ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพ่อไม่มีความรักให้แม่เลย แต่พ่อของเขาไม่เคยทำร้ายร่างกายแม่แบบนี้ คงเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น ถึงทำให้พ่อมีอารมณ์ฉุนเฉียว
ที่เขาคิดว่าคงเป็นผู้หญิงคนนั้น ก็เพราะไม่ว่าพ่อจะคว้าใครมา ก็ไม่เคยแสดงกิริยาแบบนี้ออกมาให้เห็น
ชายหนุ่มขับรถออกมาจากบ้าน รถที่เขาใช้เป็นรถสี่ประตูแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เพราะที่ที่เขาอยู่มันเป็นพื้นที่กันดาร เหมือนอย่างที่มกราพูด ไฟฟ้าไม่มี น้ำประปาไม่ถึง ถนนเข้าหมู่บ้านก็ยังเป็นถนนลูกรังอยู่เลย
แต่ก่อนที่จะไปหมู่บ้านนั้น เขาต้องไปที่ที่หนึ่งก่อน ชายหนุ่มใช้เวลาขับรถนานพอสมควรก็มาถึง
"เป็นยังไงบ้าง"
"จะเป็นยังไงล่ะครับ ก็โวยวายอย่างเดียวน่ะสิ ผู้หญิงอะไรด่าเก่งฉิบหาย"
"แล้ว..?" สายตาคมมองเข้าไปในห้อง ซึ่งเป็นบ้านเก่าๆ ได้ยินลูกน้องบอกว่าด่าเก่งแต่ทำไมถึงเงียบจัง
"ผมขอโทษครับ ก็เล่นด่าพ่อด่าแม่ด่าถึงโคตรตระกูลผม"
"ไอ้มะลิมึงอย่าบอกนะว่า!?"
"ไม่ตายหรอกครับ" มะลิโมโหมากก็เลยเอายาสลบใส่ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูก เพื่อทำให้เธอหมดฤทธิ์
..เรามารู้จักมะลิกันบ้าง ใช่แล้วเขาเป็นผู้ชายที่ชื่อมะลิ แถมมีชื่อจริงว่ามะลิซ้อนอีกด้วย มะลิเป็นคนติดตามเขามานานหลายปีแล้ว ทั้งสองถึงไหนถึงกัน
มะลิเป็นคนที่ไม่มีครอบครัว เป็นเด็กวัด เขาสงสารก็เลยเก็บมาเลี้ยง และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมามะลิก็เลยติดตามตัวเขาไปทุกที ไม่เว้นแม้แต่หมู่บ้านกันดารนั้น
"เราจะเดินทางกันคืนนี้ แกอยากจะได้อะไรก็ไปหาซื้อเอา เดี๋ยวทางนี้กูจะเป็นคนดูต่อเอง"
"จริงเหรอครับ" มะลิถึงกับมีรอยยิ้ม เพราะอยากจะไปซื้อของฝากให้กับสาวในหมู่บ้านนั้นอยู่แล้ว
"อย่าไปเถลไถลที่ไหนล่ะ เงินอยู่ในกระเป๋านั่นแหละได้ของแล้วก็รีบกลับ"
"ครับ"
สองชั่วโมงผ่านไป..
"มันใส่ยาเยอะเลยเหรอทำไมป่านนี้ยังไม่ตื่นอีก" ว่าแล้วนิ้วแกร่งก็ยื่นไปแตะจมูกเพื่อเช็คดูว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ไหม
"โอ๊ยย!!" แต่ทันใดนั้นผู้หญิงที่เขาคิดว่านอนหลับก็กัดเข้าที่นิ้วของเขาอย่างแรง
"อืมมม!!" มิลานต้องได้รีบปล่อยเพราะตอนนี้ถูกเขาบีบจมูกไว้
"เป็นคนหรือเป็นหมาวะเนี่ย!!"
"คุณนั่นแหละหมา!!"
"ปากดี"
"ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้เลยนะ! ถ้าไม่งั้น.."
"ถ้าไม่งั้นอะไร"
"คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร"
เขาไม่ตอบแต่สายตาคมมองตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็มองกลับขึ้นมาหยุดอยู่ที่น้องสาว
"แกมองอะไร!" หญิงสาวเริ่มเปลี่ยนสรรพนามการพูด เพราะพูดดีกับคนแบบนี้คงไม่ได้ผลแล้ว
"ไอ้เสี่ยบ้ากามมันชอบเธอตรงไหน"
"เสี่ยบ้ากาม? แกหมายถึงใคร!"
"ก็เสี่ยคนที่เธอทำตัวดี๊ด๊าด้วยไง"
"แล้วแกรู้ไหมเสี่ยที่แกพูดถึงเป็นใคร"
"เป็นใคร"
"ท่านเป็นถึงรัฐมนตรี ถ้าแกไม่อยากตายก็รีบปล่อยฉันไปซะ"
"ใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ ..ชักจะกลัวแล้วสิ"
"ถ้าแกกลัวแกก็ปล่อยฉันไปสิ!"
"ปล่อยไปก็โง่น่ะสิ ยังไม่ได้ชิมเลย ว่าเธอมีดีอะไร ถึงทำให้ท่านรัฐมนตรีหลงใหลได้ขนาดนี้"
"แกหมายความว่ายังไง!" ทีแรกมิลานคิดว่าเขาแค่จะจับเธอมาเรียกค่าไถ่ แต่นี่ไม่ใช่มันต้องการตัวเธออย่างนั้นเหรอ
"แกต้องการเท่าไรบอกมา" หญิงสาวลองเสนอไปก่อนเผื่อว่ามันจะเลือกเงิน
"เธอกล้าเสนอเงินให้ฉันอย่างนั้นเหรอ? ทั้งๆ ที่เธอก็เอาตัวของเธอไปแลกเงินมาไม่ใช่หรือไง"
"ใครจะไปเลวระยำเท่ากับแม่นายล่ะ!" มิลานไม่รู้ว่าจะด่าคำไหนกับผู้ชายที่มองเธอต่ำขนาดนั้น ก็เลยเผลอด่าไปถึงแม่ เหมือนกับด่าลูกน้องของเขา
"เธอว่าอะไรนะ!"
สามเดือนผ่านไปตอนนี้ท้องของมิลานก็เริ่มโตขึ้นจนโผล่พ้นออกมาให้เห็นมากแล้ว"ทำไมกลับบ้านเร็วล่ะคะ" หลายวันมานี้สามีกลับบ้านก่อนเวลาตลอด"ว่าจะไม่ไปทำงานด้วยซ้ำ""ทำไมล่ะ""ก็เป็นห่วงคุณไง ดูสิจะเดินจะนั่งก็ดูลำบากไปหมด" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับประคองภรรยาค่อยๆ นั่งลงที่โซฟา"ฉันอยู่ที่บ้านกับคุณแม่ไม่เห็นมีอะไรต้องน่าเป็นห่วงเลยค่ะ"ถึงแม้ว่าแม่ของเขาจะดูแลเธอเป็นอย่างดี แต่ผู้เป็นสามีก็อดห่วงไม่ได้ เพราะอยากจะดูแลเธอเอง มือหนาลูบไล้หน้าท้องของภรรยาซึ่งตอนนี้เด็กดื้อที่อยู่ในนั้นกำลังดิ้นแรงมาก"เหลืออีกตั้งสี่เดือนกว่า ลูกถึงจะคลอด ถ้าไม่ไปทำงานใครจะดูงานให้ล่ะคะ""ก็ให้ท่านรองประธานดูไปสิ""คุณเสกสรรนะเหรอ""ไอ้เสกมันทำงานเก่งไม่เป็นแบบที่คุณคิดหรอกนะ" ใครจะคิดว่าเสกสรรจะเก่งในการทำงานขนาดนี้ เพราะเคยเห็นแต่สำมะเลเทเมาไปวันวานพอรู้ว่าโปรเจคงานที่ก่อปัญหาในครั้งนั้นเป็นผลงานของเสกสรร เหนือตะวัน และพ่อของมิลานก็มองเสกสรรใหม่ จนตอนนี้ให้ตำแหน่งเขาเป็นถึงท่านรองประธาน เพื่อที่จะมาดูงานช่วยกันอีกแรงแต่เสกสรรจะยอมรับตำแหน่งนั้น ถ้าให้ภรรยาของเขาเป็นเลขาส่วนตัว เพราะทีแรกจั๊กจั่นขอไปทำงานที่แ
เช้าวันต่อมา.."ถ้ามีโอกาส เราจะมาเที่ยวเล่นที่นี่อีกนะ" ประไพเอ่ยพูดขึ้นกับลุงพงษ์และป้าวรรณีที่เดินมาส่งตรงท้ายหมู่บ้านเพื่อจะขึ้นรถไปสนามบิน"เชิญพวกท่านทั้งสองได้เสมอเลยครับ" ลุงพงษ์ตอบกลับไปแบบนอบน้อม"ถ้าเมื่อไรอยากได้ถนน กับไฟฟ้า ให้บอกมาได้ตลอดเลยนะ เดี๋ยวให้คนมาจัดการให้" คำพูดนี้ท่านรัฐมนตรีเป็นคนพูดเอง เพราะถ้าเป็นคำสั่งของท่านคงใช้เวลาไม่นาน"ก็ไอ้หำน่ะสิ..เออ..ขอโทษครับ" ลุงพงษ์เผลอปากเรียกลูกชายท่านว่าหำต่อหน้า"ไม่เป็นไรหรอกครับลุง ลุงถนัดแบบไหนก็พูดแบบนั้นเถอะ" เหนือตะวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ได้พูดให้ลุงคลายกังวล"ลูกหลานมันอยากจะเก็บบรรยากาศแบบนี้ไว้ ก็ทำตามคนที่เขาอยู่อาศัยต่อเถอะครับท่าน" มันยิ่งทำให้ป้าและลุงรักหลานชายคนนี้เพิ่มขึ้น เพราะเขาไม่ใช่คนธรรมดา แต่ยังมาอาศัยอยู่กับพวกท่าน ถือว่าบุญเก่าเคยทำมาร่วมกัน"คุณพ่อกับคุณแม่กลับไปก่อนนะครับ ถ้าพ้นช่วงฮันนีมูนแล้วเดี๋ยวผมจะพาลูกสะใภ้กลับไปหาเอง" เหนือตะวันพูดพร้อมกับเปิดประตูให้ผู้เป็นพ่อกับแม่ได้ขึ้น"ฝากดูแลท่านทั้งสองด้วยนะเสก" เขายังหันไปพูดกับเสกสรรที่กำลังจะขึ้นรถอีกคัน"ได้สิ มึงอย่าลืมนะว่านี่ก็พ่อตาแม่ยายกูเ
"คิดถึง""คะ?" จะตกใจอะไรก่อนดี ระหว่าคำที่ท่านบอกว่าคิดถึง หรือมือที่ท่านยื่นมาโอบกอด สัมผัสแบบนี้ไม่เคยเจอมาเป็นสิบปีแล้ว ถึงแม้เวลามันจะยาวนาน แต่นางก็นับวันนับคืน ว่าเมื่อไรสามีจะหันหน้ากลับมาหา แต่ยิ่งท่านหันหลังให้ก็ยิ่งเดินห่างไกลออกไป วิ่งตามเท่าไรก็ตามไม่ทัน"ท่านไม่สบายหรือเปล่าคะ" ความคิดนี้พุ่งขึ้นมาในหัว ส่วนมากถ้าคนที่เป็นโรคร้าย ชอบจะกลับมาตายรังแบบนี้เสมอ เพราะอีหนูพวกนั้นคงดูแลไม่ได้"ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ""ก็ดูท่านเปลี่ยนไป" นอกจากคำว่าคุณแล้ว ประไพชอบเรียกสามีว่าท่าน เพราะยังไงนางก็อายุน้อยกว่าเป็นสิบปี"ถ้าผมไม่สบายจริง คุณจะดูแลไหม"เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงสะอื้นของภรรยาเก่า พร้อมกับมือที่ขยับขึ้นปาดน้ำตาตัวเองออก"คุณเป็นอะไร" สำราญตกใจ รีบลุกขึ้นนั่ง จะจุดไฟตะเกียงก็ทำไม่ได้แล้วเพราะทำไม่เป็น"คุณป่วยระยะที่เท่าไรแล้วคะ""ระยะที่เท่าไรหมายความว่ายังไง""คุณเป็นมะเร็งใช่ไหม คุณไปหาหมอมาหรือยัง แล้วทำไมคุณไม่รีบกลับมาหาฉัน" สิ้นประโยคคำพูดเสียงสะอื้นของนางก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ที่ประไพคิดแบบนี้ ก็เพราะมีไม่กี่โรคหรอกคนรุ่นราวคราวนี้ที่จะเจอ"ใจเย็นก่อนสิคุณ""ทำไมคุณไม่รี
ในเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านปลายนา..หลังจากร่วมรับประทานอาหารเย็นกันเสร็จแล้ว ลุงพงษ์กับป้าวรรณี และคู่ที่มาฮันนีมูนก็ได้กลับบ้าน ซึ่งปล่อยให้ท่านรัฐมนตรีกับอดีตภรรยาได้อยู่ด้วยกันแค่สองคน ในบ้านหลังที่พ่อและแม่ของมิลานเคยอาศัยอยู่เรามารู้จักกับท่านรัฐมนตรีและภรรยาเก่ากันบ้าง สำราญ ชายวัย 57 ปี แต่รูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้เป็นไปตามอายุเท่าไร เพราะดูแลร่างกายดี ส่วนประไพ ซึ่งอายุน้อยกว่าสามีเก่าถึง 10 ปี ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยในปีนั้นนางก็ได้คว้าดาวมหาวิทยาลัยมาครอง ความสวยของนางก็ยังคงมีอยู่ แต่ด้วยความไม่พอของสามี จึงยังต้องการเด็กสาวเข้ามาเติมเต็ม"คุณนอนได้ไหมล่ะคะ""นอนได้สิ" สำราญพูดพร้อมกับค่อยๆ หย่อนกายมุดเข้าไปในมุ้งแบบลำบากเพราะไม่เคยนอนแบบนี้มาก่อน"หึ..มันก็สรรหาที่มาอยู่นะ""แต่ผัวเมียคู่นั้นก็ดูรักลูกเราดีนะคะ""อืมม..ชีวิตแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบ""คุณนอนไปก่อนเลยนะคะ ฉันจะลงไปเล่นข้างล่าง" ว่าแล้วนางก็แยกตัวลงมาก่อน ..อายุปูนนี้แล้วทำไมหัวใจยังเต้นแรงอยู่อีกควรพอได้แล้วมั้งประไพ เข้าใกล้สามีเก่าแล้วรู้สึกหวั่นไหวจนต้องได้ตำหนิตัวเองพอลงมาถึงข้างล่างนางก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ซึ่งตอนน
"คนเจ้าเล่ห์" ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรเพื่อแลกเปลี่ยน"เจ้าเล่ห์ที่ไหนอยากรู้ความลับก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนกันหน่อยสิ" ใบหน้าหล่อคมขยับเข้ามาใกล้ริมฝีปากบางแบบห้ามใจตัวเองไม่อยู่"ครั้งนี้พี่จะเป็นเหมือนครั้งที่แล้วไหม" หญิงสาวไม่ปฏิเสธแถมเธอยังหลับตาให้ แต่อดที่จะถามออกไปไม่ได้ เพราะกลัวว่าเรื่องแบบเดิมๆ มันจะกลับมาอีกครั้ง"ไม่แล้ว..และพี่จะไม่ขอโทษเราอีก แต่พี่จะทำให้เราเห็น" เสกสรรรู้ดีว่าเธอหมายถึงอะไร ตอนนั้นเขายังคึกคะนองในตัวเอง และเสียดายความโสดของตัวเอง จึงได้พยายามผลักไสเธอออกไป"พี่จะทำอะไรให้ฉันเห็น" ดวงตากลมเปิดขึ้นอีกครั้งเพื่อมองสบตา"ทำให้เห็นว่าพี่รักเราไง"น้ำตาได้ไหลลงมาจากดวงตางามคู่นั้น เธอสัมผัสได้ว่าที่เขาพูดมันออกมาจากใจจริง ไม่เหมือนครั้งก่อนที่เขาต้องการแค่ร่างกายของเธอ"ไม่ร้องนะคนเก่งของพี่" จากที่จะจูบก็เลยได้เปลี่ยนมาเป็นซับน้ำตาให้"ฉันเก่งที่ไหน""เก่งสิ..ถ้าจั๊กจั่นของพี่ไม่เก่งแล้วใครจะเก่งล่ะ" เสกสรรคว้าร่างบางเข้ามากอดไว้"ยังเจ็บอยู่ไหม"หญิงสาวตอบด้วยการส่ายหน้าเบาๆ สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้เธอลืมความเจ็บปวดไปได้ เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะมีความ
"จะ..จะ..จริงเหรอวะ" อัมพรแม่ของจั๊กจั่นไม่ค่อยเชื่อ แต่พอมีคนไปตามก็รีบมาดู"ต่อไปนี้แม่จะไม่ให้ใครทำร้ายหนูได้อีกแล้ว เราจะกลับไปพร้อมกันนะ" ประไพพูดพร้อมกับลูบผมของจั๊กจั่นเบาๆ เพื่อปลอบใจหญิงสาวไม่ตอบแต่เธอพยักหน้าเพราะตื้นตันใจ ขนาดท่านไม่ใช่แม่แท้ๆ ยังเป็นห่วงเธอขนาดนี้"คนนี้บอกว่าเป็นแม่ของคุณจั๊กจั่นครับท่าน" ตำรวจที่ควบคุมสถานการณ์อยู่ข้างนอกได้พาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามา"จั๊กจั่น" อัมพรตกใจที่เห็นลูกสาวอยู่ในอ้อมกอดของใครก็ไม่รู้"คนนี้ใช่ไหม" ประไพถามจั๊กจั่น แต่สายตามองไปที่อัมพร ซึ่งข้างกายของอัมพรก็มีผู้หญิงอีกคนที่รุ่นราวคราวเดียวกับจั๊กจั่นยืนอยู่ด้วยจั๊กจั่นทำได้แค่ส่ายหน้า เพราะเป็นห่วงแม่ ยังไงท่านก็เป็นแม่ที่ให้กำเนิด"บอกแม่มาตามตรง คนนี้ใช่ไหมคือแม่ใจร้ายที่ทำหนู""เกิดอะไรขึ้นน่ะน้า" ตั๊กแตนสะกิดข้างของน้าอัมพร แล้วถามเบาๆ สายตาก็ได้มองไปดูทั่วบริเวณบ้านของเสกสรร ซึ่งตอนนี้ผู้ชายที่แต่งตัวภูมิฐาน ต่างก็ยืนรอบล้อมอยู่แถวนั้น"ท่านนี้คือผู้ใหญ่ที่จะมาสู่ขอจั๊กจั่นให้ผมครับ" เสกสรรซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล ก็เดินเข้ามาแนะนำให้แม่ของจั๊กจั่นได้รู้จัก"ท่านคือ ท่านรัฐมนตรีสำร