เฟิ่งเซียวมองไปที่รถม้าคันใหญ่ ที่ขนส่งยาเกือบเต็มคันและรีบคว้าใบรายการยานั้นไปหาซินเยว่ ที่ยืนสั่งให้เพิ่มยาอีกบางอย่างไปกับรถส่งของครั้งนี้ด้วย
“ซินเยว่ ข้าขอคุยด้วยหน่อยสิ”
“ท่านหมอเฉิน มีอะไรอยากจะสั่งเพิ่มหรือ บอกมาได้เลยนะที่ในรถม้ายังพอเหลือใส่ได้อีกนิดหน่อย”
“ไม่ใช่ มานี่เถอะ”
เขาดึงมือนางเดินมายังลานตากยาสมุนไพรด้านหลัง ซึ่งมีสตรีหลายคนที่อยู่ช่วยกันเก็บยา เมื่อเห็นพวกเขาเดินมาแต่ละคนก็พากันมอง เพราะไม่เคยเห็นซินเยว่พาบุรุษเข้ามาในร้านมาก่อน
“ซินเยว่นี่หมายความว่าอย่างไร เหตุใดยามากมายขนาดนี้เจ้าจึงไม่คิดเงินกับทางการ”
“ท่านหมายถึงยาสมุนไพรพวกนี้น่ะหรือ ไม่เป็นไรหรอกถือว่าข้าช่วยก็แล้วกัน”
“ไม่ได้ ยาพวกนี้มีมูลค่าสูงเกินไป หากข้าจะเอาไปเปล่า ๆ เช่นนี้มันเอาเปรียบร้านเจ้ามากเกินไป เจ้าคิดเงินมาเถอะอย่าทำเช่นนี้เลย”
ซินเยว่เม้มปากเล็กน้อย และหันมาสบตาเขาพร้อมกับยิ้ม เฟิ่งเซียวไม่เข้าใจนางเลยว่าเหตุใดซินเยว่ไม่พูดอะไรเลยสักคำ
“ข้าบอกว่าไม่คิดเงินก็ไม่คิดสิ เหตุใดท่านต้องปิดทางการช่วยเหลือของข้าด้วยเล่า ท่านไม่รับน้ำใจข้าหรือ”
“ไม่ใช่เช่นนั้นเจ้าเข้าใจข้าผิด แต่ยามากมายขนาดนี้มันออกจะมากเกินไป”
“เช่นนั้นท่านมองดูพวกนาง”
เฟิ่งเซียวหันไปมองสตรีนับสิบคนที่ลานกว้าง ซึ่งบางคนก็เริ่มเก็บยาที่ตากแล้วไปเก็บ บางคนกำลังคัดแยกยา และอีกฟากหนึ่งก็กำลังนั่งบดยาอยู่
“พวกนาง… ทำไมหรือ”
“พวกนางล้วนแต่เป็นผู้ที่เคยประสบภัยมาก่อน และเป็นคนอาสามาช่วยข้าเก็บยาสมุนไพร เพื่อนำไปช่วยพวกท่านที่จวนหมอหลวงเวิน อีกอย่างเพราะมีพวกนางช่วย ไม่ว่าตอนไปเก็บสมุนไพรในป่า เอามาล้าง ตาก บด และปรุงส่งให้ ล้วนแต่เป็นแรงงานของคนที่อยากช่วยเหลือ หากท่านอยากจะให้เงิน ก็เอาไปให้พวกนางสิ ลองดูว่าพวกนางจะรับหรือไม่”
“แต่ว่า… เหตุใด…”
“ก็เหมือนเด็กที่ท่านเห็นนั่นแหละ ตอนนี้เลิกคิดมากหรือยัง”
“เช่นนั้นเรื่องของเด็ก ๆ ที่นี่ ให้ข้าจัดการต่อได้หรือไม่”
“ท่านหมายความว่าอย่างไร”
“ข้าหมายความว่าข้าจะจัดการ…เอ่อส่งเรื่องไปให้ที่เมืองเสิ่นโจว จัดหาโรงเรียนและครูมาสอนพวกเด็ก ๆ และรีบหาที่อยู่ให้พวกเขา จะได้ไม่ต้องเร่ร่อนเช่นนี้”
“เช่นนั้นก็เยี่ยมเลย นี่สิถือเป็นค่าตอบแทนที่คุ้มค่า ขอบคุณแทนพวกเขาด้วยเจ้าค่ะ”
เพียงแค่รอยยิ้มของคนตรงหน้า เฟิ่งเซียวก็รู้สึกว่านี่คือค่าตอบแทนที่คุ้มค่ามากแล้ว เขาเคยพบสตรีมามากมาย ทั้งอ่อนหวาน ดุดันเหมือนพี่สะใภ้ของเขา ขี้โวยวายและสตรีชั้นสูงที่งดงาม แต่กลับไม่มีผู้ใดที่ยิ้มแล้วทำให้เขาเบิกบานใจได้เท่าถานซินเยว่ผู้นี้
“เช่นนั้นวันนี้ข้าคงต้องขอตัวกลับก่อน ว่าแต่เจ้าไม่กลับจวนหรือ”
“จวนหรือ… ไม่ล่ะ ข้าพักอยู่ที่นี่กับพวกเขา”
“แต่เจ้าเป็นบุตรสาวของคหบดีถานมิใช่หรือ เหตุใดมาพักอยู่ในร้านเล่า อีกอย่างตรอกนี้ก็…ดูเงียบและไม่น่าจะปลอดภัยนะ”
“ไม่เป็นอะไรหรอกพวกเราอยู่กันจนชินแล้ว อีกอย่างช่วงนี้ที่ร้านขายดีมากและต้องใช้ยาอีกเยอะ ถ้าข้าไม่อยู่ใครจะช่วยตาแก่ขี้บ่นบ้าน้ำตาลนั่นทำงานเล่า”
“งั้นหรือ”
“ก็ใช่น่ะสิ จริงสิท่านหมอเฉินหน้านิ่ง ท่านมาอยู่นี่เกือบครึ่งวันแล้วน่าจะต้องรีบกลับไปช่วยหมอจางกับหมอเวินได้แล้ว ถึงท่านจะพึ่งมาถึงก็อย่าเอาเปรียบท่านหมอคนอื่น ๆ สิ หมอจางก็อายุใกล้เคียงกับท่านแต่เขาไม่เคยหาเรื่องหลบเลี่ยงงานเหมือนท่านเลยนะ ไปได้แล้ว”
“หมอจาง… เจ้าสนิทกับจางหลงจื่อมากเลยหรือ”
“ท่านถามอะไรนี่ รีบกลับเถอะ”
“เอ่อ… เช่นนั้นข้ากลับก่อนนะ”
“เอาไว้พบกันใหม่นะ ท่านหมอเฉินหน้านิ่ง”
“เจ้า…”
เฟิ่งเซียวชี้มือไปที่ซินเยว่ที่ยืนยิ้ม และโบกมือให้เขาก่อนจะหันหลังวิ่งเข้าไปหาเด็ก ๆ ที่นั่งเล่นกันที่ด้านหน้าเรือนพัก เมื่อเฟิ่งเซียวเดินกลับมาก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้
จิ่นหาวถึงกับยืนอึ้งเมื่อเห็นว่าท่านอ๋องของเขายิ้มออกมา ซึ่งรอยยิ้มเช่นนี้หาไม่ดูมิได้ง่ายเลย เมื่อหันมาเห็นองครักษ์ที่ยืนตกตะลึงอยู่เขาก็รีบกระแอมขึ้นมาทันที
“มัวยืนอยู่ทำไม กลับได้แล้ว”
“ขอรับ!”
“เจ้าจะเสียงดังทำไมนี่”
จิ่นหาวยังตั้งสติไม่ได้ เพราะตั้งแต่เขาอยู่ข้างกายท่านอ๋องมาเป็นสิบปี ยากนักที่จะเห็นรอยยิ้มของอ๋องแดนทักษิณผู้มากด้วยความรู้คนนี้
เขาถือเป็นหนึ่งในวิญญูชนของใต้หล้าที่ผู้คนยกย่อง เป็นหมอเทวะที่เก่งกาจที่สุดและยังมีฝีปากในการเจรจาด้านการทูต ชื่อของเขาคือ “พยัคฆ์แดนทักษิณ” ที่ลือเลื่องเกี่ยวกับปราชญ์และความรู้
วันถัดมา
ซินเยว่แวะมาหาเฟิ่งเซียวทุกวัน บางครั้งก็อยู่นั่งคุยกับเขาจนถึงเย็นกว่าจะกลับไปที่ร้าน
“นี่ท่านหมอเฉิน ท่านไม่เคยชอบสตรีจริงหรือ”
“ถานซินเยว่ ข้าตอบไปครั้งที่เก้าแล้วว่าข้าสนใจแต่เรื่องการช่วยผู้ประสบภัยเท่านั้น หากเจ้าไม่มีธุระอันใด นี่ก็เย็นแล้วควรจะกลับ...”
“ท่านเอาแต่ไล่ข้าเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไล่ข้าทุกวันแบบนี้ไม่เบื่อบ้างหรือ”
“เฮ้อ… ข้ายังต้องเขียนใบเทียบยาและต้องไปตรวจผู้ป่วย ยังไงคงต้องขอตัวก่อน”
“นี่ท่านหมอเฉินท่านอายหรือ ข้าก็แค่อยากถามนิดเดียวเองเหตุใดต้องหนีด้วยเล่า”
หลายวันที่เฟิ่งเซียวต้องอดทนกับถานซินเยว่ ที่เอาแต่ถามในเรื่องที่ไม่อยากตอบ เดิมทีเขาก็มิใช่คนที่จะสนทนากับใครมากอยู่แล้ว
“ท่านนี่น่าเบื่อเสียจริง”
“ถูกต้องแล้วข้าก็เป็นเช่นนี้แหละ เจ้าก็น่าจะกลับไปได้แล้วกระมัง ร้านเป่าจิ้นถานของเจ้าไม่กลับไปดูแลแบบนี้จะดีหรือ”
“หรือว่าท่านจะไม่มีความรู้สึกจริง ๆ ไม่เคยรักใครเลยจริงหรือ ท่านมีพี่น้องไหม หรือว่า...”
“ถานซินเยว่!”
เฟิ่งเซียวหันมาพูดเสียงแข็งใส่นาง ซินเยว่ตกใจไปเล็กน้อยจนดวงตาคู่โตนั้นเบิกกว้าง เขาเองก็พึ่งจะเคยเห็นนางทำหน้าเช่นนี้จึงได้รีบเปลี่ยนท่าที
“คือว่าข้ายังมีงานยุ่ง หากเจ้าไม่มีเรื่องใดแล้วขอตัวก่อน”
เขาเดินเข้าไปในกระโจมรักษาแล้ว ทิ้งให้ซินเยว่ที่มองตามยืนสงสัยอยู่ หมอจางจึงเดินเข้ามาหานาง
“นี่เจ้ายังไม่เลิกตามตื๊อเขาอีกหรือซินเยว่”
“ตามตื๊องั้นหรือ ข้าทำเช่นนั้นเมื่อใดกัน ก็แค่หาเรื่องคุยเท่านั้น”
“ใคร ๆ ก็เห็นทั้งนั้นนี่เจ้าไม่รู้ตัวหรอกหรือ อย่าพยายามเลยดีกว่าน่า คุณชายเฉินน่ะไม่สนใจสตรีหรอก เหตุใดเจ้าจึงไม่เลือกมองผู้ที่… อยากให้เจ้าสนใจ”
“ไม่สนใจสตรีจริงหรือ คนอะไรแปลกชะมัดเลย ช่างเถอะข้ากลับก่อนดีกว่าเอาไว้ค่อยพบกันใหม่เจ้าค่ะหมอจาง”
“เอ่อ… เช่นนั้นก็กลับดี ๆ นะ”
ซินเยว่เดินกลับไปที่ม้าแล้ว จางจื่อหลงจึงได้แต่พึมพำออกไปตามหลังนาง
“นอกจากท่านหมอเฉินแล้ว ในสายตาของเจ้าก็ไม่เคยเห็นผู้ใดอีกเลยสินะถานซินเยว่”
สามวันถัดมา
“ส่งจดหมายไปให้น้องเก้าที่ตงโจว ให้เขาจัดการเรื่องนี้ด่วนที่สุด”
“ขอรับ”
“จริงสิจิ่นหาว เห็นบอกว่าหลายวันมานี้มีคนป่วยเพิ่มขึ้นอีกงั้นหรือ”
“ขอรับ ท่านหมอเวินและหมอหลวงคนอื่น ๆ ก็เริ่มป่วยเป็นไข้หวัดกันแล้ว ดังนั้นจึงไม่อยากให้คุณชายออกไปข้างนอกบ่อย ๆ เกรงว่าจะป่วยเพิ่มขอรับ”
“เช่นนั้นคงต้องสั่งสมุนไพรเพื่อทำยาแก้หวัดเพิ่มแล้ว”
“เมื่อวานนี้ร้านยาเป่าจิ้นถานส่งมาให้แล้วบางส่วนขอรับ เห็นว่าคุณหนูถานเองก็ป่วยเช่นกัน”
พู่กันในมือของเฟิ่งเซียวชะงัก และหยุดลงบนกระดาษที่กำลังจะเขียนรายงานเพื่อทูลขอความช่วยเหลือฮ่องเต้ แต่เมื่อได้ยินเรื่องของถานซินเยว่เขาก็หยุดนิ่งทันที เพราะเขาเองก็ไม่เจอนางมาสามวันแล้วเช่นกัน
“คุณชายขอรับ กระดาษ…”
“นางป่วยงั้นหรือ ตั้งแต่เมื่อใดกันวันก่อนยังเห็นดี ๆ อยู่เลย”
เขาถามเมื่อค่อย ๆ จับกระดาษขึ้นมาและกำทิ้งทันทีโดยมิได้ใส่ใจ แต่สีหน้านั้นกำลังถามจิ่นหาวอย่างนึกเป็นห่วง
“เห็นว่านางขึ้นไปเก็บสมุนไพรบนเขากับชาวบ้าน ขากลับลงมาเจอฝนก็เลยป่วยขอรับ”
“ไม่ชอบอยู่เฉยเลยจริง ๆ วันแรกก็โดนม้าลาก ว่างก็มาชวนข้าคุยที่นี่ทุกวัน นี่ยังออกไปตากฝนจนป่วยอีก เช่นนั้นตอนนี้…”
“ไม่ได้ขอรับ คุณชายอย่าออกไปเลย ตอนนี้ด้านนอกมีแต่คนป่วยรายล้อม อีกอย่างท่านหมอเวินบอกว่าอย่างน้อยรอให้พวกเขาหายดีเสียก่อน จะได้เหลือคนไว้ผลัดเปลี่ยนช่วยผู้ป่วยขอรับ”
“เห็นทีจะรอการช่วยเหลือจากเมืองหลวงไม่ได้แล้ว เอากระดาษมาให้ข้าที”
“ขอรับ”
จิ่นหาวจัดเตรียมกระดาษใหม่ให้เฟิ่งเซียว เขานั่งเขียนจดหมายอยู่ราวครึ่งวัน เมื่อออกมาก็ต้องนำจดหมายเหล่านั้นไปส่งทันทีเพราะทุกอย่างเป็นเรื่องเร่งด่วน ส่วนตัวของเฉินเฟิ่งเซียวนั้นเหมือนกับถูกกักบริเวณก็ไม่ปานเพราะเขาต้องอยู่เพียงจวนพักเท่านั้น
สี่วันถัดมา / จวนหมอหลวง
“คุณหนูถาน ท่านมาส่งสมุนไพรหรือขอรับ”
“พี่จิ่นหาวข้าเอายาแก้หวัดมาส่ง ครั้งนี้น่าจะพอใช้อีกหลายวัน อ้อจริงสิท่านหมอเฉินเล่า”
“คือว่าคุณชาย…”
“แคก แคก ซินเยว่เจ้ามาส่งยาหรือ”
เฉินเฟิ่งเซียวเดินออกมาพร้อมกับสวมผ้าผูกหน้า ดูเหมือนว่าตัวเขาเองก็จะไม่รอดจากหวัดเช่นกัน
“นี่ท่านก็ป่วยด้วยหรือ”
“อากาศค่อนข้างชื้นก็เลยเป็นหวัดนิดหน่อย ได้ข่าวว่าเจ้าเองก็ป่วยตอนนี้หายดีหรือยัง”
“หายดีแล้ว หวัดแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก ท่านอย่าลืมสิว่าข้าเป็นใคร…”
“นั่นสินะ”
“ว่าแต่ท่านเถอะ ไม่สบายเช่นนี้ควรจะเข้าไปนอนพักสิ ไม่ต้องมาทักทายข้าก็ได้ ท่านกลับเข้าไปพักผ่อนเถอะ”
“เอ่อ…ที่จริงข้า…”
ไม่ทันที่เขาจะได้ตอบ รถม้าขบวนใหญ่ก็วิ่งเข้ามาจอดตรงหน้าจวนหมอหลวง ทุกคนต่างรู้สึกแปลกใจเพราะรถม้าสีขาวขนาดใหญ่น่าจะวิ่งมาจากต่างเมือง
“คุณชาย รถม้ามาถึงแล้วขอรับ”
เมื่อได้ยินที่จิ่นหาวรายงานเขา ซินเยว่หันไปมองผู้ที่กำลังเดินลงมา นางเป็นสตรีสวมชุดขาว ใบหน้าผุดผ่องงดงามราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด เมื่อนางเดินลงมาก็เดินผ่านเข้าไปทักทายเฟิ่งเซียวที่ยืนอยู่ทันที
“คารวะศิษย์พี่เฟิ่งเซียว ซูหรันมาช้าเพราะฝนตกตลอดทาง ต้องขออภัยด้วย”
ท่านหมอเวินและคนอื่น ๆ เมื่อเห็นการปรากฏตัวของสตรีผู้นี้ก็ถึงกับดีใจและวิ่งออกมาทักทายพร้อมกัน
“ยอดไปเลย หมอเทวดาอวิ่นท่านมาถึงแล้ว คุณชายกำลังกังวลอยู่เลยคิดว่าท่านจะติดฝนจนผ่านมาไม่ได้”
“ที่แท้เขาก็มิได้ออกมาพบข้าหรอกหรือ ช่างน่าขันเสียจริงคิดอะไรอยู่กันนะถานซินเยว่ เจ้ามิได้สำคัญอะไรขนาดนั้นเสียหน่อย”
ซินเยว่ถูกหลายคนที่อยากจะเดินเข้ามาทักทายหมอหญิง ดันออกมา จนนางต้องถอยไปที่ม้าของตัวเอง นางลูบแผงคอเพื่อมิให้มันตกใจ จางหลงจื่อเดินเข้ามาหานางหลังจากที่ไปทักทายผู้มาเยือนแล้ว
“ซินเยว่ครั้งนี้ลำบากเจ้าหน่อยนะ เห็นว่าไม่สบายหลายวันเจ้าหายดีแล้วหรือ”
“ข้าหายดีแล้วท่านหมอจาง ขอบคุณเจ้าค่ะว่าแต่นางผู้นั้นคือใครหรือเจ้าคะ”
ทั้งสองมองไปยังกลุ่มคนที่ยังยืนล้อมทั้ง “อวิ่นซูหรัน” และเฟิ่งเซียวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นาง สายตาของซินเยว่หม่นลงไปเล็กน้อยพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่นางก็มิอาจอธิบายได้ จนจางหลงจื่อหันมาตอบกับนาง
“นางก็คือหมอหลวงอวิ่นซูหรัน เป็นหมอหญิงที่เก่งมากและเป็นศิษย์น้องของคุณชายเฉินเฟิ่งเซียว”
“ศิษย์น้องของท่านหมอเฉินงั้นหรือ”“ใช่ ทั้งสองเป็นศิษย์ของท่านหมอเทวดา “โล่ซินหยาง” แห่งเมืองเหยียน พวกเขาสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียน ว่ากันว่าทั้งคู่เป็นหมอเทวะคู่บารมี แม้แต่เซียนยังต้องหลบ"“ข้าส่งยาเสร็จแล้ว เช่นนั้นขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ”“อ้าว เจ้าจะกลับแล้วหรือ ว่าแต่เจ้าหายดีแล้วแน่หรือไหนดูสิ เอ๊ะ เหตุใดหน้าผากยังร้อน ๆ อยู่เลยเล่า”จางหลงจื่อใช้หลังมืออังหน้าผากของซินเยว่ตอนที่นางเผลอ เฟิ่งเซียวที่หันมามองทั้งคู่พอดีก็รู้สึกตงิดใจขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเมื่อครู่นี้เขายังเห็นซินเยว่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ไม่คิดว่านางจะเดินไปหาจางหลงจื่อเร็วปานนั้น‘เหตุใดปล่อยให้เขาแตะเนื้อต้องตัวขนาดนั้น นางสนิทกับจางจื่อหลงถึงขนาดนั้นเลยหรือ’“ศิษย์พี่เฟิ่งเซียว”“ซูหรันครั้งนี้ขอบใจเจ้ามาก ที่ตอบรับคำเชิญของข้าในการช่วยผู้ประสบภัย ข้าให้คนเตรียมที่พักให้เจ้าแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็รีบเอาของไปเก็บและพักผ่อนก่อนเถอะ”“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”“คุณหนูอวิ่นเชิญทางนี้เลยขอรับ” หมอเวินเป็นผู้นำทางอวิ่นซูหรันไปด้วยตัวเอง แม้ว่าอวิ่นซูหรันหวังอยากจะให้เฟิ่งเซียวเป็นผู้พานางไปด้วยตัวเอง แต่ก็ทำได้แค่หันไปยิ้มและเดินตาม
เฟิ่งเซียวหยุดกึกเมื่อซูหรันพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเองก็ตอบไม่ถูกแต่รู้สึกว่าเพียงแค่ถูกถามเรื่องของถานซินเยว่ก็เริ่มจะไม่อยากพูดขึ้นมา อีกอย่างหลายวันมานี้ซินเยว่ก็เอาแต่ตามติดเขาอยู่ทุกวัน"จะเป็นไปได้เช่นไรศิษย์น้องล้อเล่นแล้ว ซินเยว่แม้จะเป็นคนที่เป็นตัวของตัวเองและเข้าได้กับทุกคน แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะเป็นเช่นนี้เฉพาะกับข้าเสียหน่อย มาเถอะข้าจะพาเจ้าไปดูกระโจมผู้ประสบภัยและห้องเก็บยา"“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”ซูหรันมิได้คาดคั้นถามเขา นับว่าเป็นเรื่องดีเพราะหากนางยังถามอีก เขาก็คงจะรู้สึกอึดอัด เพราะตัวเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเหตุใดหัวใจจึงเต้นแรงจนเกินควบคุม เวลาที่เอ่ยถึงเรื่องของซินเยว่สามวันถัดมาช่วงนี้ฝนยังคงตกหนักในพื้นที่อำเภอลี่เหมิน ผู้ประสบภัยที่ป่วยก็ไม่มีวี่แววที่จะลดลง เฟิ่งเซียวสั่งให้ทหารเริ่มจัดที่พักแยกผู้ป่วยและผู้ที่เสี่ยงจะป่วยแยกกันเป็นการชั่วคราวเพื่อมิให้โรคแพร่กระจาย ซึ่งนับว่าได้ผลและต้องยอมรับว่าการมาของอวิ่นซูหรันช่วยเขาได้มากจริง ๆ“เอายานี้ไปที่กระโจมผู้ป่วยหนัก อีกสองเตานั้นใกล้เสร็จหรือยัง”“จวนแล้วเจ้าค่ะ”“ซูหรัน ยาของเจ้าต้มเสร็จหรือยัง”“พี่เฟิ
“อะไรนะ โอ๊ย!”“รีบหลบไป!”เฟิ่งเซียวที่พึ่งพันแผลให้อวิ่นซูหรันเสร็จ รีบวิ่งมาดับไฟตรงหน้าทันที หม้อยาของพวกเขาต้องสาดทิ้งเพราะมันติดไฟ เฟิ่งเซียวเกรงว่าซินเยว่จะได้รับบาดเจ็บไปอีกคนหม้อต้มยาตกไปที่พื้นจนแตกกระจาย โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ซินเยว่หันไปถามเขาที่ยืนอยู่หน้าเตา แต่เขาหันกลับมาด้วยสีหน้าที่โมโหสุดขีด“นี่กำลังทำอะไรของเจ้า! ไม่เห็นหรือว่ามันอันตราย" “ท่านหมอเฉินข้าขอโทษ ข้าผิดเองที่ไม่ทันระวัง ขออภัยข้าจะรีบต้มให้ใหม่""ต้มใหม่งั้นหรือ! เจ้าคิดว่ายานี่ต้องใช้เวลาเคี่ยวนานเท่าใด ซูหรันเฝ้ายานี้มากว่าสามวันแล้ว แต่เจ้ามาเพียงไม่นานก็ประมาทจนทำให้เป็นเช่นนี้ ยานี่ซูหรันอุตส่าห์นำมาด้วยมันมีค่ามากเลยนะ อีกอย่าง…”“ข้าขอโทษท่านแล้วมิใช่หรือ”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนป่วยอีกมากขนาดไหนที่รอการช่วยเหลืออยู่ รู้หรือไม่ว่าพวกเราทำงานหนักมากขนาดไหน กว่าจะได้ยาแต่ละถ้วย!”“ศิษย์พี่! ท่านพอได้แล้ว”เฟิ่งเซียวโมโหจนขาดสติ เขาเป็นห่วงกลัวว่าซินเยว่จะบาดเจ็บไปอีกคน แต่กลับพูดเรื่องยาออกมาโดยมิได้ตั้งใจ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้คนตัวเล็กตรงหน้าเขาจะเริ่มสั่น อวิ่นซูหรันเดินมาพยุงนางออกไป“
เมื่อเฟิ่งเซียวกลับมาพูดจาสุขุมอีกรอบ ทั้งสองคนก็เริ่มหันกลับมาคุยกับเขาอีกครั้ง“ท่านหมายถึงเรื่องที่เขียนส่งมาในจดหมาย สงสัยเรื่องการทุจริตในสกุลถาน กับอนุของบิดานางงั้นหรือ”“ใช่ ครั้งแรกที่ข้าพบกับนางก็คือที่นี่ ตอนนั้นนางนำยาสมุนไพรมาส่ง พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่า ยาแต่ละตัวที่นางนำมาล้วนมีราคาสูง แต่ว่าหมอเวินซึ่งเป็นหมอหลวงที่ข้าส่งมาบรรเทาภัยที่นี่กลับบอกว่า ร้านเป่าจิ้นถานของนางไม่เคยรับเงินเลยแม่แต่ตำลึงเดียว”“ครอบครัวนางเป็นคหบดีใหญ่ ก็คงอยากจะช่วยบรรเทาภัยกระมัง ท่านคิดมากเกินไปหรือเปล่า”“ไม่ใช่ หากเป็นไปตามที่เจ้าพูดคงไม่ต้องลำบากให้หอหรงเยว่ของน้องเก้าช่วยสืบข่าว การค้าของสกุลถานหากไม่นับรวมร้านค้าที่รับจากเรือสำเภาของบิดานางเข้ามา ในตัวอำเภอมีร้านผ้าจินหง กับร้านยาของนาง ร้านผ้าดูแลโดยอนุของบิดาถานซินเยว่ ส่วนนางดูแลร้านยาซึ่งทั้งเก่าและโทรมอีกทั้งอยู่ในตรอกที่ค่อนข้างร้างผู้คน”“เช่นนั้นก็น่าแปลก แสดงว่าพวกนางไม่ลงรอยกันงั้นหรือ แต่เหตุใดนางจึงช่วยเหลือเรา เช่นนี้แล้วร้านผ้าของอนุภรรยาคหบดีถานเล่า”“นอกจากจะไม่ช่วยแล้ว วันนั้นข้าลองไปที่ร้านจินหง เพียงแค่เกริ่นถึงร้านของซิ
“ว่าอะไรนะ! แส้งั้นหรือ นี่มันจะโหดร้ายเกินไปหน่อยแล้วกระมัง มิน่าเล่า ท่านจึงได้เลือกให้พี่แปดเป็นคนไปตรวจสอบเรื่องนี้ แทนที่จะใช้ผู้อื่น ที่แท้ก็เป็นห่วงกลัวว่านางจะอับอาย”“เพราะว่าข้าไม่แน่ใจว่า ระหว่างพวกนางมีเรื่องหมางใจอะไรกันแน่ อีกอย่างการหายตัวไปของคหบดีถานก็น่าสงสัย แม้ว่าจะบอกว่าเป็นมรสุมหรือพายุ แต่บัดนี้ก็สงบแล้วแต่เขากลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย อีกอย่างบนตัวของซินเยว่ข้ามั่นใจว่ามันไม่ใช่แผลจากการฝึกยุทธ์หรือหกล้มแน่นอน”“ท่านไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ข้าจะให้คนของหอหรงเยว่ตรวจสอบโดยละเอียด โดยเฉพาะบัญชีของร้านจินหงของอนุภรรยาผู้นั้น เห็นว่านางมีบุตรสาวอีกคนหนึ่งมิใช่หรือ”“นางเป็นพี่สาวของซินเยว่ ซึ่งเกิดจากอนุภรรยาคนนี้ แต่ข้าเองก็ยังไม่เคยเห็นเช่นกัน”“หากพวกนางลงมือทำร้ายบุตรของภรรยาเอก เพื่อต้องการสมบัติของคหบดีนั่นแล้วละก็ เรื่องนี้ผิดทั้งกฎหมายและหลักคุณธรรม พี่ห้าท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าจะรีบส่งคนของเราไปจัดการสืบมาให้ท่านโดยเร็วที่สุด”“ขอบใจเจ้ามาก”ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูด้านหน้าดังขึ้นระหว่างที่ทั้งสองกำลังจะนั่งดื่มชา รั่วเฟิงเป็นคนเดินไปเปิดประตูจึงเห็นว่าอวิ่นซูหร
ซินเยว่หันมาลาเฉินรั่วเฟิงอีกครั้ง และเดินจูงม้าเข้าไปด้านในทันที องครักษ์ของนางรับม้าต่อเพื่อให้ซินเยว่เดินเข้าไปด้านใน เฟิ่งเซียวรู้สึกว่าซินเยว่มีท่าทีเปลี่ยนไป คงเพราะเหตุการณ์เมื่อหลายวันก่อนซึ่งเขาเผลอตะคอกใส่นางนั่นเอง“พี่ห้าดูเหมือนว่านางไม่ค่อยอยากจะคุยกับท่านเลยนะ ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นหรือไม่”“นางบาดเจ็บจริง ๆ ด้วย ข้ายังไม่ทันได้ถาม ไม่สินางไม่เปิดโอกาสให้ข้าถามเลยต่างหาก”“พี่ห้า ท่านบ่นพึมพำอะไร”“ช่างเถอะ วันนี้กลับก่อนก็แล้วกัน”“ไหนท่านบอกว่าจะไปซื้อผ้ามิใช่หรือ”“ให้จิ่นหาวไปรับแทนก็แล้วกัน ข้าจะกลับแล้ว”“อ้าว รอข้าด้วยสิพี่ห้า!” สองวันถัดมา“ศิษย์พี่!”“ว่าอย่างไรหรือซูหรัน”“ท่านเป็นอะไรไปหรือว่าจะเริ่มป่วยอีกแล้ว ข้าถามท่านว่ายาที่บดเอาไว้จะให้ต้มเลยหรือไม่”“อ้อ จริงสิข้าลืมไปเลยเดี๋ยวข้าไปสั่งการ…”“ไม่ต้องหรอกข้าแค่ถามเท่านั้น ที่เหลือสั่งให้หมอจางจัดการต่อก็ได้”“อ้อ เช่นนั้นก็ฝากเจ้าด้วย”“เหตุใดพักนี้ดูท่านเหม่อลอยบ่อย มีเรื่องในใจหรือ”“ข้าหรือ คงเป็นเพราะต้องเริ่มสร้างเขื่อนแล้วก็เลยกังวลน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”“ท่านหมออวิ่น ยาจากร้านเป่าจิ้นถานมาส่งแล้วเจ
“ช่างเป็นคนที่ดื้อเสียยิ่งนัก จื่อโม่ข้าจะจัดยาฝากไปให้นางแล้วยังต้องมียาสมานแผลของเจ้าด้วย เจ้ารออยู่ตรงนี้เดี๋ยวข้ามา”“ขอรับ”เมื่อส่งจื่อโม่กลับไปแล้ว เขาจึงให้คนไปเรียกเฉินฟ่านหรงและเฉินรั่วเฟิงที่เขื่อนกลับมาที่จวนทันที เมื่อท่านอ๋องทั้งสองมาถึงก็รีบเข้าไปพบเขาที่เรือนพัก อวิ่นซูหรันเห็นจึงรู้สึกแปลกใจแต่ก็ยากที่จะทราบได้ว่าเหตุใดจู่ ๆ ทั้งสองจึงรีบกลับมาจากเนินเขาที่กำลังสร้างเขื่อนอยู่เรือนของเฟิ่งเซียว“พี่ห้า เรียกพวกเรากลับมาเร่งด่วนมีอะไรงั้นหรือ”“การก่อสร้างเป็นอย่างไรบ้าง เรียบร้อยดีไหม”“ก็ยังไม่มีอะไรมาก วันนี้ข้ากับน้องเก้าเริ่มให้คนขนของที่จะสร้างกำแพงกั้นน้ำขึ้นไปที่เนินเขาแล้ว โดยรวมก็เรียบร้อยดี อาจจะต้องใช้กำลังคนมากกว่านี้หากอยากจะสร้างให้เสร็จเร็วขึ้น”“ข้าส่งรายงานไปที่เมืองหลวงแล้ว คาดว่าฝ่าบาทคงจะส่งเรื่องมาในเร็ววันนี้ อย่างน้อยหากเขื่อนเสร็จเร็วกว่ากำหนด ราษฎรอาจจะได้รับการดูแลที่เร็วมากขึ้น”“จริงสิพี่สามบอกว่ากำลังจะเดินทางลงมาเช่นกัน”“อะไรนะ มิใช่ว่าเขาไปแคว้นจ้าวกับพี่สะใภ้หรอกหรือ นี่จะมาที่นี่ต่อเลยงั้นหรือ”“พี่สามส่งข่าวผ่านหอหรงเยว่มาบอก ข่าวพึ
“ท่านแม่! ไม่นะอย่าจับนางไปนะ เดี๋ยวก่อนผู้ตรวจการ ท่านแม่!”“หยูเอ๋อร์ไม่ต้องห่วงแม่จัดการที่เหลือเอง เจ้าปิดร้านและอย่าออกไปไหน รีบกลับจวนเข้าใจหรือไม่”“เจ้าค่ะ”หลี่ฮั่วเจินถูกทางการจับไปที่ว่าการอำเภอเพื่อสอบสวนคดีเลี่ยงภาษีนำเข้าผ้า ซึ่งมีโทษปรับที่ทำให้ร้านของนางถูกสั่งปิดได้ในทันที เพราะนายอำเภอคนใหม่ที่พึ่งเข้ามารับตำแหน่ง ไม่ยอมให้นางใช้อำนาจนอกเหนือกฎหมายอย่างเช่นการให้สินบนกับเจ้าหน้าที่“นี่เป็นถุงเงินที่นางมอบให้ข้าน้อย เพื่อหวังจะติดสินบนในเรื่องนี้ขอรับ”“หลี่ฮั่วเจิน นี่เป็นเรื่องจริงหรือ”“นายอำเภอเจ้าคะเรื่องนี้ข้า… ไม่สิก่อนหน้านี้พวกท่านเองก็เป็นคนบอกว่าให้ข้าทำเช่นนี้ จะมาโทษข้าได้เช่นไร”“หากเจ้าหมายถึงจงอี้หมินผู้นั้นแล้วละก็ เขาถูกจับโทษฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ รับสินบนและทำผิดวินัยไปก่อนหน้านี้นานแล้ว เจ้ายอมรับสินะว่าสมคบคิดกับเขาทำเรื่องเช่นนี้มานาน!”“ไม่ใช่เจ้าค่ะข้าถูกหลอกให้ทำ ข้าถูกล่อลวง”ด้านหลัง“หึ นึกไม่ถึงเลยว่านางจะโยนความผิดไปให้เจ้าคนแซ่จงผู้นั้นแทน พี่ห้าท่านจะเอาเช่นไรต่อ”“จัดการขั้นเด็ดขาด”“เช่นนั้นก็ได้”รั่วเฟิงหันไปมองทหารของที่ว่าการ
“ท่านแม่! ไม่นะอย่าจับนางไปนะ เดี๋ยวก่อนผู้ตรวจการ ท่านแม่!”“หยูเอ๋อร์ไม่ต้องห่วงแม่จัดการที่เหลือเอง เจ้าปิดร้านและอย่าออกไปไหน รีบกลับจวนเข้าใจหรือไม่”“เจ้าค่ะ”หลี่ฮั่วเจินถูกทางการจับไปที่ว่าการอำเภอเพื่อสอบสวนคดีเลี่ยงภาษีนำเข้าผ้า ซึ่งมีโทษปรับที่ทำให้ร้านของนางถูกสั่งปิดได้ในทันที เพราะนายอำเภอคนใหม่ที่พึ่งเข้ามารับตำแหน่ง ไม่ยอมให้นางใช้อำนาจนอกเหนือกฎหมายอย่างเช่นการให้สินบนกับเจ้าหน้าที่“นี่เป็นถุงเงินที่นางมอบให้ข้าน้อย เพื่อหวังจะติดสินบนในเรื่องนี้ขอรับ”“หลี่ฮั่วเจิน นี่เป็นเรื่องจริงหรือ”“นายอำเภอเจ้าคะเรื่องนี้ข้า… ไม่สิก่อนหน้านี้พวกท่านเองก็เป็นคนบอกว่าให้ข้าทำเช่นนี้ จะมาโทษข้าได้เช่นไร”“หากเจ้าหมายถึงจงอี้หมินผู้นั้นแล้วละก็ เขาถูกจับโทษฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ รับสินบนและทำผิดวินัยไปก่อนหน้านี้นานแล้ว เจ้ายอมรับสินะว่าสมคบคิดกับเขาทำเรื่องเช่นนี้มานาน!”“ไม่ใช่เจ้าค่ะข้าถูกหลอกให้ทำ ข้าถูกล่อลวง”ด้านหลัง“หึ นึกไม่ถึงเลยว่านางจะโยนความผิดไปให้เจ้าคนแซ่จงผู้นั้นแทน พี่ห้าท่านจะเอาเช่นไรต่อ”“จัดการขั้นเด็ดขาด”“เช่นนั้นก็ได้”รั่วเฟิงหันไปมองทหารของที่ว่าการ
“ช่างเป็นคนที่ดื้อเสียยิ่งนัก จื่อโม่ข้าจะจัดยาฝากไปให้นางแล้วยังต้องมียาสมานแผลของเจ้าด้วย เจ้ารออยู่ตรงนี้เดี๋ยวข้ามา”“ขอรับ”เมื่อส่งจื่อโม่กลับไปแล้ว เขาจึงให้คนไปเรียกเฉินฟ่านหรงและเฉินรั่วเฟิงที่เขื่อนกลับมาที่จวนทันที เมื่อท่านอ๋องทั้งสองมาถึงก็รีบเข้าไปพบเขาที่เรือนพัก อวิ่นซูหรันเห็นจึงรู้สึกแปลกใจแต่ก็ยากที่จะทราบได้ว่าเหตุใดจู่ ๆ ทั้งสองจึงรีบกลับมาจากเนินเขาที่กำลังสร้างเขื่อนอยู่เรือนของเฟิ่งเซียว“พี่ห้า เรียกพวกเรากลับมาเร่งด่วนมีอะไรงั้นหรือ”“การก่อสร้างเป็นอย่างไรบ้าง เรียบร้อยดีไหม”“ก็ยังไม่มีอะไรมาก วันนี้ข้ากับน้องเก้าเริ่มให้คนขนของที่จะสร้างกำแพงกั้นน้ำขึ้นไปที่เนินเขาแล้ว โดยรวมก็เรียบร้อยดี อาจจะต้องใช้กำลังคนมากกว่านี้หากอยากจะสร้างให้เสร็จเร็วขึ้น”“ข้าส่งรายงานไปที่เมืองหลวงแล้ว คาดว่าฝ่าบาทคงจะส่งเรื่องมาในเร็ววันนี้ อย่างน้อยหากเขื่อนเสร็จเร็วกว่ากำหนด ราษฎรอาจจะได้รับการดูแลที่เร็วมากขึ้น”“จริงสิพี่สามบอกว่ากำลังจะเดินทางลงมาเช่นกัน”“อะไรนะ มิใช่ว่าเขาไปแคว้นจ้าวกับพี่สะใภ้หรอกหรือ นี่จะมาที่นี่ต่อเลยงั้นหรือ”“พี่สามส่งข่าวผ่านหอหรงเยว่มาบอก ข่าวพึ
ซินเยว่หันมาลาเฉินรั่วเฟิงอีกครั้ง และเดินจูงม้าเข้าไปด้านในทันที องครักษ์ของนางรับม้าต่อเพื่อให้ซินเยว่เดินเข้าไปด้านใน เฟิ่งเซียวรู้สึกว่าซินเยว่มีท่าทีเปลี่ยนไป คงเพราะเหตุการณ์เมื่อหลายวันก่อนซึ่งเขาเผลอตะคอกใส่นางนั่นเอง“พี่ห้าดูเหมือนว่านางไม่ค่อยอยากจะคุยกับท่านเลยนะ ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นหรือไม่”“นางบาดเจ็บจริง ๆ ด้วย ข้ายังไม่ทันได้ถาม ไม่สินางไม่เปิดโอกาสให้ข้าถามเลยต่างหาก”“พี่ห้า ท่านบ่นพึมพำอะไร”“ช่างเถอะ วันนี้กลับก่อนก็แล้วกัน”“ไหนท่านบอกว่าจะไปซื้อผ้ามิใช่หรือ”“ให้จิ่นหาวไปรับแทนก็แล้วกัน ข้าจะกลับแล้ว”“อ้าว รอข้าด้วยสิพี่ห้า!” สองวันถัดมา“ศิษย์พี่!”“ว่าอย่างไรหรือซูหรัน”“ท่านเป็นอะไรไปหรือว่าจะเริ่มป่วยอีกแล้ว ข้าถามท่านว่ายาที่บดเอาไว้จะให้ต้มเลยหรือไม่”“อ้อ จริงสิข้าลืมไปเลยเดี๋ยวข้าไปสั่งการ…”“ไม่ต้องหรอกข้าแค่ถามเท่านั้น ที่เหลือสั่งให้หมอจางจัดการต่อก็ได้”“อ้อ เช่นนั้นก็ฝากเจ้าด้วย”“เหตุใดพักนี้ดูท่านเหม่อลอยบ่อย มีเรื่องในใจหรือ”“ข้าหรือ คงเป็นเพราะต้องเริ่มสร้างเขื่อนแล้วก็เลยกังวลน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”“ท่านหมออวิ่น ยาจากร้านเป่าจิ้นถานมาส่งแล้วเจ
“ว่าอะไรนะ! แส้งั้นหรือ นี่มันจะโหดร้ายเกินไปหน่อยแล้วกระมัง มิน่าเล่า ท่านจึงได้เลือกให้พี่แปดเป็นคนไปตรวจสอบเรื่องนี้ แทนที่จะใช้ผู้อื่น ที่แท้ก็เป็นห่วงกลัวว่านางจะอับอาย”“เพราะว่าข้าไม่แน่ใจว่า ระหว่างพวกนางมีเรื่องหมางใจอะไรกันแน่ อีกอย่างการหายตัวไปของคหบดีถานก็น่าสงสัย แม้ว่าจะบอกว่าเป็นมรสุมหรือพายุ แต่บัดนี้ก็สงบแล้วแต่เขากลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย อีกอย่างบนตัวของซินเยว่ข้ามั่นใจว่ามันไม่ใช่แผลจากการฝึกยุทธ์หรือหกล้มแน่นอน”“ท่านไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ข้าจะให้คนของหอหรงเยว่ตรวจสอบโดยละเอียด โดยเฉพาะบัญชีของร้านจินหงของอนุภรรยาผู้นั้น เห็นว่านางมีบุตรสาวอีกคนหนึ่งมิใช่หรือ”“นางเป็นพี่สาวของซินเยว่ ซึ่งเกิดจากอนุภรรยาคนนี้ แต่ข้าเองก็ยังไม่เคยเห็นเช่นกัน”“หากพวกนางลงมือทำร้ายบุตรของภรรยาเอก เพื่อต้องการสมบัติของคหบดีนั่นแล้วละก็ เรื่องนี้ผิดทั้งกฎหมายและหลักคุณธรรม พี่ห้าท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าจะรีบส่งคนของเราไปจัดการสืบมาให้ท่านโดยเร็วที่สุด”“ขอบใจเจ้ามาก”ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูด้านหน้าดังขึ้นระหว่างที่ทั้งสองกำลังจะนั่งดื่มชา รั่วเฟิงเป็นคนเดินไปเปิดประตูจึงเห็นว่าอวิ่นซูหร
เมื่อเฟิ่งเซียวกลับมาพูดจาสุขุมอีกรอบ ทั้งสองคนก็เริ่มหันกลับมาคุยกับเขาอีกครั้ง“ท่านหมายถึงเรื่องที่เขียนส่งมาในจดหมาย สงสัยเรื่องการทุจริตในสกุลถาน กับอนุของบิดานางงั้นหรือ”“ใช่ ครั้งแรกที่ข้าพบกับนางก็คือที่นี่ ตอนนั้นนางนำยาสมุนไพรมาส่ง พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่า ยาแต่ละตัวที่นางนำมาล้วนมีราคาสูง แต่ว่าหมอเวินซึ่งเป็นหมอหลวงที่ข้าส่งมาบรรเทาภัยที่นี่กลับบอกว่า ร้านเป่าจิ้นถานของนางไม่เคยรับเงินเลยแม่แต่ตำลึงเดียว”“ครอบครัวนางเป็นคหบดีใหญ่ ก็คงอยากจะช่วยบรรเทาภัยกระมัง ท่านคิดมากเกินไปหรือเปล่า”“ไม่ใช่ หากเป็นไปตามที่เจ้าพูดคงไม่ต้องลำบากให้หอหรงเยว่ของน้องเก้าช่วยสืบข่าว การค้าของสกุลถานหากไม่นับรวมร้านค้าที่รับจากเรือสำเภาของบิดานางเข้ามา ในตัวอำเภอมีร้านผ้าจินหง กับร้านยาของนาง ร้านผ้าดูแลโดยอนุของบิดาถานซินเยว่ ส่วนนางดูแลร้านยาซึ่งทั้งเก่าและโทรมอีกทั้งอยู่ในตรอกที่ค่อนข้างร้างผู้คน”“เช่นนั้นก็น่าแปลก แสดงว่าพวกนางไม่ลงรอยกันงั้นหรือ แต่เหตุใดนางจึงช่วยเหลือเรา เช่นนี้แล้วร้านผ้าของอนุภรรยาคหบดีถานเล่า”“นอกจากจะไม่ช่วยแล้ว วันนั้นข้าลองไปที่ร้านจินหง เพียงแค่เกริ่นถึงร้านของซิ
“อะไรนะ โอ๊ย!”“รีบหลบไป!”เฟิ่งเซียวที่พึ่งพันแผลให้อวิ่นซูหรันเสร็จ รีบวิ่งมาดับไฟตรงหน้าทันที หม้อยาของพวกเขาต้องสาดทิ้งเพราะมันติดไฟ เฟิ่งเซียวเกรงว่าซินเยว่จะได้รับบาดเจ็บไปอีกคนหม้อต้มยาตกไปที่พื้นจนแตกกระจาย โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ซินเยว่หันไปถามเขาที่ยืนอยู่หน้าเตา แต่เขาหันกลับมาด้วยสีหน้าที่โมโหสุดขีด“นี่กำลังทำอะไรของเจ้า! ไม่เห็นหรือว่ามันอันตราย" “ท่านหมอเฉินข้าขอโทษ ข้าผิดเองที่ไม่ทันระวัง ขออภัยข้าจะรีบต้มให้ใหม่""ต้มใหม่งั้นหรือ! เจ้าคิดว่ายานี่ต้องใช้เวลาเคี่ยวนานเท่าใด ซูหรันเฝ้ายานี้มากว่าสามวันแล้ว แต่เจ้ามาเพียงไม่นานก็ประมาทจนทำให้เป็นเช่นนี้ ยานี่ซูหรันอุตส่าห์นำมาด้วยมันมีค่ามากเลยนะ อีกอย่าง…”“ข้าขอโทษท่านแล้วมิใช่หรือ”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนป่วยอีกมากขนาดไหนที่รอการช่วยเหลืออยู่ รู้หรือไม่ว่าพวกเราทำงานหนักมากขนาดไหน กว่าจะได้ยาแต่ละถ้วย!”“ศิษย์พี่! ท่านพอได้แล้ว”เฟิ่งเซียวโมโหจนขาดสติ เขาเป็นห่วงกลัวว่าซินเยว่จะบาดเจ็บไปอีกคน แต่กลับพูดเรื่องยาออกมาโดยมิได้ตั้งใจ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้คนตัวเล็กตรงหน้าเขาจะเริ่มสั่น อวิ่นซูหรันเดินมาพยุงนางออกไป“
เฟิ่งเซียวหยุดกึกเมื่อซูหรันพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเองก็ตอบไม่ถูกแต่รู้สึกว่าเพียงแค่ถูกถามเรื่องของถานซินเยว่ก็เริ่มจะไม่อยากพูดขึ้นมา อีกอย่างหลายวันมานี้ซินเยว่ก็เอาแต่ตามติดเขาอยู่ทุกวัน"จะเป็นไปได้เช่นไรศิษย์น้องล้อเล่นแล้ว ซินเยว่แม้จะเป็นคนที่เป็นตัวของตัวเองและเข้าได้กับทุกคน แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะเป็นเช่นนี้เฉพาะกับข้าเสียหน่อย มาเถอะข้าจะพาเจ้าไปดูกระโจมผู้ประสบภัยและห้องเก็บยา"“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”ซูหรันมิได้คาดคั้นถามเขา นับว่าเป็นเรื่องดีเพราะหากนางยังถามอีก เขาก็คงจะรู้สึกอึดอัด เพราะตัวเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเหตุใดหัวใจจึงเต้นแรงจนเกินควบคุม เวลาที่เอ่ยถึงเรื่องของซินเยว่สามวันถัดมาช่วงนี้ฝนยังคงตกหนักในพื้นที่อำเภอลี่เหมิน ผู้ประสบภัยที่ป่วยก็ไม่มีวี่แววที่จะลดลง เฟิ่งเซียวสั่งให้ทหารเริ่มจัดที่พักแยกผู้ป่วยและผู้ที่เสี่ยงจะป่วยแยกกันเป็นการชั่วคราวเพื่อมิให้โรคแพร่กระจาย ซึ่งนับว่าได้ผลและต้องยอมรับว่าการมาของอวิ่นซูหรันช่วยเขาได้มากจริง ๆ“เอายานี้ไปที่กระโจมผู้ป่วยหนัก อีกสองเตานั้นใกล้เสร็จหรือยัง”“จวนแล้วเจ้าค่ะ”“ซูหรัน ยาของเจ้าต้มเสร็จหรือยัง”“พี่เฟิ
“ศิษย์น้องของท่านหมอเฉินงั้นหรือ”“ใช่ ทั้งสองเป็นศิษย์ของท่านหมอเทวดา “โล่ซินหยาง” แห่งเมืองเหยียน พวกเขาสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียน ว่ากันว่าทั้งคู่เป็นหมอเทวะคู่บารมี แม้แต่เซียนยังต้องหลบ"“ข้าส่งยาเสร็จแล้ว เช่นนั้นขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ”“อ้าว เจ้าจะกลับแล้วหรือ ว่าแต่เจ้าหายดีแล้วแน่หรือไหนดูสิ เอ๊ะ เหตุใดหน้าผากยังร้อน ๆ อยู่เลยเล่า”จางหลงจื่อใช้หลังมืออังหน้าผากของซินเยว่ตอนที่นางเผลอ เฟิ่งเซียวที่หันมามองทั้งคู่พอดีก็รู้สึกตงิดใจขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเมื่อครู่นี้เขายังเห็นซินเยว่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ไม่คิดว่านางจะเดินไปหาจางหลงจื่อเร็วปานนั้น‘เหตุใดปล่อยให้เขาแตะเนื้อต้องตัวขนาดนั้น นางสนิทกับจางจื่อหลงถึงขนาดนั้นเลยหรือ’“ศิษย์พี่เฟิ่งเซียว”“ซูหรันครั้งนี้ขอบใจเจ้ามาก ที่ตอบรับคำเชิญของข้าในการช่วยผู้ประสบภัย ข้าให้คนเตรียมที่พักให้เจ้าแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็รีบเอาของไปเก็บและพักผ่อนก่อนเถอะ”“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”“คุณหนูอวิ่นเชิญทางนี้เลยขอรับ” หมอเวินเป็นผู้นำทางอวิ่นซูหรันไปด้วยตัวเอง แม้ว่าอวิ่นซูหรันหวังอยากจะให้เฟิ่งเซียวเป็นผู้พานางไปด้วยตัวเอง แต่ก็ทำได้แค่หันไปยิ้มและเดินตาม
เฟิ่งเซียวมองไปที่รถม้าคันใหญ่ ที่ขนส่งยาเกือบเต็มคันและรีบคว้าใบรายการยานั้นไปหาซินเยว่ ที่ยืนสั่งให้เพิ่มยาอีกบางอย่างไปกับรถส่งของครั้งนี้ด้วย“ซินเยว่ ข้าขอคุยด้วยหน่อยสิ”“ท่านหมอเฉิน มีอะไรอยากจะสั่งเพิ่มหรือ บอกมาได้เลยนะที่ในรถม้ายังพอเหลือใส่ได้อีกนิดหน่อย”“ไม่ใช่ มานี่เถอะ”เขาดึงมือนางเดินมายังลานตากยาสมุนไพรด้านหลัง ซึ่งมีสตรีหลายคนที่อยู่ช่วยกันเก็บยา เมื่อเห็นพวกเขาเดินมาแต่ละคนก็พากันมอง เพราะไม่เคยเห็นซินเยว่พาบุรุษเข้ามาในร้านมาก่อน“ซินเยว่นี่หมายความว่าอย่างไร เหตุใดยามากมายขนาดนี้เจ้าจึงไม่คิดเงินกับทางการ”“ท่านหมายถึงยาสมุนไพรพวกนี้น่ะหรือ ไม่เป็นไรหรอกถือว่าข้าช่วยก็แล้วกัน”“ไม่ได้ ยาพวกนี้มีมูลค่าสูงเกินไป หากข้าจะเอาไปเปล่า ๆ เช่นนี้มันเอาเปรียบร้านเจ้ามากเกินไป เจ้าคิดเงินมาเถอะอย่าทำเช่นนี้เลย”ซินเยว่เม้มปากเล็กน้อย และหันมาสบตาเขาพร้อมกับยิ้ม เฟิ่งเซียวไม่เข้าใจนางเลยว่าเหตุใดซินเยว่ไม่พูดอะไรเลยสักคำ“ข้าบอกว่าไม่คิดเงินก็ไม่คิดสิ เหตุใดท่านต้องปิดทางการช่วยเหลือของข้าด้วยเล่า ท่านไม่รับน้ำใจข้าหรือ”“ไม่ใช่เช่นนั้นเจ้าเข้าใจข้าผิด แต่ยามากมายขนาดนี้มันอ