“เฮ้ยน้อง ปากแบบนี้มันน่า…”
ภาวินทร์ดึงนิธิศออกไปโดยมี “ชินกร” และ “วีรภัทธ”เพื่อนของเขาดึงเอาไว้ด้วยเมื่อเห็นว่าจู่ ๆ สาวแว่นคณะพยาบาลที่พวกเขาชอบล้อเธอมากว่าสองปีจู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมาสู้กลับซึ่งทำให้พวกเขาแปลกใจไม่น้อย โดยเฉพาะภาวินทร์
“พูดใหม่อีกทีสิ”
“พูดอะไร”
“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรล่ะยัยแว่น”
สายตาแข็งกร้าวของเธอแม้เขาจะมองผ่านแว่นแต่ก็รู้ว่าเธอกำลังโกรธจัด ซึ่งเขาเองก็พอเข้าใจได้เพราะเธอถูกพวกเขาล้อตั้งแต่เข้ามหาลัยใหม่ ๆ แต่ให้ตายเถอะพอเห็นเธอทีไรมันก็อดไม่ได้จริง ๆ นี่นา ผ่านมาสองปีแม่สาวเจ้าไม่เคยเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวเลยสักนิด
“ผ่านมาสามปีก็ไม่มีพัฒนาการขึ้นเลยสักนิด”
“แล้วมันหนักส่วนไหนของพี่ล่ะคะ”
“ไม่หนักหรอกก็แค่อยากรู้เท่านั้นว่าวัน ๆ นอกจากท่องหนังสือสอบหอบตำราเข้าห้องสมุดแล้วทำอะไรเป็นอีกบ้าง”
“ก็ดีกว่าพวกที่ดีแต่พกปากมามากกว่าสมอง แล้วมานั่งเห่าหอนไปวัน ๆ เหมือนพวกหมาหมู่แถวนี้ก็แล้วกัน”
“เธอว่าใครเป็นหมา”
“ถ้าไม่อยากรับก็อย่าเดือดร้อนสิ”
“แล้วเมื่อกี้ว่าให้ใคร เธอเป็นรุ่นน้องนะ”
“สันดานต่ำ”
“อะไรนะ!”
“เอาสิ จะได้รู้ไปเลยว่านอกจากปากหมาแล้วยังกล้าทำร้ายผู้หญิงด้วย”
“ไปซะ”
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเขาพูดออกมาเบา ๆ
“อะไรนะ”
“ฉันบอกว่าไปซะ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าเธออีก”
มิวยกมุมปากยิ้มเหยียดให้เขาอีกครั้ง นี่ถือเป็นการประกาศสงครามกับหนุ่ม ๆ วิศวะของเธอเมื่อกาวินทร์เริ่มกำหมัดแน่นและมองเธออย่างเอาเรื่อง
“รอให้พี่เป็นเจ้าของมหาลัยก่อนก็แล้วกันค่อยมาไล่คนอื่นแบบนี้ ถ้าตอนนี้ยังไม่ใช่ก็ช่วยหลีกทางด้วยเพราะฉันมีธุระที่ตึกนี้ ถ้าไม่ได้มาเรียนก็อย่ามานั่งเกะกะหายใจทิ้งไร้ค่าไปวัน ๆ มันน่ารำคาญ”
มิวเดินผ่านเขาไปอีกครั้งโดยไม่มองหน้าอีก ใบหน้าเชิดพร้อมกับแว่นตานั่นทำให้เขาโกรธและหงุดหงิด นี่ถ้าเธอไม่เป็นผู้หญิงเขาคงต่อยหน้าเธอไปแล้ว ตอนนี้คนอื่น ๆ เริ่มหันมามองทั้งคู่ ทุกคำที่เธอด่าพวกเขาเริ่มทำให้กลุ่มของภาวินทร์เริ่มอาย
“ปากดีนักนะ เจ้าของมหาลัยงั้นเหรอ”
“ไอ้วินทร์ ปล่อยไปได้ยังไงวะปากดีฉิบหาย”
“คิดไม่ถึงละสิที่จู่ ๆ ลูกแกะน้อยก็ลุกขึ้นมาด่าพวกมึงอ่ะ”
“เชี่ย แซวมาเกือบสามปีพึ่งจะมาด่าเอาวันนี้ นี่น้องมันความรู้สึกช้าหรือไงวะ”
“ไม่ได้รู้สึกช้าแต่ว่าวันนี้คงเป็นเมนส์ล่ะมั้ง ฮ่า ๆ ๆ”
จากนั้นพวกเขาก็ไม่พูดถึงเรื่องของเธออีก เวลาที่เจอเธอพวกเขาก็จะแค่มองส่วนเธอนั้นไม่มองมาที่พวกเขาสี่คนอีกเลย และหากมีโอกาสได้พบเจอที่ไหนก็จะหนีห่างเหมือนกับเจอเชื้อโรค ซึ่งพวกเขาเองก็ไม่สนใจเธอเช่นกัน
ช่วงนี้เธอแทบจะไม่พบพวกเขาเพราะพวกนักศึกษาปีสี่ต้องทำโปรเจค ซึ่งทำให้พวกเขายุ่งและไม่มีเวลามาเหล่สาว ๆ แถวนี้อีก
“นี่ค่ะเครื่องดื่มของคุณ”
“ขอบใจ”
เขาวางเงินและทิปเอาไว้ให้เธอก่อนที่จะมีสาว ๆ เดินเข้ามาทักทายเขาซึ่งไม่ใช่แค่ทักทายเมื่อเธอคนนั้นเดินเข้ามาถึงตัวก็ดึงเขามาหอมแก้มทันที
“ว่าไงคะฮันนี่วินทร์ ไม่ค่อยเห็นมาเที่ยวเลยนะวันนี้ว่างเหรอคะ”
“เบื่อ ๆ นิดหน่อยน่ะแล้วคุณล่ะ”
“ขอสั่งเครื่องดื่มก่อนนะคะเดี๋ยวค่อยคุยกัน”
“ได้สิ เอาอะไรล่ะผมเลี้ยงเอง”
เธอหันไปหอมแก้มเขาอีกครั้งเป็นการขอบคุณ ภาวินทร์ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขาชินแล้วกับการสกินชิพแบบนี้ อีกอย่างเสือผู้หญิงอย่างเขามีหรือที่มาเที่ยวแบบนี้แล้วจะไม่หิ้วใครสักคนกลับไปกินต่อ
“ขอคอสโมที่หนึ่งค่ะ”
“ได้ค่ะ”
โชคร้ายที่ทั้งคู่เลือกที่จะนั่งตรงหน้าเธอซึ่งทำให้มิวหนีไม่ได้ เมื่อเธอเริ่มผสมเครื่องดื่มสายตาของภาวินทร์ก็หันมามองด้วยความสนใจ แม้ว่าเขาจะมาที่นี่บ่อย ๆ แต่ไม่เคยคุ้นหน้าบาร์เทนเดอร์ที่เป็นผู้หญิงซึ่งน่าแปลกที่เธอชงเครื่องดื่มได้อร่อยกว่าคนอื่นจนเขายินดีให้ทิปก้อนใหญ่
“ช่วงนี้คุณคงยุ่งสิคะเรียนปีสุดท้ายแล้วนี่ จบแล้วเอายังไงต่อละคะ”
“อย่าพูดถึงเลย น่าเบื่อจะตาย”
“ถ้าอย่างนั้น… คุยเรื่องต่อจากนี้ดีไหม”
“แบบนี้สิถึงน่าคุย”
มิวแทบอยากจะเดินออกจากบาร์ไปเพื่ออาเจียน ชื่อเสียงความเจ้าชู้ของภาวินทร์ไม่ได้เป็นแค่ข่าวลือเมื่อเขาเริ่มรวบเอวของสาวคนข้าง ๆ เข้ามาและค่อย ๆ หันมาจับเครื่องดื่มที่มิววางเอาให้เสิร์ฟถึงปากอีกฝ่ายพร้อมกับธนบัตรใบสีเทาที่จ่ายให้เธอเป็นค่าเครื่องดื่ม
“เรเน่ กลับได้แล้วล่ะฉันมาแทนให้”
"ขอบใจนะเชนไปก่อนล่ะ"
มิวรีบเดินออกไปทันทีก่อนที่ภาวินทร์ที่กำลังนัวเนียสาวอยู่หน้าบาร์จะทันได้หันมามอง แม้เขาจะสะดุดกับแววตานั้นแต่ก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่ เพราะเพื่อนร่วมงานเรียกเธอว่า “เรเน่” ซึ่งเขาแค่สนใจเล็กน้อยก่อนจะหันมาสนใจสาวเซ็กซี่ตรงหน้า
“ไปกันเลยไหม”
“ไปไหนดีล่ะคะ”
“โรงแรมพ่อผมอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง ไม่ยากนี่”
แต่พอเขาพาเธอออกมาเธอก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ภาวินทร์จึงได้เดินออกมารอเธอข้างนอก ซึ่งนั่นเป็นเวลาเลิกงานของลักษิกาพอดี เขาทันได้เห็นตอนที่เธอเดินออกจากประตูหลังบาร์เพื่อมาเรียกรถเพื่อจะกลับบ้าน
“อะไรกัน ยัยแว่นนั่นมาทำอะไรที่นี่”
ภาวินทร์เองก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่หรือเปล่าแต่ว่าเขาจำรองเท้าผ้าใบสีขาวชมพูที่เธอใส่ตั้งแต่ปีหนึ่งนั่นได้ดี แต่วันนี้เธอไม่ได้ใส่แว่น จะเป็นไปได้เหรอที่จะมีคนที่รสนิยมเดียวกันสวมรองเท้าสีแบบนั้นในเวลาแบบนี้ ความอยากรู้ทำให้เขาแอบเดินตามเธอไปโดยไม่ได้สนใจสาวสวยอีกคนที่เตรียมจะพาไปที่โรงแรมในคืนนี้
“ไปหน้ามหาลัย…ค่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงเธอบอกปลายทางเขาก็เริ่มแน่ใจว่าต้องใช่ยัยแว่นจอมเฉิ่มคณะพยาบาลที่มีเรื่องกับพวกเขาไปหลายวันก่อนแน่นอน แต่ถ้าเขาเห็นเธอเขาก็ต้องจำได้สิ นี่เขาก็เดินทั่วร้านแต่ไม่เห็นจะเจอเธอเลยนี่
“มาทำอะไรกันแน่ เป็นแม่บ้านเหรอ”
สองวันถัดมา
“เอาไปสิไอ้วินทร์ มึงยังยุ่งไม่พอเหรอวะจู่ ๆ ให้กูไปหาข้อมูลของยัยน้องแว่นนั่น”
“เออ ขอบใจไปก่อนนะ”
“อ่าวเฮ้ยไอ้วินทร์ มันจะรีบไปไหนของมัน ไอ้กรมันให้มึงไปหาอะไรวะ”
“ให้กูแฮกเข้าไปหาข้อมูลนักศึกษา มึงลองทายดูสิว่ามันให้กูหาใคร”
“น้องรินคณะมนุษย์ หุ่นสะบึ้มขาเรียว พริตตี้คนสวยที่มันควงเดือนก่อน”
“ไม่ใช่”
“น้องรีญ่า คณะนิเทศว่าที่ไอดอลที่...”
“โอย นั่นแค่ควงเล่น ๆ ไอ้วินทร์ไม่ลากขึ้นโรงแรมด้วยซ้ำจำไม่ได้เหรอ แอ๊บซะมันหมดอารมณ์”
“เออว่ะ แล้วมันหาประวัติใครวะ”
“ยัยแว่นเฉิ่มเนิร์ดคณะพยาบาล”
""ห๊ะ!!""
“ตะโกนห้าป้ามึงเหรอ น้อง ๆ ตกใจหมด ไปได้แล้วไปทำโปรเจค”
“โธ่…เฮ้ยไอ้กรเล่าให้กูฟังหน่อยมันยังไงกันวะทำไมจู่ ๆ ไอ้วินทร์อยากรู้เรื่องของยัยแว่นเฉิ่มเนิร์ดนั่นได้”
“กูจะไปรู้มันเหรอ นี่ไอ้ธิศกูแนะนำว่าอยากรู้มึงก็ไปถามมันดูสิ”
“หรือว่าไอ้วินทร์มันชอบแบบนี้วะ”
“โธ่ไอ้ภัทร มันจะเป็นไปได้ยังไงขนาดดาวคณะกับรองดาวมหาลัยไอวินทร์มันยังควงไม่กี่วันแล้วทิ้ง มึงคิดว่ายัยแว่นนั่นมีอะไรดึงดูดคนอย่างไอ้วินทร์ได้นอกจากคำด่าที่น่าเจ็บใจวันก่อนนั่น”
“หรือว่าไอ้วินทร์มันอยากจะได้เมียแบบคุณแม่วะ”
“ฮ่า ๆ ๆ”
เสียงหัวเราะของเพื่อนสนิททั้งสามของภาวินทร์ยังดังจนทั้งหมดเดินขึ้นรถของวีรภัทรเพื่อกลับไปทำโปรเจคกลุ่มของตัวเอง
คอนโดภาวินทร์
“พี่วินทร์คะ พอได้แล้วมั้งคะเลิกอ่านเถอะค่ะมาสนุกกับนุ๊กกี้ดีกว่า”
“วันนี้พี่ต้องทำงาน กลับไปก่อนเถอะ”
“อะไรกันคะไหนบอกว่า…”
ภาวินทร์เดินมาหยิบมือถือและกดรายการบางอย่าง ไม่นานเสียงเตือนมือถือของอีกฝ่ายก็ดังขึ้นเธอจึงรีบกดดูทันทีเลย
“อะไรกันคะ ห้าพันพี่วินทร์โอนมาให้นุ๊กเหรอ”
“เอาไปซื้อของที่อยากได้เถอะ วันนี้พี่ไม่มีอารมณ์”
“พี่วินทร์...”
"นุ๊กเธอรู้ข้อตกลงระหว่างเราดี เธอมาที่นี่เพื่อให้พี่ช่วย ตอนนี้พี่ช่วยแล้วก็หมดธุระของเธอแล้ว หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่นี่อีก เรียกรถเองนะพี่คงไม่ไปส่ง”
นิธิศเดินมากอดเธอจากด้านหลัง และเริ่มซุกหน้ามาที่ซอกคอเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ของเธอ“ไม่ต้องมาอ้อนเลย วันนี้...อื้อ อืออ”นิธิศรู้ว่าเธอกำลังจะเริ่มอีกแล้ว หาเรื่องทะเลาะ แต่เขารู้ทันและไม่ยอมให้เธอมีโอกาสหรอก เขาดื่มมานิดหน่อย เพราะต้องการปลุกอารมณ์เธอนี่แหละ“ที่รักคะ คุณ...ดูรีบร้อนจัง”“คุณไม่รู้หรอกว่า ผมรีบแล้วก็หิวแบบนี้ทุกคืนนั่นแหละ แต่ผมเข้าใจคุณ ที่ต้องเลี้ยงลูกทั้งวัน ผมก็เลยไม่อยากกวนคุณ แต่คืนนี้ลูกชายของเราเป็นใจแบบนี้ ผมขอทวงคืนเวลาของผมบ้าง ได้ไหม”“ก็ได้ค่ะ”จูบที่เล้าโลม หวานซึ้งจนแยมแทบจะทนไม่ไหว เสียงรูดชุดเดรสของเขาทำเอาหลังเธอเย็นวาบเพราอากาศในห้อง ไม่นานชุดสวยก็ถูกดึงออกจากตัว ลิ้นทีเกี่ยววนพัลวันในปาก เริ่มทำให้หายใจติดขัด เมื่อเธอเริ่มผละออกมาและช่วยเขาถอดเสื้อผ้า“ไหนว่าจะไปแช่อ่าง”“เอาไว้ทีหลังเถอะ ผมทนไม่ไหวแล้ว”“อื้อ...”เขาอุ้มร่างของภรรยาสาว ไปที่เตียงทันที เมื่อกี้เขาคิดจะพาเธอไปอาบน้ำก่อนจริง ๆ นั่นแหละ แต่พอจับเธอถอดชุดแล้ว เขาก็เปลี่ยนใจ อยากทำอย่างอื่นแทน“อื้อ....ที่รักคะ เสียว อ๊า....”ลิ้นที่พรมจูบไปทั่วหน้าอก นิ้วมือที่บีบเคล้นสองเต้า และบดขยี้ส่
บ้านของภาวินทร์“เด็ก ๆ ครับ ไปล้างมือกันได้แล้ว จะได้มากินขนมกันเร็วเข้า”“ไปกันเถอะกองทัพ คุณพ่อเอาขนมมาให้แล้ว”“ครับ พี่คินทร์”กองทัพ เด็กน้อยซึ่งเป็นลูกของแยมและนิธิศ เพื่อนสนิทอีกคู่หนึ่ง ที่แต่งงานกันหลังจากภาวินทร์และลักษิกา คลอดภาคินทร์ได้เพียงหกเดือน“มาเร็ว ๆ ค่ะ ไปล้างมือให้สะอาด กองทัพแม่บอกว่ายังไงครับ”“รู้แล้วครับคุณแม่ ผมจะตามพี่คินทร์ไปเดี๋ยวนี้”“ดีมากเด็กดี”“อย่าไปดุลูกมากเลย ลูกกลัวจนไม่กล้ามองหน้าแกแล้วนั่น”“ฉันเหรอดุ แกไม่เห็นพ่อของกองทัพน่ะสิ พี่ธิศดุกว่าฉันเสียอีก ถ้าอะไรเกี่ยวกับลูกนะ ไม่ได้เลย นี่ฉันยังคิดอยู่เลยว่า เขาเรียนจบวิศวะมาจริงเหรอ ดูแล้วละเอียดมากกว่าพยาบาลวิชาชีพอย่างฉันเสียอีก”“จริงสิ ว่าแต่แกจะไม่กลับไปทำงาน ที่โรงพยาบาลแล้วจริง ๆ เหรอ”“แกดูหน้าผัวฉันก่อน ตอนนี้แค่พูดขึ้นมาว่า ขอไปเยี่ยมเพื่อน ๆ ที่โรงพยาบาล หน้าก็หงิกไปสองวัน อารมณ์อย่างกับสาววัยทอง”“พี่ธิศเขาขี้หึงขนาดนั้นเลยเหรอ ดูไม่ออกเลยว่า จะขี้หึงขนาดนั้น”“ใครจะไปเหมือนพี่วินทร์ของแกกันล่ะ รายนั้นทั้งขี้อ้อนทั้งกลัวเมีย น่าอิจฉาจะตายไป แกไม่รู้เหรอว่า คนอื่นเขาบอกกันว่า พี่วินทร์
ทั้งหมอฟิวส์และฝัน รุ่นน้องต่างคณะยืนนิ่งไปทันที เมื่อถูกวีรภัทร ที่ขึ้นชื่อเรื่องความดุ และปากหมาของคณะวิศวะ ด่าสาดเสียเทเสียจนทำหน้าไม่ถูก“จริงเหรอแคร์... เขากับแคร์”“ยังไม่ชัดอีกเหรอ ถ้ามึงกล้ามายุ่งกับแฟนกูอีกละก็ อย่าหาว่ากูไม่เกรงใจ ไปบอกหมาตัวเมีย ที่หึงจนตกมันของมึงด้วย”“พี่ว่าใครเป็นหมาตกมัน! ทำไมหยาบคายแบบนี้”“ทำไม คนที่หยาบก่อนไม่ใช่เธอเหรอ โยนก้อนหินให้คนอื่นมา จะให้โยนทองให้หรือไง”“พี่ฟิวส์คะ อย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลย เรากลับบ้านกันดีกว่า”“เดี๋ยวก่อน”“คุณต้องการอะไรอีก”วีรภัทรที่ยืนกอดแคร์ ซึ่งกำลังช็อกกับเหตุการณ์ตรงหน้า เธอไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน ก็เลยพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ มีแต่วีรภัทรที่ยืนด่าแทนให้“มายืนด่าแฟนคนอื่นขนาดนี้ ขอโทษสักคำน่ะทำเป็นไหม ขอโทษแคร์เดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นอย่าหาว่ารุ่นพี่ไม่เตือน”“ผมน่าจะรุ่นเดียวกับคุณ หรือไม่ก็เป็นรุ่นพี่”“จะรุ่นไหนผมไม่สน แต่คนทำผิดก็ต้องขอโทษไม่ใช่เหรอหมอ หรือว่าคณะของหมอ ไม่สอนเรื่องมารยาท”“พี่ฟิวส์! อย่าไปเถียงกับพวกคณะหยาบคายนี่เลย เรากลับบ้านกันเถอะค่ะ”“ถ้าเธอกล้าเดินออกไป โดยไม่ขอโทษแคร์ หลังจากพรุ่งนี้ไป ก็เต
ประเทศอังกฤษ“ที่รักครับ ผมเก็บของที่มาส่ง เข้ามาให้แล้วนะ”“ขอบคุณค่ะพี่ภัทร”แคร์เดินมาดูของหลายอย่าง ที่ถูกส่งมาจากประเทศไทย เธอแต่งงานกับวีรภัทร และย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ หลังจากเรียนจบ ตอนนี้ทั้งคู่กำลังดูแลธุรกิจของที่บ้านวีรภัทรอยู่“นั่นกล่องอะไรเหรอ ดูจากชื่อนี้ เมียไอ้วินทร์ส่งมาให้ล่ะสิ”“รูปเก่า ๆ สมัยเรียนน่ะค่ะ ตายจริงไม่คิดว่ามิวจะมีเยอะขนาดนี้”“น้องมิวส่งรูปสมัยเรียนมาทำไมกัน”“แคร์บอกให้มิวส่งมาเองแหละค่ะ อยากจะเก็บเอาไว้ให้ “เฟรย์ย่า”ดูตอนที่ลูกโตขึ้นมา จะได้รู้ว่าสมัยเรียน พ่อกับแม่เป็นยังไง”“แต่ลูกยังไม่คลอดเลยนะที่รักจ๋า หรือแคร์กลัวว่า ลูกจะเกิดมาไม่สวยเหมือนแม่ แต่พี่ไม่กลัวเลยนะ เพราะพี่มั่นใจมากว่า เมียพี่สวยที่สุด”“เหรอคะ แต่ตอนนั้นพี่ภัทร ก็ไม่ได้คิดจะจีบแคร์ก่อนเลยนี่คะ เพราะแคร์ไม่ใช่ผู้หญิงที่ตรงสเป็กพี่”“โธ่ที่รัก เรื่องมันก็นานมาแล้วนะ ยังจำได้อีกเหรอ” “นี่ถ้าลูกคลอดออกมา แล้วพี่บอกว่า มาชอบแคร์ตอนที่นั่งเล่นไพ่ในงานศพ ลูกจะขำหรือเปล่านะ”“ใครบอกว่าพี่ชอบแคร์ ตอนที่เล่นไพ่กันล่ะ”แคร์หันมามองหน้าวีรภัทร เธอจำได้ว่า ครั้งนั้นที่ทั้งสองคนเริ่มสนิท และเร
สี่ปีผ่านไป“ดูสิคะรูปลูกของแคร์กับพี่ภัทร นี่พวกเขาไม่คิดจะกลับเมืองไทยมาให้เรารับขวัญหลานเลยสินะ”“ช่วยไม่ได้นี่นาเห็นว่าไอ้ภัทรเปิดบริษัทที่โน่น พ่อมันเองก็ไปอยู่ด้วยอีกนานเลยมั้งกว่าจะกลับเมืองไทย”“แยมกับพี่ธิศจะมาหาวันอาทิตย์นี้นะคะจะพา "กองทัพ" มาด้วย”“ได้สิ อย่างน้อยก็มีเพื่อนเล่นละนะ “ภาคินทร์” จะได้มีเพื่อนเล่น"“แล้วนี่ลูกไปไหนแล้วคะ”“โน่น ไปเดินเล่นกับพี่เรย์ พอมาเจอกันก็พากันซนเห็นว่าไปเล่นทราย”“อะไรนะ! เล่นทรายอีกแล้วเดี๋ยวก็เขาหูอีก…โอย…”“เมียจ๋าอย่าโวยวายสิ อย่าลืมสิครับว่าท้องเกือบเจ็ดเดือนแล้ว อย่าพึ่งวีนนะเดี๋ยวพี่ไปจัดการเอง”“พี่วินทร์เป็นแบบนี้อีกแล้ว บอกแล้วว่าอย่าให้เล่นทรายบ่อย ๆ มันล้างออกยากถ้าลูกต้องไป…โอย”“ที่รักจ๋าอย่าโวยวายนะผัวผิดไปแล้วมา ๆ ตีมือผัวนี่ไม่เอาน่ามีพี่นัยช่วยดูอยู่เด็ก ๆ ไม่เป็นไรหรอกอีกอย่างมีป้ารินทร์เฝ้าอยู่ เจ้าคินทร์ตัวแสบนั่นไม่กล้าดื้อหรอก”“พยุงหน่อยเร็ว ๆ เข้า”“จ้า ๆ มาแล้ว ๆ ไม่ตะเบ็งเสียงแล้วนะครับคนดีค่อย ๆ เดินนะ มาพี่พยุงเข้าบ้าน”“ปึก!”“โอ๊ย! เจ็บนะทำไมความโหดไม่ลดลงเลยล่ะ สิบปีก็จะโหดแบบเดิมไม่ได้นะ หรือว่าพอจะได้ลูก
Q-Bar / 1 ปีถัดมา“ดรายมาร์ตินี่ครับ”ภาวินทร์นั่งที่หน้าบาร์เพื่อสั่งเครื่องดื่มที่เขาชอบดื่ม และต้องเป็นบาร์เทนเดอร์สาวสวย “เรเน่” คนเดียวเท่านั้นที่เป็นชงให้ดื่ม เรเน่ในชุดบาร์เทนเดอร์สาวที่รัดกุมมากกว่าเดิมแต่ก็หรูหราและดูมีระดับมากขึ้นเริ่มชงเครื่องดื่มและเท ระหว่างที่เทก็ยิ้มให้เขาเมื่อเธอยกขึ้นมาก็ส่งให้เด็กเสิร์ฟทันที“ของโต๊ะห้าค่ะ”“ครับบอส”ภาวินทร์มองเครื่องดื่มที่เด็กยกออกไปแล้วหันมาค้อนภรรยาสาวอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้เธอรับหน้าที่ดูแลบาร์แทนพัชรินทร์ที่ลาคลอดอยู่ ส่วนภาวินทร์รับหน้าที่ดูแลผับทั้งหมดแทนคุณพ่อที่กำลังเห่อหลานชาย“ที่รัก แล้วของผม…”“ตึง!”ลักษิกายกนมผลไม้คั้นสดมาให้เขาตรงหน้า ภาวินทร์ขมวดคิ้วมองเธอทันที“นี่อะไรน่ะ ทำไมผมต้องดื่มนมผลไม้นี่อีกแล้ว”“เพื่อสุขภาพที่ดีค่ะ”“แต่ว่าที่รัก… ผมขอแค่แก้วเดียวเองคุณก็รู้ว่าผมไม่ได้ดื่มมากเหมือนเมื่อก่อน”“แต่คุณต้องขับรถให้มิวนะคะที่รัก เพราะฉะนั้นคืนนี้ดื่มไม่ได้ค่ะ”“อะไรกัน ไม่ยุติธรรมเลยรู้แบบนี้ไม่ให้มาทำหรอก”“คุณภาวินทร์คะขอร้องอย่ามางอแงแบบนี้ หรืออยากจะให้มิวกลับไปทำงานที่โรงพยาบาลอีก”“ไม่เอา! ไม่เอาครับเมียจ๋า