ด้านแม่เลี้ยงม่านแก้วที่โทรหาคุณหญิงโสภานั้น เมื่อคนทางโน้นบอกว่าธารทีรากลับมาแล้วก็มองหน้าสามี แล้วพยักหน้าให้เป็นเชิงบอกว่าหลานกลับมาแล้ว
เมื่อรู้แน่ชัดว่าธารทีรากลับมาแล้ว เขาก็ทำมือทำไม้บอกภรรยาว่าจะไปออกไปสั่งลูกน้องให้จัดการหาตั๋วเครื่องบินให้ เพื่อเดินทางไปหาเพื่อนสนิทและหลานสาว
เมื่อคุณหญิงโสภาวางสายโทรศัพท์สายเพื่อนก็เดินเข้ามาในห้องรับแขกที่มีสามีและลูกสาวนั่งคุยกันอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“มีอะไรหรือเปล่าคุณภา เดินยิ้มมาแต่ไกลเลย”
คุณจอห์นถามขึ้น เมื่อเห็นภรรยาเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ ด้วยสีหน้าสดใส
“นั่นสิคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”ธารทีราถามคำเดิมของพ่อ เมื่อแม่เอาแต่ทำท่างทางตื่นเต้นดีใจ และไม่ยอมบอกสักที
“มีสิลูก ก็ลุงสิงหาและป้าม่านแก้วกำลังมากรุงเทพน่ะสิ”
คุณหญิงโสภาบอกลูกสาว แต่กลับหันไปสบตาสามี
“คุณสิงกับคุณม่านมากรุงเทพ มีอะไรหรือเปล่าคุณภา”
คุณจอห์นถามภรรยา เพราะสองสามีภรรยาเพิ่งจะกลับไปเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เอง
“ก็มาหาลูกสาวของเราไงคุณ”
“พวกเขารู้…” คุณจอห์นมองหน้าภรรยาสลับกับลูกสาว
คนสวยของตน“ค่ะ ม่านเขาโทรมาหาฉันเมื่อกี้ ฉันเลยบอกไปว่าลูกเรากลับมาแล้ว”
ด้านคุณจอห์นพยักหน้า พลางทำเสียงรับรู้ในลำคอ “อื้อ”
“จำลุงสิงหากับป้าม่านแก้วได้ไหมลูก” คุณหญิงโสภาหันไปถามลูกสาว
“จำได้ค่ะ”ธารทีราพยักหน้า เพราะเธอคุ้นเคยกับท่านทั้งสองตั้งแต่เด็ก ยิ่งกับแม่เลี้ยงม่านแก้ว เรียกได้ว่าทุกครั้งที่แม่ไปหาเธอที่อเมริกา คุณป้าม่านแก้วก็จะหาเธอด้วย
“ป้าม่านและลุงสิง เขาทั้งสองเอ็นดูและรักหนูมากนะ”
คุณหญิงโสภาพูดถึงสองสามีภรรยาที่รู้จักกันดี ซึ่งพ่อเลี้ยงสิงหานั้นก็เป็นเพื่อนที่สนิทกับคุณจอห์นเช่นกัน
“หนูรู้ค่ะ เพราะไอซ์ก็รักพวกท่านทั้งสองเหมือนกันค่ะ”
เธอเคารพรักท่านทั้งสอง ไม่ต่างจากญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“ดีแล้วลูกแม่” คุณหญิงยกมือลูบศีรษะของลูกสาวด้วยความเอ็นดู
“แล้วพวกเขาจะมาถึงกี่โมงล่ะคุณภา” คุณจอห์นถาม พร้อมก้มมองเวลาบนนาฬิกาที่ใส่อยู่
“เห็นบอกว่าจะมาถึงดอนเมืองประมาณบ่ายสองค่ะ”
คุณหญิงโสภาคำนวณเวลา แล้วบอกสามี
“อื้อ” คุณจอห์นพยักหน้ารับรู้
ด้านคุณหญิงโสภา เมื่อมองดูนาฬิกาที่ติดอยู่ผนังห้องก็อุทานเสียงดังว่า
“ตายแล้ว! นี่จะเที่ยงแล้วเหรอเนี่ย”
“อีกสามสิบนาทีก็เที่ยงแล้ว” คุณจอห์นบอกภรรยา
“ตาย ๆ ไม่ได้แล้ว ฉันต้องเข้าครัวทำอาหารไว้รอพวกเขาเสียแล้ว” คุณหญิงมีท่าทีกระวนกระวาย
“ผมว่าไม่ต้องรีบร้อนหรอกคุณภา กว่าพวกเขาจะมาถึงบ้านก็คงจะห้าหกโมงเย็น ไหนรถจะติดอีก” คุณจอห์นหัวเราะในลำคอ เมื่อเห็นทีท่าลนลานของภรรยา
“ชิ! อย่ามาทำหน้าทะเล้นใส่ฉันนะคุณ” คุณหญิงโสภาโยนค้อนวงใหญ่ใส่สามี เมื่ออีกฝ่ายชอบทำท่าทีทะลึ่งใส่
ด้านธารทีราเอาแต่ยิ้มที่เห็นแม่งอนพ่อ ก่อนจะถามแม่ว่า
“ให้หนูช่วยเป็นลูกมือไหมคะ”
“ดีเลยลูก ไป...เราเข้าครัวกัน แต่…” คุณหญิงลุกขึ้น แล้วหยุดชะงักไป
“อะไรคะคุณแม่” หญิงสาวเอ่ยถาม เมื่อเห็นแม่ยืนมองเธอตาไม่กะพริบ
คุณหญิงนึกขึ้นได้ว่าลูกสาวเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ และต้องปรับตัวให้เข้ากับเวลาของเมืองไทยจึงบอกไปว่า
“แม่ว่าหนูขึ้นไปพักเถอะ ไม่ต้องช่วยแม่ก็ได้ เดี๋ยวแม่จะให้ป้านมช่วยเอง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไอซ์อยากลองเข้าครัวทำอาหารบ้างค่ะ”
เธอยิ้มให้แม่ แล้วรีบลุกขึ้นไปเกาะแขนท่านไว้
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเข้าครัวกัน”
เมื่อคุณหญิงโสภาโดนลูกสาวอ้อนก็ใจอ่อน เพราะทนความขี้อ้อนของลูกสาวไม่ไหว จากนั้นจึงเดินนำหน้าลูกสาวตรงไปยังห้องครัว โดยที่มีสายตาสีเข้มของคุณจอห์นมองตามด้วยความรักที่มีต่อพวกเธอทั้งสอง
บทที่ 17เวลาห้าโมงเย็นที่บ้านของคุณจอห์น เสียงรถเก๋งคันหรูขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ทำให้ทุกคนออกไปต้อนรับ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีธารทีราด้วย และเป็นคุณหญิงโสภาเองที่ดูตื่นเต้นจึงเอ่ยบอกสามีกับลูกสาวว่า“มากันแล้วคุณ”ด้านแม่เลี้ยงม่านแก้วและพ่อเลี้ยงสิงหาที่นั่งอยู่ในรถ เมื่อคนขับรถลงจากรถมาเปิดประตูรถให้ แม่เลี้ยงสาวก็รีบลงจากรถทันที“หนูไอซ์” ทันทีที่เห็นหน้าธารทีราท่านก็รีบเดินเข้าไปหา“คุณป้า” ด้านหญิงสาวก็ไม่ต่างกัน เธอยกมือไหว้แล้วเดินเข้าไปหา พร้อมกับโผเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของแม่เลี้ยงพรึบ!..“กลับมาทั้งที ไม่บอกป้าเลยนะ” แม่เลี้ยงม่านแก้วพูดชิดศีรษะของหลานสาว มือสองข้างลูบแผ่นหลังบางเบา ๆ ด้วยความรักและคิดถึง“ไอซ์กะว่าจะโทรหาคุณป้าอยู่ค่ะ แต่คุณป้ารู้ซะก่อน”ธารทีรารีบแก้ตัวและพูดอ้อนไป เพื่อเอาใจคุณป้าที่เธอเคารพ“นี่ถ้าพี่เขาไม่โทรถาม ป้าก็คงไม่รู้” แม่เลี้ยงม่านแก้วบอก พลางดันหลานสาวให้ออกห่าง เพื่อที่จะได้มองหลานสาวได้ถนัดตาคุณหญิงโสภาที่ยืนยิ้มไม่หุบเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อได้ยินเพื่อนของท่านเอ่ยถึงเขตแดน“ตาดินโทรหาเธอเหรอ”“ก็ใช่น่ะสิ” แม่เลี้ยงม่านแก้วหันไปสบตาเพื่อ
บทที่ 18 เมื่อเห็นทุกคนเป็นกังวล คุณจอห์นจึงพูดขึ้นว่า“ทุกคนอย่าห่วงเลย ตอนนี้ตาซีลจัดการพวกนั้นแล้ว แต่ยังสืบไม่ได้ว่าเป็นใครก็เท่านั้นเอง”“อย่าประมาทนะ เดี๋ยวฉันให้ดินช่วยด้วยอีกแรง” พ่อเลี้ยงสิงหาเอ่ยเตือน เพราะไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมาจึงคิดจะให้ลูกชายมาช่วยอีกแรง“แต่ตาดิน…” เมื่อพูดถึงลูกชายเพื่อน คุณหญิงก็มีสีหน้าลังเลเล็กน้อย“ไม่ต้องห่วงหรอก ดินทำได้แน่” พ่อเลี้ยงสิงหายืนยันที่จะให้ลูกชายเข้ามาช่วยดูแลธารทีรา“แต่ว่าตาดินเริ่มจะสงสัยแล้วนะ” แม่เลี้ยงม่านแก้วก็กังวลเช่นกัน“สงสัยอะไรม่าน” คุณหญิงโสภาหันไปถามเพื่อนรัก“ก็เมื่อเช้าตาดินโทรมาถามฉัน เกี่ยวกับเรื่องของหนูไอซ์น่ะสิ”“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงเรื่องนี้ก็ปิดไว้ได้ไม่นาน สักวันเขาก็ต้องรู้”คุณจอห์นพูดพลางถอนหายใจออกมาหลายครั้ง“นั่นสินะ” พ่อเลี้ยงสิงหาเห็นด้วย เพราะความลับไม่เคยมีในโลก“แต่ตอนนี้ความปลอดภัยหนูไอซ์สำคัญที่สุดค่ะ” แม่เลี้ยงม่านแก้วพูดย้ำถึงเรื่องความปลอดภัยของธารทีรา ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย“แล้วนี่หนูไอซ์จะกลับมาอยู่ที่นี่ถาวรเลยเหรอ” แม่เลี้ยงถาม พร้อมมองหน้าเพื่อนและมองหน้าของสามีสลับกันไปมา
บทที่ 19เวลาทุ่มหนึ่งที่บ้านของคุณจอห์น เขตแดนขับรถตามรถของเพื่อนรักเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้าน จากนั้นก็เดินลงจากรถ พร้อมกับเดินตามหนึ่งนทีเข้าไปในจังหวะที่ทั้งคู่กำลังเปลี่ยนไปใส่รองเท้าสำหรับใส่ในบ้าน พวกเขาก็ต้องหันไปมอง เมื่อมีเสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ตัว“มากันแล้วหรือ หนุ่ม ๆ” คุณหญิงโสภาที่เดินออกจากครัวเห็นลูกชายและลูกของเพื่อนมาถึงพอดีจึงเอ่ยทักทาย“สวัสดีครับคุณป้า” เขตแดนยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม“จ้า” คุณหญิงรับไหว้ แล้วบอกให้ลูกชายพาเขตแดนเข้าไปในห้องอาหาร ซึ่งชายหนุ่มทั้งสองก็เดินนำหน้าคุณหญิงโสภาเข้าไปในห้องอาหารก่อนเมื่อคุณจอห์นที่นั่งตรงหัวมุมของโต๊ะ เห็นลูกชายและเพื่อนของลูกชายเดินเข้ามาก็เอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม“มาแล้วหรือสองหนุ่ม ซีลพาดินเข้ามานั่งนี่มา”“ครับ” เขตแดนเดินไปที่เก้าอี้ใกล้กับจุดที่พ่อแม่ของเขานั่งอยู่ ส่วนหนึ่งนทีก็เดินมานั่งลงข้างแม่ของตน ซึ่งตอนนี้ที่ฝั่งขวามือของเขามีธารทีรานั่งอยู่ก่อนแล้ว“สวัสดีครับพ่อแม่ สวัสดีครับคุณลุง” เขตแดนไหว้พ่อแม่ พลางยกมือไหว้คุณจอห์น“อื้อ นั่งๆ ลูก” คุณจอห์นรับไหว้ แล้วบอกเขตแดนให้นั่งลง ซึ่งเก้าอี้ตัวที่ชายหนุ่มนั่งลงไปนั้น
บทที่ 20ในขณะที่เขตแดนขับรถกลับบ้าน ชายหนุ่มมีสีหน้าขรึม แววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยคอยมองพ่อกับแม่ไปด้วย“มีอะไรหรือเปล่าลูก”แม่เลี้ยงม่านแก้วนั่งอยู่เบาะหลังถามลูกชาย“ผมไม่ยักจะรู้ว่าคุณพ่อกับคุณแม่สนิทกับลูกสาวบ้านโน้นด้วย”เขตแดนพูดทั้งที่กำลังขับรถอยู่ พลางชำเลืองอมองมารดาเป็นระยะด้านแม่เลี้ยงม่านแก้วชะงักไปเล็กน้อยกับคำถามของลูกชาย “ก็แม่เห็นน้องมาตั้งแต่เด็กนี่นา”คำตอบของแม่ทำให้เขตแดนเงียบไปเมื่อลูกชายเอาแต่เงียบ เหมือนกำลังจับผิดตนเอง ท่านจึงแอบสะกิดให้สามีพูดบ้าง“จำตอนที่พ่อกับแม่ไปอเมริกาบ่อย ๆ ได้ไหม” พ่อเลี้ยงสิงหาที่ถูกภรรยาสะกิดเอ่ยขึ้นมาบ้าง“ครับ” เขตแดนหันมองพ่อเล็กน้อย“พ่อกับแม่ก็ไปพักที่ห้องของน้องเขาบ่อย ๆ จนทำให้แม่ของเราสนิทกับน้องไงลูก”“ครับ” ชายหนุ่มทำเพียงพยักหน้ารับรู้ แต่ในใจของเขาก็ยังคิดที่จะหาทางสืบให้ได้ว่าธารทีราเป็นใครอยู่ดี เพราะมันเหมือนมีอะไรหลายอย่างบอกเขาว่า มีอะไรไม่ชอบมาพากลแฝงอยู่“มีอะไรจะถามแม่อีกไหม”เขตแดนไม่ตอบคำถามแม่ แต่กลับยิ้มเจ้าเล่ห์ เมื่อสบตากับแม่ของตนผ่านกระจกรถมองหลัง“นั่นสิ อยากรู้อะไรก็ถามพ่อได้นะ” พ่อเลี้ยงสิงหาบอก
บทที่ 21สามวันต่อมา...ธารทีราเดินลงมาจากห้องนอนด้วยชุดกระโปรงที่ดูสุภาพเรียบร้อย เนื่องจากวันนี้เธอจะไปที่โรงพยาบาลเพื่อรายงานตัวเป็นวันแรกเมื่อมีเสียงฝีเท้าเดินลงบันได คุณหญิงโสภาที่นั่งจิบกาแฟอยู่ในห้องอาหารก็หันไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นลูกสาวจึงเอ่ยทัก“ทำไมตื่นเช้าจังเลยลูก”“คุณแม่ก็ตื่นเช้าเหมือนกันนะคะ”ธารทีรายิ้มหวาน แล้วเดินไปนั่งข้าง ๆ แม่“แล้วนี่แต่งตัวสวยอย่างนี้ จะไปทำงานเหรอลูก”คุณหญิงเอ่ยถาม เพราะมองเสื้อผ้าที่ลูกสาวใส่ในเช้าวันนี้ดูจะเรียบร้อยผิดปกติ“ใช่ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับ แล้วหันไปเอ่ยขอบใจเด็กรับใช้ที่ยกอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้เธอ“ไปคนเดียวหรือลูก”“ค่ะ”“แม่ว่าอย่าไปคนเดียวเลยลูก ให้พี่เขาไปเป็นเพื่อนนะ”“วันนี้วันหยุดพักผ่อนของพี่ซีล ไอซ์ไม่อยากรบกวนค่ะ”ธารทีรายิ้มให้แม่พร้อมกับเอ่ยปฏิเสธ เนื่องจากอยากไปทำงานตามลำพัง“ได้ไงลูก” คุณหญิงโสภาทำเสียงดุลูกสาว ก่อนจะหันไปสั่งเด็กรับใช้“นี่ดวงใจขึ้นไปดูคุณซีลซิว่าตื่นหรือยัง”ด้านธารทีรา เมื่อเห็นคนรับใช้กำลังจะทำตามที่มารดาบอกก็รีบร้องห้าม“พี่ดวงใจไม่ต้องขึ้นไปปลุกพี่ซีลหรอก พี่มีอะไรก็ไปทำเถอะค่ะ”“เอ่อ...ค่ะคุณไ
บทที่ 22ธารทีราไม่ตอบ เธอแค่เพียงพยักหน้าให้พี่ชาย แล้วหันหน้าไปมองรถมากมายที่ขับแซงรถของหนึ่งนทีขึ้นไปผ่านกระจกรถด้านข้างเมื่อไฟเขียวปรากฏขึ้น ชายหนุ่มก็ขับรถตรงไปข้างหน้า ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง เขาก็พาน้องสาวมาถึงโรงพยาบาล ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวหนึ่งนทีจอดรถตรงส่วนที่เป็นช่องจอดสำหรับ VIP และก่อนที่จะลงจากรถเพื่อไปเปิดประตูให้น้องสาว ชายหนุ่มก็เอ่ยถามคนข้างกายด้วยความห่วงใย“โอเคไหม”“สบายมากค่ะ” ธารทีราทำหน้าตาสบาย ๆ แล้วลงจากรถเมื่อพี่ชายมาเปิดประตูให้“โอเค ถ้างั้นพี่จะไปรอเราที่ห้องผู้บริหารนะ” ชายหนุ่มพยักหน้าให้น้องสาวเดินนำหน้าไปขึ้นลิฟต์“ค่ะ” เธอยิ้มให้พี่ชายขณะเดินเข้าลิฟต์ไป และรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อลิฟต์เคลื่อนตัวมาถึงชั้นล็อบบี้“ถ้ารายงานตัวเสร็จแล้วก็ขึ้นไปหาพี่นะ” หนึ่งนทีเอ่ยกับน้องสาว โดยกดลิฟต์ให้เปิดค้างไว้ เพื่อให้อีกฝ่ายก้าวออกไป“ได้ค่ะ” เธอพยักหน้าให้พี่ชายอีกครั้ง แล้วก้าวเท้าออกไป หญิงสาวแอบใจสั่นเล็กน้อย เมื่อลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้นไปแล้ว แต่ก็พยายามที่จะควบคุมมันเอาไว้ พร้อมกับเดินตรงไปยังส่วนในของล็อบบี้“สวัสดีค่ะ”ธารทีราเอ่ยทักทายเจ้าหน้าที่ที่หน้าเ
บทที่ 23สามสิบนาทีต่อมา...พอคุยธุระกับนิลกาลเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ออกมาจากห้องทำงานของหัวหน้าฝ่ายบุคคล พลางเดินไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปหาพี่ชายทว่ายังไม่ทันได้ขึ้นลิฟต์ไปก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นก่อน หลังจากสนทนากับคนที่โทรมาอยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวก็ได้รับรู้เรื่องที่น่าตื่นเต้นบางอย่างหลังเพื่อนวางสายไป เธอก็ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นของผู้บริหาร“มาพบใครคะ” เลขาหน้าห้องที่นั่งทำงานอยู่นั้นเอ่ยถามบุคคลมาใหม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ซึ่งหล่อนไม่ได้เงยหน้ามอง“คุณหนึ่งนทีค่ะ” ธารทีราบอกชื่อจริงของพี่ชายออกไป แต่เธอไม่ได้สนใจมองท่าทีของเลขาสาว เพราะจุดสนใจของเธอคือประตูห้องทำงานของพี่ชาย“ได้นัดไว้หรือเปล่าคะ” หล่อนถามเสียงเรียบ พร้อมเงยหน้ามองคนขอเข้าพบเจ้านาย“ไม่ค่ะ แต่…” หญิงสาวกำลังจะบอกเลขาพี่ชายว่า ‘แต่คุณหนึ่งนทีให้ฉันมาพบได้โดยไม่ต้องนัดค่ะ’ทว่ายังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรสักคำ เลขาหน้าห้องก็สวนขึ้นมาว่า“ถ้าไม่ได้นัดไว้ ก็เชิญนั่งรอตรงโน้นก่อนนะคะ” เลขาสาวตอบแบบไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไร ซ้ำยังถลึงตาใส่คนตรงหน้าอีกด้วยด้านธารทีราไม่ตอบอะไร แต่หญิงสาวหันหลังไปมองมุมรับแขกที่เลขาพี่ชายบอกให้ไปนั่งรอ แล้วหันก
บทที่ 24เมื่อมาถึงโชว์รูมรถแบรนด์หรู หนึ่งนทีก็นั่งมองน้องสาวเดินดูรถคันแล้วคันเล่า แต่ดูเหมือนน้องสาวของเขาจะเลือกรถไม่ได้สักที ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปหา“เลือกได้หรือยัง”“พี่ซีลพาไอซ์มาเลือกรถหรูขนาดนี้เอาไว้ขับไปทำงาน คนก็สงสัยกันพอดีสิ” ธารทีราทำเสียงประชดประชันใส่พี่ชาย“สงสัยอะไร”“พี่ซีลลองคิดดูสิ หมอจบใหม่อะไรจะมีเงินซื้อรถหรูราคาแพงหูฉี่แบบนี้คะ” ธารทีราทำหน้างอให้ เมื่อชี้ให้พี่ชายดูราคารถที่สูงลิ่ว“ก็บอกไปสิว่าที่บ้านรวย” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ เมื่อได้พูดหยอกล้อน้องสาว“พี่ซีล ไอซ์ซีเรียสนะคะ”ธารทีราทำหน้าคิดหนัก เมื่อมองมาทางพี่ชาย“จะคิดมากทำไม ชอบคันนี้ไหม ถ้าชอบเดี๋ยวพี่จะได้จัดการให้” หนึ่งนทีเอ่ยถาม พลางเปิดประตูรถเข้าไป เพื่อสำรวจดูข้างใน“ขืนขับไปทำงานมีหวังถูกคนที่ทำงานหมั่นไส้กันพอดีหญิงสาวชะเง้อมองภายในรถ แต่ในใจก็รู้สึกพอใจรถคันนี้อยู่ไม่น้อย แม้จะไม่อยากซื้อรถราคาแพง แต่พี่ชายเอาใจขนาดนี้ เธอจะปฏิเสธก็คงจะเสียน้ำใจแย่“ตกลงเอาคันนี้นะ พี่ว่าเหมาะกับเราดี” หนึ่งนทีหันมาถามน้องสาวอีกครั้ง“ก็สวยดีค่ะ”ธารทีราเอ่ยชม พลางลูบมือไปตามกระโปรงรถด้านหน้าเบา ๆ
บทที่ 97สองอาทิตย์แล้วที่นักรบกลับมาอยู่บ้าน และวันนี้เป็นวันแรกที่ธารทีราต้องไปยังบริษัทอีกแห่ง ซึ่งพ่อของเธอและพ่อของเขตแดนหุ้นกันเปิดขึ้นมาตั้งแต่เธอยังเล็ก ๆ“มาหาใครคะ” พนักงานต้อนรับเอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“คุณเขตแดนค่ะ” ธารทีราบอกพนักงาน“เอ่อ คุณได้นัดไว้ไหมคะ แล้วคุณ…”ธารทีราไม่รอให้พนักงานถามจนจบ เธอก็บอกไปว่า“ฉันชื่อธารทีราค่ะ เป็นน้องสาวของคุณหนึ่งนที” เธอบอกออกไปก่อนจะส่งบัตรวีไอพีของที่นี่ให้อีกฝ่ายดู“อ๋อค่ะ สวัสดีค่ะ” พนักงานฟังแล้วก็รีบเอ่ยทักทายอย่างรวดเร็วจากนั้นพนักงานก็เชิญเธอไปที่ลิฟต์“ชะ...เชิญทางนี้เลยค่ะ”เมื่อขึ้นลิฟต์มาถึงหน้าห้องทำงานของเขตแดน พนักงานก็ขอตัวทันที ทำให้หญิงสาวเคาะประตูขออนุญาต“เชิญ”เมื่อได้รับอนุญาตจากคนด้านใน ธารทีราก็เปิดประตูเข้าไปทันทีด้านเขตแดนที่นั่งทำงานอยู่เงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อย พอเห็นว่าใครเปิดประตูเข้ามาก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินไปหา“น้ำมาได้ยังไงครับ”“ทำอะไรอยู่คะ น้ำมากวนหรือเปล่า” หญิงสาวเอ่ยถาม ก่อนจะยอมให้อีกฝ่ายคว้าร่างของเธอไปกอด“ไม่กวนครับ” เขตแดนเอ่ยอย่างนุ่มนวล พลางฉวยโอกาสหอมแก้มไปหนึ่งที“พี่ดิน” เธอตีที่ท่อนแขนแข็
บทที่ 96“ป้านมคือคนที่คอยเลี้ยงเราสองคนไง” ธารทีราหันไปอธิบายให้พี่ชายฟังด้วยรอยยิ้ม“ขอโทษด้วยครับ ผม…” นักรบเอ่ยด้วยเสียงที่ขาดห้วงไป ด้วยรู้สึกผิดที่ตนเองจำคนใกล้ตัวในอดีตไม่ได้เลย ป้านมเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีอึดอัดใจจึงเอ่ยแทรกขึ้นว่า“ไม่เป็นไรนะคะ ป้าดีใจที่สุดเลยค่ะที่คุณรบกลับมา”“นี่เป็นเอกสารใหม่ของรบนะ คุณลุงทำไว้ให้จ้ะ” คุณหญิงโสภายื่นซองเอกสารไปให้หลานชายนักรบหยิบเอกสารขึ้นมาเปิดดู ซึ่งมันคือเอกสารการเปลี่ยนชื่อและเอกสารกรรมสิทธิ์ต่าง ๆ ของเขา ทั้งเรื่องบ้านและตัวธุรกิจที่เคยเป็นส่วนแบ่งของหมอคาร์ล“ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นกรรมสิทธิ์ของรบนะ”“แล้วน้ำล่ะครับ บ้านหลังนี้ก็ของพ่อแม่นี่ ทำไมถึง…” นักรบถามไม่ทันจบคำ ธารทีราก็พูดขึ้นว่า“คุณแม่จะยกบ้านหลังโน้นของคุณแม่ให้น้ำค่ะ ส่วนของพี่ซีลคุณแม่จะยกบ้านตากอากาศอีกหลังหนึ่งให้แทน”นักรบมองตามมือน้องสาวที่ชี้ให้เขาดูบ้านที่มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับบ้านหลังนี้ ซึ่งอยู่ข้าง ๆ กัน โดยแค่มีรั้วต้นไม้กั้นไว้เท่านั้น“รบคงไม่ว่าป้านะ ถ้าในช่วงนี้ป้าจะให้น้ำไปอยู่กับป้า”"ผมเข้าใจครับ มีน้ำไปอยู่กับคุณป้าก็ดีแล้วล่ะครับ““ขอบใจมากจ้ะ ตอนนี้ซีลไปพักท
บทที่ 95พอมาถึงเจดีย์สีขาวสะอาดที่โดยรอบมีการทำความสะอาดและมีดอกไม้พร้อมกระถางธูปจัดวางอย่างเรียบร้อย ชายหนุ่มก็หันมาหาน้องสาว“น้ำมาที่นี่บ่อยใช่ไหม”“คุณพ่อ...เอ่อ...ลุงจอห์นให้คนจัดการให้ตลอดค่ะ มันก็เลยดูดีแล้วก็สะอาดแบบนี้” หญิงสาวเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ เพราะทุกวันนี้เธอก็ยังคงเสียใจอยู่ จนพี่ชายต้องยกมือขึ้นไปจับที่บ่าบางแล้วบีบเบา ๆ“น้ำ ไม่เป็นไรนะ”“ค่ะ น้ำก็แค่คิดถึงอดีตที่ดี ๆ น่ะค่ะ คุณพ่อดีกับน้ำมาก ทั้งที่น้ำเป็นแค่หลานเท่านั้นเอง” เธอหันไปบอกพี่ชาย ก่อนจะยกมือขึ้นสัมผัสที่รูปของพ่อแม่ที่กำลังอุ้มพี่ชายของเธอตอนเล็ก ๆ อยู่ด้วย“เอาไว้น้ำจะให้คนมาเปลี่ยนรูปให้ใหม่นะคะ คุณพ่อคุณแม่”ธารทีราเอ่ยกับพ่อแม่ ทำเหมือนกับว่าท่านทั้งสองได้ยินสิ่งที่พูดไป จากนั้นก็หันมายิ้มให้พี่ชายสลับกับการมองเจดีย์ตรงหน้า“พ่อคะ แม่คะ น้ำพาพี่รบมาหาค่ะ”“พ่อครับ แม่ครับ ผมมาหาแล้วนะครับ” นักรบยกมือไหว้พ่อแม่ แม้หมอจะบอกว่าเขาคงไม่อาจจดจำอะไรได้แล้ว แต่เขาก็รู้ว่าพ่อกับแม่จะต้องรักเขามากอย่างแน่นอน จึงรู้สึกดีใจระคนเศร้าที่ได้มาหาพวกท่านจากนั้นสองพี่น้องต่างก็จมอยู่ในห้วงคิดส่วนตัว แต่แววตาของค
บทที่ 94หนึ่งอาทิตย์ต่อมา...เมื่อรถจอดตรงลานจอด เขตแดนก็ลงจากรถเดินอ้อมไปฝั่งข้างคนขับเพื่อเปิดประตูให้ธารทีรา“นี่ถ้าคุณแม่ไม่บอกให้มา น้ำก็ไม่อยากมาหรอกนะคะ”“พี่เข้าใจ ยังไงเขาก็ตายแล้ว น้ำก็อโหสิกรรมให้เขาเถอะ”“ก็เพราะว่าอโหสิกรรมให้ไงคะน้ำถึงมา” ธารทีราย่นหน้าใส่เขตแดน เอาจริงๆ ถึงจะโกรธและแค้นดาเนียลมากแค่ไหนพ่อแม่เธอก็คงไม่ฟื้นขึ้นมาอยู่ดี“งั้นเข้าไปกันเถอะ” เขตแดนบอก พร้อมจับมือหญิงสาวมากุม แล้วพาเดินเข้าไปในวัดช่วงเวลาที่เดินเข้าไปในวัดนั้น ธารทีราก็ถามเพราะสงสัยมากที่ดาเนียลซึ่งเป็นลูกครึ่งนั้นนับถือศาสนาพุทธ“ตอนแรกนึกว่าเขาจะจัดงานศพแบบคริสต์นะคะเนี่ย”“เห็นว่าเขานับถือศาสนาตามภรรยาน่ะ”“อ้อ...” ธารทีราตอบรับ ก่อนจะถามถึงเรื่องอื่น “พี่ดิน พี่รู้ไหมว่าพี่ซีลไปไหน ตั้งแต่เสร็จงานศพคุณพ่อก็ไม่ยอมกลับบ้านเลยค่ะ โทรไปหาก็บอกแต่ว่าขอไปพักผ่อนเงียบ ๆ สักพัก พอถามก็ไม่ยอมบอกว่าอยู่ที่ไหน”“ไม่รู้สิ พี่ก็ไม่เห็นมันไปที่ผับนานแล้วนะ ปกติมันจะเข้าผับทุกคืน นี่มันยังทิ้งงานที่บริษัทให้พี่ทำเลย บอกแค่ว่าอยากไปทำใจสักพัก”“ความจริงงานศพของดาเนียลคุณแม่จะให้พี่ซีลมานะ แต่พี่ซีลเล่น
บทที่ 93นักรบเองก็อึ้งไปเช่นกัน แต่แล้วชายหนุ่มก็ดึงสติกลับมาเมื่อมีมือของนาเดียร์ยื่นมาจับมืออีกข้างของเขาไว้ โดยที่มีอีกข้างตอนนี้มีธารทีราจับไว้เช่นกัน“แล้วแม่ล่ะ” นักรบถามเสียงเรียบ ทั้งที่ในใจกำลังห่วงใยมาดามอันนาอย่างที่สุด“คุณแม่ความดันกำเริบหมดสติ ตอนนี้นอนพักอยู่ที่ห้องพักฟื้นค่ะ” หญิงสาวร้องไห้ออกมาอีก ตอนนี้เธอเอาแต่ก้มหน้า เพราะไม่กล้าจะสู้หน้าใคร ทั้งที่เมื่อก่อนเป็นผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเองมาตลอด“แม่...” นักรบเอ่ยเสียงสั่น ครั้งนี้เขายอมปล่อยมือน้องสาวแท้ ๆ เพื่ออ้าแขนโอบกอดน้องสาวอีกคนไว้ ถึงจะไม่ใช่น้องแท้ ๆ แต่เขาก็รักเธอเหมือนน้องสาว“ไม่ต้องร้องไห้นะ เงียบซะ” นักรบกอดนาเดียร์ไว้แน่น และพูดปลอบขวัญอย่างอ่อนโยน“พี่ไทด์อยู่เป็นเพื่อนเดียก่อนได้ไหม เดียไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี ป๋ายังนอนอยู่ในนั้น คุณแม่ก็…” นาเดียร์ไม่ทันได้พูดจบประโยค เสียงทุ้มต่ำที่เธอไม่อยากได้ยินก็ดังขึ้น“ไอ้รบ ถ้ามึงช่วยเป็นธุระจัดงานศพให้ไอ้ฆาตกรที่มันฆ่าพ่อแม่มึงและฆ่าพ่อกู กูจะขอเป็นศัตรูกับมึงตลอดไป” หนึ่งนทีปล่อยแม่ให้ยืนอยู่กับธารทีรา แล้วเดินเข้าไปยืนใกล้นักรบที่กำลังยืนกอดนาเดียร์อยู่“ซี
บทที่ 92ณ โรงพยาบาลคุณหญิงโสภรีบเดินทางมายังโรงพยาบาลทันทีหลังทราบว่าสามีของตนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ“ซีล น้ำ พ่อเป็นยังไงบ้าง” เสียงสั่นเครือของคุณหญิงดังมาก่อนตัว โดยตอนนี้ที่หน้าห้องฉุกเฉินมีทั้งธารทีรา นักรบ หนึ่งนที รวมถึงเขตแดนยืนออกันอยู่“หมอยังไม่ออกมาบอกเลยค่ะ”“เกิดอะไรขึ้น ใครยิงพ่อ” คุณหญิงโสภามองลูกสาวและลูกชายที่ยังยืนหันหลังให้ เพราะหนึ่งนทีเอาแต่ยืนมองประตูห้องฉุกเฉินอย่างไม่ยอมละสายตาคำถามของแม่ ทำให้หญิงสาวหันไปมองนักรบ เมื่อพี่ชายพยักหน้าจึงเล่าให้แม่ฟัง“น้ำไม่แน่ใจค่ะว่าใครยิงคุณพ่อ เหตุการณืตอนนั้นวุ่นวายไปหมด แต่ที่แน่ ๆ ดาเนียลสั่งลูกน้องให้ยิงพวกเราค่ะ”“ไอ้ดาเนียล มึงทำร้ายพ่อกู ถ้าพ่อกูเป็นอะไรขึ้นมา กูจะฆ่าล้างโคตรมึง” หนึ่งนทีมองนักรบด้วยแววตาไม่พอใจ แม้เขาจะไม่โทษอีกฝ่ายออกมาตรง ๆ แต่ลึก ๆ ธารทีรารู้ดีว่าหนึ่งนทีคงไม่พอใจนักรบอย่างมากที่เอาตัวเข้าไปเสี่ยง จนทำให้พ่อของเขาต้องตามไปช่วย“คุณหมอ คุณลุงเป็นยังไงบ้างครับ” เขตแดนเอ่ยถามเมื่อเห็นว่ามีหมอคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินด้านคุณหมอมีสีหน้าเคร่งเครียด เขามองหน้าทุกคน โดยเฉพาะคุณหญิงโสภา ก่อนจะพูดอ
บทที่ 91“พี่รบ” ธารทีรากรีดร้อง ขณะถูกผลักให้พ้นจากวิถีกระสุน“ไม่เป็นไรนะน้ำ” นักรบถามพร้อมกับเข้าไปกอดน้องสาวไว้ แล้วยิงสวนกลับไปแต่ก็พลาดเป้าเนื่องจากฝ่ายตรงข้ามหลบเข้าที่กำบังได้ทันเวลา“ไทด์ ไม่ต้องห่วงแม่ พาน้องไทด์หนีไป” มาดามอันนาตะโกนบอกลูกชายดาเนียลจึงหันไปยิงปืนขู่ภรรยาทันที ทำให้ทั้งอันนาและนาเดียร์ต่างก็กรีดร้อง และกระโจนเข้ากอดกันด้วยความกลัว“กูบอกให้เงียบ!” ดาเนียลสั่งพร้อมชี้ปืนใส่ภรรยากับลูกสาว“พอได้แล้วดาเนียล” คุณจอห์นที่เข้ามาใกล้ตัวดาเนียลมากขึ้นพยายามห้าม แต่ตอนนี้ดาเนียลได้คลั่งไปแล้ว ทั้งยังสั่งให้ลูกน้องกราดยิงไปทั่ว“กูไม่หยุด วันนี้พวกมึงกับกูต้องตายกันไปข้าง ยิงพวกมันให้ตายไปให้หมด!”หลังจากที่คาเนีลออกคำสั่งก็เกิดการชุลมุนกันเกิดขึ้น กระสุนจำนวนมากสาดไปทั่วทุกทิศ ทว่านัดหนึ่งกลับพุ่งเข้าใส่คุณจอห์นที่หลบไม่ทัน“โอ๊ย!” คุณจอห์นใช้มือกุมหน้าอกที่เลือดค่อยๆ ไหลออกมา ทำให้เขาทรุดลงไปนอนนิ่งบนพื้น“คุณพ่อ!” ธารทีราที่อยู่ใกล้ที่สุดรีบวิ่งเข้าไปหาพ่อที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นด้วยความตกใจด้านนักรบทนเห็นดาเนียลทำร้ายใครต่อไปไม่ได้อีกแล้ว จึงตัดสินใจยิงไปที่อีกฝ
บทที่ 90หลังวางสายจากดาเนียลเมื่อวาน ในที่สุดนักรบก็ออกจากโรงพยาบาล ทั้งที่ยังบาดเจ็บและหมอก็ห้ามแต่เขาไม่ฟัง และในตอนนี้ทั้งธารทีรากับนักรบก็เดินทางมาถึงโกดังร้างที่นัดหมายไว้กับดาเนียลเรียบร้อยแล้ว โดยมีน้องสาวเป็นคนขับรถมาให้“ผมมาแล้ว” นักรบลงจากรถ แล้วเดินอ้อมไปยืนข้างน้องสาว พร้อมพูดเสียงเรียบใส่มือถือที่กำลังสนทนาอยู่กับดาเนียล“เข้ามา” ดาเนียลพอใจที่เห็นสองพี่น้องมากันแค่สองคนผ่านกล้องวงจรปิด เขาละสายตาจากกล้องที่ดูอยู่หันไปหัวเราะใส่ภรรยา“ฮ่า ๆ มันรักเธอจริง ๆ นะอันนา”“คุณมันเลว” มาดามอันนาโกรธจัด จึงต่อว่าสามีที่เอาเธอกับลูกสาวมาเป็นเหยื่อล่อดาเนียลหัวเราะเสียงดัง เขาไม่สนใจความรู้สึกของภรรยาและลูกสาว เพราะตอนนี้เขามีความสุขมากที่กำลังจะได้ทวงแค้นคืนจากครอบครัวนั้น และช่วงที่เขากำลังมีความสุขกับเสียงหัวเราะ ดาเนียลก็ต้องหุบยิ้ม เมื่อสองพี่น้องก้าวเข้ามา“หวัดดี ไอ้ลูกรัก หนูธารทีรา” ดาเนียลทักทายทั้งสองคนด้วยท่าทางสบาย ๆ“พี่รบ” ธารทีรารีบขยับไปยืนข้างหลังของพี่ชาย เพราะรู้สึกกลัวสายตาของคนตรงหน้าที่มองมา“น้ำไม่ต้องกลัว” นักรบกระซิบบอกน้องสาว พลางใช้ร่างของตนบังอีกฝ่ายเ
บทที่ 89เมื่อได้ยินเสียงปืนและเสียงร้องของแม่กับน้องนักรบก็ยิ่งร้อนรน เขาพยายามจะลงจากเตียง ทำให้น้องสาวที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ต้องถลันเข้าไปหา“พี่รบ อย่าค่ะ” ธารทีราพยายามห้ามพี่ชาย แต่ก็พอจะเดาได้ว่าคงจะเกิดเรื่องไม่ดีบางอย่างขึ้นกับมาดามอันนาและนาเดียร์แน่นอน พี่ชายของเธอถึงได้ร้อนรนปานนี้“ว่ายังไง”เสียงถามจากคนในสาย ทำให้นักรบหลือบตามองธารทีราครู่หนึ่ง ก่อนจะถามกลับไปว่า“ที่ไหน”“โกดังร้างนอกเมืองที่มึงก็น่าจะรู้จักดี”เมื่อได้บอกที่นัดหมายแล้ว ดาเนียลก็วางสายไปทันทีด้านนักรบเมื่อได้คำตอบแล้ว ชายหนุ่มก็ทรุดนั่งบนขอบเตียง มือใหญ่กำมือถือไว้แน่นจนเส้นเอ็นปูด“พี่รบเกิดอะไรขึ้นคะ” หญิงสาวเอ่ยถาม พร้อมทั้งเอามือถือจากมือพี่มาเก็บไว้ “คลายมือออกก่อนนะคะ เลือดย้อนขึ้นไปในสายน้ำเกลือหมดแล้ว”“น้ำ…” นักรบยังไม่ทันได้บอกน้องสาว ทั้งสองก็ต้องหันไปมองที่ประตูที่มีคนเปิดเข้ามา“มีอะไรกัน” คุณจอห์นเอ่ยถามขึ้น เพราะเมื่อครู่เหมือนจะทันได้ยินเสียงร้อนรนของลูกสาว ในขณะที่คุณหญิงโสภา หนึ่งนที รวมถึงเขตแดนที่ตามเข้ามาด้วยก็มองมาอย่างห่วงใยเช่นกัน“คุณพ่อ คุณแม่” หญิงสาวเรียกท่านทั้งสอง แต่ยังไม่กล