LOGINกึก
เจียงเยี่ยนฟางแทบจะได้ยินเสียงฟันของตัวเองที่ขบกันจนเกือบแตก! แต่นางก็ประคองสติไว้ได้เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองต้องทำให้สำเร็จ "ขออภัยเพคะท่านอ๋อง เป็นหม่อมฉันเลินเล่อเอง"
ร่างสูงในชุดเจ้าสาวสีแดงขยับเข้าใกล้เขาอีกนิด
"ยืนตรงหน้าข้า" เขาเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่าย "ตระกูลเจียงไม่สอนแม้กระทั่งพิธี?!"
คำก็ตระกูลเจียง สองคำก็ตระกูลเจียง! นางจะอดทนไปได้สักกี่น้ำเชียว เพียงเพราะชอบสตรีผู้นั้นอยู่ก่อนแล้วและไม่ได้อยากแต่งงาน เหตุใดจึงดูจงเกลียดจงชังไปถึงตระกูลเจียงด้วย
เจียงเยี่ยนฟางเลือกที่จะทิ้งคำถามมากมายไว้ในใจ ก้าวเท้ากลับไปยืนตรงหน้าเขา ก่อนจะถูกดึงผ้าคลุมหน้าออก นางอดแปลกใจมิได้ ตัวนางเป็นสตรีร่างสูงพอ ๆ กับบุรุษ ไหนจะเครื่องประดับบนหัวที่สูงเกินหนึ่งฝ่ามือ แต่ผู้ที่เพิ่งกราบฟ้าดินกับนางมาซึ่งต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นตลอด กลับสามารถตวัดผ้าออกจากศีรษะของนางที่ยืนเต็มความสูงได้อย่างง่ายได้
ชั่วลมหายใจนั้น นางก้มตาลงต่ำ แล้วคิดว่าเดี๋ยวค่อย ๆ ช้อนตาขึ้นมองหน้าเขาอย่างเชื่องช้าเพื่อทำเหมือนกำลังเขินอายให้สมกับเป็นสตรีทั่วไปเสียหน่อย ทว่าเมื่อได้มองอีกฝ่ายแล้วก็ต้องชะงัก ไม่ทันได้ดึงสายตากลับมาอย่างที่คิดไว้ในใจคราแรก สุดท้ายกลับกลายเป็นเหมือนตนเองตกใจในรูปโฉมของผู้อื่นแทน ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
'ซีฮันชินอ๋องรูปโฉมงดงามชวนเพ้อฝัน สง่างามยิ่งกว่าเทพเซียนบนแดนสวรรค์ รูปร่างสูงใหญ่องอาจ ความปรีชาเหนือผู้ใดทั้งปวง'
นั่นคือคำเล่าขานที่นางเคยได้ยินมา เรื่องเล่านั้นช่างดูไกลตัวในคราแรก แต่ยามนี้พอได้แย้มยลด้วยตาตนเองก็พบว่า ไม่เกินจริง!
สิ่งที่ทำให้เจียงเยี่ยนฟางกลับมามีสติอีกครั้ง ก็คงจะเป็นสายตาเย้ยหยันของเขาที่มองนางกลับมา
"ขออภัยที่ใบหน้าของหม่อมฉันทำให้ท่านอ๋องทรงรู้สึกไม่สบายพระทัยเพคะ" เจียงเยี่ยนฟางรีบค้นหาผ้าปิดหน้าที่พกมาด้วยมาคลุมไว้ครึ่งหน้า
เป็นผู้ใดได้ยลโฉมนางก็ต้องตกใจกับแก้มที่บวมเป่งเหมือนโดนผึ้งต่อย แม้นในสายตานางถือว่าไม่ถึงขั้นอัปลักษณ์ แต่ก็มิได้น่ามอง ยังดีที่สายตาของเขาเพียงแค่มีความไม่พอใจเล็กน้อยเท่านั้น มิได้ถึงขั้นรังเกียจกัน
"ดื่มสุรามงคลเถิด" ประหนึ่งว่าเซียวลี่หยางมิอยากเสียเวลาเสวนากับนางให้มากความ จึงพูดถึงขั้นตอนต่อไปออกมา แถมยังเบนสายตามองไปทางอื่น
เจียงเยี่ยนฟางรับคำ พลางขยับตัวไปเข็นเก้าอี้รถเข็นพาเขาไปที่โต๊ะอาหาร
ต่อจากนั้นท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ก็เริ่มลงมือรินสุรามงคลให้นางด้วยตนเอง และมิทันรอให้สุราได้กำจายกลิ่นจรุงออกมา เขาก็ทำท่าจะยกจอกสุราของตนเองขึ้นมาแล้ว ดูอย่างไรก็รู้ว่าต้องการรีบเร่งพิธีให้จบอย่างไม่คิดจะปิดบัง หรือแม้แต่คิดจะรักษาน้ำใจนาง
ถึงแม้ใบหน้าของเจียงเยี่ยนฟางจะเรียกได้ว่าสามัญจนแทบจะไม่น่ามอง แต่แววตาคู่ที่อยู่พ้นผ้าปิดหน้าขึ้นมากลับสว่างไสวราวกับแสงดาว ยามนี้ดวงตาคู่นั้นที่กำลังชำเลืองมองจอกสุราก็สั่นไหวเพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะปรายตาไปมองมือเรียวยาวของผู้ที่ตนเพิ่งเข้าพิธีมงคลด้วย กำลังยกจอกสุราขึ้นมา
นางก็รีบคว้าจอกสุราของตัวเองตามมาติด ๆ แต่กลับไม่ระวัง ตอนที่กำลังจะยกจอกไปหาอีกฝ่าย มือก็ปัดกาสุราหล่นจากโต๊ะจนตกแตก เสียงเคร้งคร้างของกาสุราที่ทำมาจากหยกชั้นดีก็ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ แม้นกาหยกจะมีราคาแพง แต่ช่างแสนเปราะบาง เมื่อหล่นลงพื้นก็แตกกระจายไปคนละทิศละทางจนไม่เหลือรูปร่างเดิม
ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันนั้น เพราะความตกใจและมัวแต่หันไปมองตามกาสุราที่หล่นลงไป เจียงเยี่ยนฟางยังเผลอปัดมือไปชนกับมือของเซียวลี่หยางอย่างแรง เป็นผลให้จอกสุราของทั้งคู่หลุดออกจากมือไปพร้อมกัน
"..." เซียวลี่หยาง
เจียงเยี่ยนฟางรีบทรุดตัวนั่งลงหน้ารถเข็น ตัวสั่นงันงก "ขออภัยเพคะ ขออภัยเพคะท่านอ๋อง" นางเอ่ยด้วยเสียงอันสั่นเครือและรวดเร็ว แต่ภายใต้ใบหน้าที่ก้มอยู่ ดวงตากลับมองหาจอกสุราที่หล่นไปเมื่อครู่ว่าแตกไม่เหลือชิ้นดีเช่นกันกับกาสุราแล้วหรือไม่
ก่อนหน้านี้ตอนที่ทำจอกหลุดมือ คราแรกยังคิดว่าท่านอ๋องคงจะอารมณ์เสียใส่นาง เพราะดูจากการกระทำที่ผ่านมาตั้งแต่เจอหน้ากันเขาก็เอาแต่ไม่ชอบใจนาง ยามนี้มันควรจะเป็นอย่างที่นางคาดไว้ แต่เขากลับเพียงแค่ผ่อนลมหายใจแรง ๆ ออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายใจแทน ไม่เหมือนคนในตระกูลของนางที่แม้นจะเป็นตระกูลอันมีชื่อเสียง แต่การกระทำกลับไม่สูงส่งเหมือนคนตรงหน้าแม้แต่น้อย
เจียงเยี่ยนฟางค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่นั่งอยู่สูงกว่า ใบหน้าใต้ผืนผ้าบางนั้นแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
"คุณหนูใหญ่เจียง เพียงแค่พิธีง่าย ๆ เจ้าก็ทำให้มันพังลงได้ ช่างมีความสามารถยิ่งนัก" หากแต่เมื่อเขาเอ่ยวาจาแล้วนั้น แม้ไม่ด่าทอทว่ากลับเจ็บแสบยิ่งนัก
คนฟังได้แต่นิ่งงัน ตกอยู่ในสภาพที่ไม่รู้ว่าควรเอ่ยสิ่งใดได้อีก กล่าวเช่นนี้ มิสู้ตบหน้านางเสียยังดีกว่า มิหนำซ้ำอีกฝ่ายยังคงกล่าวต่ออีกว่า
"แม้เจ้าจะถูกส่งไปอยู่บ้านเดิมของมารดาที่ห่างไกล แต่อย่างไรก็ขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรสาวของขุนนางชั้นสูงในราชสำนักอยู่ดี อีกทั้งยังได้ตบแต่งมาเป็นเช่อฝูจิ้น [1] ในจวนชินอ๋อง อย่างไรก็ควรวางตัวให้ดีกว่านี้"
"หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ ขอท่านอ๋องโปรดอภัย..." เจียงเยี่ยนฟางคลานเข่าเข้าไปเกาะที่หัวเข่าของอีกฝ่าย หยาดน้ำตาเอ่อคลอไปทั่วดวงตาคู่สวยจนดูน่าเวทนา
"ข้าขอเตือนเจ้า..." เซียวลู่หยางใช้มือบีบแก้มชายารองคนใหม่ของตนแน่น บังคับให้นางเชิดหน้าขึ้นมาสบตาตนเอง ไม่สนว่าอีกฝ่ายอยู่ในอาการหวาดกลัวตนเอง จนมือที่กำลังเกาะอยู่บนหัวเข่าของเขาจะสั่นเพียงไร นางก็แค่หมากตัวหนึ่งที่จะต้องกำจัดทิ้งในสักวัน ไม่ต้องให้เขานำมาใส่ใจ
[1] เช่อฝูจิ้น คือ ตำแหน่งพระชายารองของชินอ๋อง มีได้ทั้งหมดสี่คน
สามวันต่อมาก็ถึงวันที่ตลับหมึกแห้งตามที่เจียงเยี่ยนฟางคาดเดาไว้พอดี หลายวันก่อนหน้านี้ นางก็ได้ให้เซียวลี่หยางทำการขอเข้าเฝ้าไปล่วงหน้าแล้ว ได้ความว่าให้ไปหลังการประชุมในยามเช้าเสร็จสิ้นก่อน"ท่านไม่ต้องไปกับข้าก็ได้ อย่างไรเสีย เรื่องตลับหมึกนี่ก็เป็นฮ่องเต้เคยคุยกับข้าไว้แล้ว ไม่ใช่จู่ ๆ ข้าก็ทำไปถวายโดยไม่บอกล่วงหน้า""ข้าจะไปกับเจ้า" เซียวลี่หยางยืนยันอีกรอบเจียงเยี่ยนฟางมองดูคนที่กำลังจะถอดอาภรณ์ชิ้นล่างออก หลายวันที่ผ่านมานางช่วยทาแผลเป็นให้เขาจนรู้สึกคุ้นชินไปแล้ว แถมปกติก็ไม่ใช่คนที่คิดมากเรื่องชายหญิงไม่ควรใกล้ชิด เวลานี้จึงลืมไปเสียสนิท กระทั่งถูกเซียวลี่หยางจ้องมองนางนิ่ง ถึงเพิ่งจะเข้าใจ"หึ ร่างกายของท่าน ข้าเห็นจนเกือบหมดแล้ว ยังอายอะไรอยู่อีก" นางว่าพลางหันหลังให้ เดินไปค้นหาผ้าปิดตาที่เคยเก็บไว้ในเรือนของเขา พอได้ยินเสียงเขากระแอมจึงรู้ว่าเจ้าตัวนอนรอแล้ว หลังผูกผ้าปิดตาเสร็จ ก็เดินคลำทางกลับมาที่เตียง ยามที่ฝังเข็มลงไปบนขาของเขาก็เอ่ยถามว่า "ท่านคิดจะทำเช่นไรต่อไปกับบิดาของกู่เยว่ชิง"ด้วยเพราะเมื่อช่วงรุ่งสาง เติ้งอู๋เพิ่งจะมารายงานเรื่องของบิดากู่เยว่ชิงให้ฟัง ว่าแ
เติ้งอู๋ด้วยตระหนักว่าชายหญิงไม่ควรใกล้ชิด อีกอย่างท่านอ๋องก็ยังไม่ป่าวประกาศว่ากู่เยว่ชิงถูกปลดออกจากตำแหน่งแล้ว แถมยังไม่ทันได้ทำเรื่องหย่า ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าจับกู่เยว่ชิงแรงเกินไป ผลสุดท้ายคนก็ดิ้นหลุดออกจากมือไปอีกรอบ!เจียงเยี่ยนฟางถูกกระชากไหล่ให้หันกลับมา ครั้นเมื่อตัวนางเอียงกลับมาแล้ว มืออีกข้างของกู่เยว่ชิงก็พยายามจะดึงผ้าปิดหน้านางออก"เจ้ามันอัปลักษณ์ เจ้านั่นแหละที่อัปลักษณ์!" นางแผดเสียงแหลมสูง หวังเปิดเผยใบหน้าของเจียงเยี่ยนฟาง เพราะหากทำสำเร็จ ความรู้สึกที่ตัวเองต้องสูญเสียใบหน้างดงามไป ก็อาจจะลดน้อยถอยลงมาได้บ้าง แต่ไม่คาดว่าสตรีที่ไร้ทักษะดาบตามที่ท่านอ๋องเคยบอก กลับสามารถหลบมือตนได้พ้น!"..." เจียงเยี่ยนฟางที่เอียงหน้าหลบได้แล้วก็ยกมือกระชากผ้าปิดหน้าของกู่เยว่ชิงออกแทน"ผ้า ผ้าของข้า!" คนที่รับรู้ได้ว่าผ้าของตนถูกดึงออก ก็รีบใช้มือปิดใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยแผลพุพองที่เริ่มขึ้นหนองสีเหลืองไม่น่ามองไว้ ดวงตากวาดมองตามผ้าที่กำลังร่วงหล่นสู่พื้นดิน ก่อนรีบทรุดตัวลงไปจะดึงผ้าคืนมา สภาพยิ่งน่าเวทนา ไม่น่ามองเจียงเยี่ยนฟางตาไวพอที่จะทันได้เห็นใบหน้าของกู่เยว่ชิงแล้วก็พอใจ
บทที่ 29สตรีที่ท่านเคยประกาศรักมั่นเสียโฉมแล้วสามวันก่อนที่จะเดินทางเข้าเฝ้าฮ่องเต้เจียงเยี่ยนฟางก็ได้ขอออกไปเดินดูสมุนไพรที่ร้านขายสมุนไพรในตลาดเพราะอยู่แต่ในจวนนานเกินไป นานเสียจนนางแทบจะจำไม่ได้แล้วว่า ตอนที่ตนเดินทางท่องไปทั่วทุกแว่นแคว้นนั้นความรู้สึกเป็นเช่นไรแต่พอออกมาแล้วก็รู้สึกไม่ต่างกันกับอยู่ในจวนเท่าไรนัก เพราะมีเซียวลี่หยางตามประกบไปด้วยทุกที่ หากเขาไม่บอกว่าจะซื้อทุกอย่างที่นางต้องการให้ นางก็คงปล่อยเขาทิ้งไว้ที่จวนแล้ว ไม่สนแม้กระทั่งคำเตือนของเขา ที่กลัวว่าฮ่องเต้จะส่งคนมาทำร้ายนาง ด้วยเหตุผลว่านางเป็นคนที่เขาเลือกขึ้นมาเป็นพระชายาเอกด้วยซ้ำไป"เจ้าอยากตัดชุดใหม่เพิ่มหรือไม่" เซียวลี่หยางที่อยู่บนรถม้าก็กำลังมองผ่านหน้าต่างไปยังร้านผ้าขึ้นชื่อแห่งหนึ่ง เวลานี้ก็มีเหล่าสตรีแต่งตัวสวยสดงดงามเดินออกมาไม่ขาดสาย ได้คิดเองไปแล้วว่า สตรีก็คงชอบอะไรสวยงามเหมือนกันหมด จึงอยากสั่งตัดชุดให้เจียงเยี่ยนฟางขึ้นมา เพราะชุดที่นางสวมใส่อยู่ในจวน ล้วนเป็นชุดเหมือนบุรุษ ยามออกมานอกจวนก็สวมอยู่เพียงแค่ชุดเดียวคือชุดที่นางสั่งตัดใหม่ตอนไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ครั้งที่สอง เวลานี้เองก็เช่นกัน
บทที่ 28ส่วนท้าย"เจ้าเลือกเองนะ! หากเสียใจภายหลังก็ไม่ทันแล้ว" เซียวลี่หยางกำข้อมือนางไว้แล้วดึงนางให้มานั่งบนตักตัวเอง หาไม่แล้วเขาต้องถูกนางจับอุ้มไปแน่ ๆ หัวใจของเขาแทบจะกระเด็นออกมานอกอกอยู่แล้ว สตรีผู้นี้ถูกสอนมาอย่างไรเขาก็เข้าใจอยู่ แต่นางก็ควรรู้ว่าทำแบบนี้มีแต่นางที่จะเสียเปรียบ!เจียงเยี่ยนฟางเองก็ปล่อยกายทาบทับไปบนตัวผู้อื่นเสียเลย! นางเหนื่อยมากแล้ว ไม่อยากออกแรงเยอะ ครั้นนางล้มลงไปแล้วก็ถูกเขาปล่อยข้อมือให้เป็นอิสระ เพราะเจ้าตัวต้องย้ายมือไปโอบเอวนางไว้ เพื่อไม่ให้นางหล่นลงไปแทน ด้วยความสูงของนางพอมานั่งบนตักเขาแล้ว ก็ทำให้หัวสูงเลยเขาไปนิดหนึ่ง"เหอะ! เซียวลี่หยางท่านควรรู้ไว้อย่างหนึ่ง" นางที่ไม่ถูกพันธนาการแล้วจึงเป็นฝ่ายไปเกาะคอเขาไว้แทน มืออีกข้างก็พลันบีบเข้าที่กรามได้รูปของเขา บังคับให้สบตากับตนเอง แถมยังจงใจใช้นิ้วไล่ไปบนกลีบปากที่ชอบพ่นอะไรไม่รู้ออกมาเพื่อแกล้งเขา ด้วยรู้ว่าพอทำเช่นนี้แล้ว พระอิฐพระปูนเช่นเขาคงอกแตกตายและหัวเสียใส่นางเป็นแน่ จะได้ทำให้นางมีอารมณ์สุนทรีย์บ้าง "ข้าไม่เคยเดินไปบนเส้นทางที่จะทำให้ตัวเองเสียใจ"ใครเล่าจะคิดว่า มือใหญ่กลับขยับมาดึงท้
"เข้าใจแล้ว" ไม่รู้ทำไมถึงยอมได้โดยง่าย!บางทีเพราะนางกำลังรู้สึกติดค้างเขาอยู่ก็ได้ เจียงเยี่ยนฟางที่รู้ตัวว่าตนเองยอมอ่อนข้อให้ผู้อื่น ก็คิดข้ออ้างในใจได้เพียงเท่านี้หลังทานข้าวเสร็จแล้วเจียงเยี่ยนฟางก็กลับมาทำงานอีกรอบ ส่วนคนที่เหลือก็ยังอยู่ในเวลาช่วงพัก มีเพียงเซียวลี่หยางที่ตามมาด้วย และสั่งคนย้ายเตาของตัวเองมานั่งข้างนางมือเรียวยาวดั่งหยกขาวล้ำค่าที่เคยจับดาบมานาน พอว่างเว้นจากการฝึกดาบไปก็แลดูอ่อนนุ่มขึ้นมากนัก บัดนี้พอต้องมาจับพัดเพื่อปัดลมเข้าเตา ก็ทำให้ดูงดงามเหนือมือของนักรบทั่วไปเซียวลี่หยางก็ลงมือต้มยาหม้อใหม่อีกครั้ง หลังจากใส่ของที่ถูกเตรียมไว้ให้อยู่แล้วจนครบ สายตาก็ไปหยุดนิ่งที่คนข้างกาย"เจ้าทำสิ่งใดอยู่" ตัวยาที่ต้องทำยาแก้สารพัดพิษไม่มีส่วนผสมไหนที่ต้องบด แต่ในรางบดสมุนไพรของนางกลับดูต่างออกไป ครั้นถามแล้วก็ถอนหายใจอยู่ในใจเงียบ ๆ คนเดียว เขาควรรู้ว่านางชอบไม่ตอบคำถาม ดังนั้นจึงไม่ควรถามนางตั้งแต่แรก และไม่รู้ทำไมก็เริ่มรู้สึกน้อยใจขึ้นมา ทั้งที่ปกติเจียงเยี่ยนฟางก็เป็นแบบนี้มาตลอดแต่สุดท้ายแล้วก็เป็นเขาที่คาดเดาคนข้างกายผิดไป"ไว้หากทำสำเร็จแล้ว ข้าจะบอกท่าน"
ผ่านไปสักพัก หลังตะวันตั้งขึ้นเหนือศีรษะ ก็เป็นเซียวลี่หยางที่ทำเสร็จเป็นคนแรก เขาให้เติ้งอู๋พาเขาเข้าไปหาเจียงเยี่ยนฟางที่จู่ ๆ ก็บอกขอตัวไปพักครู่หนึ่งในเรือนของตน แล้วเรียกเจินเจินที่ชั่งยาครบตามจำนวนแล้วมาเฝ้าเตาต้มยาของตัวเองให้แทนเมื่อเข้ามาก็เห็นเจียงเยี่ยนฟางหลับตาเอนตัวพิงตั่งยาวอยู่ด้านในของห้องนอน เจ้าตัวพอรู้สึกว่ามีคนเข้ามาจึงเปิดเปลือกตาขึ้นมองอย่างเชื่องช้า ดูเกียจคร้านเหมือนเด็กน้อยที่หนีออกจากห้องเรียนไปแอบนอน ทำให้มุมปากของเซียวลี่หยางยกขึ้นโดยไม่รู้ตัวด้วยความเอ็นดู พอมองเห็นเต็มตาว่าผู้ใดเป็นคนเข้ามา นางก็ขยับกายลุกขึ้นมานั่ง รอเขาเข้าไปหาเซียวลี่หยางปัดมือสั่งเติ้งอู๋ให้ออกไปช่วยดูแลข้างนอกเสร็จแล้วก็หันไปหาคนบนตั่งนอน "แบบนี้คือสำเร็จแล้วหรือไม่" ว่าพลางยื่นยาก้อนกลมสีน้ำตาลเข้มบนกระดาษไข ที่ตัวเองเป็นคนกลั่นเองกับมือและเพิ่งปั้นเสร็จเมื่อครู่ให้นางดูเจียงเยี่ยนฟางก้มลงไปพิจารณาสีและลองดมกลิ่นดู ก่อนพยักหน้าให้เขาแผ่วเบา "ท่านอ๋องเก่งมากเลยเพคะ อยากเป็นศิษย์นักปรุงยาพิษของหม่อมฉันหรือไม่"เซียวลี่หยางกำลังจะตอบรับ ว่าเขายินดีเป็นลูกศิษย์นางไปตลอดชีวิตเลยด้วยซ้







