“อะไรนะ! ไม่ใช่นะ ข้ากับเขา… ไม่ใช่แบบนั้น”
“ไปกันเถอะ”
เฟิ่งเซียวไม่เคยถูกผู้อื่นทักทายเช่นนี้มาก่อน เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกเช่นไร แต่เมื่อหันไปมองที่ถานซินเยว่ก็เห็นว่าใบหูนางแดงจัด
“เดี๋ยวก่อนนะคุณหนูสาม”
“ท่านเลิกเรียกข้าเช่นนี้เถอะ เรียกข้าว่าซินเยว่ก็ได้ เรามิใช่ว่ารู้จักกันแล้วหรอกหรือ”
“เอ่อ…ก็ได้ เช่นนั้นซินเยว่ เจ้ารู้สึกไม่สบายท้องหรือไม่”
ซินเยว่ชะงัก และหันมามองหน้าของเฟิ่งเซียวในทันทีเมื่อเขาพูดจบ
“ท่านว่าอะไรนะ ข้าหรือ”
“ใช่ ข้าเห็นใบหน้าเจ้าแดง และที่กกหูยังแดงจัดเหมือนกับท้องเจ้าจะระบายลมไม่ค่อยดี หากว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายท้องข้าคิดว่าเจ้าอาจจะกินอาหารมากเกินไป ดังนั้น…”
“เฉินเฟิ่งเซียว! คนบ้าอะไรเนี่ย!”
“เจ้า… ไม่ได้ป่วยหรอกหรือ เดี๋ยวสิซินเยว่รอข้าด้วย”
ซินเยว่รู้สึกทั้งโกรธทั้งอายเมื่อถูกเฟิ่งเซียวทักเช่นนี้ นางไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าหน้าแดงอยู่และยังร้อนจนถึงใบหูเพราะเขา แต่หมอเฉินเฟิ่งเซียวผู้นั้นกลับคิดว่านางป่วยเพราะท้องไม่ระบาย
“คนบ้าอะไรเนี่ย เกิดมามีหน้าเดียวหรืออย่างไรกัน นี่เขามีความรู้สึกหรือเปล่านะ”
ซินเยว่เดินมาถึงร้านน้ำตาลปั้นแล้ว นางพยายามไม่หันไปมองเฟิ่งเซียวที่พยายามมองหน้านางเพื่อดูอาการที่ผิดปกติ มิใช่เขาอยากรู้แต่เพราะท่านอ๋องคิดว่านางป่วยจึงรู้สึกกังวลขึ้นมาเท่านั้น
“คุณหนูถานขนมของท่านได้แล้ว แต่ว่าท่านจะถือไปเช่นไรมันเยอะมากนะ”
“มาเถอะข้าถือให้นางเอง นี่เงินค่าขนมไม่ต้องทอน”
“ขอบคุณคุณชายขอรับ ยอดไปเลยคุณหนูถานผู้นี้คือว่าที่สามีของท่านหรือขอรับ”
“ท่านพูดอะไรน่ะ! เขา… ใช่ที่ไหนกัน ข้าขอตัวก่อน”
“อ้าว! คุณหนูถานโกรธเสียแล้ว”
“เอ่อ… เช่นนั้น อีกห้าชิ้นข้าถือไปได้เลยหรือไม่”
“ขอรับคุณชาย ขอบคุณนะขอรับ”
“ไม่เป็นไร ว่าแต่เหตุใดนางต้องโกรธถึงเพียงนั้นด้วย ก็แค่เข้าใจผิดนิดหน่อยเองมิใช่หรือ”
“ปกติแล้วคุณหนูถานชอบช่วยเหลือคน นางมีน้ำใจกับทุกคนขอรับแต่ไม่เคยมีผู้ใดเห็นนางจะเดินกับผู้ชายสองต่อสอง ท่านเป็นคนแรก”
“คนแรกแล้ว… อย่างไรหรือ”
“เอ่อ… ข้าน้อยพูดมากไปแล้ว ขอตัวก่อนนะขอรับ”
“อ้อ ข้าเองก็ต้องรีบไปเช่นกัน”
คนขายน้ำตาลปั้นเข็นรถไปแล้ว เฟิ่งเซียวยังยืนถือน้ำตาลปั้นอยู่ในมือและรีบเดินตามซินเยว่กลับไปทันที เมื่อเข้ามาในร้านก็พบว่าจิ่นหาวอยู่หลังร้านกับผู้ดูแลของซินเยว่ แต่ที่เขาแปลกใจก็คือซินเยว่ที่วิ่งเข้าไปด้านในและถูกรายล้อมด้วยเด็กเล็ก ๆ สามสี่คน นางกำลังแบ่งน้ำตาลปั้นให้เด็กและหันกลับมา
“ท่านหมอเฉิน รีบ ๆ เดินเข้าสิเด็ก ๆ รอขนมของท่านอยู่นะ”
“อ้อ เอ่อ…ได้สิ”
“ข้าน้อยเองขอรับ”
“ไม่ต้อง ข้าจัดการเองเจ้าไปจัดการเรื่องยาเถอะ”
จิ่นหาวเดินมาหมายจะเอาน้ำตาลปั้นในมือของเฟิ่งเซียวไปให้ซินเยว่ แต่เขากลับสั่งให้จิ่นหาวจัดการเรื่องยากับผู้ดูแล
“นี่”
“เอาล่ะเด็ก ๆ ทีนี้ก็ทยอยเดินไปรับขนมจากท่านหมอ ไม่ต้องตกใจหน้าเขานิ่งเหมือนก้อนหินแบบนั้นเองแต่ไม่ดุพวกเจ้าหรอก พี่สาวตรวจดูแล้วเขาเป็นคนปกติ ไปได้แล้ว ฉู่อี้ ชิงอันพาพวกเขาไปสิ”
เด็ก ๆ เมื่อเห็นคนแปลกหน้าคนใหม่ก็ไม่กล้าจะเดินมาหยิบขนม เฟิ่งเซียวหันไปมองซินเยว่ที่ยืนแจกขนมให้เด็ก ๆ โดยการดึงให้คนละอัน เขาจึงได้เริ่มทำตาม
“ไม่ต้องแย่งกันนะ เอานี่ของเจ้า เด็กน้อยเจ้าชื่อว่าอะไรหรือ”
“ข้าชื่ออาตงขอรับ”
“อาตง…. เอ่อ วันหลังพี่ชายจะซื้อขนมกับของเล่นมาให้พวกเจ้าอีก เจ้าชอบกินอะไร”
“อาตงอยากกินถังหูลู่ขอรับ แต่พี่เยว่ซินบอกว่ามันเปรี้ยว นางยังบอกว่ากลัวกินแล้วจะติดคอเลยยังไม่ได้ซื้อมาให้”
“เช่นนั้นวันหลังพี่ชายจะซื้อมาให้อาตง ดีไหม”
“ขอรับ พี่ชายชื่อว่าอะไร”
“พี่ชื่อว่า...เฟิ่งเซียว”
“พี่เฟิ่งเซียว ชื่อท่านเพราะมากเลย ขอบคุณขอรับ”
“งั้นหรือ…”
เด็กน้อยรับขนมและเดินกลับไป เขาสังเกตเห็นขาที่ผิดปกติของ “อาตง” เด็กในวัยน่าจะไม่เกินหกขวบ เมื่อเดินไปหากลุ่มเพื่อน ๆ ก็พบว่าทุกคนต่างก็คอยดูแลเขาเหมือนกับเป็นน้องคนเล็ก ซินเยว่เดินกลับมาหาเขาอีกครั้งเฟิ่งเซียวจึงได้เอ่ยถาม
“เด็กเหล่านี้คือ…”
“พวกเขาเป็นลูกของชาวบ้านที่ประสบภัย บางคนพ่อแม่ตายตอนที่ถูกน้ำท่วม บางคนมาป่วยตายที่ค่าย แต่ละคนล้วนต้องเอาตัวรอด เด็ก ๆ ที่ไม่มีบ้านไม่มีพ่อแม่เลยไร้ที่อยู่ไม่มีคนดูแล ข้ากับอาจารย์ก็เลยพามาที่นี่”
“แล้วพวกเขาได้เรียนหนังสือหรือไม่”
ซินเยว่ส่ายศีรษะเป็นคำตอบให้กับเขา สีหน้าของนางเศร้าลงทุกครั้งเมื่อมองไปที่เด็ก ๆ
“ข้ามีกำลังพอแค่หาที่พักให้พวกเขา หาอาหารและที่นอนให้ ส่วนเรื่องการเรียนนั้น ข้ากับอาจารย์กำลังคิดหาทางอยู่”
“คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเป็นห่วงความเป็นอยู่ของเด็ก ๆ เช่นนี้”
“พวกเขาไม่มีพ่อแม่ ข้าเองก็ไม่มีแม่ แม้ว่าจะมีท่านพ่อ แต่ตั้งแต่ออกเดินเรือครั้งก่อนและเจอมรสุมก็ไม่ได้รับข่าวของท่านพ่ออีกเลย เด็กพวกนี้ไม่ต่างจากข้า ดังนั้นเมื่อเห็นพวกเขาก็อดที่จะช่วยไม่ได้ พวกเขาต้องสูญเสียทั้ง ๆ ที่ยังเล็ก”
ซินเยว่หันไปมองและยิ้มให้เด็กน้อยที่โบกมือมาให้นางพร้อมกับป๋องแป๋งอันใหม่ที่พึ่งจะได้รับมา เด็ก ๆ มีความสุขกับของเล็กน้อย เมื่อเฟิ่งเซียวหันไปมองอาตงที่นั่งเล่นป๋องแป๋งจึงอดถามไม่ได้
“ขาของอาตงเป็นเช่นนั้นตั้งแต่เกิดหรือว่า...”
“อาตงถูกไม้ใหญ่ที่พัดมากับน้ำซัดจนขาของเขาผิดรูป ข้ากับอาจารย์ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ได้แต่แม่ของเขากลับถูกกระแสน้ำพัดหายไปต่อหน้า ถึงจะช่วยชีวิตได้ แต่ขาของเขากลับมาเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว”
“ให้ข้าลองรักษาเขาดูดีหรือไม่”
“ท่านช่วยได้จริงหรือ แม้แต่อาจารย์ข้าที่เป็นหมอยาและฝังเข็มยังยากที่จะรักษา ท่านแน่ใจหรือ”
“เจ้าไม่เชื่อใจข้างั้นหรือ”
“มิใช่เช่นนั้นเพียงแต่ว่า... การรักษาที่ผ่านมาทำให้อาตงเจ็บปวดมาหลายครั้ง ทุกครั้งก็มีความหวังว่าจะหายแต่ก็อย่างที่ท่านเห็น หากจะต้องเจ็บอีกครั้ง ข้าก็ไม่อยากให้เขาคาดหวังซ้ำยังต้องเจ็บตัวซ้ำไปซ้ำมาอีก”
“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นจะลองอ่านตำราวิชาแพทย์เพิ่มเติม ดูว่าพอจะมีวิธีใดบ้างที่จะช่วยเขาได้”
“หากท่านยอมช่วยก็ขอบคุณมากจริง ๆ อย่างน้อยเวลาที่เขาวิ่งเล่นกับเพื่อน ๆ ….”
ซินเยว่มิอาจพูดออกมาได้จนจบ นางพยายามกลั้นเสียงมิให้สั่นและหันหน้าไปทางอื่น แต่ดวงตากลมโตคู่นั้นเริ่มแดงและปริ่มไปด้วยน้ำใส ๆ เพียงแค่ได้เห็น หัวใจของเฟิ่งเซียวก็พลันอ่อนยวบลงมาอย่างน่าประหลาดใจ
“ขอโทษท่านด้วย จริงสิท่านมาที่นี่ต้องการยามากถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ข้าไปช่วยตาแก่นั่นดูดีกว่าเผื่อว่าขาดอะไรจะได้ช่วยท่านจัดหาได้ครบ”
“เอ่อ…”
ซินเยว่รีบเดินไปที่รถม้าซึ่งกำลังจัดเตรียมยาให้กับเฟิ่งเซียว ท่านอ๋องหันไปมองดูเด็ก ๆ และลุกขึ้นมา จินหาวเดินมาพร้อมกับรายการยาที่จัดเตรียมเกือบเสร็จแล้ว
“คุณชาย รายการยาเรียบร้อยแล้วขอรับ”
“เช่นนั้นก็ไปจ่ายเงินเถอะ”
“เอ่อ เรื่องนี้เถ้าแก่บอกว่า ให้ท่านคุยกับคุณหนูถานเอาเองขอรับ”
เฟิ่งเซียวหันมามองหน้าองครักษ์ข้างกายด้วยท่าทีแปลกใจ
“ทำไมเล่า ยามากมายขนาดนี้ หรือว่านางต้องใช้เวลาคิดเงินนานงั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นก็ให้ส่งรายการเก็บเงินไปที่จวนของข้าก็ได้”
“ไม่ใช่ขอรับ ผู้ดูแลหวังบอกว่าหากเป็นยาที่จะนำไปช่วยผู้ประสบภัยที่จวนท่านหมอ นางจะไม่คิดเงินและยังสั่งให้เพิ่มปริมาณยาทุกอย่างเป็นสองเท่าด้วย คุณหนูถานเคยพูดกับผู้ดูแลหวังเอาไว้ ว่านี่เป็นสิ่งเดียวที่นางพอจะช่วยผู้อื่นได้ขอรับ”
เฟิ่งเซียวมองไปที่รถม้าคันใหญ่ ที่ขนส่งยาเกือบเต็มคันและรีบคว้าใบรายการยานั้นไปหาซินเยว่ ที่ยืนสั่งให้เพิ่มยาอีกบางอย่างไปกับรถส่งของครั้งนี้ด้วย“ซินเยว่ ข้าขอคุยด้วยหน่อยสิ”“ท่านหมอเฉิน มีอะไรอยากจะสั่งเพิ่มหรือ บอกมาได้เลยนะที่ในรถม้ายังพอเหลือใส่ได้อีกนิดหน่อย”“ไม่ใช่ มานี่เถอะ”เขาดึงมือนางเดินมายังลานตากยาสมุนไพรด้านหลัง ซึ่งมีสตรีหลายคนที่อยู่ช่วยกันเก็บยา เมื่อเห็นพวกเขาเดินมาแต่ละคนก็พากันมอง เพราะไม่เคยเห็นซินเยว่พาบุรุษเข้ามาในร้านมาก่อน“ซินเยว่นี่หมายความว่าอย่างไร เหตุใดยามากมายขนาดนี้เจ้าจึงไม่คิดเงินกับทางการ”“ท่านหมายถึงยาสมุนไพรพวกนี้น่ะหรือ ไม่เป็นไรหรอกถือว่าข้าช่วยก็แล้วกัน”“ไม่ได้ ยาพวกนี้มีมูลค่าสูงเกินไป หากข้าจะเอาไปเปล่า ๆ เช่นนี้มันเอาเปรียบร้านเจ้ามากเกินไป เจ้าคิดเงินมาเถอะอย่าทำเช่นนี้เลย”ซินเยว่เม้มปากเล็กน้อย และหันมาสบตาเขาพร้อมกับยิ้ม เฟิ่งเซียวไม่เข้าใจนางเลยว่าเหตุใดซินเยว่ไม่พูดอะไรเลยสักคำ“ข้าบอกว่าไม่คิดเงินก็ไม่คิดสิ เหตุใดท่านต้องปิดทางการช่วยเหลือของข้าด้วยเล่า ท่านไม่รับน้ำใจข้าหรือ”“ไม่ใช่เช่นนั้นเจ้าเข้าใจข้าผิด แต่ยามากมายขนาดนี้มันอ
“ศิษย์น้องของท่านหมอเฉินงั้นหรือ”“ใช่ ทั้งสองเป็นศิษย์ของท่านหมอเทวดา “โล่ซินหยาง” แห่งเมืองเหยียน พวกเขาสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียน ว่ากันว่าทั้งคู่เป็นหมอเทวะคู่บารมี แม้แต่เซียนยังต้องหลบ"“ข้าส่งยาเสร็จแล้ว เช่นนั้นขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ”“อ้าว เจ้าจะกลับแล้วหรือ ว่าแต่เจ้าหายดีแล้วแน่หรือไหนดูสิ เอ๊ะ เหตุใดหน้าผากยังร้อน ๆ อยู่เลยเล่า”จางหลงจื่อใช้หลังมืออังหน้าผากของซินเยว่ตอนที่นางเผลอ เฟิ่งเซียวที่หันมามองทั้งคู่พอดีก็รู้สึกตงิดใจขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเมื่อครู่นี้เขายังเห็นซินเยว่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ไม่คิดว่านางจะเดินไปหาจางหลงจื่อเร็วปานนั้น‘เหตุใดปล่อยให้เขาแตะเนื้อต้องตัวขนาดนั้น นางสนิทกับจางจื่อหลงถึงขนาดนั้นเลยหรือ’“ศิษย์พี่เฟิ่งเซียว”“ซูหรันครั้งนี้ขอบใจเจ้ามาก ที่ตอบรับคำเชิญของข้าในการช่วยผู้ประสบภัย ข้าให้คนเตรียมที่พักให้เจ้าแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็รีบเอาของไปเก็บและพักผ่อนก่อนเถอะ”“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”“คุณหนูอวิ่นเชิญทางนี้เลยขอรับ” หมอเวินเป็นผู้นำทางอวิ่นซูหรันไปด้วยตัวเอง แม้ว่าอวิ่นซูหรันหวังอยากจะให้เฟิ่งเซียวเป็นผู้พานางไปด้วยตัวเอง แต่ก็ทำได้แค่หันไปยิ้มและเดินตาม
เฟิ่งเซียวหยุดกึกเมื่อซูหรันพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเองก็ตอบไม่ถูกแต่รู้สึกว่าเพียงแค่ถูกถามเรื่องของถานซินเยว่ก็เริ่มจะไม่อยากพูดขึ้นมา อีกอย่างหลายวันมานี้ซินเยว่ก็เอาแต่ตามติดเขาอยู่ทุกวัน"จะเป็นไปได้เช่นไรศิษย์น้องล้อเล่นแล้ว ซินเยว่แม้จะเป็นคนที่เป็นตัวของตัวเองและเข้าได้กับทุกคน แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะเป็นเช่นนี้เฉพาะกับข้าเสียหน่อย มาเถอะข้าจะพาเจ้าไปดูกระโจมผู้ประสบภัยและห้องเก็บยา"“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”ซูหรันมิได้คาดคั้นถามเขา นับว่าเป็นเรื่องดีเพราะหากนางยังถามอีก เขาก็คงจะรู้สึกอึดอัด เพราะตัวเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเหตุใดหัวใจจึงเต้นแรงจนเกินควบคุม เวลาที่เอ่ยถึงเรื่องของซินเยว่สามวันถัดมาช่วงนี้ฝนยังคงตกหนักในพื้นที่อำเภอลี่เหมิน ผู้ประสบภัยที่ป่วยก็ไม่มีวี่แววที่จะลดลง เฟิ่งเซียวสั่งให้ทหารเริ่มจัดที่พักแยกผู้ป่วยและผู้ที่เสี่ยงจะป่วยแยกกันเป็นการชั่วคราวเพื่อมิให้โรคแพร่กระจาย ซึ่งนับว่าได้ผลและต้องยอมรับว่าการมาของอวิ่นซูหรันช่วยเขาได้มากจริง ๆ“เอายานี้ไปที่กระโจมผู้ป่วยหนัก อีกสองเตานั้นใกล้เสร็จหรือยัง”“จวนแล้วเจ้าค่ะ”“ซูหรัน ยาของเจ้าต้มเสร็จหรือยัง”“พี่เฟิ
“อะไรนะ โอ๊ย!”“รีบหลบไป!”เฟิ่งเซียวที่พึ่งพันแผลให้อวิ่นซูหรันเสร็จ รีบวิ่งมาดับไฟตรงหน้าทันที หม้อยาของพวกเขาต้องสาดทิ้งเพราะมันติดไฟ เฟิ่งเซียวเกรงว่าซินเยว่จะได้รับบาดเจ็บไปอีกคนหม้อต้มยาตกไปที่พื้นจนแตกกระจาย โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ซินเยว่หันไปถามเขาที่ยืนอยู่หน้าเตา แต่เขาหันกลับมาด้วยสีหน้าที่โมโหสุดขีด“นี่กำลังทำอะไรของเจ้า! ไม่เห็นหรือว่ามันอันตราย" “ท่านหมอเฉินข้าขอโทษ ข้าผิดเองที่ไม่ทันระวัง ขออภัยข้าจะรีบต้มให้ใหม่""ต้มใหม่งั้นหรือ! เจ้าคิดว่ายานี่ต้องใช้เวลาเคี่ยวนานเท่าใด ซูหรันเฝ้ายานี้มากว่าสามวันแล้ว แต่เจ้ามาเพียงไม่นานก็ประมาทจนทำให้เป็นเช่นนี้ ยานี่ซูหรันอุตส่าห์นำมาด้วยมันมีค่ามากเลยนะ อีกอย่าง…”“ข้าขอโทษท่านแล้วมิใช่หรือ”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนป่วยอีกมากขนาดไหนที่รอการช่วยเหลืออยู่ รู้หรือไม่ว่าพวกเราทำงานหนักมากขนาดไหน กว่าจะได้ยาแต่ละถ้วย!”“ศิษย์พี่! ท่านพอได้แล้ว”เฟิ่งเซียวโมโหจนขาดสติ เขาเป็นห่วงกลัวว่าซินเยว่จะบาดเจ็บไปอีกคน แต่กลับพูดเรื่องยาออกมาโดยมิได้ตั้งใจ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้คนตัวเล็กตรงหน้าเขาจะเริ่มสั่น อวิ่นซูหรันเดินมาพยุงนางออกไป“
เมื่อเฟิ่งเซียวกลับมาพูดจาสุขุมอีกรอบ ทั้งสองคนก็เริ่มหันกลับมาคุยกับเขาอีกครั้ง“ท่านหมายถึงเรื่องที่เขียนส่งมาในจดหมาย สงสัยเรื่องการทุจริตในสกุลถาน กับอนุของบิดานางงั้นหรือ”“ใช่ ครั้งแรกที่ข้าพบกับนางก็คือที่นี่ ตอนนั้นนางนำยาสมุนไพรมาส่ง พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่า ยาแต่ละตัวที่นางนำมาล้วนมีราคาสูง แต่ว่าหมอเวินซึ่งเป็นหมอหลวงที่ข้าส่งมาบรรเทาภัยที่นี่กลับบอกว่า ร้านเป่าจิ้นถานของนางไม่เคยรับเงินเลยแม่แต่ตำลึงเดียว”“ครอบครัวนางเป็นคหบดีใหญ่ ก็คงอยากจะช่วยบรรเทาภัยกระมัง ท่านคิดมากเกินไปหรือเปล่า”“ไม่ใช่ หากเป็นไปตามที่เจ้าพูดคงไม่ต้องลำบากให้หอหรงเยว่ของน้องเก้าช่วยสืบข่าว การค้าของสกุลถานหากไม่นับรวมร้านค้าที่รับจากเรือสำเภาของบิดานางเข้ามา ในตัวอำเภอมีร้านผ้าจินหง กับร้านยาของนาง ร้านผ้าดูแลโดยอนุของบิดาถานซินเยว่ ส่วนนางดูแลร้านยาซึ่งทั้งเก่าและโทรมอีกทั้งอยู่ในตรอกที่ค่อนข้างร้างผู้คน”“เช่นนั้นก็น่าแปลก แสดงว่าพวกนางไม่ลงรอยกันงั้นหรือ แต่เหตุใดนางจึงช่วยเหลือเรา เช่นนี้แล้วร้านผ้าของอนุภรรยาคหบดีถานเล่า”“นอกจากจะไม่ช่วยแล้ว วันนั้นข้าลองไปที่ร้านจินหง เพียงแค่เกริ่นถึงร้านของซิ
“ว่าอะไรนะ! แส้งั้นหรือ นี่มันจะโหดร้ายเกินไปหน่อยแล้วกระมัง มิน่าเล่า ท่านจึงได้เลือกให้พี่แปดเป็นคนไปตรวจสอบเรื่องนี้ แทนที่จะใช้ผู้อื่น ที่แท้ก็เป็นห่วงกลัวว่านางจะอับอาย”“เพราะว่าข้าไม่แน่ใจว่า ระหว่างพวกนางมีเรื่องหมางใจอะไรกันแน่ อีกอย่างการหายตัวไปของคหบดีถานก็น่าสงสัย แม้ว่าจะบอกว่าเป็นมรสุมหรือพายุ แต่บัดนี้ก็สงบแล้วแต่เขากลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย อีกอย่างบนตัวของซินเยว่ข้ามั่นใจว่ามันไม่ใช่แผลจากการฝึกยุทธ์หรือหกล้มแน่นอน”“ท่านไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ข้าจะให้คนของหอหรงเยว่ตรวจสอบโดยละเอียด โดยเฉพาะบัญชีของร้านจินหงของอนุภรรยาผู้นั้น เห็นว่านางมีบุตรสาวอีกคนหนึ่งมิใช่หรือ”“นางเป็นพี่สาวของซินเยว่ ซึ่งเกิดจากอนุภรรยาคนนี้ แต่ข้าเองก็ยังไม่เคยเห็นเช่นกัน”“หากพวกนางลงมือทำร้ายบุตรของภรรยาเอก เพื่อต้องการสมบัติของคหบดีนั่นแล้วละก็ เรื่องนี้ผิดทั้งกฎหมายและหลักคุณธรรม พี่ห้าท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าจะรีบส่งคนของเราไปจัดการสืบมาให้ท่านโดยเร็วที่สุด”“ขอบใจเจ้ามาก”ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูด้านหน้าดังขึ้นระหว่างที่ทั้งสองกำลังจะนั่งดื่มชา รั่วเฟิงเป็นคนเดินไปเปิดประตูจึงเห็นว่าอวิ่นซูหร
ซินเยว่หันมาลาเฉินรั่วเฟิงอีกครั้ง และเดินจูงม้าเข้าไปด้านในทันที องครักษ์ของนางรับม้าต่อเพื่อให้ซินเยว่เดินเข้าไปด้านใน เฟิ่งเซียวรู้สึกว่าซินเยว่มีท่าทีเปลี่ยนไป คงเพราะเหตุการณ์เมื่อหลายวันก่อนซึ่งเขาเผลอตะคอกใส่นางนั่นเอง“พี่ห้าดูเหมือนว่านางไม่ค่อยอยากจะคุยกับท่านเลยนะ ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นหรือไม่”“นางบาดเจ็บจริง ๆ ด้วย ข้ายังไม่ทันได้ถาม ไม่สินางไม่เปิดโอกาสให้ข้าถามเลยต่างหาก”“พี่ห้า ท่านบ่นพึมพำอะไร”“ช่างเถอะ วันนี้กลับก่อนก็แล้วกัน”“ไหนท่านบอกว่าจะไปซื้อผ้ามิใช่หรือ”“ให้จิ่นหาวไปรับแทนก็แล้วกัน ข้าจะกลับแล้ว”“อ้าว รอข้าด้วยสิพี่ห้า!” สองวันถัดมา“ศิษย์พี่!”“ว่าอย่างไรหรือซูหรัน”“ท่านเป็นอะไรไปหรือว่าจะเริ่มป่วยอีกแล้ว ข้าถามท่านว่ายาที่บดเอาไว้จะให้ต้มเลยหรือไม่”“อ้อ จริงสิข้าลืมไปเลยเดี๋ยวข้าไปสั่งการ…”“ไม่ต้องหรอกข้าแค่ถามเท่านั้น ที่เหลือสั่งให้หมอจางจัดการต่อก็ได้”“อ้อ เช่นนั้นก็ฝากเจ้าด้วย”“เหตุใดพักนี้ดูท่านเหม่อลอยบ่อย มีเรื่องในใจหรือ”“ข้าหรือ คงเป็นเพราะต้องเริ่มสร้างเขื่อนแล้วก็เลยกังวลน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”“ท่านหมออวิ่น ยาจากร้านเป่าจิ้นถานมาส่งแล้วเจ
“ช่างเป็นคนที่ดื้อเสียยิ่งนัก จื่อโม่ข้าจะจัดยาฝากไปให้นางแล้วยังต้องมียาสมานแผลของเจ้าด้วย เจ้ารออยู่ตรงนี้เดี๋ยวข้ามา”“ขอรับ”เมื่อส่งจื่อโม่กลับไปแล้ว เขาจึงให้คนไปเรียกเฉินฟ่านหรงและเฉินรั่วเฟิงที่เขื่อนกลับมาที่จวนทันที เมื่อท่านอ๋องทั้งสองมาถึงก็รีบเข้าไปพบเขาที่เรือนพัก อวิ่นซูหรันเห็นจึงรู้สึกแปลกใจแต่ก็ยากที่จะทราบได้ว่าเหตุใดจู่ ๆ ทั้งสองจึงรีบกลับมาจากเนินเขาที่กำลังสร้างเขื่อนอยู่เรือนของเฟิ่งเซียว“พี่ห้า เรียกพวกเรากลับมาเร่งด่วนมีอะไรงั้นหรือ”“การก่อสร้างเป็นอย่างไรบ้าง เรียบร้อยดีไหม”“ก็ยังไม่มีอะไรมาก วันนี้ข้ากับน้องเก้าเริ่มให้คนขนของที่จะสร้างกำแพงกั้นน้ำขึ้นไปที่เนินเขาแล้ว โดยรวมก็เรียบร้อยดี อาจจะต้องใช้กำลังคนมากกว่านี้หากอยากจะสร้างให้เสร็จเร็วขึ้น”“ข้าส่งรายงานไปที่เมืองหลวงแล้ว คาดว่าฝ่าบาทคงจะส่งเรื่องมาในเร็ววันนี้ อย่างน้อยหากเขื่อนเสร็จเร็วกว่ากำหนด ราษฎรอาจจะได้รับการดูแลที่เร็วมากขึ้น”“จริงสิพี่สามบอกว่ากำลังจะเดินทางลงมาเช่นกัน”“อะไรนะ มิใช่ว่าเขาไปแคว้นจ้าวกับพี่สะใภ้หรอกหรือ นี่จะมาที่นี่ต่อเลยงั้นหรือ”“พี่สามส่งข่าวผ่านหอหรงเยว่มาบอก ข่าวพึ
“ท่านแม่! ไม่นะอย่าจับนางไปนะ เดี๋ยวก่อนผู้ตรวจการ ท่านแม่!”“หยูเอ๋อร์ไม่ต้องห่วงแม่จัดการที่เหลือเอง เจ้าปิดร้านและอย่าออกไปไหน รีบกลับจวนเข้าใจหรือไม่”“เจ้าค่ะ”หลี่ฮั่วเจินถูกทางการจับไปที่ว่าการอำเภอเพื่อสอบสวนคดีเลี่ยงภาษีนำเข้าผ้า ซึ่งมีโทษปรับที่ทำให้ร้านของนางถูกสั่งปิดได้ในทันที เพราะนายอำเภอคนใหม่ที่พึ่งเข้ามารับตำแหน่ง ไม่ยอมให้นางใช้อำนาจนอกเหนือกฎหมายอย่างเช่นการให้สินบนกับเจ้าหน้าที่“นี่เป็นถุงเงินที่นางมอบให้ข้าน้อย เพื่อหวังจะติดสินบนในเรื่องนี้ขอรับ”“หลี่ฮั่วเจิน นี่เป็นเรื่องจริงหรือ”“นายอำเภอเจ้าคะเรื่องนี้ข้า… ไม่สิก่อนหน้านี้พวกท่านเองก็เป็นคนบอกว่าให้ข้าทำเช่นนี้ จะมาโทษข้าได้เช่นไร”“หากเจ้าหมายถึงจงอี้หมินผู้นั้นแล้วละก็ เขาถูกจับโทษฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ รับสินบนและทำผิดวินัยไปก่อนหน้านี้นานแล้ว เจ้ายอมรับสินะว่าสมคบคิดกับเขาทำเรื่องเช่นนี้มานาน!”“ไม่ใช่เจ้าค่ะข้าถูกหลอกให้ทำ ข้าถูกล่อลวง”ด้านหลัง“หึ นึกไม่ถึงเลยว่านางจะโยนความผิดไปให้เจ้าคนแซ่จงผู้นั้นแทน พี่ห้าท่านจะเอาเช่นไรต่อ”“จัดการขั้นเด็ดขาด”“เช่นนั้นก็ได้”รั่วเฟิงหันไปมองทหารของที่ว่าการ
“ช่างเป็นคนที่ดื้อเสียยิ่งนัก จื่อโม่ข้าจะจัดยาฝากไปให้นางแล้วยังต้องมียาสมานแผลของเจ้าด้วย เจ้ารออยู่ตรงนี้เดี๋ยวข้ามา”“ขอรับ”เมื่อส่งจื่อโม่กลับไปแล้ว เขาจึงให้คนไปเรียกเฉินฟ่านหรงและเฉินรั่วเฟิงที่เขื่อนกลับมาที่จวนทันที เมื่อท่านอ๋องทั้งสองมาถึงก็รีบเข้าไปพบเขาที่เรือนพัก อวิ่นซูหรันเห็นจึงรู้สึกแปลกใจแต่ก็ยากที่จะทราบได้ว่าเหตุใดจู่ ๆ ทั้งสองจึงรีบกลับมาจากเนินเขาที่กำลังสร้างเขื่อนอยู่เรือนของเฟิ่งเซียว“พี่ห้า เรียกพวกเรากลับมาเร่งด่วนมีอะไรงั้นหรือ”“การก่อสร้างเป็นอย่างไรบ้าง เรียบร้อยดีไหม”“ก็ยังไม่มีอะไรมาก วันนี้ข้ากับน้องเก้าเริ่มให้คนขนของที่จะสร้างกำแพงกั้นน้ำขึ้นไปที่เนินเขาแล้ว โดยรวมก็เรียบร้อยดี อาจจะต้องใช้กำลังคนมากกว่านี้หากอยากจะสร้างให้เสร็จเร็วขึ้น”“ข้าส่งรายงานไปที่เมืองหลวงแล้ว คาดว่าฝ่าบาทคงจะส่งเรื่องมาในเร็ววันนี้ อย่างน้อยหากเขื่อนเสร็จเร็วกว่ากำหนด ราษฎรอาจจะได้รับการดูแลที่เร็วมากขึ้น”“จริงสิพี่สามบอกว่ากำลังจะเดินทางลงมาเช่นกัน”“อะไรนะ มิใช่ว่าเขาไปแคว้นจ้าวกับพี่สะใภ้หรอกหรือ นี่จะมาที่นี่ต่อเลยงั้นหรือ”“พี่สามส่งข่าวผ่านหอหรงเยว่มาบอก ข่าวพึ
ซินเยว่หันมาลาเฉินรั่วเฟิงอีกครั้ง และเดินจูงม้าเข้าไปด้านในทันที องครักษ์ของนางรับม้าต่อเพื่อให้ซินเยว่เดินเข้าไปด้านใน เฟิ่งเซียวรู้สึกว่าซินเยว่มีท่าทีเปลี่ยนไป คงเพราะเหตุการณ์เมื่อหลายวันก่อนซึ่งเขาเผลอตะคอกใส่นางนั่นเอง“พี่ห้าดูเหมือนว่านางไม่ค่อยอยากจะคุยกับท่านเลยนะ ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นหรือไม่”“นางบาดเจ็บจริง ๆ ด้วย ข้ายังไม่ทันได้ถาม ไม่สินางไม่เปิดโอกาสให้ข้าถามเลยต่างหาก”“พี่ห้า ท่านบ่นพึมพำอะไร”“ช่างเถอะ วันนี้กลับก่อนก็แล้วกัน”“ไหนท่านบอกว่าจะไปซื้อผ้ามิใช่หรือ”“ให้จิ่นหาวไปรับแทนก็แล้วกัน ข้าจะกลับแล้ว”“อ้าว รอข้าด้วยสิพี่ห้า!” สองวันถัดมา“ศิษย์พี่!”“ว่าอย่างไรหรือซูหรัน”“ท่านเป็นอะไรไปหรือว่าจะเริ่มป่วยอีกแล้ว ข้าถามท่านว่ายาที่บดเอาไว้จะให้ต้มเลยหรือไม่”“อ้อ จริงสิข้าลืมไปเลยเดี๋ยวข้าไปสั่งการ…”“ไม่ต้องหรอกข้าแค่ถามเท่านั้น ที่เหลือสั่งให้หมอจางจัดการต่อก็ได้”“อ้อ เช่นนั้นก็ฝากเจ้าด้วย”“เหตุใดพักนี้ดูท่านเหม่อลอยบ่อย มีเรื่องในใจหรือ”“ข้าหรือ คงเป็นเพราะต้องเริ่มสร้างเขื่อนแล้วก็เลยกังวลน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”“ท่านหมออวิ่น ยาจากร้านเป่าจิ้นถานมาส่งแล้วเจ
“ว่าอะไรนะ! แส้งั้นหรือ นี่มันจะโหดร้ายเกินไปหน่อยแล้วกระมัง มิน่าเล่า ท่านจึงได้เลือกให้พี่แปดเป็นคนไปตรวจสอบเรื่องนี้ แทนที่จะใช้ผู้อื่น ที่แท้ก็เป็นห่วงกลัวว่านางจะอับอาย”“เพราะว่าข้าไม่แน่ใจว่า ระหว่างพวกนางมีเรื่องหมางใจอะไรกันแน่ อีกอย่างการหายตัวไปของคหบดีถานก็น่าสงสัย แม้ว่าจะบอกว่าเป็นมรสุมหรือพายุ แต่บัดนี้ก็สงบแล้วแต่เขากลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย อีกอย่างบนตัวของซินเยว่ข้ามั่นใจว่ามันไม่ใช่แผลจากการฝึกยุทธ์หรือหกล้มแน่นอน”“ท่านไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ข้าจะให้คนของหอหรงเยว่ตรวจสอบโดยละเอียด โดยเฉพาะบัญชีของร้านจินหงของอนุภรรยาผู้นั้น เห็นว่านางมีบุตรสาวอีกคนหนึ่งมิใช่หรือ”“นางเป็นพี่สาวของซินเยว่ ซึ่งเกิดจากอนุภรรยาคนนี้ แต่ข้าเองก็ยังไม่เคยเห็นเช่นกัน”“หากพวกนางลงมือทำร้ายบุตรของภรรยาเอก เพื่อต้องการสมบัติของคหบดีนั่นแล้วละก็ เรื่องนี้ผิดทั้งกฎหมายและหลักคุณธรรม พี่ห้าท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าจะรีบส่งคนของเราไปจัดการสืบมาให้ท่านโดยเร็วที่สุด”“ขอบใจเจ้ามาก”ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูด้านหน้าดังขึ้นระหว่างที่ทั้งสองกำลังจะนั่งดื่มชา รั่วเฟิงเป็นคนเดินไปเปิดประตูจึงเห็นว่าอวิ่นซูหร
เมื่อเฟิ่งเซียวกลับมาพูดจาสุขุมอีกรอบ ทั้งสองคนก็เริ่มหันกลับมาคุยกับเขาอีกครั้ง“ท่านหมายถึงเรื่องที่เขียนส่งมาในจดหมาย สงสัยเรื่องการทุจริตในสกุลถาน กับอนุของบิดานางงั้นหรือ”“ใช่ ครั้งแรกที่ข้าพบกับนางก็คือที่นี่ ตอนนั้นนางนำยาสมุนไพรมาส่ง พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่า ยาแต่ละตัวที่นางนำมาล้วนมีราคาสูง แต่ว่าหมอเวินซึ่งเป็นหมอหลวงที่ข้าส่งมาบรรเทาภัยที่นี่กลับบอกว่า ร้านเป่าจิ้นถานของนางไม่เคยรับเงินเลยแม่แต่ตำลึงเดียว”“ครอบครัวนางเป็นคหบดีใหญ่ ก็คงอยากจะช่วยบรรเทาภัยกระมัง ท่านคิดมากเกินไปหรือเปล่า”“ไม่ใช่ หากเป็นไปตามที่เจ้าพูดคงไม่ต้องลำบากให้หอหรงเยว่ของน้องเก้าช่วยสืบข่าว การค้าของสกุลถานหากไม่นับรวมร้านค้าที่รับจากเรือสำเภาของบิดานางเข้ามา ในตัวอำเภอมีร้านผ้าจินหง กับร้านยาของนาง ร้านผ้าดูแลโดยอนุของบิดาถานซินเยว่ ส่วนนางดูแลร้านยาซึ่งทั้งเก่าและโทรมอีกทั้งอยู่ในตรอกที่ค่อนข้างร้างผู้คน”“เช่นนั้นก็น่าแปลก แสดงว่าพวกนางไม่ลงรอยกันงั้นหรือ แต่เหตุใดนางจึงช่วยเหลือเรา เช่นนี้แล้วร้านผ้าของอนุภรรยาคหบดีถานเล่า”“นอกจากจะไม่ช่วยแล้ว วันนั้นข้าลองไปที่ร้านจินหง เพียงแค่เกริ่นถึงร้านของซิ
“อะไรนะ โอ๊ย!”“รีบหลบไป!”เฟิ่งเซียวที่พึ่งพันแผลให้อวิ่นซูหรันเสร็จ รีบวิ่งมาดับไฟตรงหน้าทันที หม้อยาของพวกเขาต้องสาดทิ้งเพราะมันติดไฟ เฟิ่งเซียวเกรงว่าซินเยว่จะได้รับบาดเจ็บไปอีกคนหม้อต้มยาตกไปที่พื้นจนแตกกระจาย โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ซินเยว่หันไปถามเขาที่ยืนอยู่หน้าเตา แต่เขาหันกลับมาด้วยสีหน้าที่โมโหสุดขีด“นี่กำลังทำอะไรของเจ้า! ไม่เห็นหรือว่ามันอันตราย" “ท่านหมอเฉินข้าขอโทษ ข้าผิดเองที่ไม่ทันระวัง ขออภัยข้าจะรีบต้มให้ใหม่""ต้มใหม่งั้นหรือ! เจ้าคิดว่ายานี่ต้องใช้เวลาเคี่ยวนานเท่าใด ซูหรันเฝ้ายานี้มากว่าสามวันแล้ว แต่เจ้ามาเพียงไม่นานก็ประมาทจนทำให้เป็นเช่นนี้ ยานี่ซูหรันอุตส่าห์นำมาด้วยมันมีค่ามากเลยนะ อีกอย่าง…”“ข้าขอโทษท่านแล้วมิใช่หรือ”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนป่วยอีกมากขนาดไหนที่รอการช่วยเหลืออยู่ รู้หรือไม่ว่าพวกเราทำงานหนักมากขนาดไหน กว่าจะได้ยาแต่ละถ้วย!”“ศิษย์พี่! ท่านพอได้แล้ว”เฟิ่งเซียวโมโหจนขาดสติ เขาเป็นห่วงกลัวว่าซินเยว่จะบาดเจ็บไปอีกคน แต่กลับพูดเรื่องยาออกมาโดยมิได้ตั้งใจ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้คนตัวเล็กตรงหน้าเขาจะเริ่มสั่น อวิ่นซูหรันเดินมาพยุงนางออกไป“
เฟิ่งเซียวหยุดกึกเมื่อซูหรันพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเองก็ตอบไม่ถูกแต่รู้สึกว่าเพียงแค่ถูกถามเรื่องของถานซินเยว่ก็เริ่มจะไม่อยากพูดขึ้นมา อีกอย่างหลายวันมานี้ซินเยว่ก็เอาแต่ตามติดเขาอยู่ทุกวัน"จะเป็นไปได้เช่นไรศิษย์น้องล้อเล่นแล้ว ซินเยว่แม้จะเป็นคนที่เป็นตัวของตัวเองและเข้าได้กับทุกคน แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะเป็นเช่นนี้เฉพาะกับข้าเสียหน่อย มาเถอะข้าจะพาเจ้าไปดูกระโจมผู้ประสบภัยและห้องเก็บยา"“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”ซูหรันมิได้คาดคั้นถามเขา นับว่าเป็นเรื่องดีเพราะหากนางยังถามอีก เขาก็คงจะรู้สึกอึดอัด เพราะตัวเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเหตุใดหัวใจจึงเต้นแรงจนเกินควบคุม เวลาที่เอ่ยถึงเรื่องของซินเยว่สามวันถัดมาช่วงนี้ฝนยังคงตกหนักในพื้นที่อำเภอลี่เหมิน ผู้ประสบภัยที่ป่วยก็ไม่มีวี่แววที่จะลดลง เฟิ่งเซียวสั่งให้ทหารเริ่มจัดที่พักแยกผู้ป่วยและผู้ที่เสี่ยงจะป่วยแยกกันเป็นการชั่วคราวเพื่อมิให้โรคแพร่กระจาย ซึ่งนับว่าได้ผลและต้องยอมรับว่าการมาของอวิ่นซูหรันช่วยเขาได้มากจริง ๆ“เอายานี้ไปที่กระโจมผู้ป่วยหนัก อีกสองเตานั้นใกล้เสร็จหรือยัง”“จวนแล้วเจ้าค่ะ”“ซูหรัน ยาของเจ้าต้มเสร็จหรือยัง”“พี่เฟิ
“ศิษย์น้องของท่านหมอเฉินงั้นหรือ”“ใช่ ทั้งสองเป็นศิษย์ของท่านหมอเทวดา “โล่ซินหยาง” แห่งเมืองเหยียน พวกเขาสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียน ว่ากันว่าทั้งคู่เป็นหมอเทวะคู่บารมี แม้แต่เซียนยังต้องหลบ"“ข้าส่งยาเสร็จแล้ว เช่นนั้นขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ”“อ้าว เจ้าจะกลับแล้วหรือ ว่าแต่เจ้าหายดีแล้วแน่หรือไหนดูสิ เอ๊ะ เหตุใดหน้าผากยังร้อน ๆ อยู่เลยเล่า”จางหลงจื่อใช้หลังมืออังหน้าผากของซินเยว่ตอนที่นางเผลอ เฟิ่งเซียวที่หันมามองทั้งคู่พอดีก็รู้สึกตงิดใจขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเมื่อครู่นี้เขายังเห็นซินเยว่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ไม่คิดว่านางจะเดินไปหาจางหลงจื่อเร็วปานนั้น‘เหตุใดปล่อยให้เขาแตะเนื้อต้องตัวขนาดนั้น นางสนิทกับจางจื่อหลงถึงขนาดนั้นเลยหรือ’“ศิษย์พี่เฟิ่งเซียว”“ซูหรันครั้งนี้ขอบใจเจ้ามาก ที่ตอบรับคำเชิญของข้าในการช่วยผู้ประสบภัย ข้าให้คนเตรียมที่พักให้เจ้าแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็รีบเอาของไปเก็บและพักผ่อนก่อนเถอะ”“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”“คุณหนูอวิ่นเชิญทางนี้เลยขอรับ” หมอเวินเป็นผู้นำทางอวิ่นซูหรันไปด้วยตัวเอง แม้ว่าอวิ่นซูหรันหวังอยากจะให้เฟิ่งเซียวเป็นผู้พานางไปด้วยตัวเอง แต่ก็ทำได้แค่หันไปยิ้มและเดินตาม
เฟิ่งเซียวมองไปที่รถม้าคันใหญ่ ที่ขนส่งยาเกือบเต็มคันและรีบคว้าใบรายการยานั้นไปหาซินเยว่ ที่ยืนสั่งให้เพิ่มยาอีกบางอย่างไปกับรถส่งของครั้งนี้ด้วย“ซินเยว่ ข้าขอคุยด้วยหน่อยสิ”“ท่านหมอเฉิน มีอะไรอยากจะสั่งเพิ่มหรือ บอกมาได้เลยนะที่ในรถม้ายังพอเหลือใส่ได้อีกนิดหน่อย”“ไม่ใช่ มานี่เถอะ”เขาดึงมือนางเดินมายังลานตากยาสมุนไพรด้านหลัง ซึ่งมีสตรีหลายคนที่อยู่ช่วยกันเก็บยา เมื่อเห็นพวกเขาเดินมาแต่ละคนก็พากันมอง เพราะไม่เคยเห็นซินเยว่พาบุรุษเข้ามาในร้านมาก่อน“ซินเยว่นี่หมายความว่าอย่างไร เหตุใดยามากมายขนาดนี้เจ้าจึงไม่คิดเงินกับทางการ”“ท่านหมายถึงยาสมุนไพรพวกนี้น่ะหรือ ไม่เป็นไรหรอกถือว่าข้าช่วยก็แล้วกัน”“ไม่ได้ ยาพวกนี้มีมูลค่าสูงเกินไป หากข้าจะเอาไปเปล่า ๆ เช่นนี้มันเอาเปรียบร้านเจ้ามากเกินไป เจ้าคิดเงินมาเถอะอย่าทำเช่นนี้เลย”ซินเยว่เม้มปากเล็กน้อย และหันมาสบตาเขาพร้อมกับยิ้ม เฟิ่งเซียวไม่เข้าใจนางเลยว่าเหตุใดซินเยว่ไม่พูดอะไรเลยสักคำ“ข้าบอกว่าไม่คิดเงินก็ไม่คิดสิ เหตุใดท่านต้องปิดทางการช่วยเหลือของข้าด้วยเล่า ท่านไม่รับน้ำใจข้าหรือ”“ไม่ใช่เช่นนั้นเจ้าเข้าใจข้าผิด แต่ยามากมายขนาดนี้มันอ