ภาพเด็กผู้หญิงที่เข้ามาขัดอารมณ์รัญจวนของผู้อื่น แววตาของร่างเล็กที่ปรายตามองอย่างเหยียดหยัน ทำให้ดวงตาที่ถูกวาดจนคมกริบของสตรีในชุดหรูหราแต่ทว่ายับย่นวาวโรจน์ จ้องมองร่างเล็กผอมบางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
"แกจะไปไหน"
มิรู้เพราะฤทธิ์น้ำเมาหรืออารมณ์ที่ค้างคา จึงทำให้คุณหนูเฉิดจันทร์ที่มักจะวางตัวเป็นผู้ดีต่อหน้าผู้อื่นอยู่เสมอหลุดกิริยา เรือนร่างสมส่วนเดินเข้าไปกระชากแขนเรียวเล็กของเด็กหญิงที่ก้าวเดินผ่านหน้าไปไม่ถึงห้าก้าวอย่างแรง ก่อนจะเหวี่ยงจนร่างผอมบางเซถลาตกลงไปในสระบัว แม้ทุกอย่างจะเกิดขึ้นเร็วมาก แต่ดอกแก้วก็ทันได้เห็นว่าอีกฝ่ายจงใจผลักหนูยิ้มตกน้ำ
ตูม!!!
"หนูยิ้ม"
เสียงน้ำที่แตกกระจายดังขึ้นพร้อมกับน้ำเสียงตื่นตระหนกของผู้เป็นพี่สาว ดอกแก้วที่เร่งฝีเท้าถลาเข้ามาเพื่อช่วยน้องสาวแต่กลับมิทันการ เด็กหญิงวัยเก้าขวบดำผุดดำว่ายเพราะว่ายน้ำไม่เป็นทำคนมองมือไม้สั่นไปหมด แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้ทำสิ่งใดกลับได้ยินเสียงน้ำแตกกระจายอีกตูมใหญ่ นัยน์ตากลมโตไหวระริก มองบุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่กระโดดลงไปพาร่างไร้เรี่ยวแรงของหนูยิ้มขึ้นมาจากน้ำ
ร่างเล็กที่อ่อนปวกเปียกในอ้อมแขนของชายหนุ่มผู้ช่วยชีวิต ทำให้นัยน์ตาหวานซึ้งตวัดมองผู้กระทำผิดที่ยังคงลอยหน้าลอยตาแข็งกร้าว
"หากหนูยิ้มเป็นอันใดไป ข้าเอาเจ้าตายแน่"
ก่อนจะเร่งฝีเท้าเข้าไปหาร่างเล็กที่หมดสติด้วยความร้อนใจ
"หนูยิ้ม หนูยิ้มตื่นสิ"
เสียงหวานสั่นเครือที่เอ่ยเรียกเด็กผู้หญิงที่ยังคงอยู่ในอ้อมแขนของเขา ทำให้ร่างสูงได้สติถอนสายตาจากใบหน้างามพิสุทธิ์ตรงหน้าหันมาช่วยชีวิตเด็กน้อยในอ้อมแขน
เสียงสำลักน้ำของร่างเล็กที่ดังขึ้นในเวลาต่อมาทำให้ดอกแก้วยิ้มออกมาทั้งน้ำตา เอ่ยถามเสียงสั่นระริก
"หนูยิ้ม เป็นเยี่ยงไรบ้าง"
"พี่หญิง"
ดอกแก้วที่ยื่นมือขาวนวลลูบหน้าลูบตาของผู้เป็นน้องสาวที่เปียกโชก ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มบัดนี้นั้นดูซีดเผือด ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนสายหนึ่งตรงศีรษะของตน จึงแหงนเงยใบหน้าขึ้นมองหาที่มาของความอุ่นร้อนนั้น สบเข้ากับนัยน์ตาคู่คมที่จ้องมองมาในระยะประชิด มีเพียงร่างเล็กของเด็กน้อยเท่านั้นที่ขวางกั้น เพราะความดีใจที่น้องสาวฟื้นคืนสติจึงทำให้นางหลงลืมไปว่ายังมีผู้อื่นอยู่ ดวงตาคมกล้าที่มองสบมามีประกายลึกล้ำประหลาด ทำให้ห้วงลมหายใจของดอกแก้วสะดุดไปจังหวะหนึ่ง ใบหน้างามร้อนผ่าวเพราะสายตาคู่นั้น หัวใจเต้นระรัวเหมือนดังตอนที่เห็นว่าน้องสาวตกน้ำแต่นางรู้ได้ว่ามันคนละความรู้สึกกัน สายตาคมกริบคู่นั้นตรึงนางเอาไว้จนไม่อาจที่จะละสายตาออกมาได้
"แม่ดอกแก้วเกิดอันใดขึ้น"
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นอย่างห่วงใยด้านหลังดึงสติของดอกแก้วให้ออกจากภวังค์ ผินใบหน้างามไปมองผู้มาใหม่
"คุณพี่เดช"
เสียงหวานเอ่ยนามบุรุษตรงหน้าอย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นว่าคนผู้นั้นคือผู้ใด เกิดความยินดีขึ้นมาสายหนึ่งในดวงตาคู่งาม ก่อนมันจะหายไปอย่างรวดเร็ว เอ่ยตอบบุรุษผู้ที่กำลังมองมาอย่างห่วงใยเมื่อนึกขึ้นได้
"หนูยิ้ม หนูยิ้มตกน้ำเจ้าค่ะ"
น้ำเสียงหวานใสเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน พร้อมกับกระชับร่างเล็กที่เปียกไปทั้งตัวแน่นขึ้น สายตาพลันเห็นผู้เป็นบิดาและแขกในงานบางส่วนกำลังเดินตรงมาจึงเอ่ยกับอีกฝ่าย
"คุณพี่เดช ช่วยพาหนูยิ้มขึ้นเรือนก่อนเถอะเจ้าค่ะ แล้วข้าจักเล่าให้ฟังอีกที"
เอ่ยกับบุรุษที่ก้าวเข้ามาช้อนร่างเล็กเอาไว้ในอ้อมแขน
คุณพี่เดช หรือ หมื่นเดชาหาญณรงค์ กระชับร่างเด็กหญิงที่สั่นเทาก้าวเดินไปยังเรือนของอีกฝ่ายในทันที
สายตาหวานที่แข็งกร้าวขึ้นของดอกแก้วปรายมองสตรีผู้เป็นต้นเหตุที่ไร้วี่แววสำนึกผิดอย่างโกรธเคือง มองบุรุษข้างกายของอีกฝ่ายที่ร่างสูงใหญ่นั้นเปียกไปตลอดร่างเพียงเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินขึ้นเรือนตามบุรุษอีกผู้หนึ่งไปโดยไม่พูดจา
คิ้วเข้มบนใบหน้าหล่อคมขมวดมุ่น มองแผ่นหลังบอบบางที่ก้าวตามร่างสูงของบุรุษอื่นไปด้วยรอยยิ้มหยัน
ดูทีรึ เขาเป็นผู้ช่วยน้องสาวนางขึ้นจากน้ำแท้ๆ แต่กลับไปร้องขอบุรุษอื่นให้พากลับเรือน หึ คำขอบคุณสักคำหรือก็ไม่มี ช่างประเสริฐยิ่งนัก
ร่างสูงใหญ่ที่คิดพลางเสยผมที่เปียกชุ่มนัยน์ตาคมหรี่ลงอย่างไม่อาจคาดเดาความคิด ก่อนจะกล่าวขอตัวกับสตรีข้างกายที่ดูจะวุ่นวายกับเนื้อตัวเขากลับเรือนอย่างไม่สบอารมณ์
เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกระหว่างดอกแก้วและบิดาย่ำแย่ นางนั้นเห็นกับตาตัวเองว่าอีกฝ่ายจงใจที่จะผลักหนูยิ้มตกน้ำแต่บิดากลับเชื่อคำโกหกของสตรีไร้ยางอายที่ทำเรื่องบัดสีในเรือน กล่าวว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ผู้เป็นบิดาเหยียบย่ำความรู้สึกของบุตรเช่นนางจนแตกละเอียด สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้แก่ดอกแก้วจนหัวใจดวงน้อยบอบช้ำยับเยิน นางจึงตัดสินใจแยกตัวพาหนูยิ้มผู้เป็นน้องสาวและคนของตนออกมาจากเรือนใหญ่ มาอาศัยอยู่ที่เรือนหลังเล็กท้ายสวนโดยไม่คิดที่จะไปเหยียบยังเรือนใหญ่อีก
เมื่อหนุ่มสาวนั้นเข้าใจกัน ผู้ใหญ่ก็เร่งหาฤกษ์มงคลด้วยความเปรมปรีดิ์ ฤกษ์มงคลนั้นจะถึงในอีกสองเดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นฤกษ์ที่เร็วที่สุด แต่ก็ยังถือว่าช้ามากสำหรับเจ้าบ่าวที่อยากจะแต่งเสียวันพรุ่ง นั่นจึงทำให้ได้รับคำเหน็บแนมจากผู้เป็นมารดา กว่าจะถึงวันแต่งก็ได้ตกลงหมั้นหมายกันเอาไว้เสียก่อน คุณนายสายหยุดนั้นจัดเตรียมสินสอดทองหมั้นสู่ขอแม่ดอกแก้วเสียใหญ่โต ผู้คนที่เห็นของหมั้นต่างพากันอิจฉา ทั้งทรัพย์สินเงินทอง เพชรนิลจินดา ต่างถูกเรียงรายจนนับไม่หวาดไม่ไหวในระหว่างนั้นดอกแก้วนางก็ยังอาศัยอยู่ในเรือนของท่านเศรษฐีทองคำตามความต้องการของคุณนายสายหยุด แต่กลับสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้กับว่าที่เจ้าบ่าวที่ถูกกีดกันจากผู้เป็นมารดาไม่ให้มีโอกาสได้เข้าใกล้สตรีคนรักแม่ดอกแก้วนั้นก็ตามติดมารดาเขาไม่ยอมห่าง แม้เขาจะส่งสายตาออดอ้อนปานใดนางก็ทำเมินใส่ จนเขาอดน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้ บ่าวไพร่นั้นหรือก็ล้อมหน้าล้อมหลังไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ใกล้ชิดนางแม้แต่น้อยเห็นอาหารจานโปรดวางอยู่ตรงหน้าแต่ไม่อาจที่จะหยิบกินได้ช่างรู้สึกทรมานยิ่งนักแต่แล้วฟ้าก็เป็นใจให้กับขุนไกรในวันหนึ่งเมื่อเขาต้องเดินทางกลับพระนค
"คุณป้าเจ้าคะ"หลังจากที่ดอกแก้วนอนหลับไปตลอดทั้งวันก็เดินออกมาจากเรือนนอนตรงมาหาผู้เป็นป้า สายตานั้นสอดส่ายหาผู้ที่ช่วยชีวิต"อ้าว แม่ดอกแก้วออกมาทำไมกัน ดีขึ้นแล้วหรือลูก"คุณนายสายหยุดที่ลุกขึ้นเข้าไปประคองหญิงสาวให้มานั่งลงข้างๆ เอ่ยถามอย่างห่วงใย"ข้ามิเป็นอันใดแล้วเจ้าค่ะ ว่าแต่คุณพี่กลางเล่าเจ้าคะ ข้าอยากจะขอบพระคุณคุณพี่เธอ"ดอกแก้วเอ่ยถึงเจตนาของตน นางเองก็ไม่เคยเจออีกฝ่ายมาก่อน คุณนายสายหยุดยกยิ้มขึ้นเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"พี่เขาคุยอยู่กับคุณลุงของเจ้า อยู่ในห้องหนังสือนู่นแหนะ ออ ออกมาพอดี"ดอกแก้วนางหันไปมองตามสายตาของคุณนายสายหยุด แต่กลับเห็นเพียงท่านเศรษฐีทองคำเดินออกมาเพียงผู้เดียว"แล้วพ่อกลางเล่าเจ้าคะคุณพี่"คุณนายสายหยุดเอ่ยถามผู้เป็นสามีเสียงอ่อนเสียงหวาน สายตาของคนทั้งคู่สบกันโดยที่สตรีอีกนางไม่อาจรับรู้ได้"ยังอยู่ด้านใน เห็นบ่นว่าอยากกินของหวานๆ มิรู้ว่ามารดาจะมีเมตตาหรือไม่"ท่านเศรษฐีทองคำเอ่ยคำที่บุตรชายนั้นฝากมา แล้วยิ้มกริ่มให้ภรรยา เผื่อแผ่รอยยิ้มนั้นมาถึงดอกแก้ว"รักษาตัวดีๆ หนาแม่ดอกแก้วลุงเป็นห่วง"ท่านเศรษฐีทองคำเอ่ยกับนางอย่างห่วงใย ท่านคงหมายถึ
"แม่ดอกแก้ว ตื่นแล้วหรือเป็นเช่นไรบ้าง"คุณนายสายหยุดเอ่ยถามร่างบอบบางของสตรีที่ยันกายขึ้นโดยการประคองของบ่าวของนาง นั่งพิงพนักหัวเตียง ใบหน้างามนั้นดูดีขึ้นมามากแล้ว มิได้ซีดเซียวเช่นตอนที่ไม่ได้สติดอกแก้วหันมาหาเจ้าของเรือนที่ใช้สายตามองมายังตนอย่างห่วงใย ใบหน้าของอีกฝ่ายทำให้นางชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้านั้นช่างคล้ายคลึงกับใครบางคนเสียเหลือเกิน แต่ก็ต้องรีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไป นางคงคิดถึงเขาจนเลอะเลือน ก่อนจะเอ่ยตอบเจ้าของคำถามด้วยน้ำเสียงแหบโหยเกรงอกเกรงใจ ยกมือกระพุ่มตรงกลางอกอย่างงดงามเอ่ยขอลุแก่โทษที่ทำให้อีกฝ่ายต้องเป็นห่วง จนคนฟังนึกเอ็นดู"คุณป้า ข้าไม่เป็นอันใดแล้วเจ้าค่ะ ข้าขออภัยเจ้าค่ะที่ทำให้คุณป้าต้องร้อนใจ""โถ แม่เจ้าประคุณ ขวัญเอยขวัญมานะลูก แม่ดอกแก้วคงจักตกใจไม่น้อย"คุณนายสายหยุดยกฝ่ามืออ่อนนุ่มขึ้นลูบหัวทุยเล็กที่มีเส้นผมหนานุ่มปกคลุมอย่างรักใคร่ กล่าวอย่างเอื้อเอ็นดู แม่หญิงนางนี้กิริยามารยาทล้วนงดงาม หน้าตาหรือก็สะสวยเหมือนกับผู้เป็นสหายของตนมิมีผิดเพี้ยนดอกแก้วทำเพียงยิ้มอ่อนส่งไปให้ ยอมรับว่านางนั้นทั้งหวาดกลัวและตกใจมากจริงๆ"ถือว่าพระท่านยัง
หลายวันมานี้ขุนไกรมาทำงานด้วยจิตใจที่หม่นหมอง เขาให้คนของตนสืบข่าวเรื่องของนางก็ไร้ผล นางเงียบหายไปราวกับไม่อยากจะพบหน้าเขาอีก เหตุใดนางถึงไม่ให้โอกาสเขาได้อธิบาย ท่าทางเซื่องซึมของอีกฝ่ายนั้น ทำให้เพื่อนร่วมงานนั้นต่างเป็นห่วง"ท่านขุนขอรับ มีจดหมายถึงท่านขอรับ"ขุนไกรปรายตามองเสมียนผู้นำจดหมายมาให้เพียงเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าให้อีกฝ่ายวางมันลง"ขอบใจ"เขามองจดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะเพียงเล็กน้อย ชื่อที่จ่าอยู่หน้าซองทำให้เขาระบายลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เป็นจดหมายจากแม่เล็กน้องสาวของเขาที่ส่งมา มือหนายื่นออกไปหยิบจดหมายขึ้นมาอ่านอย่างไร้อารมณ์ เขานั้นเดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายคงจะกลับเรือนและผู้เป็นมารดาบังคับให้อีกฝ่ายเขียนจดหมายถึงเขาเหมือนทุกทีขุนไกรอ่านจดหมายในมืออย่างเลื่อนลอยไล่สายตาอ่านบ้างไม่อ่านบ้าง"ขุนไกร"เสียงเอ่ยเรียกที่ดังขึ้นทำให้ขุนไกรต้องเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงนั้น"ขุนพันมีอันใดหรือ"บุรุษตรงหน้าคือหนึ่งในสหายของเขาที่ทำงานอยู่ในสังกัดเดียวกัน"ไม่มีอันใดหรอก เพียงเห็นว่าท่านดูเครียดๆ หากมีอันใดให้ช่วยก็บอกได้นะ""อืม ขอบใจมาก"เอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายแล้วจึงก้มลงมองจดหมายในม
วันหยุดวันนี้ไม่ได้สุขสมชื่นมื่นดังที่คิด ขุนไกรเมามายหัวราน้ำตั้งแต่เมื่อวานหลังจากที่กลับจากเรือนของคุณพระสรเดช เมื่อคืนนี้เขามิรู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้สึกตัวมาอีกที ตอนนี้ดวงตะวันก็ขึ้นตรงหัวแสงสว่างสาดส่องเข้ามาแยงตาเสียแล้ว แต่ทว่าเขาไม่มีเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรแม้แต่น้อย ยังคงคว้าขวดเหล้าขึ้นมาดื่ม ใบหน้าคร้ามคมนั้นหมองหม่นเศร้าซึมเสียงเคลื่อนไหวภายนอกที่ดังขึ้น ทำให้ขุนไกรชะงักมือที่ถือขวดสุรา หันไปมองตามต้นเสียงด้วยหัวใจที่เต้นระทึก ก่อนเสียงฝีเท้าจะดังชัดเจนขึ้น"แม่ดอกแก้ว แม่ดอกแก้วใช่หรือไม่"ขุนไกรที่เอ่ยออกมาแผ่วเบา ต้องเป็นนางที่กลับมาหาเขา ใบหน้าหล่อเหลาจึงยกยิ้มขึ้นอย่างยินดีแต่เงาร่างบอบบางของสตรีที่มาปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้ใบหน้าที่รู้สึกยินดีในตอนแรกหม่นหมองลง"มิเชล มีอันใดหรือ"ขุนไกรเอ่ยทักทายสตรีตรงหน้า ก่อนจะยกขวดสุราขึ้นดื่มอีกครั้ง หัวใจที่พองโตเมื่อครู่เล็กแฟบลงทันตามิเชลมองบุรุษเบื้องหน้าด้วยความเสน่หา เยื้องย่างเข้าไปหาอีกฝ่าย เมื่อนางได้รับรู้ว่าสตรีนางนั้นได้หนีไปจากขุนไกรนางก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก สิ่งที่นางได้ทำถือว่าประสบผลสำเร็
ดอกแก้วนางเก็บเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นเตรียมเอาไว้เพื่อที่จะเดินทางในวันพรุ่งนี้ ซึ่งพรุ่งนี้นั้นนางก็ได้นัดหมายกับชายผู้นั้นเอาไว้เช่นกัน คืนนี้กว่านางจะข่มตาให้หลับลงได้ก็ต้องเสียน้ำตาไปอีกมากมาย นางคิดเอาไว้แล้วว่าพรุ่งนี้จะทำอาหารไปให้อีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้ายและจะถือโอกาสนำเงินไปคืนเขาวันรุ่งขึ้นนางลุกขึ้นจัดเตรียมอาหารตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะคุณป้าสายหยุดจะมารับนางตอนสายๆ เมื่อสำรับอาหารเสร็จเรียบร้อยจึงได้ออกจากเรือนไป และนางได้นำเงินที่คุณป้าสายหยุดให้มาไปส่งคืนให้อีกฝ่ายด้วย เมื่อนางไปถึงก็พบว่าเขานั้นได้ออกไปทำงานแล้ว ซึ่งนางก็ได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว นางไม่อยากจะเจอหน้าเขา ไม่อยากให้เขาหลอกนางซ้ำๆ ซากๆ นางกวาดตามองเรือนที่อยู่อาศัยร่วมสามเดือนด้วยความเจ็บปวด น้ำตาเอ่อคลอดวงตา นางเลือกที่จะเก็บเพียงความทรงจำดีๆ เอาไว้ ก่อนจะตัดสินใจวางซองเงินบนเตียงนอนกว้าง หากเขากลับมาจะได้สังเกตเห็นมัน ก่อนจะเขียนข้อความถึงอีกฝ่าย เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน นางจะได้มิต้องลังเลหากจะลาเขาโดยตรง ต่อแต่นี้ไปเขาจะได้ไม่ต้องลำบากใจอีก"ลาก่อน"ระหว่างเขาและนางคงจบสิ้นกันเสียทีดอกแก้วนางเดินออก