"รบกวนท่านหมอหลวงแล้ว" กล่าวจบหงเปาก็เดินไปส่งหมอหลวงขึ้นรถม้าที่หน้าจวน ทั้งยังฟังเรื่องที่อีกฝ่ายพูดขอร้องแทนพระชายาเจียงอีกสองสามประโยค เขาก็รับคำจะไปแจ้งกับท่านอ๋องให้ ซ้ำยังตบท้ายเข้าข้างเจ้านายว่า "ท่านหมอหลวงไม่ต้องกังวล ท่านอ๋องไม่ได้ถือโทษพระชายาเจียงขนาดนั้น เพียงแค่เมื่อครู่ไม่อยากให้พระชายามารบกวนท่านหมอเท่านั้น"หลายปีที่ผ่านมาจวนอ๋องไม่ใช่ไม่มั่งคั่ง เงินทองต่างก็มีให้ใช้ไม่ขาดสาย แต่เพราะฮ่องเต้ทรงตรัสว่าตนอยากดูแลน้องชาย หากเจ็บไข้ได้ป่วยก็ให้ไปเรียกคนของตนจากวังหลวงมาได้เลย ไม่จำเป็นต้องหาหมอท่านอื่นที่ด้านนอก ดังนั้นไม่ว่าท่านอ๋องจะป่วยเป็นอะไร ก็มิอาจขัดความหวังดีของฮ่องเต้ได้ จำต้องไปตามคนของวังหลวงมาตลอด ไม่สามารถเรียกหมอมาด้วยตนเองหงเปาหาได้หนักใจเรื่องนี้ไม่ แต่เกรงว่าเรื่องที่พระชายาเจียงได้รับบาดเจ็บจะถูกรายงานไปด้วย เช่นนั้นฮ่องเต้อาจจะให้คนสืบสาวราวเรื่องว่าเป็นมายังไงอีก ด้วยเพราะไม่อาจไม่ไว้หน้าขุนนางเจียง หากมองตามสายตาคนนอก เรื่องทุกอย่างในตอนนี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะท่านอ๋องตั้งแต่แรก ดังนั้นก่อนที่จะส่งท่านหมอขึ้นรถม้าไป เขาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นภายในห้อ
หลังจากเจียงเยี่ยนฟางได้ไปเปลี่ยนอาภรณ์ใหม่มาแล้ว นางก็กลับมาที่เรือนอี้อีกครั้ง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่สาวใช้กลุ่มหนึ่งเพิ่งทำความสะอาดเสร็จและพากันออกมา ทว่าตัวนางไม่อาจเข้าไปได้ เพราะหงเปาบอกว่าท่านอ๋องกำลังให้หมอหลวงรักษาอยู่ตลอดเวลานั้นเจียงเยี่ยนฟางก็ยังคงนั่งคุกเข่าอยู่ด้านหน้าเรือน ไม่ได้กระดิกตัวไปไหนแม้ครึ่งก้าว จนพอไม่มีคนอยู่แถวนี้แล้ว นางจึงลุกขึ้นยืน"ท่านอ๋องจะเป็นอะไรไหมเพคะ" เจินเจินที่นั่งคุกเข่าเป็นเพื่อนเจ้านายก็ลุกขึ้นยืนตาม พลางกระซิบถามอย่างกังวล"เจ้าบอกข้าเองว่าตั้งแต่ตกจากหลังม้าหลังจบศึกครานั้นขาของท่านอ๋องไม่รู้สึก ไม่เห็นรึไร ว่าน้ำร้อนลวกขาขนาดนั้นแล้วเขายังไม่ร้องโวยวายสักคำ ไม่เป็นอะไรหรอก" เจียงเยี่ยนฟางพยายามสุดความสามารถที่จะไม่ยกยิ้มไปพูดไป เพื่อให้น้ำเสียงของนางยังคงสงบนิ่ง แต่แววตากลับวาววับไปด้วยความพอใจสายหนึ่งที่ไม่อาจปกปิดไว้ได้"...แล้วพระชายาบาดเจ็บตรงไหนอีกหรือไม่เพคะ""..." เจียงเยี่ยนฟางไม่กล้าพูดว่าการล้มครั้งที่สองนั้นนางเจ็บมากขนาดไหน ด้วยเพราะไม่ได้ตั้งใจจะล้มเอง แต่กลับลื่นจริงจึงลงผิดท่า ทว่าแม้นนางจะเจ็บตัว หากแต่ผลลัพธ์ก็ช่างเป็
บทที่ 8บทลงโทษครั้งนี้ ผู้ใดกันที่ต้องแบกรับไว้ท้องนภาเริ่มเปลี่ยนสี เช้าวันใหม่มาเยือนพร้อมเสียงนกร้องอันไพเราะ เจียงเยี่ยนฟางยังคงตื่นเช้าอย่างเคย ไม่ต้องรอให้ใครมาเชิญนางไป ตัวนางก็เดินมาถึงหน้าเรือนอี้แล้ว"ท่านอ๋องรออยู่ด้านในแล้วพ่ะย่ะค่ะ" หงเปาออกมารับเจียงเยี่ยนฟางที่มาหาเจ้านายตนเองตั้งแต่เช้า ปกติตัวเขาเองจะมาช้ากว่านี้ด้วยซ้ำไป แต่จากรายงานที่ผ่านมาของอาเจิน ก็ได้รู้ว่าอีกฝ่ายมักตื่นเช้า และทำอะไรรวดเร็ว เขาจึงต้องลากสังขารตัวเองมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันทอแสงวันใหม่ด้วยซ้ำ เวลานี้ถึงได้มาดักรอนางได้ทัน"ข้าไม่อยากรบกวนเวลาท่านอ๋องกับพระชายากู่ ขอแค่บอกมาว่าต้องไปทำความสะอาดที่ใดก็พอ" เมื่อวานเพราะมัวแต่คิดอะไรในหัว นางจึงไม่ทันได้ฟังว่าเซียวลี่หยางให้นางไปทำความสะอาดที่ไหน"...ด้านในพ่ะย่ะค่ะ" หงเปาลังเลที่จะพูด ครั้นพูดออกไปแล้วก็เห็นดวงตาของพระชายาที่หันกลับมาสบตากับตนเอง ในระยะความสูงที่เท่ากัน แต่เหมือนนางกำลังกดตาลงมองเขาจากมุมสูง แถมดวงตาที่โผล่พ้นผ้าคลุมหน้ากลับไม่ปิดบังความไม่พอใจ'ข้าหาใช่คนที่บีบบังคับนางเสียหน่อย!' หงเปาขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกแปลก ๆ ในใจ ฉับพลันที่มัวแ
เรือนไม้หลังจวน"พระชายา มิใช่ท่านอ๋องทรงหายโกรธแล้วหรือเพคะ" เมื่อเจินเจินเดินไปส่งบ่าวคนหนึ่งที่มาแจ้งเรื่องจากไปแล้ว ก็เดินกลับเข้ามาหาพระชายาที่ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะสมุนไพรด้านใน"ท่านอ๋องของเจ้ารังเกียจข้าออกนอกหน้าถึงขนาดนั้น เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ" เจียงเยี่ยนฟางพูดไป ก็บดบางอย่างในครกเล็กซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่อยู่ในกล่องไม้ของนางไปด้วย หากมีพื้นที่อีกนิดนางจะเปลี่ยนจากครกเป็นรางบดสมุนไพรแทน"...เหตุใดถึงมีรับสั่งให้พระชายากลับไปเรือนไอ่ด้านในได้แล้วเล่าเพคะ หรือชดเชยเรื่องเมื่อวานที่ไม่สามารถเอาผิดพระชายากู่ให้ได้?""เจินเจิน เจ้าจะทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวข้าไม่ว่า แต่บางทีก็ดูเหมือนเจ้าจะหลงลืมไปแล้วจริง ๆ" เจียงเยี่ยนฟางกวักมือเรียกสาวใช้ของตนให้เข้ามาใกล้ ๆ ครั้นคนมาถึงแล้วนางก็เอาผ้าที่ชุบน้ำหมาด ๆ ไว้สำหรับเช็ดมือให้ตัวเอง ไปเช็ดมือให้เจินเจินแทน"พระชายา! ทำอะไรเพคะ" เจินเจินคิดจะดึงมือคืนแต่ก็ไม่กล้าบุ่มบ่าม ถึงมือของอีกฝ่ายช่างน่ามองแต่กลับทำให้คนมองหวาดหวั่นใจยิ่งนัก"เจ้าบอกจะไปเตรียมอาหารมื้อเย็นให้ข้า แต่กลับมาเร็วกว่าที่ควร แล้วเมื่อครู่เจ้าบอกข้าว่าอย่างไรนะ?" นางยังค
ส่วนด้านในรถม้าที่วิ่งจากไปแล้ว เซียวลี่หยางก็เม้มปากแน่น เหงื่อที่ไม่อาจห้ามได้ยิ่งผุดพรายเต็มกรอบหน้าได้รูปของเขา ขณะที่กำลังขยับตัวถอดอาภรณ์ออกทีละชั้น เป็นเวลาเดียวกับที่หงเปาเดินเข้ามาด้านในพอดี"อีกเกือบหนึ่งก้านธูป [1] กว่าจะถึงจวน..." หงเปาสีหน้าเป็นกังวล ช่วยเปิดเสื้อท่านอ๋องออกอีกแรง ถึงได้พบว่าผ้าพันแผลสีขาวที่ถูกพันไว้ลวก ๆ ก่อนหน้านี้ถูกอาบย้อมไปด้วยสีแดงจนไม่เห็นสีเดิมของเนื้อผ้าแล้ว "ท่านอ๋องลงมานอนพักก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ""..." เซียวลี่หยางส่ายหน้า มือยกคลายผ้าพันแผลผืนเดิมทิ้งไป หนักกว่านี้เขาก็เคยผ่านมาแล้ว ซ้ำเวลานั้นยังต้องถือดาบฟาดฟันศัตรูในสนามรบจนพลบค่ำ เรื่องแค่นี้ไม่ถึงขั้นทำให้เขาต้องลงไปนอน"เช่นนั้นท่านอ๋องรอสักหน่อย กระหม่อมให้เติ้งอู๋เร่งรถม้าให้เร็วขึ้นแล้ว" หงเปาก้มตัวไปดึงหีบไม้ที่ซ่อนไว้ใต้ที่นั่งของเจียงเยี่ยนฟางออกมา หยิบผ้าพันแผล ผ้าสะอาดไว้ซับเลือด และขวดยากระเบื้องเคลือบสีแดงเป็นอย่างสุดท้าย จากนั้นก็เริ่มใส่ยาให้เจ้านายใหม่อีกรอบ "คุณหนูใหญ่เจียงนางจะไปที่ไหนอีก แต่ละวันไม่เคยอยู่ติดเรือน"ท่านอ๋องออกมาจากจวนครั้งนี้ก็เพื่อมาช่วยนางไม่ให้ขายหน
"ท่านอ๋องทรงมีเมตตายิ่งนักเพคะ" เจียงเยี่ยนฟางหรี่ตาลงก้มหน้าหลบ คล้ายเบาใจที่สาวใช้ไม่ต้องถูกส่งไปอยู่ในสถานที่อันหนาวเหน็บเช่นชายแดนอีกแล้วไม่นานหลังจากหงเปาและเติ้งอู๋กลับมา ทั้งห้าคนก็พากันเดินทางกลับจวนด้วยกันเป็นครั้งแรกที่เจียงเยี่ยนฟางได้ใช้อากาศร่วมกับเซียวลี่หยางนานขนาดนี้ ภายในรถม้าที่ใหญ่โตให้คนนอนได้สบาย กลับรู้สึกอึดอัดเพราะต้องมานั่งปั้นหน้าต่อหน้าเขาอยู่ตลอดเวลา เจ้าของรถม้ากลับดูไม่ทุกข์ร้อน นั่งนิ่งมานานอยู่ทางฝั่งขวามือของนาง ที่เดิมทีควรเป็นเบาะรองนั่ง แต่รถม้าคันนี้กลับถูกออกแบบมาให้เซียวลี่หยางโดยเฉพาะ"วันนี้เจ้าทำดีมาก""?" เจียงเยี่ยนฟางเงยหน้าขึ้นสบตามองคนที่นั่งอยู่บนรถเข็น ใบหน้ารูปงามยังคงสงบนิ่งมองตรงไปยังประตูทางออก แววตาเย็นชาดุจน้ำในเหมันต์ฤดู แต่รอบกรอบหน้ากลับเริ่มมีเหงื่อผุดพรายออกมา ความสงสัยจึงฉายผ่านแววตาครู่หนึ่ง 'เขากำลังไม่สบายตัวจนสับสนหรือไร เมื่อครู่ก็ถึงขั้นเอ่ยปากชมผู้อื่นเป็นด้วย? แล้วชมเรื่องอันใดกัน ?'"ตำแหน่งพระชายาต่อให้ข้าไม่พอใจมอบให้เจ้า แต่ก็ไม่อาจให้ใครมาดูถูกได้""...ทรงได้ยินเรื่องในห้องรับรองทั้งหมด?""..." เซียวลี่หยางเบน