หมับ!
ตุบ!
"โอ้ย!"
เสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดดังลั่น เฟิงซูเหยาที่ถูกขวางทางมิได้ล้มตึงลงตามที่ใจคนกลั่นแกล้งปรารถนา หากแต่เป็นเจินเม่ยที่ถูกเฟิงซูเหยาแสร้งเสียหลักแล้วผลักจนล้มลงไปกองที่พื้นแทน
"คุณหนู!"
"เม่ยเอ๋อร์"
เสียงผู้มาสมทบทั้งสองคนต่างเรียกหาคนของตนเอง
เจินซู่ปรี่เข้าไปช่วยพยุงบุตรสาวลุกขึ้นจากพื้นแข็ง ๆ แถมเย็นยะเยือก ส่วนอาถังเข้าไปจับตามเนื้อตัวคุณหนูสามของนางว่าบาดเจ็บส่วนใดหรือไม่อย่างเป็นห่วง
"เจ้ากล้าแกล้งข้า!"
ทันทีที่ถูกมารดาช่วยขึ้นมาจากพื้น มือเรียวกรีดนิ้วชี้หน้าน้องสาวต่างมารดาด้วยความเกรี้ยวกราด
"ข้าเปล่าแกล้งท่าน เมื่อครู่ข้าเห็นเหมือนมีเท้าของสัตว์โผล่ออกมาเลยตกใจ ใครจะรู้ว่านั่นคือพี่รองที่แอบอยู่ตรงหัวมุม"
เฟิงซูเหยาแกล้งหลบตาในใจกลั้นขำหลังเฉไฉเสร็จ
"เจ้าหาว่าเท้าอันเรียวสวยของข้าคือเท้าของสัตว์งั้นรึ!"
เจินเม่ยสั่นไปทั้งตัวอย่างควบคุมโทสะมิได้
นางทั้งกระทืบเท้าทั้งกรีดร้องจนคนที่อยู่บริเวณนั้นต้องยกมืออุดหู
"ข้าเห็นว่าเป็นเท้าของสัตว์จริง ๆ นะเจ้าค่ะ"
ยิ่งตอบโต้ ซูเหยายิ่งรู้สึกสะใจ
ความทรงจำของฟ่างเซียนเซียนที่ผุดขึ้นมาให้นางเห็นเรือนลาง บ่งบอกว่าสองแม่ลูกนี้ทำเลวทรามกับเจ้าของร่างที่นางอยู่ตอนนี้มากเพียงไหน แผลเป็นที่ติดอยู่บนร่างกายนี้เป็นเครื่องยืนยันชิ้นดีว่าฟ่างเซียนเซียนผู้นั้นถูกทุบตีทรมานอย่างน่าเวทนายิ่ง
"เจ้าบอกว่าเห็นเป็นเท้าสัตว์ สัตว์ชนิดใดกันที่สวมใส่รองเท้าปักลวดลายสวยงามเช่นนี้!"
เจินซู่เค้นเอาความจากลูกเลี้ยงที่วันนี้มาแปลกพิกล สายตาที่นางจ้องทั้งสองคนช่างแตกต่างจากฟ่างเซียนเซียนก่อนจะสิ้นใจราวคนละคน
นางผู้นั้นรึจะกล้าสู้สายตากับสองแม่ลูกนี้ แค่ได้ยินเสียงเจินเม่ย ฟ่างเซียนเซียนคนเดิมก็ตัวสั่นน้ำตาเล็ดแล้ว
"ฮูหยินรองอยากรู้หรือเจ้าคะว่าเมื่อสักครู่ข้าเห็นเท้าของสัตว์ใด"
เสียงกวนโทสะนั้นยิ่งทำให้คนถูกยั่วโมโหเลือดลมขึ้นหน้า อยากจะลากซูเหยามาลงไม้ลงมือให้หายแค้นเช่นทุกครั้ง
คราวก่อนในงานเลี้ยงเรื่องที่นางใส่สีโปรดของเจินซู่นางก็ยังมิได้จัดการเอาความ ทว่าเวลาสบตากับสายตารัตติกาลคู่นั้นแล้ว ทั้งเจินซู่และเจินเม่ยกลับรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงข้างในทรวง สัญชาตญาณบางอย่างบอกพวกนางว่าหากรังแกคนตรงหน้าจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต
"งั้นเซียนเอ๋อร์เฉลยเลยแล้วกัน เพราะสมองที่ใหญ่โตของพวกท่านคงนึกไม่ออก"
สองแม่ลูกยังคงกอดกันเกรียวไม่มีใครเอะใจว่าซูเหยาหลอกด่าพวกนางว่าสมองกลวง
"เท้าของสัตว์ที่เซียนเอ๋อร์เห็นคือเท้าของงูเจ้าค่ะ เป็นงูพิษที่ชอบแว้งกัดคนกันเอง"
พูดจบซูเหยาก็หันหลังเดินกลับเรือนหลานฮวาพร้อมอาถังสาวรับใช้อย่างไม่รอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้กับสองแม่ลูกคู่นี้
"งู... ท่านแม่ งูมีขาด้วยหรือเจ้าคะ"
เจินเม่ยเอ่ยถามมารดาด้วยเสียงใคร่สงสัย
"โอ้ย! เจ้าสมองช้าตั้งแต่เมื่อใดกัน นางหลอกด่าพวกเราว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานชั้นต่ำ!"
เจินซู่ฟึดฟัดด้วยความโมโหที่ถูกหลอกด่าซึ่ง ๆ หน้า
การตื่นมาของฟ่างเซียนเซียนในครั้งนี้แปลกไปอย่างมาก ทั้งวาจาสามหาวขึ้นหลายเท่า ไหนเลยจะแววตาที่ดุดันมิเกรงกลัวสิ่งใดคู่นั้นก็เปลี่ยนไปตาม แถมชอบทำอะไรที่ไม่เคยกล้าทำอย่างเช่นสวมใส่เสื้อผ้าสีแดงฉูดฉาดสีโปรดของเจินซู่เดินรอบจวนนั่นอีก
"กรี๊ด!!"
เจินเม่ยเหมือนเพิ่งได้สติ นางกรีดร้องออกมาจนแทบจะดังไกลเป็นพันลี้
"ฟ่างเซียนเซียน! เจ้าจะต้องถูกข้าเอาคืนอย่างสาสม!"
เจินเม่ยกระทืบเท้าระบายอารมณ์ ค่อย ๆ เดินอย่างทุลักทุเลลูบบั้นท้ายที่ล้มกระแทกพื้นตามมารดากลับเรือนพักตนไป
"คุณหนูทำได้เยี่ยงไรเจ้าคะ"
หลังจากกลับถึงห้องนอนแล้ว อาถังถามคุณหนูนางถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
"ทำอะไร"
ซูเหยาหยิบถ้วยน้ำชาที่สาวรับใช้รินส่งให้ขึ้นมาจิบแก้กระหาย
"ก็ที่คุณหนูต่อปากต่อคำกับฮูหยินรองและคุณหนูเจินเม่ยไงเจ้าคะ"
รอยยิ้มบาง ๆ ยกขึ้นตรงมุมปากพลางเอ่ย
"เมื่อก่อนข้าคงดูอ่อนแอมากสินะ"
ฟ่างเซียนเซียนหนอฟ่างเซียนเซียน เจ้าเกิดมาในตระกูลร่ำรวย ได้รับไออุ่นจากพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด แต่เหตุใดถึงได้โชคร้ายที่ต้องอยู่ร่วมชายคากับมนุษย์โสโครกจิตใจสกปรกหยาบช้ากว่าสัตว์เดรัจฉานอย่างสองแม่ลูกนั่น
"เหตุใดคุณหนูต้องดูถูกตนเองด้วยเจ้าคะ ในสายตาของบ่าว คุณหนูมิได้อ่อนแอเลย เพียงแค่ท่านจิตใจดีมากจนเกินไปจนผู้อื่นใช้ประโยชน์จากตรงนั้นย้อนทำร้ายตัวท่านเอง"
อาถังพรั่งพรูทุกอย่างออกมาจากใจ
นางอยู่รับใช้ข้างกายฟ่างเซียนเซียนตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ กินนอนด้วยกันตั้งแต่ฟ่าเซียนเซียนยังเด็กย่อมรู้จิตใจคุณหนูของนางดีว่าจิตใจดีมีเมตตาเช่นไรบ้าง
"เจ้าไม่ต้องห่วง ต่อไปนี้ข้ามิใช่ฟ่างเซียนเซียนคุณหนูอ่อนแอผู้นั้นของเจ้าอีกต่อไป"
ภายในฐานทัพของศัตรู เฟิงซูเหยาทำร้ายทหารของข้าศึกเพื่อชิงชุดของฝั่งนั้นมาใส่จะได้เดินไปไหนมาไหนในฐานทัพศัตรูได้ง่าย ๆ"ช้าก่อน!"เสียงนายกองที่เดินลาดตระเวนผ่านมารั้งไว้"พลทหารลาดตระเวนกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด"เฟิงซูเหยาได้ยินคำถามคิดครู่หนึ่งจึงดัดเสียงให้ใหญ่ตอบ"ข้าน้อยจะไปเข้าห้องน้ำขอรับ"เฟิงซูเหยาตอบแต่ไม่หันหน้ากลับไป"เจ้าเป็นทหารใหม่หรือถึงไม่รู้ว่าห้องน้ำไปทิศทางใด"คนถูกถามในชุดที่ปลอมตัวอยู่ถึงกับเลิ่กลั่ก หูที่แสนดีได้ยินเสียงทหารด้านหลังชักกระบี่ขึ้นเบา ๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าเขาไม่เชื่อใจนางแล้วมือแน่งน้อยค่อย ๆ หยิบเข็มพิษที่ซ่อนไว้ในผ้ารัดข้อมือออกมาเตรียมซัดใส่ศัตรู ทว่า..."อั่ก!"เสียงหล่นตุ้บของร่างกำยำดังขึ้นทำเอานางรีบหันกลับไปดู"อาเฟย"ทันทีที่เห็นว่าเป็นฝีมือผู้ใดเฟิงซูเหยาถึงกับตกใจเล็กน้อย"ท่านมาได้เยี่ยงไร"เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ทักทายกลับจึงรีบวิ่งเข้าไปใกล้แล้วชวนคุย"หากข้ามาช้างานแต่งอีกสามวันข้างหน้าคงไร้เจ้าสาวเคียงข้างไปแล้ว"อี้เฟยพูดตัดพ้อใบหน้าเงียบขรึม"ท่านช่างพูดเกินไปเมื่อครู่ข้าคนเดียวก็เอาอยู่"เฟิงซูเหยาย่นจมูกทำท่าทางแง่งอนใส่อีกคน"เอาอยู่น่
“เช่นนั้นช่วยป้าล้างผักตรงนั้นแล้วกัน”เสิ่นอี้มองตาเด็กน้อยก็รู้แล้วว่านางคงมีความทุกข์ในใจจึงไม่ใส่ใจถามสิ่งที่เฟิงพูดค้างคาเอาไว้ต่อ“วันนี้ท่านป้าจะทำกับข้าวเลี้ยงฉลองหรือเจ้าคะ”เฟิงมาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วนางเห็นความเป็นอยู่ของทั้งสองคนว่ากินอยู่เช่นไร พอมาวันนี้เห็นของที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้านางรู้ในทันทีว่าต้องเป็นของที่ทำเพื่อเลี้ยงฉลองแน่นอน“วันนี้วันเกิดเฟยเอ๋อร์”เฟยเอ๋อร์หรืออี้เฟยดรุณที่เป็นคนยื่นมือพาเฟิงน้อยคนนี้ออกมาจากตรอกน่ากลัวแห่งนั้น“ข้ามิรู้ว่าวันนี้วันเกิดเสี่ยวเฟยจึงไม่ได้เตรียมของขวัญไว้”เขาเป็นถึงผู้มีพระคุณสำหรับนาง วันสำคัญเช่นนี้เฟิงยังตอบแทนอี้เฟยเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้ช่างไม่สมกับที่เขาให้ชีวิตใหม่นางเอาเสียเลย“ไม่ต้องคิดมาก งั้นวันนี้ป้าจะสอนเฟิงทำอาหารโปรดเฟยเอ๋อร์ดีหรือไม่”เฟิงพยักหน้าอย่างระรื่น นางไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญที่เป็นสิ่งของเสมอไป หากเป็นการทำอาหารแม้รสชาติจะไม่ได้เลิศรสเท่ากับพ่อครัวแม่ครัวที่อื่น แต่นางก็จะตั้งใจเรียนรู้และทำให้เขาเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดในวันนี้“ทานสิ”เฟิงคะยั้นคะยอให้บุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารลองทานอา
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่กเสียงหอบเหนื่อยที่ดังเบาแทบจะไม่ให้ใครได้ยินแม้แต่ตัวเองดังขึ้นเด็กน้อยวัยสักสิบขวบเศษกำลังวิ่งหลบไปตามต้นไม้น้อยใหญ่เพื่อหลีกหนีการตามล่าของกองโจรที่แสนน่ากลัวเฟิงเสี้ยว“รอยเท้ามันมาทางนี้ อย่าให้มันหนีรอดไปไหนได้”เสียงหนึ่งในกลุ่มโจรที่ออกตามล่าเด็กน้อยผู้นี้ดังขึ้นร่างบอบบางคุดคู้อยู่ด้านหลังโขดหินที่มีตะไคร่น้ำเกาะจนเป็นสีเดียวกับต้นไม้เพื่ออำพลางไม่ให้ถูกโจรกลุ่มนั้นตามล่าเข้า“เฟิง ข้ารู้ว่าเจ้าแอบซ่อนอยู่แถวนี้”รองหัวหน้ากองโจรเฟิงเสี้ยวเอ่ยชื่อของนักโทษหลบหนีเสียงเรียบเย็นดรุณีน้อยได้แต่ขดตัวสั่นแทบจะลืมหายใจด้วยซ้ำ“ออกมาเถอะน่า ประมุขเฟิงรอเจ้าอยู่”เสียงอีกคนที่ออกตามล่าเอ่ยเรียกอีกแรง“ไม่ ข้าไม่ออก ข้าไม่อยากกลับไปฆ่าคนอีกแล้ว”เฟิงน้อยเอ่ยอย่างรู้สึกหวาดกลัวตลอดเวลาสิบปีมานี้ แม้คนในกองโจรเฟิงเสี้ยวจะดีกับนาง แต่ก็ทำเพื่อหวังผลประโยชน์ทั้งนั้น เห็นดรุณีน้อยฉลาดหัวไว สอนอะไรก็เก่งกาจไปเสียหมด ไม่ว่าจะเรื่องพิษ เรื่องต่อสู้ เฟิงผู้นี้ไม่เคยทำให้ประมุขแห่งกองโจรนี้ผิดหวังสักเรื่อง เพราะแบบนี้เขาเลยไม่ยอมเสียหมากตัวนี้ให้หนีออกไปจากกองโจรแห่งนี้“ระวังต
"อั่ก! จ...เจ้า"ดวงตาอี้ซินเบิกโพลง เลือดมากมายค่อย ๆ ไหลออกมาจากปากและจมูก เฟิงซูเหยาที่ถูกกระบี่ของเขาแทงไหปลาร้าก็มีสภาพไม่ต่างจากอี้ซินเช่นกัน"รสชาติของมีดเล่มนี้ยามปักที่อกท่านเป็นเช่นไรบ้างเพคะ คุณชาย"เฟิงซูเหยากระซิบออกมาแผ่ว ๆ นางเรียกอี้ซินอย่างที่เคยเรียกตอนเป็นเฟิงซูเหยา ทำเอาคนที่คุ้นชินทั้งเหตุการณ์ทั้งสรรพนามที่เคยถูกเรียกหลุบตามองนางด้วยแววตาสั่นไหว"ตอนที่ข้าปักมันลงบนอกด้วยมือของข้าเองท่านรู้หรือไม่ว่ามันไม่เจ็บปวดเลย เพราะตอนนั้นหัวใจข้าได้ตายลงก่อนที่ข้าจะแทงขั้วหัวใจตัวเองแล้ว"เฟิงซูเหยาพรั่งพรูทุกสิ่งทุกอย่างที่นางอยากเล่าในชาติที่แล้วแต่ไม่มีโอกาสให้เขาฟังด้วยความขมขื่น"เจ้าเป็นใครกันแน่"อี้ซินฝืนรวบรวมแรงทั้งหมดเอื้อมมือที่แสนจะหนักอึ้งขึ้นมากระชากผ้าปิดหน้าของสตรีตรงหน้าออกดวงตาเขาสับสนปนวูบไหวเมื่อใบหน้านี้คือใบหน้าของฟ่างเซียนเซียน แต่ประโยคที่นางเอ่ยกับตนกลับเป็นเหตุการณ์ของอีกคนที่นางผู้นี้ไม่มีวันรู้ว่าวันนั้นเมื่อสองเดือนก่อนเกิดอะไรขึ้นบ้าง"คุณชายคงกำลังสับสนใช่หรือไม่ว่าข้ารู้เรื่องราวของเฟิงซูเหยาได้เช่นไร"รอยยิ้มแห่งชัยชนะผุดพรายขึ้นบนใบหน้าสว
"อย่าคิดหนี อ๊ะ!"เฟิงซูเหยาตั้งใจจะตามสามคนนั้นไปแต่ถูกฉินเทาเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อนเสียงกระบี่ทั้งสองฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายจวบจนเฉินเทาเพลี่ยงพล้ำเสียท่าถูกเฟิงซูเหยาปลิดชีพ"สุนัขรับใช้ที่แสนซื่อสัตย์ สุดท้ายเจ้าก็ตายอย่างโดดเดี่ยวอย่างน่าเวทนา"นางกล่าวอย่างสมเพชร่างไร้ลมหายใจของฉินเทา จากนั้นจึงเร่งตามสามคนนั้นไปเพื่อไม่ให้เสียเวาไปมากกว่านี้มีดสั้นที่นางเก็บไว้กับตัวถูกขว้างออกไปแต่พลาดเป้า"เจ้านี่มันกัดไม่ปล่อยเสียจริง อยากรู้นักว่พวกนั้นจ้างวานเจ้าเท่าใดถึงยอมเสี่ยงตายขนาดนี้"เมื่อหนีไม่พ้นอี้ซินมีเพียงทางเลือกเดียวคือหันหน้าเผชิญกับนักฆ่าสาวที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้"อย่าใช้นิสัยตนเองตัดสินผู้อื่น ไม่มีผู้ใดจ้างวานข้าทั้งนั้น หากแต่วันนี้ข้าจ้องการคิดบัญชีแค้นกับท่านด้วยเหตุผลส่วนตัว""ข้าไม่เคยรู้จักนักฆ่าเช่นเจ้ามาก่อน"หึ! แน่แหละที่เขาไม่รู้จักนางในร่างของผู้อื่นเช่นนี้"ท่านไม่รู้จักข้าแล้วเช่นไร ขอเพียงข้าจดจำความแค้นที่ท่านเคยมอบให้ข้าแต่เพียงผู้เดียวก็เพียงพอแล้ว"เฟิงซูเหยาไม่อยากเปลืองน้ำลายยิ่งกว่านี้ นางตั้งท่ากระบี่วสันหวนคืนทันที อี้ซินเห็นท่วงท่าของเพลงกระ
"ดาบนี้ตอบแทนที่ท่านพ่อชุบเลี้ยงข้ามาด้วยความเลือดเย็น"เฟิงซูเหยากระซิบแผ่วเบาข้างหูเฟิงเสี้ยวที่ถามว่านางเป็นใครเพียงแค่ได้ยินถ้อยคำนั้นดวงตาเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ"จ...เจ้า เจ้ายังไม่ตาย"น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเบาจนเฟิงซูเหยาเองก็แทบจะไม่ได้ยิน"ข้าจะตายก่อนได้แก้แค้นคนชั่วช้าเช่นพวกท่านได้เยี่ยงไร"น้ำเสียงที่ส่งออกมามีแต่ความเคียดแค้น"จ...เจ้า ..เฮือก!"มีคำพูดมากมายที่เฟิงเสี้ยวอยากเอ่ยแต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเฟิงซูเหยาแทงกระบี่เข้าไปจนสุดด้ามปลิดลมหายใจเขาจนสิ้นในครั้งเดียว"แม่นางระวัง!"เฟิงซูเหยาที่ไม่ทันระวังตัวเกือบถูกมีดจากฉินเทาปลิดชีพไปแล้ว โชคดีที่ได้ฟ่างเสวียนสวี่ร้องเตือน"ยานี้ช่วยถอนพิษได้"นางรีบยื่นขวดยาถอนพิษที่พกติดตัวมาเผื่อให้ฟ่างเสวียนสวี่ก่อนจะรีบปลีกตัวหนีไปปิดบัญชีแค้นในครั้งนี้หมับ!ทว่าข้อมือเล็กกลับถูกคว้าเอาไว้เสียก่อนด้วยฝ่ามือแกร่งของฟ่างเสวียนสวี่เอง"เซียนเอ๋อร์ นั่นเจ้าใช่หรือไม่"บิดาที่ไหนกันจะจำเพียงแววตาของบุตรสาวตนเองไม่ได้ครั้งแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาเห็นเพียงแววตาของฟ่างเซียนเซียนที่อยู่ด้านหลังประมุขเฟิงเขาก็จับได้ในทันทีเฟิงซูเหยาไม่มีเ