม” นางปฏิเสธ

มุมปากหนาหยักยิ้ม “สุราแรงคลายหนาว” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยออก เขามาหาแต่งเติมเรื่องราวเพื่อต้องการมอมเมานาง

ลู่อันชั่งใจครู่หนึ่งก่อนรับไหสุรามาพลันมองสลับกันกับบุรุษข้างกาย “มีจอกให้ข้าหรือไม่”

นางที่ใช้ชีวิตที่นี้รู้สึกได้อากาศว่าเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว พอเข้าหนาวก็หนาวจึง ๆ จนเย็นสะท้านถึงกระดูกถึงขั้นหากไร้ผ้านวมอุ่น ๆ สักผืนคงได้แข็งกระด้างตาย ลู่อันสูดจมูกทีหนึ่ง

หลีหลงเว่ยตอบ “ไม่มี” เขาเองก็เป็นทหารผู้หนึ่งที่อยู่ท่ามกลางสงครามไหนเลยจะพิถีพิถันในการใช้ชีวิต

“……”

“ไม่ทราบว่าคุณชายชื่อแซ่อะไรหรือ” นางจึงถามประโยคแรกอีกครั้ง

หลีหลงเว่ยไม่ตอบ มองไปทิศทางอื่น “ระวังตัวเจ้าไว้ให้ดี คนพวกนี้ไม่สนว่าเจ้าจะเป็นคุณหนูจากบ้านไหน”

ทันที่ที่ลู่อันมองตามสายตาคู่นั้นไป นางกลืนน้ำลายอึกใหญ่คำขู่ของเขาทำเอานางหวาดระแวงไม่น้อย

“หากเจ้าอยู่ห่างข้างก็เท่ากับว่าไม่ปลอดภัย”

ดวงตาเมล็ดซิ่งยังคงจ้องมองเหล่าทหารตรงหน้าราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ จากครู่ต่อมาจึงยกไหสุรากระดกดื่มอึกใหญ่ย้อมใจทันที

หลีหลงเว่ยปรายมองด้วยสายตานิ่ง ๆ ยามที่สุราไหลรินออกมาผ่ารลำคอระหงษนั้น…นี้เป็นการจงใจยั่วเย้าเขาใช่หรือไม่

“อึก! อึก!” จนกระทั่งหมดไห

ตั้งแต่เกิดมานางไม่เคยดื่มสุรามาก่อน คราแรกรับรสได้ถึงความขมฝาดทว่าต่อมาจึงเป็นรสหวาน

หลีหลงเว่ยยังมองไม่ลดละสาย

“สุรารสหวาน!” นางหันไปมองบุรุษข้างกาย รอยยิ้มประดับบนใบหน้าถึงดวงตาคู่งาม

“งั้นหรือ?” หลีหลงเว่ยเลิกคิ้ว

ลู่อันพยักหน้า “มีอีกหรือไม่” เมื่อได้ลิ้มลองแล้วย่อมไม่อาจยับยั้งได้ นางเอนเอียงใบหน้าถามโดยไม่รู้ตัวเลยว่ากระทำเช่นนั้นทำให้น่าเอ็นดูเพียงใด

หลีหลงเว่ยคว้าอีกไหให้นางอีก“ย่อมมีให้เจ้าดื่มจนถึงเช้า”

ใบหน้าคนงามเริ่มเห่อร้อนด้วยฤทธิ์สุราจนขค้นสีแดงระเรื่อร่างกายพลันรับรู้ได้ถึงความอุ่นซ่าที่แผ่กระจายทั่วร่างทันที

นางยกถาม “ไหนี้ยกให้ข้าใช่หรือไม่” จู่ ๆ นางก็กลายเป็นพวกขาดสุราไม่ได้แล้วหรือ

“…..” สายตาคมกริบยังคงจดจ้องใบหน้าคนงามไม่วางตา

“หลีหลงเว่ย” ลู่อันถามอีกครั้ง

หลีหลงเว่ยได้สติจึงพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางจึงยกยิ้มพึงพอใจทันที

“สุราไหนี้สำคัญกว่าข้างั้นหรือ”

“ใช่!”

ดวงตากลมโตเสมือนกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง ลิ้มฝีปากอวบอิ่มที่พร่ำพูดไม่หยุด “ข้าขอชิมได้หรือไม่”

แน่นอนว่าย่อมได้!

นางพยักหน้าตอบพร้อมยื่นไหสุราให้

ทว่าสายตาของแม่ทัพหนุ่มกำลังจดมองริมฝีปากจองนางไม่กระพริบตาด้วยความรู้สึกหื่นนกระหาย

เขามิได้อยากดื่มสุราจากไห

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจู่ ๆ หลีหลงเว่ยถึงต้องการทำเช่นนี้ เมื่อสตรีตรงหน้าพยักหน้ายืนยัน ฝ่ามือหนาจึงรั้งท้ายทอยนางไว้โน้มหน้าประกบจูบทันที

สุราแรงรสขมปี๋แต่พอชิมจากปากนางเช่นนี้กลับหวานไม่น้อย

หลีหลงเว่ยพึงพอใจ “อื้ม!”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • สตรีหลังจวนของท่านแม่ทัพ   ๑๔ ปรนนิบัติ

    ยามเว่ย (13.00-15.00)หลีหลงเว่ยนั่งอยู่ศาลากลางน้ำบรรยากาศเงียบสงบมีสายลมโชยพัดผ่านมาเบา ๆ เย็นสบาย แม้สายตากำลังจับจ้องม้วนกระดาษในมือแต่จิตใจกับล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว“ว่าอย่างไรหลงเว่ย”“สตรีบรรณาการ” เขาเลิกคิ้วถามพร้อมกับเงยหน้ามองบุรุษตรงหน้าเชิงคำถามว่านี้คงไม่ผิดเพี้ยนกระมัง“เจ้าคิดจะทำอะไรฉีเซียว”ฮ่องเต้หนุ่มรู้สึกทำตัวไม่ถูกนัก “ใช่! สตรีต่างแคว้นบรรณาการสงบศึกทางสงคราม” ว่ากันตามตรงแล้วเขาเผยออกไปไม่หมดเมื่อหลายวันก่อนมีกีฎาฉบับหนึ่งถูกส่งมาทางตอนเหนือของแคว้น ฉีฮ่องเต้เพียงแค่เห็นภาพวาดหนึ่งส่งมาพอคลี่ออกมาดูแล้วสตรีผู้นั้นงดงามดังเทพธิดาใบหน้ารอยยิ้มเคลิ้มเคลิบเพ้อฝันไม่รู้ตัวมุมปากเหยียดยิ้ม “บัลลังก์ของเจ้าสั่นคลอนหรือไรกัน ฉีเซียวแต่นั่นช่างประไรไม่ว่าอย่างไรย่อมมีข้าแบกรับไว้” หลีหลงเว่ยเลือกหนทางนี้ตั้งแต่ช่วยเหลือซู่กั๋วกงฉีเซียวสังหารฮ่องเต้องค์ก่อนออกศึกทำสงครามปกป้องความมั่นคง“คิดว่าข้าปกป้องเจ้าไม่ได้แล้วหรือฉีเซียว”ประโยคของบุรุษตรงหน้าทำให้ฮ่องเต้หนุ่มทำตัวไม่ถูกนักเขาปรึกษาเพื่อชั่งน้ำหนักในใจแต่ไหนเลยจะเคว้งคว้างสับสนแทน สายตาเยือกเย็นจ้องมองส

  • สตรีหลังจวนของท่านแม่ทัพ   ๑๓ ห้วงคะนึงหา

    บรรยากาศในยามเช้าตรู่ พระอาทิตย์เริ่มสาดส่องแสง อ่อน ๆ ทะลุผ้าม่านที่พริ้วไสวตามสายลมพัดโชยมาอ่อน ๆ ร่างของคนผู้หนึ่งที่กำลังนอนหลับสบายบนเตียงเริ่มขยับตัวพลิกไปพลิกมาด้วยความรำคาญก่อนที่จะรู้สึกถึงความผิดแปลกลู่อันสะดุ้งตัวตื่นขึ้นเบิกตากว้างตกใจนางหนักเพียงนี้เลย!แรงกอดรัดแน่นช่วงท้องจนรู้สึกอึดอัดแทบหายใจไม่ออก!!!!นางหันหน้ามองซ้ายมองขวาก็จะพบเข้ากับใบหน้าหล่อ คมคายที่แนบชิดกายอยู่ ลู่อันสะดุ้งตกใจอีกครั้งจนต้องรีบผลักออกไม่ทันได้สังเกตให้แน่ชัดว่าเป็นผู้ใด“กรี๊ดดดด!!...” นางหวีดร้องโวยวายสุดเสียงหลีหลงเว่ยค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นช้า ๆ สายตาเต็มไปด้วยความงุนงงไม่เข้าใจ ใบหน้าแฝงความเหนื่อยเต็มส่วน “หุบปากเจ้าหน่อยล่กอันข้ากำลังนอน”หลีหลงเว่ย!ลู่อันเบิกตากว้าด้วยความตกใจแทบขวัญผวาพอเห็นเสี้ยวใบหน้าหล่อ ๆ กระทบกับแสงแดดให้นางเห็นชัด ลู่อันกระจ่างแจ้งในใจทันทีแต่แล้วเหตุใดเขามาอยู่ในห้องของนาง..บนเตียงเดียวกัน มิหนำซ้ำประโยคแรกที่ปริปากขึ้นราวกับไม่มีอันใดแปลก“กับผีน่ะซิ!”นางลุกขึ้นจากเตียงด้วยความรวดเร็ว สถบคำหยาบคายออกมาด้วยตวามโมโห กลายเป็นว่าในตอนนี้นางตื่นเต็มทันทีหลีหลง

  • สตรีหลังจวนของท่านแม่ทัพ   ๑๒ ความโหดร้าย

    ข่าวลือเรื่องถูกโจรบุกปล้นระหว่างทางค้าขายสินค้ามีมายาวนานก่อนจะเกิดสงครามด้วยจนกระทั่งช่วงหนึ่งเดือนก่อนหน้านั้นกลับย่ำแย่ลงไปอีก ไม่ว่าจะกีฏาที่ส่งมาอยู่บ่อยครั้งจนเริ่มเกิดความรำคาญใจฉีฮ่องเต้จึงมอบหมายให้แม่ทัพกล้าอย่างหลีหลงเว่ย ลงมาปราบปรามให้สิ้นซากไม่มีที่ไปที่มาอย่างแน่ชัดมีเพียงข่าวลือเท่านั้น ซ้ำยังไม่พบรายละเอียดมากนัก นี่ไม่ต่างหาเข็มเล่มหนึ่งในทะเลหลีหลงเว่ยใช้เวลาเดินทางขึ้นไปตอนเหนือของแคว้นอยู่หลายวันแต่กลับไม่พบความผิดปกติใด ๆ ระหว่างทางทว่ายิ่งสถานการณ์ยิ่งปกติมากเท่าไหร่กับยิ่งเห็นหางที่โผล่ออกจนปิดไม่มิด ในเมื่อครั้งนี้เงียบเชียบเกินไปมิสู้แสดงตัวอย่างโจ้งแจ้งให้เป็นที่น่าจับตามองไม่ดีกว่าหรือภายหลังส่งจินหัวองครักษ์ข้างกายไปพบนายอำเภอของตำบลคราแรกไม่ยอมเปิดปากเอาแต่ข่มขู่บ่ายเบี่ยงเรื่องความอดทนเช่นนี้ไม่ยากเกินความสามารถของจินหัว บุรุษหนุ่มนำพักอยู่จวนนายอำเภอพูดจาหว่านล้อมอยู่นานถึงสองสามวันก่อนจะได้ความกลับมารายงานผู้เป็นนายนายอำเภอผู้นี้รับสินบนจากโจรป่าตัดสินโทษส่งเมืองหลวงตามคำบอกเล่าของนายอำเภอผู้นั้นแล้วโจรป่ามักดักรอปล้นอยู่บริเวณนี้ หลีหลงเว่ยซุ่

  • สตรีหลังจวนของท่านแม่ทัพ   ๑๑ บุญคุณต้องตอบแทน

    ลู่อันยังไม่เข้าใจกระจ่างแจ้งกับสถานการณ์ตรงหน้า นางกวาดสายตามองจวนหลังนี้มีขนาดใหญ่โตโอ่อ่าด้วยความตกตระลึงเกรงว่าคงร่ำรวยไม่น้อย และหากเทียบกับบ้านของนางเมื่อคราวก่อนแล้วล้วนเป็นบ้านของขอทานให้เมืองหลวงเท่านั้นพอนึกถึงเรื่องราวเช่นนั้นลู่อันพลันรู้สึกจุกออกจนขอบตาร้อนผ่าวอีกครั้งตอนนี้นางไม่มีบ้านให้กลับอีกแล้ว“นี่แม่บ้านอิ๋น” จินหัวปรายสายตามองสตรีข้างกายที่จิตใจล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พลางกระซิบกระซาบกับหญิงวัยกลางคนตรงหน้า “นางสติไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักแม่บ้านอิ๋น”แม่บ้านอิ๋นได้ยินเช่นนั้นจึงยกมือทาบอกตกใจ“ข้าไม่ได้หูหนวก” ลู่อันตั้งสติ หันขวับจ้องเขม่ง“เอาล่ะข้าไม่ได้มีเวลาว่างมาเล่นกับเจ้าทั้งวันนี้” จินหัว ทอดถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “แม่บ้านอิ๋นนี่คือลู่อัน”“…..” แม่บ้านอิ๋นโน้มศีรษะเล็กน้อย สายตาของนางกำลังจ้องมองสังเกตสตรีตรงหน้า ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มหรือรูปร่างอรชรเห็นส่วนโค้งส่วนเว้า…ทว่าคนผู้นี้หรือจะมาเป็นบ่าวรับใช้ได้แม่บ้านอิ๋นเผลอขมวดคิ้วมองอย่างมิไม่มิด“…..” นางมองด้วยความไม่เข้าใจ มีอะไรผิดแปลกหรือ?เขายังคงพูดไม่จบ “สาวเจ้า! นี่คือแม่บ้านอิ๋น”ลู่อันพยักเข้าใจแ

  • สตรีหลังจวนของท่านแม่ทัพ   ๑๐ แม่ทัพหลีหัวแตก

    ท่ามกลางบรรยากาศความเงียบสงบของศาลากลางน้ำ ฮ่องเต้หนุ่มนั่งอย่างสง่าผ่าเผย สายลมที่พักดโชยมาเบา ๆ พร้อมกับแสงแดดยามบ่ายที่สาดส่องกระทบใบหน้าของฉีฮ่องเต้ เมื่อมองดูจากระยะไกลแล้วความหล่อเหล่านั้นไม่ต่างจากเทพเซียนผู้หนึ่งม้วนกระดาษหลายม้วนถูกวางเรียงรายจนเต็มโต๊ะ ภายในนั้นมีคำกล่าวรายงานเต็มหนากระดาษด้วยตัวอักษรเล็ก ๆ ฉีฮ่องเต้มีใบหน้าตึงเตรียดหม่นหมองสามส่วนสายตาของฮ่องเต้หนุ่มกำลังจดจ้องอ่านแต่ระบรรทัดอย่างละเอียดถีถ้วน ภายในใจเกิดความเบื่อหน่ายในขณะเดียวกันนั้นฉีฮ่องเต้กำลังจดจ้องมองม้วนกระดาษอย่างไม่ลดละสายตา เสียงฝีเท้าของผู้หนึ่งเดินเข้ามาอย่างแผ่วเบาและมั่นคงสายตาแข็งกร้าวของหลีหลงเว่ยยังคงจับจ้องที่คนผู้นั้น“ข้าตาบอดอยู่หรือไร” น้ำเสียงทุ้มพูดขึ้นดวงตาคมกริบของฮ่องเต้หนุ่มยังคงจับจ้องกีฏาไม่วางตาแต่ทว่ากับรับรู้และสัมผัสได้ว่าคนผู้นั้นหรือหลีหลงเว่ยสหายใน วัยเยาว์ “ไฉนข้าถึงได้กลิ่นสตรีกัน”หลีหลงเว่ยนิ่งเงียบไม่ปริปาก เขาก้มศีรีษะเคารพเล็กน้อยก่อนจะนั่งตรงหน้ากับฮ่องเต้หนุ่ม“…..”“ขันทีเสี่ยวมีสตรีย่างกายเข้ามาในตำหนักของข้างหรือ” ฉีฮ่องเต้เงยหน้าขึ้นปรายสายตาไปตามขันที

  • สตรีหลังจวนของท่านแม่ทัพ   ๙ ร่วมเตียงอีกครั้ง

    เรียวแขนทั้งสองข้างนางถูกตราตรึงไว้เหนือศีรษะ เรือนร่างถูกคร่อมทับด้วยบุรุษตัวโตกว่า ลู่อันไม่มีทางยอมให้เหตุการณ์ซ้ำซ่อนแน่“ปล่อยข้า!” นางโวยวายลู่อันพยายามดีดดิ้นให้เป็นอิสระแต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดหรือจะสู้แรงมหาศาลจากบุรุษซ้ำคนผู้นั้นยังเป็นแม่ทัพกล้า!พอยิ่งเห็นนางโวยวายเท่าไหร่ หลีหลงเว่ยยิ่งสนุกสนาม“ไร้ประโยชน์” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นนิ่ง ๆลู่อันจ้องมองตาขวาง “ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”มุมปากหนาหยักยิ้ม “เจ้าเป็นเมียข้ามิใช่หรือ” หลีหลงเว่ยโน้มใบหน้าเข้าใกล้นางพลางสูดดมกลิ่นหอมจากกายอย่างลุ่มหลงโดยไม่รู้ตัวกลิ่นกายราวกับดอกไม้ผลิบาน“เช่นนั้นก็ทำหน้าที่ของเจ้าเสีย”ใบหน้าของนางขมวดคิ้วมุ่นทันที “ท่านเสียสติไปแล้ว!” ท่าทางของบุรุษตรงหน้าทำเอานางขนลุกซู่นางยอมแลกชีวิตหากต้องอยู่ใต้พันธะการอีกครั้ง!สายตาของแม่ทัพหนุ่มจับจ้องริมฝีปากอวบอิ่มของนางที่พร่ำโวยวายไม่หยุดก่อนจะค่อย ๆ ไล่ต่ำตามลำคอระหงษและหัวไหล่ขาวเนียนอึก!“อ่าาส์!..” ลู่อันสะดุ้งตกใจหลีหลงเว่ยฉ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status