บทที่ 13 พูดให้รู้สำนึก
ฝั่งด้านเสิ่นเกาหลานเขาได้เดินเรือมาพร้อมกับท่านพ่อและบ่าวรับใช้ จ้องมองดูเรือที่กำลังแล่นไปด้านหน้าท้องฟ้าเริ่มมืดสนิทลงมีเพียงแสงดวงจันทร์ที่กำลังสาดส่องลงมา ลูกเรือพากันจุดไฟเพื่อเพิ่มแสงสว่างของเรือ เรือที่ขนสินค้าได้ชำรุดระหว่างทางทำให้ไม่สามารถขนสินค้าเข้าฝั่งด้านโชคดีที่มีเรือเล็กของชาวบ้านที่หาปลาแล่นผ่านมาจึงนำเรื่องนี้ไปแจ้งเสิ่นเจียงซื่อท่านพ่อของเสิ่นเกาหลาน ระหว่างนั้นเขาอยู่ที่ร้านพอดีจึงขอออกตามท่านพ่อมาด้วย
"คุณชายขอรับด้านหน้าที่มีแสงไฟใช่เรือขนสินค้าหรือไม่ขอรับ?" บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปยังเบื้องหน้าที่มีแสงรำไรของดวงไฟที่ส่องสว่างอยู่ เสิ่นเกาหลานมองตามไปยังที่บ่าวแจ้งเห็นเรือที่ร่องลอยอยู่กลางแม่น้ำเขามั่นใจทันทีว่านั่นคือเรือขนสินค้า
"ท่านพ่อเราเจอเรือแล้วขอรับ เรือขนสินค้าอยู่ด้านหน้านั่นเอง " เสิ่นเกาหลานตะโกนบอกผู้เป็นพ่อให้รับรู้ ลูกเรือรีบพายเรือไปยังเรืออีกลำอย่างไม่รอช้า
"เจอสักทีสินะ ข้าคิดว่าคืนนี้เราคงจะต้องค้างคืนบนเรือแห่งนี้อีกอย่างทะเลยามกลางคืนช่างน่ากลัวนัก เจ้ากลัวหรือไม่? "
"ท่านพ่อหากข้ากลัวข้าจะตามท่านมาทำไมหรือขอรับ ข้าเดินเรือกับท่านพ่อมาบ่อยครั้งแถมยังเจอกับมรสุมของพายุกระหน่ำก็เจอมาแล้ว คืนนี้สายลมแน่นิ่งคงไม่เกิดพายุน่ากลัวอันใดขอรับ " เสิ่นเกาหลานบอกชายชราที่เป็นห่วงอยู่ข้าง ๆ เรือแล่นไปยังเรืออีกลำ ท่านพ่อเข้าตรวจสอบสินค้าที่เป็นของตน เรือขนสินค้านี้มิใช่ของตระกูลของเขาเพียงเจ้าเดียวจึงตรวจสอบนำของตนเองขนขึ้นเรือเพื่อนำกลับ เสิ่นเกาหลานเมื่อขนสินค้าช่วยบ่าวรับใช้ขึ้นเรือของตนเขาเดินดูสินค้ามากมายที่อยู่บนเรืออย่างตื่นเต้นไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่เห็นสิ่งแปลกตาเขามักจะตื่นเต้นเสมอ แต่แล้วจู่ ๆ เมื่อสายตาของเขาเหลือบไปเห็นกำไลหยกที่งดงามในใจพลันคิดถึงใบหน้าของสวี่หยางแทนที่จะเป็นเจี่ยฟางสตรีที่เขารัก หากกำไลหยกอันนี้ไปอยู่บนแขนของสวี่หยางคงเหมาะกับนางยิ่งนัก เสิ่นเกาหลานหยิบกำไลขึ้นมาสำรวจดูมันแวววาวมากกว่าเดิม
“คุณชายท่านสนใจกำไลหยกอันนี้หรือขอรับ หากท่านสนใจข้าจะลดราคาให้ ท่านรู้หรือไม่กำไลหยกสีนี้หายากเพียงใด ราวกับท่านเป็นผู้โชคดีที่เห็นมันก่อนผู้อื่น หากข้านำไปขายที่ตลาดเหล่าสตรีคงยื้อแย่งซื้อเป็นของตนเองแน่นอนขอรับ หากข้าเดาไม่ผิดท่านคงนำกำไลหยกชิ้นนี้ไปให้แก่สตรีที่อยู่ในใจใช่หรือไม่ขอรับ? คุณหนูนางนั้นคงดีใจไม่น้อย” เสิ่นเกาหลานแสยะยิ้มในคำพูดของพ่อค้า หากสวี่หยางยิ้มให้เขาคงดีไม่น้อยแต่นางคงมีเพียงใบหน้าไร้ความรู้สึกเมื่อเห็นของที่เขาซื้อไปให้แน่ ๆ
“เช่นนั้นข้าจะเอากำไลหยกอันนี้และกำไลทับทิมที่อยู่เคียงข้างนั่นอีกอัน”
“ขอรับ ข้าจะห่อให้ท่านเป็นอย่างดีขอรับ” เสิ่นเกาหลานเห็นกำไลทับทิมอีกอันที่เป็นสีชมพูราวกับใบหน้าของเจี่ยฟางที่อ่อนโยนเขาไม่ลืมที่จะซื้อไปให้นางด้วยอีกอัน พ่อค้าห่อให้แก่เสิ่นเกาหลานพร้อมลดราคาอย่างที่กล่าวมา เมื่อได้สินค้าที่ตนเองต้องการเสิ่นเกาหลานได้กลับเรือเพื่อไปพักผ่อนเมื่อรุ่งสางจะได้ออกเดินทางกลับเรือน
รุ่งสางมาเยือน
เรือนของเสิ่นเกาหลาน
ฮูหยินผู้เฒ่าเดินออกมารับแสงแดดยามเช้าที่อบอุ่นพลันเดินไปหาเจี่ยฟางฮูหยินรองของเสิ่นเกาหลานอีกคน ตั้งแต่นางแต่งเข้าเรือนมิเคยไปหานางแม้แต่ครั้งเดียว นางเองก็อยากรู้เช่นกันนางเป็นสตรีเช่นใดเสิ่นเกาหลานถึงได้รักและอยากให้นางเข้ามาเป็นฮูหยินรองโดยไม่คำนึงถึงหัวใจของสวี่หยางแม้แต่น้อย
“นางจะเป็นคนนิสัยดีเพียงใดที่สามารถครองใจของเสิ่นเกาหลานกัน” ฮูหยินผู้เฒ่าพึมพำเดินย่างกรายมาเรื่อย ๆ เพียงลำพังส่วนเสิ่นจิ้นหลังจากที่ไปส่งสวี่หยางที่ห้องของนาง เขาได้กลับเรือนของตนหากจะอยู่ที่นี่คงไม่เหมาะสม
“ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่าข้าไม่ชอบที่จะต้องดื่มมัน ข้าไม่อยากดื่มหากจะเจ้าดื่มก็ดื่มเองสิ” เสียงตวาดสาวใช้เสียงดังหากแต่อยู่ไกล ๆ คงไม่มีทางได้ยิน ฮูหยินผู้เฒ่าหยุดเดินเพื่อฟังว่าเป็นเสียงของผู้ใดกัน เพราะหากเป็นสวี่หยางน้ำเสียงของนางจะทุ่มต่ำเอ่ยออกมาราวกับเสียงที่เยือกเย็นแต่เด็ดขาด
“คุณหนูเจ้าคะ ยานี้เป็นยาดีต้องดื่มนะเจ้าคะ”
“มันขมข้าไม่ชอบ”
“แต่ยาสมุนไพรนี่เป็นยาสมุนไพรที่ดีต่อร่างกายของคุณหนูนะเจ้าคะ หากคุณหนูอยากมีบุตรกับคุณชายเสิ่นเกาหลานในเร็ววันต้องดื่มยานี่นะเจ้าคะ คุณหนูคงไม่อยากให้บุตรตนเองเป็นบุตรคนที่สองของคุณชายหรอกนะเจ้าคะ” สาวใช้เอ่ยมาเช่นนี้ใบหน้าของเจี่ยฟางเริ่มไม่พอใจหยิบยากระดกดื่มในทันที ฮูหยินผู้เฒ่าที่มองอยู่ถึงกับไม่เข้าใจสตรีที่นั่งอยู่ด้านหน้านั่นเลย และเสมือนว่านางไม่ถูกชะตากับนางอีกด้วย
“อะแฮ่ม” ฮูหยินผู้เฒ่าแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินที่นางคุยกับสาวใช้เมื่อครู่และเดินเข้าไปหาเจี่ยฟางอะแอ่มออกมาให้นางรับรู้ว่ามีผู้มาเยือน เมื่อนางเห็นฮูหยินผู้เฒ่าใบหน้าซีดเซียวรีบลุกขึ้นมาต้อนรับเป็นอย่างดี
“ท่านแม่ ท่านมาที่นี่เหตุใดไม่แจ้งก่อนเจ้าคะ”
“ข้าไปที่ใดในเรือนของบุตรชายข้าต้องแจ้งเจ้าด้วยหรือ? เป็นเจ้าเสียมากกว่าที่ไม่ได้รู้อันใดเลย ข้ามาที่นี่ตั้งแต่มื้อวานแต่กลับไร้วี่แววที่เจ้าจะเข้าพบข้า” ฮูหยินผู้เฒ่าเดินมานั่งที่เก้าอี้ตัวที่เจี่ยฟางนั่งเมื่อครู่ เจี่ยฟางมองหน้าซื่อจินก่อนจะส่งสายตาตำหนิที่ไม่แจ้งเรื่องนี้แก่นาง
“เจี่ยฟางผู้นี้ต้องขอโทษท่านแม่ด้วยเจ้าค่ะ ที่ไม่ได้เข้าไปคารวะเพราะร่างกายของเจี่ยฟางนั่นไม่ค่อยดีนัก จึงไม่ค่อยได้ออกไปที่ใด ท่านแม่โปรดเมตตาเจี่ยฟางด้วยเจ้าคะ ซื่อจินรีบไปนำน้ำชามาให้ข้าเร็วเข้า ข้าจะยกน้ำชาคารวะท่านแม่”
“เจ้าค่ะ คุณหนู” ซื่อจินโค้งคำนับกำลังจะเดินไปนำน้ำชามาให้เจี่ยฟางตามคำสั่งแต่ก็ต้องถูกฮูหยินผู้เฒ่าสั่งให้หยุด
“ไม่ต้อง! ข้าไม่อยากน้ำชาไม่ต้องไปเตรียมมา ข้าเพียงแค่เดินรับลมเล่นเท่านั้น เจ้าไม่สบายอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นร่างกายของเจ้าคงไม่พร้อมที่จะมีบุตรให้เสิ่นเกาหลานสินะ แต่ก็ดีข้าอยากให้หลานคนแรกบุตรของเสิ่นเกาหลานเกิดจากฮูหยินถึงจะเป็นเรื่องที่ดีต่อตระกูล” ฮูหยินผู้เฒ่าอยากลองใจเจี่ยฟางเพราะเมื่อครู่นางได้ยินเจตนาของนางที่ต้องการตั้งท้องบุตรคนแรกของเสิ่นเกาหลานจึงได้เอ่ยออกมาให้นางได้รู้ตัวว่าตนเองเป็นเพียงฮูหยินรองเท่านั้น
บทที่ 59 ข้าจะลิขิตเองน้ำเสียงจริงจังแววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของเสิ่นจิ้นทำให้สวี่หยางส่ายหัวไปมาลอบยิ้มหนึ่งคราก่อนจะตอบเขาไป“เรื่องนั้นอยู่ที่ฟ้าจะลิขิตแล้วเจ้าค่ะว่าท่านจะหาข้าพบหรือไม่? หากท่านหาข้าพบจริง ๆ ครานั้นข้าจะตอบคำถามนี้นะเจ้าคะ ตอนนี้ข้าต้องเดินทางก่อนต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะถึงที่ที่ข้าจะไป ข้าหวังว่าท่านจะพบสตรีที่งดงามและท่านรักนางหมดใจจนล้มเลิกความคิดที่จะตามหาข้า ลาก่อนเจ้าค่ะ” สวี่หยางเอ่ยจบเดินจากเสิ่นจิ้นขึ้นรถม้าที่อยู่หน้าเรือนตามด้วยหลีลี่จื่อ นางเห็นเสิ่นจิ้นได้โค้งคำนับลงหนึ่งครั้งก่อนจะขึ้นรถม้าตามสวี่หยางออกเดินทางเสิ่นจิ้นยืนมองรถม้าเคลื่อนออกไปลมได้พัดผ่านความเย็นมาระลอกหนึ่งประหนึ่งคำกล่าวลาของสวี่หยาง เขาหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ก่อนจะพึมพำเอ่ยตามหลังนาง“ผู้ใดว่าข้าจะให้สวรรค์ลิขิตกัน ข้าเสิ่นจิ้นขอลิขิตเองและสตรีที่ข้าหมายใจมีเพียงเจ้าผู้เดียวสวี่หยางไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใดไกลพันลี้ข้าจะตามหาเจ้าให้เจอ เมื่อนั้นข้าจะไม่ยอมปล่อยให้เจ้าจากข้าไปได้อีกต่อไปเตรียมรับมือจากข้าได้เลย” แววตาของเสิ่นจิ้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แม้จะใช้เวลานานก็ถือว่าเขาได้พ
บทที่ 58 จากลาเสิ่นเกาหลานเดินจากไปให้เสิ่นจิ้นที่ยืนอยู่ด้านนอกเข้ามาหาสวี่หยางเพราะเห็นท่าทางของเสิ่นจิ้นแล้วเขาน่าจะอยากคุยกับนางมากกว่าเขาเสียอีกสวี่หยางหันไปมองหลุมป้ายชื่ออีกครั้งนางไม่คิดจะอยู่ที่นี่เพราะไม่อยากพบเจอเสิ่นเกาหลานอีกแค่เห็นเขานางก็หวนคิดถึงเจี่ยฟางไม่จางหาย หากนางสะสางทุกอย่างเสร็จสิ้นจะเดินทางไปหาท่านป้าที่ทิศเหนือไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขปลูกผักเลี้ยงสัตว์เย็บผ้าอย่างเรียบง่าย หนีเรื่องวุ่นวายจะดีกว่า แม้ว่าไม่ทำงานอะไรสมบัติของท่านพ่อที่มีนางคงใช้ไม่หมดแน่ ๆ“ท่านตัดสินใจหย่ากับท่านพี่จริง ๆ หรือ”“จริงเจ้าค่ะ จริงสิข้ายังไม่ได้ขอบคุณท่านเลย ท่านคอยเคียงข้างมาตลอดหากไม่มีท่านข้าก็ไม่รู้จะทำเช่นไรเหมือนกันเจ้าค่ะ ขอบคุณด้วยความจริงใจนะเจ้าคะ” สวี่หยางหันมาก้มโค้งลงอย่างนอบน้อมทราบซึ้งน้ำใจของเสิ่นจิ้น เขารีบประคองนางขึ้นมาไม่ให้นางต้องขอบคุณเขาเพราะที่เขาทำไปเพราะเขาอยากทำด้วยใจจริงเช่นกัน“ไม่เห็นต่องทำเช่นนี้เลยขอรับ ไม่ได้มากมายอันใดที่ข้าช่วยเหลือท่านเพียงเท่านี้เล็กน้อย”“คุณชายเป็นคนดี วันนี้ข้าจะขออวยพรในฐานะพี่สะใภ้ของท่าน ขอให้ท่านพบเจอความรักที่สวยงามแล
บทที่ 57 ทำทุกอย่างให้ถูกต้องหลังจากที่ปลอบใจของสวี่หยางอยู่ไม่นานบ่าวรับใช้กลับมาพร้อมผู้ตรวจการ ช่วยพากันนำรางของใต้เท้าสวี่ลงมาจากขื่อตรวจสอบดูในห้องไร้ร่องรอยการต่อสู้แน่ชัดแล้วว่าเขาตั้งใจปลิดชีพตนเองเพราะมีจดหมายที่เขียนด้วยฝีมือของเขาอยู่บนเตียงนอนสวี่หยางสงบสติอารมณ์แม้จะเจ็บร้าวไปทั้งหัวใจแต่ยามนี้นางต้องตั้งสติเพื่ออ่านเนื้อความในจดหมาย“สวี่หยางข้ารู้ว่าอีกไม่นานเจ้าคงมาหาข้าที่เรือน ครั้งก่อนข้าเห็นเจ้าเช่นกันเจ้าแอบมาหาข้า ครั้นเมื่อข้ารู้ว่าเจ้ากลับไปที่เรือนเสิ่นเกาหลานข้าอยากไปพบหน้าเจ้าเหลือเกิน แต่ข้ากลับละอายใจข้าเป็นบิดาที่ไม่เอาไหน ไม่สามารถปกป้องเจ้าเพียงเพราะคิดว่าเจ้าเก่งสามารถปกป้องตนเองได้ ข้าจึงเอาแต่สนใจเจี่ยฟาง และข้ามีสิ่งหนึ่งจะบอกแก่เจ้าข้าปกปิดทุกคนมาตลอด เจี่ยฟางมิใช่น้องสาวที่คลานตามกันออกมาแต่เป็นเพราะความโง่เขลาของข้าที่ทำให้ข้าพลาดพลั้งไปมีอะไรกับสาวใช้ จึงทำให้นางท้อง ข้าปิดบังไม่ให้มารดาของเจ้ารู้จึงปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ ๆ วันที่แม่ของเจ้าคลอดคือวันที่สาวใช้ผู้นั้นคลอดเช่นกัน และโชคร้ายที่น้องชายของเจ้าเ
บทที่ 56 ข้าเพียงฝันไปใช่มั้ยหลังพายุที่โหมกระหน่ำได้หยุดลงเวลานี้ก็สองยามแล้ว หลังจากที่เสิ่นจิ้นพาสวี่หยางกลับมารีบให้บ่าวรับใช้ไปตามตัวท่านหมอมาตรวจดูอาหารหลีลี่จื่อเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ชุดใหม่ให้และเล่าเรื่องก่อนหน้าให้แก่เสิ่นจิ้นฟัง ส่วนซื่อจินหนีไม่รอดนางถูกทหารจับแต่ทว่าเมื่อจับตัวนางไปคุมขังนางกลับเลือกใช้ยาพิษกรอกปากของตนเพื่อจบชีวิตดีกว่าถูกทางการทรมานรุ่งเช้ามาเยือนแม้ว่าเจี่ยฟางจะหมดลมหายใจแต่ทว่าความผิดของนางครั้งนี้ใหญ่หลวงยิ่งนักทำให้ทางการถอดถอนยศของใต้เท้าสวี่ให้เป็นเพียงคนสามัญชนธรรมดาเท่านั้น สวี่หยางลืมตาขึ้นกวาดสายตามองไปรอบ ๆ นี่มันห้องของนางนี่น่าแล้วนางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรนางจำได้ว่าครั้งสุดท้ายอยู่กับเจี่ยฟางที่หน้าผา จู่ ๆ สวี่หยางพรวดลุกขึ้นทันที“เจี่ยฟาง ข้าจะไปช่วยเจี่ยฟาง” หลีลี่จื่อที่อยู่เฝ้าอาการสวี่หยางทั้งคืนตื่นขึ้นจากเสียงร้องของสวี่หยาง“ฮูหยินฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ โชคดีเหลือเกินที่ท่านไม่เป็นอันใดมาก”“หลีลี่จื่อ เจี่ยฟางล่ะนางปลอดภัยดีหรือไม่?”“ฮูหยินเจ้าคะ นางทำร้ายสารพัดแต่ฮูหยินยังเป็นหวงนางอยู่หรือเจ้าคะ ยามนี้ร่างของนางถูกคุณชายเ
บทที่ 55 ยิ้มทั้งน้ำตาฝั่งด้านเสิ่นจิ้นเมื่อมาถึงเรือนของเสิ่นเกาหลานพบหลีลี่จื่อที่มีสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ นางกำลังจะจับตัวของซื่อจินตามคำสั่งของสวี่หยางจึงแอบซุ่มอยู่แต่เมื่อเห็นว่าซื่อจินรีบร้อนไปแจ้งเจี่ยฟาง นางจึงแอบตามไปจึงเห็นว่าสวี่หยางถูกเจี่ยฟางพาตัวหนีไปด้วย หากนางจะตามไปก็เกรงจะไม่มีผู้ใดแจ้งทางการเพราะไม่มีคนรู้เรื่องนี้เช่นนางสักคน“คุณชายเสิ่นจิ้นช่วยฮูหยินด้วยเจ้าค่ะ”“เกิดอะไรขึ้นกับนาง เจ้ารีบบอกข้ามา”“เรื่องมันยาวเจ้าค่ะ แต่ทว่ายามนี้คุณชายรีบตามไปที่หลังเรือนเถอะเจ้าค่ะ คุณหนูเจี่ยฟางกำลังพาฮูหยินหนีไปทางนั้น ส่วนซื่อจินกำลังไปอีกทางเจ้าค่ะ” เสิ่นเกาหลานตามมาทีหลังได้ยินถึงกับตกใจ รีบสั่งให้ทหารไปตามจับซื่อจินส่วนเขาจะไปช่วยสวี่หยางแต่เขาก็ช้ากว่าเสิ่นจิ้นหนึ่งก้าว เสิ่นจิ้นวิ่งนำไปก่อนแล้วฝนโปรยปรายลงมาแรงขึ้นเรื่อย ๆ สายลมกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง เจี่ยฟางเริ่มหวาดกลัวเสื้อผ้าของนางและสวี่หยางเริ่มเปียกปอน“มันต้องไม่ใช่อย่างนี้สิ ข้าแค่เพียงต้องการเป็นหนึ่งเดียวของท่านพี่เสิ่นเกาหลานเท่านั้น ข้าแค่หวังอยากอยู่ครองรักจนกว่าจะหมดลมหายใจเหตุใดมันต้องยุ่งยากเช่นนี้
บทที่ 54 ข้าเกลียดท่าน“เพราะข้าเกลียดท่าน ยิ่งท่านรักข้ามากเท่าไหร่ข้ายิ่งเกลียดท่าน ท่านมันจะไปรู้อะไรคนที่เกิดมาในตระกูลที่ดี มารดาเป็นคุณหนูต่างจากข้าที่มีมารดาเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น! ที่ข้าอยากจัดการท่านเพราะต้องการทุกอย่างที่ท่านมี ท่านพ่อไม่เคยรักข้าเลยมักจะต่อว่า ว่าข้าไม่ได้เรื่องอันใดไม่เหมือนท่าน ข้าพยายามมากมายที่จะเป็นสตรีที่เพรียบพร้อมกิริยามารยาทงามเพื่อไม่ให้พ่อท่านต้องเป็นกังวลแต่ก็ไม่วายที่ท่านพ่อยังคงรักแต่ท่าน” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของเจี่ยฟางตวาดใส่สวี่หยางดังกึกก้อง แต่ไม่ทันที่นางจะเอ่ยจบสวี่หยางรับฟังคำที่พรั่งพรู่ออกมาจากปากของนางทำให้นางเสียใจไม่น้อยจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ตบเข้าที่ใบหน้าของเจี่ยฟาง“เพี๊ยะ!!!!. แรงสั่งสะเทือนของน้ำมือสวี่หยางทำให้ร่างบางอย่างเจี่ยฟางถลาล้มไปกับพื้นจนล้มลง“เจ้าต่างหากที่โง่เขลา ข้าไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าเจ้ามิใช่น้องแท้ ๆ ของข้า ทั้งข้าทั้งท่านพ่อต่างรักเจ้ามากกว่าสิ่งใด เจ้ามันโง่งมที่ไม่เข้าใจความรักที่ข้ามอบให้ แต่กลับคิดร้ายว่าข้าสงสารเจ้าอย่างนั้นหรือ! เพราะใจอคติของเจ้าต่างหากที่ทำให้เจ้าหน้ามืดตามัวทำเรื่องเลวร้ายขึ้นมาทั้งหมด