Home / รักโบราณ / สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ / บทที่ 1.1 งานแต่งครั้งนี้ท่านไม่ยินยอมแล้วคิดว่าข้าเต็มใจหรือ

Share

บทที่ 1.1 งานแต่งครั้งนี้ท่านไม่ยินยอมแล้วคิดว่าข้าเต็มใจหรือ

last update Last Updated: 2025-05-28 09:17:47

1 งานแต่งครั้งนี้ท่านไม่ยินยอมแล้วคิดว่าข้าเต็มใจหรือ

รัชศกหนิงเฉิง [1] ปีที่ 3

เมื่อสารทฤดู [2] เริ่มต้นไปครึ่งทาง

ที่เรือนแห่งหนึ่งภายในจวนของชินอ๋อง กลิ่นความเป็นสิริมงคลตลบอบอวลไปทั่วห้อง รายล้อมด้วยสรรพสิ่งที่มีสีแดงของสัญลักษณ์การแต่งงาน

คราแรกเจียงเยี่ยนฟางที่ถูกพาเข้ามาในห้องหอ นางก็ยอมนั่งสงบเสงี่ยมบนเตียงนอนอยู่นานสองนาน ทว่าทันทีที่สาวใช้จากไปแล้ว มือเรียวยาวดั่งหยกก็ยกขึ้นดึงผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก เผยให้เห็นใบหน้าปูดบวมอันจืดชืดไร้การแต่งแต้มสีชาดอย่างที่ควรเป็น หากแต่บนใบหน้าที่ดูไม่ได้ กลับมีดวงตาที่กระจ่างชัด คล้ายมองทุกสิ่งบนโลกอย่างทะลุปรุโปร่ง ติดที่ว่าสายตาคู่นั้นช่างดูเฉยเมยไร้ความรู้สึก

ยามเมื่อสิ่งบดบังสายตาถูกโยนออกไปไกลแล้ว ดวงตาของนางก็ไปตกต้องอยู่บนโต๊ะอาหารทันที

'ถึงแม้จะเข้าพิธีแต่งงานกันแล้ว แต่ท่านอ๋องพิการนั่นก็คงไม่เข้ามาในห้องหอกระมัง มิสู้ให้ปากอิ่มท้องอิ่มเสียก่อน แล้วจึงค่อยคิดแผนต่อไป'

สิ้นความคิดในหัว เจียงเยี่ยนฟางในชุดสีแดงรุ่มร่ามที่พรั่งพร้อมด้วยเครื่องหัวครบชุดก็ลุกเดินไปยังโต๊ะอาหาร ทว่าเมื่อเข้าใกล้ที่หมายมากขึ้นอีกนิด คิ้วเรียวยาวที่เรียบตึงมานานก็พลันย่นเข้าหากัน จมูกสูดดมฟึดฟัดอีกรอบเพื่อให้แน่ใจว่าตนได้กลิ่นอาหารเป็นอย่างอื่นแทน

หากแต่ยังมิทันได้เฉียดเข้าใกล้อีกนิดเพื่อตรวจสอบดู ประตูก็กระแทกเปิดออกอย่างแรง

ร่างสูงโปร่งเกินสตรีทั่วไปของเจียงเยี่ยนฟางพลันขยับกายกลับไปที่ที่เพิ่งจะจากมา แม้เครื่องหัวจะหนักไม่ใช่เล่น แต่คนกลับว่องไวราวกับปีศาจในความมืด มือคว้าผ้าสีแดงที่ถอดทิ้งไว้บนเตียงกลับมาคลุมหน้าตามเดิม ก่อนทิ้งตัวนั่งลง คล้ายมิได้ขยับไปไหนมาก่อน

'ชินอ๋องผู้นี้ ชาวบ้านในตลาดต่างกล่าวว่า เขาคือเทพสงครามที่ฟ้าไม่เห็นใจ หลังกลับจากสงครามครั้งสุดท้ายที่ทำให้บ้านเมืองสงบก็ดันโชคร้ายตกจากหลังม้าจนขาพิการ นอกจากนั้นแล้ว... ตั้งแต่เอวลงไปก็ยังใช้การไม่ได้อีก มิหนำซ้ำยังมีพระชายารองที่รักใคร่กลมเกลียวอยู่แล้วนางหนึ่ง ชาตินี้ได้ตระบัดสัตย์รักมั่นเพียงนางต่อหน้าใต้หล้า มิตบแต่งผู้ใดเพิ่มอีก

เห็นได้ชัดว่าเขามิได้สนใจเรื่องแต่งงานในครั้งนี้ แต่เพราะมีพระราชโองการลงมา มิตบแต่งก็เดือดร้อน จึงต้องกล้ำกลืนฝืนทนแต่งข้าเข้ามา เช่นนั้นก็ควรจะไม่เข้าห้องหอมิใช่หรือไร' เจียงเยี่ยนฟางบีบมือแน่น ต่อให้ใบหน้าของนางภายใต้ผ้าโปร่งสีแดงจะสงบนิ่งเพียงใด แต่อย่างไรก็กังวลอยู่ดี นึกถึงเรื่องราวที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้ที่ทำให้นางเบาใจตกปากรับคำแต่งเข้ามา แต่ตอนนี้การกระทำของเขากลับสวนทางกับสิ่งที่นางเข้าใจมาตลอด

และแน่นอนว่านางมิได้คิดผิดว่าใครเป็นผู้มาเยือน ยืนยันได้จากเสียงล้อไม้ที่ลากไปกับพื้นมาตั้งแต่หน้าห้องหอ ก็บ่งบอกได้แล้วว่าเป็นเขาที่นางกำลังนึกถึงแน่ ๆ

"ท่านอ๋อง" เมื่อเสียงล้อลากนั้นหยุดลงตรงหน้านางแล้ว เจียงเยี่ยนฟางลุกขึ้นยืนผสานมือย่อตัวตามพิธี นางย่อมรู้นามและเรื่องราวคร่าว ๆ ของพระสวามีมาก่อน

เขาคือชินอ๋องแห่งแคว้นเฉิง เทพสงครามที่ชาวบ้านต่างยกย่อง นามเดิมคือ ลี่หยาง 'เซียวลี่หยาง' ภายหลังจากชนะศึกนับครั้งไม่ถ้วนฮ่องเต้พระองค์ก่อนจึงประทานนามให้ว่าซีฮัน [3] หากแต่นามเหล่านั้น นางจะเรียกได้หรือ ฟังจากน้ำเสียงเย็นชาของเขาในพิธีกราบไหว้ฟ้าดินก่อนหน้าแล้ว เจียงเยี่ยนฟางจึงทำได้เพียงเรียกเขาว่าท่านอ๋องเท่านั้น

"ออกไป"

น้ำเสียงเย็นเยียบที่นางจำได้ขึ้นใจพลันเอ่ยขึ้นขัดความเงียบงันภายในห้อง ดวงตาใสกระจ่างของเจียงเยี่ยนฟางมองผ่านผ้าแดงคลุมหน้าก็เห็นมือใหญ่ของอีกฝ่ายกำลังยกขึ้นเหนือบ่าของเจ้าตัวอยู่

"เพคะ" นางรับคำเสียงเบา ท่าทางย่อตัวจากลาทั้งนุ่มนวลและอ่อนหวาน แต่ในใจกลับต่างออกไป 'เหอะ! ข้าอยากอยู่ตายแหละ งานแต่งครั้งนี้ท่านไม่ยินยอม แล้วคิดว่าข้าเต็มใจหรือ ต้องขอบคุณท่านที่ไล่ข้าไป ข้าเองก็แทบไม่อยากคิดถึงการนอนร่วมเตียงกับผู้อื่น!'

แต่ไม่ทันให้นางได้มีโอกาสก้าวขา บุรุษตรงหน้าก็เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่ได้หมายถึงเจ้า!"

เจียงเยี่ยนฟางจึงชะงักอยู่ตรงนั้นตามเดิม รีบลดมือลงอย่างเชื่องช้าเพื่อแก้เก้อ หัวใจกระตุกเกร็งไปพร้อมกับเสียงเท้าของบ่าวที่พารถเข็นเข้ามาในคราแรกเดินจากไป ยิ่งเสียงปิดประตูนั้นก็คล้ายย้ำเตือนว่าหัวใจของนางยังเต้นแรงเฉกเช่นผู้อื่นเป็นด้วย

"ตระกูลเจียงไม่ได้บอกเจ้ารึไรว่าข้าเดินมิได้"

เจียงเยี่ยนฟางขบฟันแน่น รู้แน่ว่าน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยกับคำถามนั้นกำลังประชดประชันนางอยู่ นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าเขาเดินไม่ได้ ก็เห็น ๆ อยู่ว่าก่อนหน้านี้ไม่ถึงหนึ่งก้านธูป [4] นางเพิ่งจะโค้งคำนับฟ้าดินกับเขามา

แต่กราบไหว้ฟ้าดินอย่างไรถึงได้กราบไหว้กันสามคน! ด้วยคำอ้างที่ว่าเขาขยับเก้าอี้รถเข็นด้วยตัวเองได้ลำบาก จึงให้บ่าวชายคนหนึ่งคอยหันเก้าอี้รถเข็นไปทางนั้นทีทางนี้ที เพื่อทำพิธีกับนางให้ครบตามธรรมเนียม การกระทำแปลกประหลาดที่มองดูก็รู้ว่าไม่เต็มใจแต่งขนาดนี้ ผู้ใดเล่าจะลืมได้ลง!

แต่เรื่องเล่านั้นแน่นอนว่าต้องเก็บไว้ในใจ นางพยายามรักษาน้ำเสียงให้น่าฟังที่สุด ก่อนจะเอ่ยตอบเขาออกไป "หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ"

สตรีที่ดีควรอยู่เป็น เจียงเยี่ยนฟางควรจะเสริมอีกนิดว่า นางรู้อยู่แล้วและมิได้รังเกียจเขา ทั้งยังชมชอบในความสามารถของเขามานาน และยินดีเป็นพระชายาอีกคนของเขา

หากแต่นิสัยเดิมของนางหาใช่คนอ่อนหวานและโอนเอนตามแรงลมได้ตลอด ดังนั้นต่อให้รู้แล้วอย่างไร นาง ไม่ ทำ! แค่เสแสร้งย่อตัวทำความเคารพเขาอย่างลำบากเพื่อให้ดูน่ามองก็เหนือบ่ากว่าแรงแล้ว จะให้นางพยายามประจบเขาให้มากกว่านี้อีกก็คงเป็นไปได้ยาก

"ทราบแล้ว?" อีกฝ่ายถามย้ำอย่างไม่อยากเชื่อ "ทราบแล้ว แล้วยังมิมาปรนนิบัติข้าอีก หรือต้องให้บ่าวรับใช้ชายคนเมื่อครู่มาพาข้าเข้าห้องหอกับเจ้า!"


[1] หนิงเฉิง หมายถึง ความสำเร็จที่สงบสุข

[2] สารทฤดู หมายถึง ฤดูใบไม้ร่วง

[3] ซีฮัน หมายถึง เหมือนต้นไม้ใหญ่ที่คอยคุ้มครองดูแล

[4] หนึ่งก้านธูป เทียบเวลาหนึ่งชั่วโมง

(ส่วนไหนที่คำแปลยาว ไรท์จะใส่ไว้ข้างล่างแทนเพื่อไม่ให้เสียรสชาติในการอ่านค่ะ แต่จะมีฉากหนึ่งของเล่มสามที่ยาวมาก ยังไงไงไรท์จะดูอีกทีนะคะว่าจะเสริมไปพร้อมกันเลยไหม)

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทส่งท้าย

    บทส่งท้ายในอ่างน้ำสววรค์เบื้องหน้า สะท้อนภาพของคนสองคนที่เดินเคียงคู่กัน ความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้นก็หวนกลับมาอีกครั้ง"ท่านเทพจันทรา[1] ยังตัดใจไม่ได้อีกหรือ รึเป็นเพราะเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ ความรู้สึกจึงยังคงอยู่" ซื่อหมิงซิงจวิน[2]ยืนซ้อนอยู่ที่ด้านหลังของเทพแห่งจันทรา เมื่อเขารู้ว่าอีก‍ฝ่ายได้ผ่านเคราะห์รักมาแล้ว และกลับมาจุติบนสวรรค์อีกครั้ง เขาก็รีบมาหา หวังมาเยี่ยมสหายเก่าเสียหน่อย แต่ไม่คิดว่าภาพที่ตนเห็นจะเป็นแผ่นหลังของสหายที่ดูอาลัยอาวรณ์ภาพในแอ่งน้ำสะท้อนชีวิตของมนุษย์ไม่น้อย เดาว่าการผ่านเคราะห์ครั้งนี้ของเจ้าตัวคงสาหัสเอาการโลกสวรรค์และโลกมนุษย์เวลาไม่เหมือนกัน เทพจันทราเพิ่งตายไปในร่างมนุษย์เมื่อครู่ แต่พอจุติบนสวรรค์อีกครา ที่โลกมนุษย์ก็ผ่านไปหลายเดือนแล้วเทพแห่งจันทราที่ถูกทักก็วาดมือผ่านอ่างน้ำสวรรค์ ปิดภาพของเจ้านายเก่าของตนทิ้งไป เตรียมจะเดินหนีสหายเก่า ทั้งที่ไม่เจอกันเพียงไม่กี่วันบนสวรรค์ แต่เพราะในโลกมนุษย์ยาวนานถึงยี่สิบกว่าปี เขาจึงยังรู้สึกไม่สนิทกับสหายเท่าเมื่อก่อน คิดว่าคงต้องใช้เวลาอีกสักพักตอนแรกเขายอมรับว่าตนยังห่วงหาสตรีผู้นั้นอยู่ อยากรู้ว่าหลั

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   ตอนพิเศษ 9

    ตอนพิเศษ 9รัชศกต้าเหนิง ปีที่ เก้า ราชวงศ์เซียวย่างเข้าวสันตฤดูแล้ว ในจวนที่ปลูกดอกไม้หลากหลายชนิด รวมถึงสมุนไพรมากมาย แทนที่จะมีกลิ่นหอมพาให้ผู้คนหลงใหลกลับมีกลิ่นเหม็นไหม้คละคลุ้งไปทั่วจวน"นายหญิง" เติ้ง‍อู๋เห็น‌นายหญิงท่าทางรีบร้อนเดินตรงไปหากลิ่นเหม็นไหม้ก็รีบดักทางไว้ นายหญิงของเขากำลังตั้งท้องเจ้านายตัวน้อยคนที่สามอยู่ ไม่ควรเข้าใกล้กลิ่นควันมากเกินไป หลังจากนี้คงต้องอาจหาญตักเตือนคนก่อควันสักหน่อย"เกิดอะไรขึ้น ข้าได้กลิ่นไหม้" ‌เสวี่ย‍หว่านชะเง้อหัวมองผ่านแขนเติ้งอู๋ไป พบว่าครัวด้านหลังจวนกำลังมีควันมากมายพวยพุ่งออกมา มิหนำซ้ำภายในควันนั้นก็มีร่างเล็กของเด็กชายวิ่งหนีตายออกมาด้วย"ท่านแม่" เด็กชายวัยหกขวบยกมือปิดปากแน่น ครั้นได้เจอผู้เป็นมารดาก็รีบวิ่งเข้ามาหาหน้าตื่น"เสี่ยวหลิวเจ้าทำอะไรอยู่ในครัว? น้องรองของเจ้าอยู่ที่ใดเล่า!?" ‌เสวี่ย‍หว่านรีบจับบุตรชายที่วิ่งมากอดตนไว้แน่นออกมาตรวจดูตามตัว ครั้นพบว่าไม่เจอบาดแผลก็เบาใจไป แต่ปกติเด็กคนนี้จะตัวติดกับน้องชายวัยสี่ขวบของตนเองเสมอ เวลานี้เอาน้องไปทิ้งไว้ที่ใดแล้ว!"แค่ก ๆ ข้าเปล่า ข้าไม่ได้ทำอันใดนะท่านแม่ ส่วนน้องรองแม่นมฉ

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   ตอนพิเศษ 8

    ตอนพิเศษ 8รัชศกต้าเหนิง[1] ปีที่ 3 ราชวงศ์เซียวในเมืองลั่ว จู่ ๆ ก็มีการปรากฏตัวของตระกูลเศรษฐีไร้ชื่อผู้หนึ่งขึ้นมา ไม่มีใครเคยเห็นคนด้านในจวนแห่งนี้เข้าออก หรือควรบอกว่า เป็นเพราะจวนตั้งอยู่ห่างไกลบ้านคนกันแน่ ทำให้ชาวบ้านแทบจะไม่เคยมีใครได้เห็นเจ้าของจวนแห่งนี้เลยแม้นก่อนหน้านี้จะมีคนงานในเมืองถูกเกณฑ์ไปสร้างเรือนอยู่นานร่วมหกเดือน แต่พวกเขากลับไม่เคยรู้ว่าผู้ว่าจ้างเป็นใคร มีเพียงเงินค่าจ้างที่ถูกนำมาวางไว้ให้ในแต่ละรอบเท่านั้นบรรดาคนงานก็บอกเพียงแค่ว่า พื้นที่โดยรอบที่ถูกปลูกต้นไม้ปิดบังเรือนไว้ ต่างก็ถูกเจ้าของจวนแห่งนี้กว้านซื้อไปจนหมดแล้วก็เท่านั้น นั่นทำให้ไม่ว่าผู้คนจะอยากรู้มากเพียงใด ก็เข้าไปใกล้ได้แค่ครึ่งทางของต้นไม้ด้านหน้า...กระทั่งล่วงเลยไปอีกหลายสิบปีก็ไม่มีใครเคยได้รู้ว่าเจ้าของจวนแห่งนั้นคือผู้ใดและตกดึกคืนนี้ ในเมืองลั่วก็มีการจัดงานเทศกาลลอยโคมขึ้นมาเซียว‍ลี่‍หยางจึงชวนเสวี่ย‍หว่านออกมาเดินเล่นในงานเทศกาลด้วยกันภายในงานเริ่มแรกจะมีแห่ขบวนโคมไฟที่ทำเป็นรูปมังกรและสิงโต เซียว‍ลี่‍หยางที่รู้ว่ามีขั้นตอนอะไรบ้าง จึงพาเสวี่ย‍หว่านขึ้นมานั่งรอชมขบวนแห่อยู่บนชั้

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   ตอนพิเศษ 7

    ตอนพิเศษ 7วสันตฤดูปีต่อมา ด้วยเพราะเติ้งอู๋ทำทางขึ้นภูเขาให้ใหม่แล้ว เวลานี้เขาก็ลงไปนำม้าของตนและของเจ้านายกลับขึ้นมาอยู่บนภูเขาด้วยกันเสวี่ย‍หว่านที่หูดีกว่าเซียว‍ลี่‍หยางก็ได้ยินเสียงเท้าของม้ามาตั้งแต่ไกล ๆ แล้ว จึงวิ่งออกไปรอที่หน้ารั้ว เมื่อเช้านางแอบเตรียมขนมไว้กินเล่นในตอนที่เซียว‍ลี่‍หยางไปซักผ้าที่ลำ‍ธาร เพราะคิดว่าวันนี้จะชวนเซียว‍ลี่‍หยางไปหานั่งกินขนมที่อีกฟากของภูเขาด้วยกันมือเรียวหยิบนกหวีดที่พกไว้ออกมาเป่า เรียกม้าประจำตัวของเซียว‍ลี่‍หยางให้รีบวิ่งมาหาอาชาสีขาวเมื่อสะบัดหลุดจากมือของเติ้งอู๋ได้ ก็รีบห้อตะบึงมาทางนางเช่นเดียวกัน มันจำได้ว่าสตรีผู้นี้ชอบเอาผลไม้มาให้มันกินบ่อย ๆ ตอนที่มันถูกเจ้านายฝากไว้ที่คอกม้าในหมู่บ้านข้างล่าง ตอนนี้ก็นับว่าสตรีคนนี้เป็นเจ้านายอีกคนไปแล้ว"หว่านหว่านระวัง!" เซียว‍ลี่‍หยางได้ยินเสียงนกหวีดก็ทิ้งฉู‍โถว[1]ที่อยู่ในมือ แล้วรีบวิ่งมาหาภรรยาที่หน้ารั้วไม้ ตอนนั้นก็เห็นว่าม้าของตัวเองพุ่งทะยานเข้ามา ทว่าเขาช้าไปหนึ่งก้าว ม้าของเขากำลังจะเหยียบภรรยาเข้าให้แล้ว ด้วยคิดว่าม้าของตนกำลังจะทำร้ายภรรยา หัวใจก็ดิ่งวูบราวกับไม่เคยเต้นมาก่อนแต่

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   ตอนพิเศษ 6

    ตอนพิเศษ 6เติ้ง‍อู๋จากไปคราวนี้ หวนกลับมาอีกคราก็เป็นตอนที่ต้นอ่อนของต้นมะเขือเทศที่‌เซียว‍ลี่‍หยางปลูกไว้เริ่มโตจนใกล้ออกดอกได้แล้วอีก‍ฝ่ายกลับมาถึงพร้อมกับหิมะที่ปกคลุมอยู่ทั่วศีรษะและหัวไหล่ของเขา ดูท่าแล้วอากาศข้างนอกภูเขาคงจะเข้าสู่เหมันต์ฤดูเต็มตัวแล้วแต่ตอนที่มาถึง ในตัวของเขาก็ดูเหมือนไม่ได้จะพกงูชนิดที่ตามหามาด้วยเลย‌เสวี่ย‍หว่านรีบเดินไปต้มชาร้อน ‍ๆ มาให้เขาดื่มก่อนเป็นอย่างแรก ยามนี้ด้านในกระท่อมฝั่งที่เคยเป็นครัวและพังไปในครั้งแรกก็ถูกซ่อมแซมใหม่แล้ว แต่‌เสวี่ย‍หว่านไม่ได้ย้ายครัวกลับเข้ามา เพียงทำเป็นที่ชงชาและไว้เก็บขนมเท่านั้น เผื่อตอนดึกเวลาหิวจะได้ไม่ต้องเดินออกจากตัวเรือนไปต้มน้ำร้อนแถมไม่นานมานี้ ก็ยังได้จ้างช่างมาทำชุดโต๊ะนั่งเล่นสำหรับใช้นั่งดื่มน้ำชาไว้ในส่วนของตรงนี้เพิ่มด้วย และไม่ลืมที่จะเพิ่มเก้าอี้เป็นสามที่นั่ง เวลานี้จึงมีที่นั่งเพียงพอสำหรับสามคนพอดีเสวี่ย‍หว่านเพิ่งจะเทน้ำร้อนใส่ใบชา ‌เซียว‍ลี่‍หยางก็มาขอรับช่วงต่อแทน นางจึงเดินกลับไปนั่งรอที่โต๊ะซึ่งอยู่ห่างกันไม่เกินสามก้าวจากที่ชงชา"เจ้าไม่ได้นำงูมาด้วย" เสวี่ย‍หว่านยังคงไม่อ้อมค้อมเช่นเคย"ขอร

  • สลับชะตามาเป็นชายาอ๋องพิการ   ตอนพิเศษ 5

    ตอนพิเศษ 5เติ้ง‍อู๋จากไปเมื่อคืน แต่เมื่อดวงอาทิตย์สาดส่องที่ผืนดินอีกครั้ง เขาก็วนกลับมาอีกรอบ เมื่อวานเขาถูกเจ้านายสั่งให้ไปจับงูพิษและหาข้อมูลมาให้‌นายหญิงโดยไม่ต้องบอกเจ้าตัว แต่เขาก็เพิ่งจะนึกได้ว่าอีก‍ฝ่ายวานให้เขานำของไปมอบให้ตระกูลหงด้วยหากจะลงเขาไป ในตอนนั้นเขาปิดบังท่าน‍อ๋อง ช่วยนายหญิงทำเรื่องมากมายโดยไม่รายงานผู้เป็นนาย ครั้งนี้จึงต้องการไถ่โทษ จะบอกว่าเขาเป็นคนทรยศก็ได้ เพราะเขาก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน "ข้านึกว่าเจ้าจะจากไปโดยไม่บอกข้าเสียอีก" ‌เสวี่ย‍หว่านที่กำลังยืนรดน้ำใส่แปลงผักที่สามีเพิ่งปลูกไปเมื่อวาน ก็เอ่ยทักโดยไม่หันไปมอง "ข้ากลับมาเอาของที่ท่านบอกจะมอบให้ตระกูลหง"‌เสวี่ย‍หว่านหยิบไม้แกะสลักที่มีชื่อตัวเองมอบให้เติ้ง‍อู๋ไป ก่อนจะมอบขวดยาขวดหนึ่งให้เขาด้วย "ขวดยาเป็นของเจ้า" เห็นเขารับไปแล้วมองนางด้วยความสงสัยนางก็เอ่ยว่า "ข้าคิดว่าจะไว้ใจเจ้าได้เสียอีก"เติ้ง‍อู๋รีบคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น มือทุบอกก้มหน้าลงต่ำ เขาถูกจับได้เสียแล้ว! ไหนนายท่านบอกจะปิดบังเรื่องที่เขาเล่าให้ฟังไว้เล่า ไม่ว่าจะนายหญิง ไม่ว่าจะนายท่าน หรือกระทั่งตัวเขา ต่างก็ไม่ใช่ทั้งนักรบแล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status