แสงแดดยามเช้าเริ่มสอดส่องเข้ามาในห้อง ทำให้เห็นร่างเปลือยเปล่าทั้งสอง ที่นอนขยับบดเบียดกันอยู่บนเตียงชัดขึ้น สะโพกหนาก็ยังคงขยับโยกขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง บางครั้งก็เร่งจังหวะ บางครั้งก็ขยับช้าเนิน สลับสับเปลี่ยนกันไป
ริมฝีปากบางขบกัดริมฝีปากหนาอย่างหื่นกระหาย แสดงถึงความปรารถนาที่ไม่อาจห้ามใจได้ ขณะเดียวกันลิ้นร้ายก็ตวัดลากไปมา อย่างเร่าร้อนอยู่ในโพลงปากไม่หยุด เอริคที่ถูกเฟยปรนเปรอให้ยันเช้าอีกครั้ง ก็ได้แต่ส่งเสียงควรญครางอยู่ในลำคออย่างห้ามไม่ได้ เพราะถึงตอนนี้ฤทธิ์ในร่างกาย จะจางหายไปหมดแล้วก็ตาม
...แต่เมื่อเฟยไม่ยอมหยุดการกระทำ บวกกับร่างกายของเขาที่อ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรง เอริคก็มิอาจต่อต้านอีกฝ่ายได้เลย...
“อื้ออ...อื้อออ”
เอริคยกมือทุบอกขาว เพื่อให้คนด้านบนถอนริมฝีปากออก เมื่อเริ่มรู้สึกหายใจไม่ทัน ถึงเขาจะถูกเฟยกดจูบหลายครั้ง จนริมฝีปากเริ่มรู้สึกเจ็บแสบ แต่เอริคก็ไม่เคยชินกับรสจูบของเฟยเลยสักที
“ชอบใช่ไหมครับ” เฟยเงยหน้าขึ้นถามด้วยสายตาหวานเยิ้ม ถึงครั้งนี้ที่เอริคยอมนอนกับเขาก็เพราะจำใจ แต่เขาก็ยังอยากถามว่าอีกฝ่ายจะพูดตอบกลับมายังไง
“ไม่” เอริคปฏิเสธกลับเสียงแข็งอย่างไม่ยอมรับ ถึงแม้ว่าตอนนี้ด้านหลังของเขา จะถูกแท่งเนื้อของอีกฝ่ายสอดคาอยู่ก็ตาม
“หึหึ ปากแข็งจังเลยนะครับ” เฟยหัวเราะดังออกมาจากลำคอ เมื่อได้ยินคำตอบของเอริค ไม่ชอบอย่างงั้นเหรอ แล้วใครกันนะที่ตอดรัดแท่งเนื้อของเขาไว้แน่น จนแทบหายใจไม่ออกอยู่ตอนนี้
“กู ไม่ ได้...อ่าา อ่าาส์...อย่า ทำร..อย อื้ออ”
เอริคที่กำลังจะเถียงเฟยกลับ แต่พออ้าปากพูดได้ยังไม่ทันจบ เขาก็ต้องเปลี่ยนมาร้องครางแทน เมื่ออยู่ ๆ คนด้านบนก็ก้มลงกัดที่คอของเขาจนเป็นรอยฟัน พร้อมกระทุ้งแท่งเนื้อเข้าใส่อย่างเต็มแรง จนร่างกายของเอริคสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่านไปทั้งตัว
“รู้ไหมว่าคนโกหกจะต้องโดนอะไร” เฟยพูดกระซิบข้างหูเอริคด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
ก่อนจะเริ่มกดสะโพกโยกเข้าออกแรง ๆ อย่างไม่ปรานี คล้ายเป็นการลงโทษคนพูดโกหก ทำให้เสียงเนื้อกระทบกัน กับเสียงร้องครางของเอริคดังขึ้นอีกครั้ง ตับ! ตับ! ตับ!!!
“อ๊าาส์ อ่าาส์”
เอริคที่ถูกกระแทกแท่งร้อนเข้าออกอย่างบ้าคลั่ง ก็เริ่มดิ้นพล่านไม่หยุด ความรู้สึกร้อนผ่าวที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างเมื่อครู่ มันก็กลับคืนสู่ร่างกายของเขาเหมือนเดิม
เอริคโยกขยับขึ้นลงตามแรงกระแทกของเฟย ร่างกายสั่นระริกเมื่อรู้สึกเสียวซ่านมากขึ้นทุกครั้ง ที่สะโพกหนาโยกขยับเข้ามาจนลึก จนทำให้สติของเขาแทบปลิวหายไปในอากาศ
...นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เอริคไม่อยากมีอะไรกับเฟยอีก เพราะเฟยมันเป็นพวกกินไม่รู้จักอิ่ม ทั้งที่พวกเขาทำกันมาตั้งแต่เมื่อคืน จนตอนนี้เช้าอีกวัน เฟยก็ยังไม่มีทีท่าจะหยุดเลยสักนิด แล้วแบบนี้ใครมันจะอยากนอนด้วยอีก...
“อ่าาส์...” เฟยร้องครางดังกระหื่ม หลังจากที่กดกระแทกแท่งเนื้อเข้าไปจนลึกเป็นครั้งสุดท้าย แล้วฉีดพ่นน้ำลาวาอุ่นร้อนเข้าไปในตัวของเอริคอย่างสุขใจ
พอปลดปล่อยน้ำหวานสีขุ่นจนหมดทุกหยด เฟยก็ค่อย ๆ ทิ้งตัวนอนทับเอริคลงไป แต่ก็ยังคงไม่ยอมเอาแท่งเนื้อ ของตัวเองออกจากช่องทางด้านหลัง เพราะกลัวว่าถ้าเอาออกแล้ว มันจะไม่ได้เอาเข้ามาอีก
เฟยนอนฟังเสียงหายใจฟืนฟาดของคนด้านล่างอยู่พักใหญ่ เมื่อรับรู้ถึงการหายใจที่เริ่มช้าลง เขาก็ขยับตัวลุกขึ้นเล็กน้อย เพื่อมองดูใบหน้าแดงร้อนของเอริคแบบชัด ๆ แล้วยกยิ้มขึ้นอย่างถูกใจกับภาพตรงหน้า
“รู้ไหมที่ผมบอกว่าคิดถึงคุณ ผมคิดถึงคุณจริง ๆ นะครับ”
เฟยยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบไล้ใบหน้าของเอริคไปมาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเอ่ยพูดความในใจของตัวเองออกมาเสียงแหบ สายตาก็จ้องมองที่ใบหน้าของเอริคไปด้วย
“หึหึ เห็นกูเป็นสจ๊วตหัวอ่อนของมึงหรือไง”
เอริคพูดว่ากลับไปอย่างหงุดหงิด แวบแรกเขาก็รู้สึกใจสั่นขึ้นมานิดน้อย แต่อยู่ ๆ ภาพตอนที่เฟยพูดหยอกล้อกับสจ๊วตก็ไหลเข้ามาในหัว คิดว่าเขาจะหัวอ่อนเชื่อคำพูดหวานหูพวกนี้ง่าย ๆ หรือไง
“งั้นเดี๋ยวผมจะพิสูจน์ให้คุณดู ว่าผมคิดถึงคุณมากขนาดไหน” เฟยกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น ก่อนจะจับขาทั้งสองข้างของเอริค พาดขึ้นวางบนบ่าของตัวเอง แล้วเริ่มขยับสะโพกกระแทกแท่งเนื้อเข้าออก เพื่อบรรเลงเพลงรักครั้งใหม่ต่อไม่พัก
“เด..เดี๋ยว อ๊ะ ลึก เกิน ไปแล้ว ไอ้เฟย! อื้ออ อ่าาส์”
เอริคกรีดร้องขึ้นทันที ที่เฟยกดสะโพกกระแทกเข้ามาจนสุด เขารีบยกมือขึ้นดันหน้าท้องของคนด้านบนเอาไว้ เพื่อให้หยุดกระแทกเข้ามา เพราะตอนนี้เขาเริ่มทนรับความทรมานที่เฟยมอบให้ไม่ไหวแล้วจริง ๆ
แต่เอริคกลับถูกเฟยจับมือทั้งสองข้างยกขึ้นไว้เหนือหัวแทน เลยทำให้เขาไม่สามารถต่อต้านอะไรได้อีกตามเคย เอริคถูกเฟยมอบความคิดถึงให้จนจุกไปทั่วท้อง เขาร้องควรญครางเสียงดังครั้งแล้วครั้งเล่า จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงเสียงร้องของเอริคถึงเงียบลง พร้อมกับร่างที่ไร้สติที่นอนโยกขยับ ไปตามแรงของคนด้านบนไม่หยุด
********************
แสงอาทิตย์อ่อน ๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนหรู แสงสีทองอุ่น ๆ ทาบลงบนผนังที่เริ่มมืด ทำให้ยังคงมองเห็นคนนอนอยู่บนเตียงได้อย่างชัดเจน เอริคกับเฟยที่บรรเลงเพลงรักกันจนเหน็ดเหนื่อย ทั้งสองหลับใหลอยู่ใต้ผ้าห่มสีขาวอย่างไร้สติ ทำให้ทั่วทั้งห้องปกคลุมไปด้วยความเงียบ
ดวงตาคมคู่คมค่อยกะพริบขึ้นลงช้า ๆ อย่างสะลึมสะลือ เอริครู้สึกร่างทั้งร่างร้าวระบม ปวดเมื่อยไปทั่วทั้งตัว แต่อาการก็ยังแย่ไม่เท่าครั้งแรก ที่ถูกเฟยจับกิน เอริคพยายามตั้งสติมองซ้ายมองขวาดูรอบ ๆ ห้อง เพื่อมองหาคนที่ทำให้เขาอยู่ในสภาพนี้ เขากลัวเฟยจะหนีไปเหมือนครั้งก่อนอีก...แต่ดูเหมือนครั้งนี้เอริคจะไม่ผิดหวัง เพราะคนหื่นยังคงนอนนิ่งอยู่ข้าง ๆ เขาเหมือนเดิม แถมแขนข้างหนึ่งยังกอดรัดเอวของเขาไว้ ราวกับว่ากลัวเขาจะหนีหายไปไหนซะอย่างงั้น
รอยยิ้มเย็นยะเยือกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเอริคทันที เมื่อเห็นว่าคนข้าง ๆ ยังคงหลับไม่ได้สติ ไอ้เฟย! คราวนี้มึงได้ตายสมใจแน่!!
เอริคกัดฟันกรอดเพื่อข่มความเจ็บปวดของร่างกาย แล้วค่อย ๆ ขยับตัวลงจากเตียง เพื่อไปหยิบปืนของตัวเองที่ตกอยู่บนพื้นห้องจากนั้นก็กลับขึ้นมาบนเตียงอีกครั้ง เฟยที่อยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรเย็น ๆ มาแตะอยู่ที่หน้าผากของตัวเอง เขาเลยลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ อย่างงัวเงีย
...แต่พอเห็นภาพตรงหน้าเฟยก็ต้องตื่นเต็มตา เมื่อที่หน้าผากของตัวเองตอนนี้มีปืนจ่ออยู่ พร้อมกับสายตาเคียดแค้นจ้องมองมาทางตัวเอง...
“หึหึ แบบนี้เขาเรียกว่า เสร็จศึกฆ่าขุนพลหรือเปล่าครับเนี่ย”
เฟยปั่นหน้ายิ้มแล้วค่อย ๆ ยกมือทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นเหนือหัว ก่อนจะเอ่ยพูดเย้าหยอกคนตรงหน้าเล่นอย่างกวน ๆ
“กูก็บอกมึงแล้วไงว่า ถ้ายาหมดฤทธิ์เมื่อไหร่ ตอนนั้นคือวันตายของมึง” เอริคขยับขึ้นนั่งคร่อมตัวของเฟย แล้วจ่อปืนที่กลางหน้าผากของเฟยเพื่อเตรียมยิง
ตอนนี้ร่างกายของเขากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นที่ต้องไว้ชีวิตไอ้จีนหื่นนี่อีก วันนี้เขาจะจัดการทบต้นทบดอก กับสิ่งที่มันทำไว้ให้หมดเลย
“คุณจะฆ่าผมลงจริง ๆ เหรอครับคุณเอริค” เฟยส่งสายตาอ้อนวอนให้เอริค พร้อมเอ่ยพูดเสียงอ่อนออกมา เมื่อเห็นว่าเอริคกำลังทำท่าจะเหนี่ยวไกปืนจริง ๆ
“แล้วทำไมกูจะฆ่ามึงไม่ลง” เอริคยกยิ้มร้ายขึ้น ทำไมเขาจะต้องไว้ชีวิตไอ้คนที่มันข่มขืนตัวเองด้วย
“ถ้าผมตาย แล้วใครจะพาคุณไปขึ้นสวรรค์อีกละครับ” เฟยพูดหยอกต่อ อย่างไม่เกรงกลัวสายตาดุของคนตรงหน้าที่มองมา
เฟยไล่สายตามองเรือนร่างเปลือยเปล่า ของเอริคที่นั่งทับตัวเองอยู่ ผิวขาวเนียนมีแต่รอยแดงช้ำจากปากของเขา พอได้เห็นชัด ๆ แบบนี้ เฟยก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ร่างกายเหมือนมีความร้อนพวยพุ่งไปทั่วทั้งตัวอีกครั้ง
“หึ สวรรค์ หรือ นรก กันแน่” เอริคพูดว่ากลับอย่างไม่ยอมรับ สวรรค์อย่างงั้นเหรอ เขาว่ามันคือนรกชัด ๆ ช่างกล้าพูด
“แต่มันก็เป็นนรกที่ทำให้คุณร้องครางได้ยันเช้าไม่ใช่เหรอครับ” เฟยยิ้มยั่ว ก่อนจะพูดหยอกอีกฝ่ายกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน
แล้วค่อย ๆ ใช้มือทั้งสองข้าง มาลูบไล้ที่ก้มแน่นของเอริคไปมา โดยไม่สนสีหน้าดุกับปืนที่จ่อหน้าผากอยู่ หึหึ บอกว่าเป็นนรก แต่ก็เห็นร้องครางขอให้เขาทำแรง ๆ ทั้งคืนเลยไม่ใช่หรือไง คนอะไรปากแข็งจริง ๆ
“ไอ้เฟย!!” เอริคตะโกนเรียกชื่อคนนอนอยู่ออกมาเสียงดัง เมื่อถูกพูดจี้ใจดำ
เอริคใช้มืออีกข้างปัดมือของเฟยออกให้ห่างตัว ใบหน้าหล่อแดงก่ำขึ้นจนเห็นเส้นเลือดปูดนูน เวลานี้เขาทั้งรู้สึกโกรธทั้งรู้สึกอาย ยิ่งเห็นใบหน้ายิ้มเยอะหยันของเฟย เอริคก็ยิ่งโกรธจัดมากขึ้นกว่าเดิม
“หรือว่าไม่จริงครับ” เฟยถามกลับด้วยสีหน้าท้าทาย
“มันเป็นเพราะฤทธิ์ยาบ้าที่มึงเอาให้กูกินต่างหาก” เอริคพูดปัดไปอย่างไม่ยอมรับ ที่เขามีสภาพเป็นแบบนั้น ก็เพราะยาบ้านั่นต่างหาก เขาไม่ได้ชอบสักหน่อย
“ครับบบ...งั้นคุณเอริคก็ฆ่าผมเลยสิครับ” เฟยตอบเสียงยาวอย่างล้อเลียน ก่อนจะทำท่ายอมแพ้อีกฝ่าย เขาขี้เกียจพูดกับคนปากไม่ตรงกับใจแล้ว
“ไม่ต้องท้า กูทำแน่”
หลังจากเรื่องวุ่นวายทั้งหมดจบลง เจ้าของคาสิโนหน้านิ่งก็ได้ป่าวประกาศ เรื่องความสัมพันธ์ของตัวเองกับอดีตบาร์เทนเดอร์หนุ่ม ให้เพื่อน ๆ และลูกน้องทุกคนได้รับรู้ทั่วกัน ถึงระยะแรก ๆ เอริคจะรู้สึกประหม่าตอนเจอคนอื่นอยู่บ้าง เพราะไม่รู้ว่าใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มให้ตัวเองอยู่นั้น เป็นรอยยิ้มจริงจากใจหรือรอยยิ้มจอมปลอม แต่พอหลัง ๆ มาเอริคก็เริ่มเลิกสนใจสายตาพวกนั้นในที่สุดแล้วเวลานี้เอริครู้สึกโล่งใจมาก ๆ ที่ไม่ต้องคอยโกหกปิดบังเรื่องตัวเองอีก และที่เขารู้สึกดีมากที่สุดของการป่าวประกาศข่าวในครั้งนี้ คือมันทำให้เด็กหนุ่มที่ชอบมาหยอกล้อพูดเล่นกับเฟย ไม่มีใครกล้าเข้ามาพูดเล่นเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เอริครู้สึกชอบเรื่องนี้มาก เพราะเขาจะได้ไม่ต้องคอยระแวง กลัวเฟยอดใจไม่ไหวไปแอบหากินที่อื่นอีกเรือสำราญ-ห้องพัก“นายจำห้องนี้เตียงนี้ได้ไหมเฟย”“จำได้สิครับ ก็ห้อ
หลังจากที่คุณหมอทำแผลให้เฟยเสร็จแล้ว ภายในห้องก็กลับเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง เอริคนั่งเล่นไอแพดอยู่ข้างเตียงของเฟย ส่วนมังกรไซออนกับแซมเซ็นลูกน้องของเอริค ก็นั่งพูดคุยเล่นกันอยู่ที่โซฟาข้าง แล้วอยู่ ๆ สองหนุ่มเพื่อนสนิทเจ้าของห้อง ก็เปลี่ยนมานั่งจ้องมองเพื่อนกับคนบนเตียง แล้วหันกับมาพูดกระซิบกัน เมื่อทั้งสองก็เกิดความสงสัยอะไรบางอย่างในตัวเพื่อนสนิทขึ้นมาแต่จะให้พวกเขาพูดถามเพื่อนออกไปตรง ๆ ความกล้าในตัวมันก็ยังมีไม่พอ เลยได้แต่นั่งสงสัยกันอยู่เงียบ ๆ สองคน“พวกมึงสองคนมีอะไรจะพูดกับกูก็พูดมา นั่งจ้องพวกกูกันอยู่ได้”เอริคสังเกตท่าทางของเพื่อนสนิททั้งสองมาได้สักพัก สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวพูดถามออกไปด้วยความสงสัย ทำเหมือนพวกเขาเป็นผู้ต้องสงสัยทำความผิดอะไรมาซะอย่างงั้น“แล้วมึงล่ะ มีเรื่องอะไรอยากจะสารภาพกับพวกกูหรือเปล่า” พอมังกรได้ยินเอริคพูดเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน ก็ไม่รอช้ารีบถามเรื่องที่ตัวเองรู้สึกสงสัยออกไปทันที
กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยคลุ้งไปทั่วห้องพักฟื้นของผู้ป่วย เมื่อบาดแผลที่ใกล้จะหายดีแล้วของคนไข้ อยู่ ๆ ก็ฉีกมีเลือดไหลออกมาอีกครั้งอย่างไม่มีสาเหตุ เอริคนั่งนิ่งดูคุณหมอกับพยาบาลสาวยืนทำแผลให้เฟยอยู่โซฟาเงียบ ๆ โดยมีสายตาของมังกรกับไซออนแอบมองมาทางเขาเป็นระยะ ๆ แล้วหันไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันอยู่สองคนอย่างมีเลศนัย“ทำแผลเสร็จแล้วครับ เออ...ยังไงหมอก็ขอให้ญาติช่วยระมัดระวังเรื่องการขยับร่างกายของคนไข้ด้วยนะครับ”คุณหมอทำแผลให้เฟยเสร็จก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ก็ได้หันมาพูดกับเอริคที่นั่งอยู่ด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ เพราะถ้าท่านคิดไม่ผิด ที่แผลของคนไข้เปิดมีเลือดออกครั้งนี้ สาเหตุอาจมาจากคนดูแลเป็นต้นเหตุก็ได้นั่นเอง“เออ...ครับ”ใบหน้าของเอริคร้อนฉ่าขึ้นมาอย่างฉับพลัน เมื่อฟังที่คุณหมอพูดบอกจบประโยค เขานิ่งอึ้งพูดอะไรแทบไม่ออก เพราะรู้ดีว่าท่านกำลังจะสื่อถึงเรื่องอะไรแต่เรื่องนี้จะมาบอกเขาฝ่ายเดียวได้ยังไง ก็ในเมื่อไอ้คนท
“เฟย!! นายเป็นอะไร นี่มัน...เลือด!!”เอริคเห็นเฟยร้องออกมาเสียงดัง ก็รีบเข้าไปประคองด้วยความตกใจ พอได้ยินเสียงร้องของเฟยแล้ว มันทำให้เขารู้สึกกังวลและเป็นห่วงมาก เอริคมองสำรวจร่างกายของเฟยอีกรอบ เพื่อให้มั่นใจว่าเฟยไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนจริง ๆ แต่แล้วสายตาของเขาก็ต้องหยุดชะงักค้าง อยู่ที่สะโพกข้างหนึ่งที่เฟยใช้มือปิดไว้ มีน้ำสีแดงสดเริ่มไหลอาบไปทั่วมือ“ผมไม่เป็นไรครั...” เฟยพยายามเก็บสีหน้าความรู้สึกเจ็บเอาไว้ แล้วพูดยิ้ม ๆ กับเอริคออกไป เพื่อไม่ให้คนตรงหน้าเป็นกังวลไปมากกว่านี้ แต่เขายังไม่ทันได้พูดจบประโยค ดวงตาทั้งสองข้างก็เริ่มพร่ามัว แล้วมืดดับลงไปอย่างห้ามไม่ได้“เฟย เฟย เฟย!!!” เอริคร้องเรียกชื่อเฟยออกมาซ้ำ ๆ ด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ ๆ เฟยก็หมดสติไปต่อหน้าตัวเองโรงพยาบาล-หน้าห้องฉุกเฉินหน้าห้องฉุกเฉินที่เต็มไปด้วยญาติผู้ป่วย และพวกคุณ
“หยุดนะคุณชุน!! อย่าทำแบบนี้เลยนะครับ”เสียงร้องโวยวายดังก้องไปทั่วห้องนอน เมื่อบนเตียงกลางห้องเวลานี้ มีชายร่างกายเปลือยเปล่าคนหนึ่ง กำลังพยายามปลุกปล้ำ ก้มหน้าซุกไซร้ซอกคอขาว ของชายหนุ่มที่ถูกมัดนอนอยู่บนเตียงอย่างเร่าร้อน มือทั้งสองข้างของเขาก็ไม่อยู่นิ่ง พยายามถอดดึงเสื้อผ้าของคนนอนอยู่ออกไปด้วยเฟยถูกจู่โจมอย่างหนักโดยที่สามารถปัดป้องอะไรได้เลย เขาพยายามส่ายหน้าไปมาเพื่อหลบริมฝีปากร้าย ที่เข้ามาเล่นงานซอกคอของตัวเอง ปากก็ร้องตะโกนออกมาไม่หยุด หวังว่าจะมีใครสักคนได้ยิน แล้วเข้ามาช่วยเหลือตัวเองจากเหตุการณ์ตอนนี้เฟยพยายามกระชากข้อมือของตัวเองออกจากผ้าหัวเตียงอย่างสุดแรง จนข้อมือทั้งสองข้างเจ็บแสบและเป็นรอยแดง เพื่อจะทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากพันธนาการครั้งนี้ แต่ไม่ว่าเขาจะขยับร่างกายดิ้นหนีสุดแรงยังไง มันก็แทบจะไม่เป็นผลเลยสักนิด ส่วนคนที่นั่งคร่อมอยู่บนตัวของเขา ก็ยังคงพยายามถอดดึงเสื้อผ้าบนตัวของเขาไม่หยุด…หรือว่าครั้งนี้เขาจ
โรงแรมหรูกลางใจเมืองในค่ำคืนที่มืดมิดภายในห้องหรูของโรงแรมห้องหนึ่ง มีชายหนุ่มคนหนึ่งนอนหลับใหลไร้สติอยู่บนเตียง มือทั้งสองข้างถูกพันธนาการด้วยผ้าสีขาวมัดตึงไว้กับหัวเตียง โดยมีดวงตาหวานเยิ้มของชายหนุ่มอีกคน นั่งจ้องมองดูเรือนร่างนั้นอยู่อย่างไม่ละสายตาหลังจากที่จับตัวเฟยขึ้นรถมาได้ ชุนก็ทำให้เฟยสลบแล้วพามาที่ห้องของตัวเอง จากนั้นก็สั่งให้ลูกน้องมัดมือทั้งสองข้างของเฟยผูกติดกับหัวเตียงเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เฟยแผลงฤทธิ์เวลาที่ตื่น ส่วนตัวเองก็นั่งดื่มเหล้ารออยู่ที่โต๊ะข้าง ๆ อย่างใจเย็นชุนอย่างให้ครั้งแรกของตัวเองกับเฟยเป็นเวลาที่ทั้งสองฝ่ายมีสติครบถ้วน เลยไม่คิดจะรีบร้อนทำอะไรเฟยในตอนนี้ เพราะเขายังมีเวลาดื่มด่ำกับความหอมหวานตรงหน้าอีกนาน โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าใครหน้าไหนจะมาขัดขว้างความสุขครั้งนี้ของเขาได้…และแล้วในที่สุดคนบนเตียงก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ เฟยหันมองซ้ายมองขวาดูรอบตัวอย่างงง ๆ เมื่อภาพที่เห็นตร